Share

บทที่ 5

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“จวิ้นอ๋อง ท่าน...ท่านคงไม่ได้คิดจะขายหอกเล่มนี้ไปด้วยหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ?”

“ทำเช่นนี้มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ หอกเล่มนี้เป็นของที่ฝ่าบาทเคยใช้เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ล้ำค่าหาใดเปรียบ ขายไม่ได้เด็ดขาด!”

จ้าวอวี่และกวนอวิ๋นพอเห็นท่าทีของฉู่หนิงก็ร้อนรนขึ้นมาทันที

ขายกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่ทรงลงโทษ นั่นเป็นเพราะความโปรดปรานที่ทรงมีต่อท่านจวิ้นอ๋องแล้ว

แต่หากจะขายหอกเล่มนี้อีก ฝ่าบาทต้องทรงพิโรธเป็นแน่!

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก มองหอกยาวในมือแล้วเอ่ยชมอย่างประหลาดใจ “หอกเล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อเคยใช้ คงจะมีค่ายิ่งกว่าสินะ!”

“อีกไม่นานข้าก็จะต้องไปทัพหน้าแล้ว หากไม่มีเงินมากพอ ทหารเบื้องล่างที่ไหนจะยอมฟังคำสั่งข้า?”

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่พลันนิ่งเงียบไป

การพ่ายศึกที่แนวหน้า ไม่ใช่เพียงเพราะขาดแคลนเสบียง แต่ยังมีสาเหตุมาจากเบี้ยหวัดทหารไม่เพียงพอด้วย

หากเผิงไหลจวิ้นอ๋องไปมือเปล่า ทหารที่แนวหน้าคนไหนจะยอมฟังคำสั่งขององค์ชายที่ไม่มีทั้งอำนาจ บารมี และเงินทอง?

ทุกสิ่งที่เผิงไหลจวิ้นอ๋องทำ ล้วนทำเพื่อเหล่าทหารที่แนวหน้าทั้งสิ้น!

ในวินาทีนี้ ภาพลักษณ์ของฉู่หนิงในใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เดิมทีคิดว่าฉู่หนิงเป็นเพียงองค์ชายตัวตายตัวแทน แต่การกระทำของฉู่หนิงกลับพิชิตใจพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์

“เผิงไหลจวิ้นอ๋องทรงห่วงใยในความปลอดภัยของบ้านเมือง ถึงกับยอมขายหอกยาวที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ จ้าวอวี่ยินดีนำทางให้ท่านพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปาก “ไปที่จวนขององค์ชายรองก่อน”

...

ณ พระราชวัง ฮ่องเต้กำลังตรวจฎีกา

ทันใดนั้น องครักษ์เงาก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท เผิงไหลจวิ้นอ๋องกำลังนำหอกประกายเงินมุ่งหน้าไปยังจวนขององค์ชายรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

พู่กันที่กำลังจรดลงบนฎีกาพลันหยุดชะงัก หมึกหยดหนึ่งไหลซึมลงมาบดบังตัวอักษรเป็นวงกว้าง

ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนขว้างฎีกาลงบนพื้นอย่างแรง “ฉู่หนิงคิดจะทำอะไร? หรือว่าเขายังคิดจะขายหอกประกายเงินที่เราให้ไปอีกหรือ?”

เจ้าเด็กสารเลวนี่ ไม่รู้หรือไรว่าหอกยาวที่เราพระราชทานให้นั้นสามารถช่วยชีวิตในยามคับขันได้!

องครักษ์เงาตอบอย่างระมัดระวัง “จ้าวอวี่ส่งข่าวมาว่า เผิงไหลจวิ้นอ๋องต้องการขายหอกประกายเงินจริง ๆ เพื่อรวบรวมเงินให้เพียงพอสำหรับไปปลอบขวัญกองทัพทั้งสามที่แนวหน้าพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ที่ยังทรงกริ้วอยู่ถึงกับชะงักงัน

ใช่สิ ฉู่หนิงที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมี จะทำให้กองทัพนับแสนนายที่แนวหน้ายอมเชื่อฟังเขาได้อย่างไรหากไม่มีเงิน

ว่ากันตามจริงแล้ว ราชสำนักยังค้างจ่ายเบี้ยหวัดของทหารที่แนวหน้าอยู่ถึงสามเดือน

ที่แท้ การที่ฉู่หนิงขายทั้งกระบี่และหอก ก็เพื่อรวบรวมเบี้ยหวัด สร้างขวัญและกำลังใจให้ทหาร!

ฉู่หนิงกำลังทำเพื่อบ้านเมืองต่างหาก!

เป็นเราเองที่เข้าใจเขาผิดไป!

“จับตาดูเขาไว้ก่อน เราอยากจะเห็นนักว่าใครหน้าไหนมันจะกล้าซื้อหอกประกายเงิน!”

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

...

จวนองค์ชายรอง ณ โถงรับรอง

ฉู่หมิงมองหอกประกายเงินตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย

นี่คือหอกยาวที่เสด็จพ่อเคยใช้เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ มีความหมายมากกว่ากระบี่คู่กายเสียอีก!

ฉู่หนิงมองพี่ชายของตนเอง บนใบหน้ากลับเผยท่าทีซื่อ ๆ ออกมา

“พี่รอง ท่านชอบหอกเล่มนี้หรือไม่?”

“ชอบ!”

ฉู่หมิงชื่นชมมันจนวางไม่ลง พยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“ในเมื่อพี่รองชอบ เช่นนั้นก็ขายหอกเล่มนี้ให้พี่รองก็แล้วกัน!”

ฉู่หนิงเข้าเรื่องทันที “กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อขายให้ท่านพี่องค์รัชทายาทไปหกหมื่นตำลึง หอกเล่มนี้ย่อมต้องเหนือกว่ากระบี่คู่กายเล่มนั้น หนึ่งแสนตำลึง พี่รองก็สามารถเก็บหอกเล่มนี้ไว้ได้เลย!”

องค์ชายรองได้ยินดังนั้นก็ร้อนรนขึ้นมาทันที

“ชอบก็ชอบอยู่หรอก แต่หอกเล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อพระราชทานให้น้องสิบแปด พี่จะแย่งของรักของคนอื่นได้อย่างไรกัน!”

ล้อกันเล่นหรือไร องค์รัชทายาทซื้อกระบี่ไปก็ถูกกักบริเวณ หากข้าซื้อหอกเล่มนี้ไป ไม่รู้ว่าจะถูกเสด็จพ่อลงโทษอย่างไรบ้าง!

ชอบก็ส่วนชอบ แต่ข้าไม่อยากถูกลงโทษนะ

ตอนนี้องค์รัชทายาทกลายเป็นเรื่องตลกของเหล่าองค์ชายไปแล้ว ใครจะกล้าซื้อหอกของเจ้าฉู่หนิงอีก!

ข้าไม่อยากกลายเป็นเรื่องตลกเรื่องถัดไปต่อจากองค์รัชทายาทหรอกนะ

ฉู่หนิงได้ยินดังนั้นก็ทำท่าร้อนใจขึ้นมาทันที “หากพี่รองคิดว่าข้าตั้งราคาสูงไป ท่านก็ต่อรองราคาได้นี่”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ราคา!”

องค์ชายรองคิดจะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ทำได้เพียงส่งหอกประกายเงินคืนไป “เจ้ารีบเอาหอกของเจ้าไปได้แล้ว!”

ตัวหายนะเช่นนี้ เขาไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้

“พี่รอง หรือท่านจะให้หกหมื่นตำลึงเท่ากันก็ได้ หอกเล่มนี้ก็จะเป็นของท่าน!”

ฉู่หนิงลดราคาให้เองเสียเลย

มุมปากขององค์ชายรองกระตุก

หากเป็นเรื่องราคาจริง ๆ นั่นไม่นับว่าเป็นปัญหาเลย

แต่นี่มันเกี่ยวกับเรื่องหน้าตา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ราคาจะแก้ไขได้

“น้ำใจของน้องสิบแปดพี่ขอรับไว้ แต่หอกเล่มนี้พี่รับไว้ไม่ได้จริง ๆ !”

องค์ชายรองถอนหายใจยาว “แต่จะให้น้องสิบแปดมาเสียเที่ยวก็ไม่ได้ พี่มีเงินอยู่ที่นี่หนึ่งพันตำลึง ถือว่าเป็นค่าชดเชยที่พี่ทำให้เจ้าต้องเสียเวลา”

คนรับใช้รีบยกหีบใบเล็กเข้ามาใบหนึ่ง เมื่อเปิดออก เงินก็ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้างใน

ฉู่หนิงเห็นเงินแล้วดวงตาเป็นประกาย แต่ภายนอกกลับทำท่าทางผิดหวัง “ก็ได้ ในเมื่อพี่รองไม่ต้องการ เช่นนั้นข้าจะไปถามพี่สามดู”

“ข้ายังมีธุระสำคัญ คงจะไม่ได้ไปส่งน้องสิบแปดแล้ว!”

องค์ชายรองมองฉู่หนิงจากไป พลางเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก

เจ้าตัวหายนะนี่ ในที่สุดก็ไปเสียที

แม้จะถูกรีดไถไปหนึ่งพันตำลึง แต่เมื่อเทียบกับองค์รัชทายาทที่ถูกกักบริเวณแล้ว ไม่รู้ว่าดีกว่ากันกี่เท่า!

จริงสิ เมื่อครู่ฉู่หนิงบอกว่าจะไปหาน้องสามอย่างนั้นหรือ?

เหอะ ๆ ถ้าน้องสามซื้อไป เรื่องคงจะสนุกน่าดู!

ฉู่หนิงไปที่จวนขององค์ชายสามจริง ๆ

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนขององค์ชายรองได้แพร่ออกไปแล้ว องค์ชายสามจึงพูดกันตรง ๆ ปฏิเสธข้อเสนอขายหอกของฉู่หนิงทันที

แน่นอนว่า เพื่อไล่ฉู่หนิงไปให้พ้น ๆ องค์ชายสามก็ให้เงินหนึ่งพันตำลึงเช่นกัน

เรื่องราวต่อจากนั้นก็ง่ายดายแล้ว เมื่อมีบทเรียนจากองค์ชายรองและองค์ชายสามเป็นตัวอย่าง องค์ชายคนอื่น ๆ ก็เตรียมเงินหนึ่งพันตำลึงไว้ ก่อนที่จะฉู่หนิงจะไปถึงจวนเสียอีก

ทั้งสามคนที่ออกมามือเปล่า ตอนกลับจำต้องซื้อรถม้าหนึ่งคัน บนรถม้าวางหีบใบเล็ก ๆ ไว้เต็มถึงสิบหกใบ

องค์ชายสิบแปดพระองค์ ตัดองค์รัชทายาทและตัวฉู่หนิงเองออกไป คนละหนึ่งพันตำลึง รวมเป็นเงินหนึ่งหมื่นหกพันตำลึง!

เพียงแค่ออกมาข้างนอกรอบเดียว ฉู่หนิงก็ได้กลับไปอย่างเต็มไม้เต็มมือ!

จะไปแนวหน้า หากไม่มีเงินเพียงพอจะได้อย่างไร การหาเงินคือภารกิจอันดับแรก!

และข่าวนี้ก็แพร่ไปถึงพระราชวังอย่างรวดเร็ว

“องค์ชายแต่ละคนให้เงินเขาหนึ่งพันตำลึงเพื่อไล่ไปหรือ?”

ฮ่องเต้เบิกพระเนตรกว้าง “ฉู่หนิงแค่เดินเล่นรอบเดียวก็ได้เงินมามากมายขนาดนี้เชียว?”

องครักษ์เงาพยักหน้า

ฮ่องเต้ทรงกริ้วจนพระหัตถ์สั่นเทา

องค์ชายพวกนี้ ตอนที่เปิดศึกบอกให้พวกเขาระดมเงิน แต่ละคนก็ซุกซ่อนเอาไว้ ไม่อยากจะออกเงินเลยสักนิด

ตอนนี้เพื่อจะไล่ฉู่หนิงไป กลับยอมควักเงินคนละหนึ่งพันตำลึง!

ช่างใจกว้างเสียจริง!

น่าเสียดายที่ความใจกว้างของพวกเจ้าใช้ผิดที่ผิดทาง หากนำไปใช้กับทหารที่แนวหน้า ราชวงศ์ต้าฉู่จะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?

ฮ่องเต้ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว พลันทุบโต๊ะทำงานอย่างแรง ตวาดเสียงดังลั่น “จ้าวหมิง ถ่ายทอดราชโองการเดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮองเฮา นอกจากฉู่หนิงแล้ว ให้องค์ชายคนอื่น ๆ ทุกคนคัดลอกพระคัมภีร์ถวายคนละหนึ่งจบ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวหมิงรับคำแล้วรีบออกไปถ่ายทอดราชโองการทันที

ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างฉู่หนิง ในตอนนี้กลับกำลังมองกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่ที่กำลังขนย้ายหีบเงินอยู่ พลางเอ่ยถาม “จวนของข้าใหญ่เกินไป แต่คนน้อยเกินไป พวกเจ้าสองคนพอจะมีใครแนะนำบ้างหรือไม่?”

รีดไถองค์ชายทุกคนไปรอบหนึ่งแล้ว จะไปรีดไถเงินจากคนพวกนี้อีกคงจะยาก ต่อไปคงต้องหาคนมาปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองแล้ว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status