Mag-log inเมื่อถึงเวลานัดชายหนุ่มก็เดินมาเคาะประตูห้องหญิงสาว รอสักพักหญิงสาวก็เปิดประตูออกมา แล้วต่างคนก็ต่างมองการแต่ตัวของอีกฝ่ายเพราะทั้งคู่แต่งตัวเหมือนนัดกันมา ด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นทั้งคู่ ทำให้ชายหนุ่มอดอมยิ้มไม่ได้กับการแต่งตัวของเขากับเธอที่เหมือนคู่รักที่แต่งตัวเหมือนกัน ต่างกับหญิงสาวที่กรอกตาไปมา
"ใจเราตรงกันเลยนะ" ชายหนุ่มพูดด้วยความอารมณ์ดี
"รอแปป เดียวฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน" หญิงสาวทำท่าจะปิดประตูไปเปลี่ยนเสื้อ แต่ชายหนุ่มก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
"จะเปลี่ยนทำไมคุณผมว่าน่ารักดีออก รีบไปกันเถอะผมหิวแล้ว" ชายหนุ่มรีบตัดบทกลัวหญิงสาวจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อจริงๆ
และเดตแรกของเขาและเธอก็คือ หมูกระทะเจ้าเด็ดข้างคอนโดนั่นเอง โดยที่ชายหนุ่มเป็นคนให้หญิงสาวเลือกว่าจะกินอะไรและก็มาจบที่หมูกระทะ หญิงสาวเลือกหมูชุดใหญ่มาหนึ่งชุดก่อนเพราะกลัวกินไม่หมด รอสักพักพนักงานก็นำของมาเสริฟให้ทั้งคู่
"ขอบคุณค่ะ"
"คุณชอบกินหมูกระทะเหรอ" ถามออกไปเพื่อเก็บข้อมูลหญิงสาวให้มากขึ้น
"ก็ชอบนะ สมัยเรียนกินบ่อย" ตอบชายหนุ่มไปด้วยคีบเนื้อไปย่างบนเตาไปด้วย
"แล้วคุณชอบกินอะไรอีก" พยายามถามข้อมูลให้ได้มากที่สุด
"อืม กินอะไรก็ได้ ฉันไม่ค่อยเรื่องมากอยู่แล้ว"
"แล้วคุณชอบไปเที่ยวแบบไหน ทะเลหรือภูเขา" เผื่อว่าได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันสองคนจะได้รู้ว่าจะพาเธอไปทะเลหรือภูเขา
"ก็ชอบทั้งสองแบบอะนะ แล้วแต่อารมณ์"
"คุณชอบดูหนังแนวไหน"
"ได้ทุกแนว"
"นี่เลิกถามได้แล้ว กินสักทีเถอะ" เธอเอ่ยขึ้นเสียงเล็กน้อยเพราะชายหนุ่มเอาแต่ถาม ไม่ยอมกินสักที ถ้าจะถามขนาดนี้ไม่ต้องเสียเวลาออกมากินอะไรข้างนอกหรอก กินมาม่าคนละถ้วยแล้วนั่งถามเธอที่ห้องก็ได้
"ครับผม" เมื่อได้ยินเสียงเริ่มไม่พอใจของหญิงสาว ชายหนุ่มคิดว่าวันนี้ถามแค่นี้ก่อน เพราะได้ข้อมูลพอสมควร เมื่อกินไปสักพักหญิงสาวก็เริ่มถามชายหนุ่มบ้าง
"นายเป็นคนที่ไหนเหรอ"
"ผมเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นลูกคนเดียว นิสัยก็คล้ายๆ กับคุณ เป็นคนง่ายๆ แต่ได้ยากนะ ที่สำคัญสุดโสดและหล่อมากด้วย" ภูมิใจนำเสนอหญิงสาวสุดๆ
"เว่อร์ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน หน้าตาก็งั้นๆ" บอกอย่างหมั่นไส้คนหลงตัวเอง
"นี่คุณสายตาสั้นหรือเปล่า เวลาผมไปไหนมีแต่คนบอกว่าผมหล่อ สมัยเรียนยังมีแมวมองมาชวนผมเข้าวงการเลยนะ แต่ผมปฏิเสธ" บอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่หญิงสาวฟังยังไงก็ดูหลงตัวเอง
"ทำไมถึงปฏิเสธล่ะ" ถามอย่างสงสัย แต่พอได้ยินคำตอบก็ทำให้หญิงสาวต้องกรอกตาไปมากับความหลงตัวเองของชายหนุ่ม
"ผมกลัวดังน่ะ" ตอบอย่างหมั่นหน้าหมั่นโหนกมากในสายตาเธอ
"ฉันขอถามอะไรนายสักข้อสิ" ถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังนิดๆ
"ถามหลายๆ ข้อก็ได้ ผมยินดีตอบทุกเรื่อง"
"ทำไมนายถึงจีบฉันล่ะ ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ไม่ได้สวยแถมอายุมากกว่านายอีก" เมื่ออยากรู้ก็ต้องถามให้รู้
"ผมพูดจริงๆ นะตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรกที่ร้านอาหารความรู้สึกของผมก็บอกว่า ผมต้องจีบผู้หญิงคนนี้มาเป็นแฟนให้ได้ และเมื่อผมมาเจอคุณอีกครั้งที่คอนโด มันก็ทำให้ผมคิดว่าการเจอคุณอีกครั้งมันคือพรหมลิขิตที่ดลใจให้ผมย้ายคอนโดมาอยู่ใกล้ๆ คุณ"
"พรหมลิขิตเนี่ยนะ นายอ่านนิยายมากไปหรือเปล่า นายบอกว่าความรู้สึกของนายบอกให้จีบฉัน แล้วถ้าเกิดนายไม่ได้ย้ายคอนโดมาแล้วนายจะเจอฉันได้ไง" พูดจบพร้อมกับทำสีหน้าเอือมระอากับความเว่อร์วังของชายหนุ่มตรงหน้า
"ได้สิ ก็เพื่อนคุณเป็นว่าที่ภรรยาเพื่อนผม ถึงผมไม่ได้ย้ายคอนโดมาอยู่ใกล้คุณ ผมก็สืบเรื่องคุณได้อยู่แล้ว" เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอก ก็ทำให้หญิงสาวคิดตามคำพูดของชายหนุ่ม เพื่อนของว่าที่ภรรยาของเพื่อนนายนี่ ถ้างั้นแสดงว่า
"อย่าบอกนะ...ว่านายเป็นเพื่อนกับนายปราชญ์น่ะ" อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ที่นายนี่เป็นเพื่อนกับว่าที่สามียัยพราวฟ้า
"ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดานะ สนิทมากด้วย" บอกหญิงสาวอย่างมั่นใจ
"ถ้างั้นนายก็คงจะมีนิสัยเหมือนเพื่อนนาย เจ้าชู้ กระล่อน ขี้หลี ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้ไง"
"นี่คุณอย่าเหมารวมสิ เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องนิสัยเหมือนกันก็ได้" รีบออกตัวทันทีเดียวเธอจะเข้าใจผิดว่าเขามีนิสัยแบบนั้น
"ถ้านิสัยไม่เหมือนกันจะคบกันได้ไง" หญิงสาวยังไม่ปักใจเชื่อ
"โอเค ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนสมัยเรียนผมน่ะค่อนข้างเกเร สำมะเลเทเมา เจ้าชู้ แต่ตอนนี้ผมเลิกหมดแล้ว ตั้งใจทำงานเก็บเงินแต่งเมีย" ส่งสายตาให้หญิงสาวอย่างมีความหมาย
"พอๆ เลิกพูด แล้วก็ช่วยฉันกินได้แล้ว" เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะเดียวมันจะเข้าตัวเอง
"ครับผม" ฮึ รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ คุณไม่ต้องกลัวยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้นอยู่แล้ว ผมก็แค่ปล่อยให้คุณตายใจไปก่อนเท่านั้นเอง ถึงเวลาเมื่อไหร่ผมจะทำให้คุณดิ้นหนีผมไปไหนไม่ได้ตลอดชีวิตแน่
หลังจากทั้งคู่กินเสร็จเช็ดบิลเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ชวนหญิงสาวเดินกลับคอนโดเพื่อย่อยหมูกระทะ แต่ความต้องการจริงๆ คืออยากอยู่กับหญิงสาวให้นานที่สุด โดยระหว่างทางก็ชวนหญิงสาวคุยเรื่องสัพเพเหระ เพื่อสร้างความสนิทขึ้นไปอีก
"นี่คุณผมถามไรคุณหน่อยสิ"
"ว่ามาสิ"
"คุณชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ"
"แบบไหนเหรอ อืมม แบบที่ตรงข้ามกับนายทุกอย่าง" บอกพร้อมมองหน้าชายหนุ่มอย่างจริงจัง
"ถือว่าเป็นคำตอบที่แรงมาก" เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวหลุดขำออกมา
"ฉันล้อเล่น ฉันไม่มีสเปกหรอก ถ้าความรู้สึกมันบอกว่าใช่มันก็คือใช่" หญิงสาวบอกไปตามความรู้สึกของตัวเอง
"เหมือนผมเลย" บอกพร้อมกับส่งสายตาแบบมีความหมายส่งให้หญิงสาว พร้อมกับถามในสิ่งที่อยากรู้ต่อ
"ทำไมคุณถึงไม่อยากคบใครและไม่อยากมีความรักล่ะ" ถามในสิ่งที่สงสัย หญิงสาวเงียบไปสักพักก่อนที่จะตอบชายหนุ่ม
"ฉันก็แค่กลัวน่ะ เพราะเวลาฉันรัก ฉันก็รักสุดหัวใจ เวลาเจ็บมันก็เลยเจ็บนาน นายไม่รู้หรอกกว่าฉันจะตั้งหลักได้มันต้องใช่เวลานานแค่ไหน และสิ่งที่ฉันเจอมันก็ทำให้ฉันกลัวแล้วก็หมดศรัทธาในความรัก" หญิงสาวบอกชายหนุ่มตรงๆ กับความกลัวในใจ เมื่อได้ฟังชายหนุ่มก็เข้าใจทันที
"ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าสิ่งที่คุณเจอมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน แต่ผมจะทำให้คุณเห็นว่าความรักมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น และผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่มาเจอผู้ชายอย่างผม" ชายหนุ่มหยุดเดินและหันหน้าไปบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"นายมั่นใจขนาดนั้นเลย งั้นฉันจะคอยดู" บอกอย่างหมั่นใส้
"รอติดตามผลงานได้เลย ครับผม" บอกหญิงสาวด้วยใบหน้าทะเล้น
หลังที่ทั้งคู่มาถึงคอนโด ต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง โดยที่หญิงสาวกับมานั่งครุ่นคิดในสิ่งที่ชายหนุ่มบอกว่าจะทำให้เธอเห็นว่าความรักมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่มันจะจริงเหรอใจหนึ่งก็อยากจะเชื่อแต่อีกใจก็คัดค้าน แล้วคิดว่าดูต่อไปล่ะกัน ฝากชายหนุ่มก็กลับมาคิดว่าจะหาทางใกล้ชิดหญิงสาวให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกยังไง แล้วแผนการก็แวบเข้ามาในหัว แล้วหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความหาหญิงสาวทันที
ติ้ง
"คุณนอนยัง " เงียบไปสะพัก ก็มีข้อความตอบกลับมา
"ยัง มีอะไร" พร้อมสติ๊กเกอร์เครื่องหมายคำถาม
"เสาร์ อาทิตย์นี้คุณว่างไหม" ถามอย่างลุ้นๆ
"ว่าง มีอะไรหรอก"
"ไปเที่ยวทะเลกันไหม" ถามออกไปอย่างลุ้นกับคำตอบที่หญิงสาวจะตอบกลับมา เมื่อได้เห็นข้อความชวนไปเที่ยวของชายหนุ่ม เธอก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบชายหนุ่มกับว่า
"อืม ไปสิ" ไปเที่ยวทะเลก็ดี เผื่อได้แรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเพิ่มขึ้น ต่างกับชายหนุ่มที่จะไปสร้างความประทับใจให้กับหญิงสาวจากการไปเที่ยวทะเล
"ไปเช้าวันเสาร์ กลับวันอาทิตย์ ค้างคืนนึงนะ"
"อืมม"
"โอเคครับ งั้นหลับฝันดีนะครับ ฝันถึงผมด้วยนะ" พร้อมส่งสติ๊กเกอร์ จุ๊บๆ ตบท้าย หญิงสาวส่ายหน้าให้กับสติ๊กเกอร์ชายหนุ่มก่อนจะวางโทรศัพท์ แล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
ฝากกดใจ ฝาก comment ฝากกดติดตามนิยายไรท์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะค่ะ
ขอบคุณมากค่าาา
ก๊อก ๆๆๆ“คุณพราวค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ”“ใครเหรอ”“คุณปราชญ์ค่ะ” เมื่อได้ยินชื่อคนที่มาหาก็ทำให้พราวฟ้าถึงกับถอนหายใจแล้วคิดว่า ไอ้บ้านี่มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอหรือไงนะถึงได้ตามติดชีวิตเธอขนาดนี้“บอกไปว่าฉันไม่ว่า.......” ยังไม่ทันที่พราวฟ้าจะพูดจบประตูห้องทำงานก็เปิดเข้ามาสะก่อน“สวัสดีครับ คุณพราวฟ้า” ปราชญ์ทักทายพราวฟ้าพร้อมกับส่งยิ้มรู้ทันไปให้“นี่นาย”“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะค่ะ” เมื่อเห็นว่าแขกของเจ้านายเปิดประตูเข้ามาแล้ว เลขาสาวจึงรีบขอตัวออกมาทันที“เมื่อกี้ผมได้ยินนะ ว่าคุณจะให้เลขาคุณไปบอกผม ว่าคุณไม่ว่างน่ะ” พูดจบปราชญ์ก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามพราวฟ้าอย่างที่เจ้าของห้องไม่จำเป็นต้องเชิญ“ก็ฉันไม่ว่างจริงๆ นายไม่เห็นงานฉันหรือไง”“เห็น แต่ผมรอได้ อีกอย่างคุณนัดผมแล้วว่าจะไปดูหนังด้วยกัน หรือคุณจะเบี้ยว” ปราชญ์พูดพร้อมกับจ้องหน้าพราวฟ้าอย่างคาดคั้น“ฉัน....” เมื่อได้ยินอย่างนั้นพราวฟ้าถึงกับพูดไม่ออกเพราะเธอจะเบี้ยวจริงๆ นั่นแหละ“เห็นไหมคุณจะเบี้ยวผมจริงๆ”“โอ้ยย นายมันน่ารำคาญที่สุด” พราวฟ้าพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ปราชญ์รู้ทันเธอไปสะหมด“ไม่ต้องมาโมโหกลบเกลื่อน ยังไงวันน
หลังจากโดนสองสาวซักฟอกเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวพาหญิงสาวที่ยังเมาไม่ได้สติอยู่กลับคอนโด โดยที่สองสาวก็อนุญาตเพราะจากที่พูดคุยกันพักใหญ่ชายหนุ่มคนนี้มีความจริงใจกับเพื่อนของเธอจริงๆ และอีกอย่างเมื่อชายหนุ่มบอกว่าครอบครัวเขาเป็นใครก็ทำให้พราวฟ้าไว้ใจเพราะว่าพ่อแม่ของชายหนุ่มนั้นเธอก็เคยเจอตามงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง เมื่อประคองหญิงสาวมาถึงรถและพาเข้าไปนั่งลัดเข็มขัดให้เรียบร้อยก็หันมาบอกลาสองสาวที่เดินมาส่ง"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" "ดูแลยัยขี้เมาด้วยล่ะ" เจ้แก้วบอกชายหนุ่มด้วยสีหน้าระอา"ครับผม" แล้วชายหนุ่มก็เดินไปขึ้นรถเพื่อพายัยขี้เมากลับห้องพัก เมื่อมาถึงลานจอดรถที่คอนโดชายหนุ่มก็อุ้มหญิงสาวขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องแต่ไม่ใช่ห้องของเธอนะเป็นห้องของเขาเอง เมื่อพาหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนแล้ว ก็วางหญิงสาวลงบนเตียงอย่างเบามือ โดยที่ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเอาผ้ากับน้ำมาเช็ดตัวให้หญิงสาวเธอจะได้สบายตัว"รอให้ตื่นก่อนเถอะ" ชายหนุ่มคาดโทษหญิงสาว แล้วก็เริ่มลงมือเช็ดตัวให้พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยที่กว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเสร็จเขาก็ต้องนับหนึ่งถึงพันเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้ เห็นแบบ
ด้านชายหนุ่มที่โทรหาเพื่อนสนิทของหญิงสาวอยู่ รอสายสักพักคนปลายสายก็กดรับสาย "สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าโทรจากไหนค่ะ" ถามออกไปเมื่อเป็นเบอร์แปลก"สวัสดีครับ ผมชื่อเป็กเป็นแฟนแก้มครับ" เมื่อคนปลายสายรับโทรศัพท์ชายหนุ่มก็แนะนำตัวเองทันที"อะไรนะค่ะ แฟนยัยแก้ม" เมื่อได้ยินแบบนั้นทำให้พราวฟ้าถึงกับตะโกนเสียงดังอย่างตกใจ"ครับ พอดีผมกับแก้มมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมเลยจะโทรมาถามว่าแก้มอยู่กับคุณหรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่หายตัวไปตอนนี้"เดี๋ยวนะ นายบอกว่าเป็นแฟนยัยแก้ม ยัยแก้มไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วนายเป็นใคร มาจากไหน ทำงานอะไร บ้านอยู่ไหน พ่ะ......" และก่อนที่ปลายสายจะถามจบ ชายหนุ่มก็แทรกขึ้นมาสะก่อน"นี่คุณเอาไว้ซักทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ผมกำลังร้อนใจมาก ถ้าแก้มไม่ได้อยู่กับคุณแล้วคุณพอจะรู้ไหมว่าแก้มอยู่ที่ไหน" ชายหนุ่มถามอย่างร้อนใจ"ได้ เรื่องนายเอาไว้คุยที่หลัง" หลังจากนั้นปลายสายก็เงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา"นายไปเจอกับฉันที่ร้าน.......ตอนนี้เลย" พราวฟ้าคิดว่าเพื่อนรักต้องไปร้านเจ้แก้วแน่นอนเพราะเวลามีเรื่องไม่สบายใจ มันก็ไปนั่งดื่มนั่งกินที่ร้านเ
เมื่อถึงเวลานัดชายหนุ่มก็รีบไปรับหญิงสาวที่ห้องทันทีก๊อก ๆ ๆ"ผมมารับ คุณเสร็จหรือยัง" เมื่อเห็นหญิงสาวเปิดประตูมาก็รีบบอกทันที กลัวหญิงสาวจะไม่พอใจอะไรอีก วัยทองก็เงี้ยอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ชายหนุ่มได้แต่คิดเพราะไม่กล้าพูดออกไป ถ้าพูดออกไปมีหวังเขาตายแน่"เสร็จแล้ว" บอกชายหนุ่มเสร็จก็เดินนำไปที่ลิฟท์ทันที"งั้นไปกันเลยนะ" เมื่อทั้งคู่ขึ้นมาอยู่บนรถชายหนุ่มก็ถามหญิงสาวว่าอยากกินอะไร หญิงสาวก็ตอบชายหนุ่มไปว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่น ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวไปร้านอาหารญี่ปุ่นของรุ่นน้องทันที เมื่อมาถึงร้านทั้งคู่ก็สั่งอาหารระหว่างรอชายหนุ่มก็ชวนหญิงสาวคุย"คุณว่าร้านนี้เป็นไงมั้ง" ชายหนุ่มถามระหว่างรออาหาร"สวยดี อาหารก็มีให้เลือกเยอะ" หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านพร้อมกับตอบชายหนุ่มกลับไป"ร้านรุ่นน้องผมเอง" เมื่อได้ฟังชายหนุ่มบอกก็พยักหน้ารับรู้ ผ่านไปสักพักเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อแฟนเก่าที่เป็นรุ่นน้องของชายหนุ่มเดินเข้ามาทักพร้อมนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มทันที"พี่เป็ก ใช่ พี่เป็กจริงๆ ด้วย ทำไมไม่รับโทรศัพท์ครีมเลยค่ะ รู้ไหมว่าครีมคิดถึงพี่เป็กมากกก" พูดจบก็หอมแก้มชายหนุ่มทันที การกระทำของหญิงสาวที่มา
หลังจากที่ไปกินข้าวด้วยกันวันนั้น ปราชญ์ก็เริ่มเดินหน้าจีบพราวฟ้าอย่างจริงจัง และคิดว่าจะไม่ปล่อยเวลา 3 เดือนทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่ก๊อก ๆ ๆ ๆ“เชิญค่ะ” พราวฟ้าเอ่ยอนุญาติทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากเอกสารที่อ่านตรงหน้า“ยังไม่เลิกงานอีกเหรอคุณ” ปราชญ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับนั่งลงตรงหน้าพราวฟ้า“ยัง แล้วนายมีอะไรกับฉัน” พราวฟ้าเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก็ก้มหน้าลงไปอ่านเอกสารอีกครั้ง“ผมจะชวนคุณไปหาอะไรกิน นี่มันก็เย็นมากแล้วนะ” ปราชญ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าตอนนี้มันหกโมงกว่าแล้ว เมื่อได้ยินปราชญ์พูดแบบนั้นพราวฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่านี่มันเย็นมากแล้วจริงๆ ด้วย“ฉันยังไม่หิว” พราวฟ้าตอบกลับไปพร้อมกับก้มลงทำงานต่อโดยไม่ได้สนใจคนตรงหน้าสักนิด“แต่ผมหิว คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” ปราชญ์พูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อนตามสไตล์หนุ่มกระล่อน“นี่นาย ท้องก็ไม่ได้ติดกันสักหน่อย แล้วอีกอย่างทำไมฉันต้องไปกินข้าวกับนายด้วยไม่ทราบ”“ก็คุณบอกว่าถ้าผมทำให้คุณรักผมได้ คุณจะยอมแต่งงานกับผมไง นี่ไงผมก็กำลังตามจีบคุณอยู่ อย่าบอกนะว่าคุณลืม” ปราชญ์ได้ทีก็ทวงสัญญาที่พราวฟ้าบอกไว้ทันที เมื่อได้ยินแบบนั้นพราวฟ้าก็
หลังจากตื่นนอนเก็บของทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินไปเคาะห้องหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็ทำให้หญิงสาวสะดุ้งและคิดว่าต้องเป็นชายหนุ่มแน่ ๆ หลังจากนั้นหญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็เดินไปเปิดประตู"คุณเก็บของทำธุระส่วนตัวเสร็จหรือยัง จะได้ไปกินข้าวเช้า""เสร็จแล้ว เดี๋ยวไปหยิบกระเป๋าก่อน""เดี๋ยวผมถือให้" หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ลงมาทานอาหารเช้ากันเงียบๆ เมื่อกินเสร็จก็เดินทางกลับ เมื่อนั่งรถมาสักพักต่างคนต่างเงียบชายหนุ่มเลยเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังเบาๆ แล้วหันมองหญิงสาวเป็นระยะ "คุณ" เมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกหญิงสาวก็สะดุ้งทันที พร้อมกับหันหน้าไปมอง"มีอะไรเหรอ" "คุณโกรธผมเรื่องเมื่อคืนหรือป่าว" เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไป ก็เลยตัดสินใจถาม"เรื่องอะไร" หญิงสาวแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เพราะยังรู้สึกเขินอายอยู่"เรื่องที่ผม..." ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบหญิงสาวก็รีบแทรกขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ"ช่างมันเถอะฉันลืมมันไปหมดแล้ว" หญิงสาวรีบตัดบทก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอีก"ลืม หมายความว่าไง" ชายหนุ่มคิดว่ามันจะมากไปแล้วนะ"จะหมายความว่าไง ลืมก็คือลืม นายก็ควรจะล







