โพรงหิมะนิรันดร์ — เวลาก่อนพระอาทิตย์ตกหนึ่งวัน
ฉันนั่งอยู่ท่ามกลางแสงสีฟ้าอ่อนของม่านเวทที่หลงอวิ๋นวางไว้เพื่อป้องกันอันตราย เสียงลมหิมะด้านนอกยังคงพัดอยู่ไม่หยุดหย่อน แต่ภายในนี้—กลับสงบเสียจนหัวใจเจ็บปวด
เขาจากไปได้ไม่ถึงหนึ่งวัน...แต่ฉันกลับรู้สึกราวกับเวลาหยุดนิ่ง
ทุกวินาทีที่หายใจคือคำถาม
เขาปลอดภัยไหม...เขาถูกจับไปหรือเปล่า...
หรือว่า…ทุกอย่างกำลังจะสายเกินไป
ฉันหลับตา สูดลมหายใจช้า ๆ และแนบนิ้วกับผิวพื้นหิมะเย็นเฉียบ
หัวใจของฉันพยายามตั้งสมาธิ ร่ายเวทที่ฝึกมาหลายคืน
เสียงของเขายังดังอยู่ในความคิด—
“จงอยู่ที่นี่ จนกว่าข้าจะกลับมา...”
แต่ฉัน...ไม่ใช่คนที่ยอมอยู่เฉย ๆ ได้หรอก
เวทร่ายหลบมิติเป็นสิ่งที่แทบไม่มีใครเคยสำเร็จ แต่ภายในโพรงหิมะนิรันดร์นี้ ฉันจะต้องทำให้สำเร็จ
ฉันจะต้องใช้มัน เพื่อพาเขาหลบหนีไปจากอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ฉันหลับตาลง สูดลมหายใจลึกจนสุด
ทุกถ้อยเวทในใจถูกร้อยเรียงเป็นจังหวะที่แม่นยำ—จังหวะ
“ท่านหลับตานะคะ เดี๋ยวมันจะ—”วูบ!...สายลมแปร่ง ๆ วูบผ่านตัวเราทั้งคู่ พร้อมแรงดึงดูดที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นรอบตัวของเราจังหวะข้ามมิติครั้งนี้นุ่มนวลกว่าทุกครั้งที่ฉันเคยเจอ อาจเพราะพี่ยำใช้เส้นทาง VIP สุดพิเศษที่เชื่อมตรงจากมิติจันทรามาถึงโลกมนุษย์จากหิมะสีเงินกับกลิ่นไอเวท...ทันใดนั้น — ก็กลายเป็นแสงไฟเมือง และกลิ่นไอของคาเฟ่กับรถยนต์พวกเรามาถึงแล้วตึ๊ง!เสียงลิฟต์เปิดออกตรงหน้าห้องล็อบบี้โรงแรมระดับ 7 ดาวใจกลางเมืองหลวงพนักงานชายแต่งสูทสีน้ำเงินทองก้มหัวพร้อมรอยยิ้มสุภาพ“ยินดีต้อนรับ คุณลูอิน และคุณเอลาเรีย ห้องของท่านอยู่ชั้นบนสุด เชิญทางนี้ค่ะ”หลงอวิ๋นจับมือฉันแน่น...แต่ใบหน้าเขาเหมือนกำลังระวังกับสิ่งรอบตัวระดับ 300%ดวงตาสีฟ้ากวาดมองคน พื้น ฝ้า ประตูอัตโนมัติ และ...ทีวีที่ฉายโฆษณาเครื่องสำอางอย่างไม่ไว้วางใจสุด ๆ“อย่าบอกนะว่า นี่คือ...เวทสะกดหมู่?”เขาถามพลางมองหน้าจอทีวีที่หญิงสาวกำลังแนะน
สามวัน...หลังคืนที่เพลิงสวรรค์ลุกโชน และราชสภาจันทราพังทลาย ราชสำนักไม่ได้รีบร้อนจัดพิธี หรือเปิดเผยสิ่งใดสู่สาธารณะองค์ชายหลงอวิ๋น — ผู้ลงมือผนึกเงามืดทั้งปวง — หายตัวไปจากสายตาทุกคน...จนกระทั่งเช้าวันนี้เสียงรองเท้าบนพื้นหินสะท้อนกังวานในห้องราชสภาแห่งใหม่ บานประตูทองคำเปิดออกอย่างช้า ๆ และหลงอวิ๋นก็ก้าวเข้ามา — สวมอาภรณ์ไหมทอจันทราสีดำลึก ประดับดิ้นเงินเพียงเล็กน้อยเขายืนอยู่กลางห้อง เหนือพรมที่ทอดยาวขึ้นไปถึงเบื้องบนที่นั่นคือที่ประทับของ จักรพรรดิหลงจินหาน และด้านซ้ายของพระองค์ — เงาร่างสง่าของ องค์ชายหลงเทียนเจินไม่มีใครกล่าวคำใดในทันที ทุกอย่างนิ่ง เงียบ และกดดัน...จนกระทั่งจักรพรรดิ์เอ่ยขึ้น“เจ้าเงียบไปนานกว่าที่ข้าคิด”“ถึงขนาดไม่ออกจากตำหนักถึงสามวัน...”หลงอวิ๋นเงยหน้าขึ้น แววตานิ่งสงบ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิ์“เพราะข้าจำเป็นต้องฟื้นพลังให้สมบูรณ์ ก่อนยืนในที่แห่งนี้อีกครั้ง”“ราชสภาชุดเก่าถูกผนึกและสลายเ
ริมฝีปากของเขายังอุ่นจากจูบหน้าผากเมื่อครู่ แต่นัยน์ตาที่จ้องลึกเข้ามากลับไม่อ่อนโยนอีกต่อไปมันร้อน... ราวกับเปลวเพลิงที่แฝงอยู่ใต้ผืนน้ำแข็งนิรันดร์ ร้อนจนฉันลืมหายใจเขาไม่เอ่ยคำใดอีก ทำเพียงสบตากับฉันตรง ๆ แววตาของเขา…ไม่ใช่เพียงแค่รัก แต่มันร้อนแรงและดิบ อย่างชายคนหนึ่งที่หวงจนแทบจะคลั่ง“ข้าทนให้ใครแตะต้องเจ้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว...แม้กระทั่งสายตา”เขากระซิบ ขณะปลายนิ้วลากไล้จากข้างแก้มฉัน ลงมายังลำคอ...ช้า ๆ สัมผัสนั้นร้อนวาบ เหมือนเขาใช้เวทจุดไฟให้ผิวฉันทีละนิ้ว“ข้าจะเป็นคนเดียวที่ได้เห็น ได้แตะ และได้...กลืนเจ้าทั้งตัว”ยังไม่ทันที่ฉันจะทันตั้งสติ ริมฝีปากของเขาก็บดลงมาบนปากฉันอย่างร้อนแรง ร้อนแรงจนฉันร้องครางออกมาในลำคอลิ้นของเขาแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็วเกี่ยวกระหวัด ลากไล้ และรุกเร้า จนฉันแทบละลาย มือของฉันจิกบ่ากว้างแน่น สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขยับตึงทุกจังหวะหายใจเขาเลียริมฝีปากล่างฉันเบา ๆ ก่อนจะขบกัดมันเบา ๆ อย่างขี้แกล้ง แล้วไล่จูบลงมาที่ลำคอ...“แผลตรงนี้ใช่ไ
พลังเวทยังลอยค้างอยู่กลางอากาศ กลิ่นโลหะของการต่อสู้ยังไม่จางเสียงครืนราวผืนฟ้าแตกหัก ดังสะท้อนจากท้องพระโรงหิมะสูงเสียดเพดานมันคือเสียงของ... ราชสภาที่ล่มลงต่อหน้าต่อตาเสาหินเวทรุ่นโบราณ ที่ค้ำจุนสภาผู้ปกครองแห่งมังกรมาหลายร้อยปี — แตกกระจายราวกับน้ำแข็งที่แตกร้าวเพราะแสงแดดแรกเศษหินพลังเวทสีเงินฟุ้งเป็นละอองกลางอากาศ ก่อนจะค่อย ๆ แหลกสลายหายไปในพายุที่สงบลงแล้วฉันยืนอยู่ตรงกลางมือยังอุ่นจากสัมผัสของเขา — หลงอวิ๋นที่อยู่ข้างหลังฉันเขาไม่ได้ยืนเป็นเจ้าชาย ไม่ได้ยืนเป็นมังกร...เขายืนอยู่ในฐานะคนคนหนึ่ง — ผู้ที่เลือกจะรักฉันทั้งตัวตนและโชคชะตา“...พวกเขาเลือกจะต่อต้านข้า” เสียงของหลงอวิ๋นเอ่ยช้า ๆร่างของ วาลิอุส ผู้นำราชสภา ถูกพันธนาการไว้ในเส้นเวทสีดำปนฟ้า— ผลึกผนึกใจพันปีเขานั่งนิ่งอยู่ใต้แท่นหินที่เคยเป็นบัลลังก์ตัดสินชะตาผู้อื่นมาก่อนนั้น ตอนนี้กลับเป็นกรงจำคุกของตัวเองไม่มีเสียงคำรามไม่มีคำขู่แค่ความเงียบ...อับเฉา และตาไร้แววส่วน เสนาบดีนาคีน ที่เคยเป็นปากเสียงหลักในการต่อต้านมนุษย์ ได้หายสาบสูญกลางสนามรบเวทเทเลพอร์ตของเขาแตกกระจายออกในตอนสุดท้าย — ไม่มีใครรู้ว่าเขา
แม้ภาพตรงหน้าจะพร่าเลือนจากเลือดและแรงกระแทกแต่ฉันเห็นเขา—หลงอวิ๋น ยืนตรงหน้า เหมือนเกล็ดหิมะทั้งหมดหยุดหมุนรอบตัวเขาเพียงคนเดียว“หลง...อวิ๋น...อย่า...โกรธเพราะฉัน...”เสียงฉันแผ่วลง ขณะมือเขากดแน่นลงบนบาดแผลของฉันแต่เขาไม่พูดสักคำเพียงแค่ก้มลงจุมพิตกลางหน้าผากฉัน เบา...และอ่อนโยนจนฉันแทบหลั่งน้ำตาแล้วเขาก็วางร่างฉันลงอย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวแม้แต่ลมหายใจก็จะทำให้ฉันเจ็บ“เอลาเรีย…”เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับยังพยายามกักเก็บบางอย่าง“เจ้ามาอยู่ในโลกของข้า…แต่ข้ากลับไม่อาจปกป้องเจ้า…”“ข้าผิดเอง…”“ข้าจะไม่ให้ใครแตะต้องเจ้าอีก…ไม่มีอีกแล้ว…”เสียงสุดท้าย...แทบไม่ใช่เสียงมนุษย์อีกต่อไปทันใดนั้น—💥 ตู้มม!!แรงระเบิดน้ำแข็งพุ่งทะลุขึ้นจากพื้นใต้ฝ่าเท้าหลงอวิ๋นคลื่นไอเยือกเย็นกลืนกินห้องพิธีราวพายุบ้าคลั่ง—แต่มันไม่ใช่เวทอี
เสียงหายใจของเขายังสะท้อนอยู่ในอกฉัน หลังจูบที่ร้อนแรงจนดึงเขากลับมาชั่วครู่—...แววตาของหลงอวิ๋นก็เริ่มสั่นไหวแต่ก่อนที่ฉันจะได้เรียกชื่อเขาอีกครั้งเงานั้น...ก็เคลื่อนไหวมันก้าวออกมาจากหลังเงาไม้ฉันลุกขึ้นยืนเบื้องหน้าเงาร่างสีหม่นที่คืบคลานออกมาจากความว่างเปล่า—มันมีใบหน้าของหลงอวิ๋น แต่เย็นชา ไร้แววตา…ไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลย“หลงอวิ๋น…!” ฉันเรียกเขาอีกครั้งแต่ร่างจริงของเขายังคงทรุดอยู่ใต้ต้นสน ไม่มีแม้แต่แรงจะมองฉันเงาจิตหัวเราะในลำคอ เสียงมันต่ำ...เยียบเย็น“เขาเลือกจะลืมเจ้าแล้ว”“เขาเลือกข้า—ความสงบ ความว่างเปล่า...ความแข็งแกร่งที่ไม่ถูกเจ้าแตะต้อง”“ไม่ใช่!” ฉันกัดฟันเวทในตัวฉันเริ่มหมุนวน แสงสีเงินจากหลังมือสว่างวาบขึ้นอีกครั้งและในวินาทีนั้นเอง...เสียงหนึ่งก็กระซิบเข้ามาในหัวเป็นเสียงของหญิงสาวแผ่วเบา...อบอุ่น เสียงที่เหมือน...ของฉันเอง“อย่าให้แสงจันทราถูกกลืน...เจ้