“ท่านหลับตานะคะ เดี๋ยวมันจะ—”
วูบ!
...สายลมแปร่ง ๆ วูบผ่านตัวเราทั้งคู่ พร้อมแรงดึงดูดที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นรอบตัวของเรา
จังหวะข้ามมิติครั้งนี้นุ่มนวลกว่าทุกครั้งที่ฉันเคยเจอ อาจเพราะพี่ยำใช้เส้นทาง VIP สุดพิเศษที่เชื่อมตรงจากมิติจันทรามาถึงโลกมนุษย์
จากหิมะสีเงินกับกลิ่นไอเวท...
ทันใดนั้น — ก็กลายเป็นแสงไฟเมือง และกลิ่นไอของคาเฟ่กับรถยนต์
พวกเรามาถึงแล้ว
ตึ๊ง!
เสียงลิฟต์เปิดออกตรงหน้าห้องล็อบบี้โรงแรมระดับ 7 ดาวใจกลางเมืองหลวง
พนักงานชายแต่งสูทสีน้ำเงินทองก้มหัวพร้อมรอยยิ้มสุภาพ
“ยินดีต้อนรับ คุณลูอิน และคุณเอลาเรีย ห้องของท่านอยู่ชั้นบนสุด เชิญทางนี้ค่ะ”
หลงอวิ๋นจับมือฉันแน่น...แต่ใบหน้าเขาเหมือนกำลังระวังกับสิ่งรอบตัวระดับ 300%
ดวงตาสีฟ้ากวาดมองคน พื้น ฝ้า ประตูอัตโนมัติ และ...ทีวีที่ฉายโฆษณาเครื่องสำอางอย่างไม่ไว้วางใจสุด ๆ
“อย่าบอกนะว่า นี่คือ...เวทสะกดหมู่?”
เขาถามพลางมองหน้าจอทีวีที่หญิงสาวกำลังแนะน
สองสัปดาห์ในโลกของฉัน...ผ่านไปเร็วกว่าที่คิดจากคนแปลกหน้าในโลกใหม่ เขากลายเป็นคนที่รู้ว่าฉันกินเครปแบบไหน รู้ว่าฉันชอบสะสมถุงเท้าลายน้องแมว และรู้แม้กระทั่ง...ว่าฉันหลับตาเวลาข้ามถนนและวันนี้ — วันสุดท้ายก่อนเราต้องกลับไปยังอีกโลกหนึ่งฉันจูงมือเขาเดินขึ้นทางลาดเล็ก ๆ ของเนินเขา ที่ปลายสุด มีแผ่นหินสลักตั้งอยู่ใต้ต้นซากุระที่เริ่มผลิดอกล่วงหน้า“ที่นี่คือหลุมศพของแม่ฉันค่ะ”เสียงฉันเบากว่าปกติ“เธอจากไปตั้งแต่ฉันยังอยู่มัธยมต้น แต่ทุกปี...ฉันจะกลับมาหาเธอที่นี่”ฉันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ“และปีนี้...ฉันไม่อยากมาคนเดียว”หลงอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรในทันทีเขาเพียงแค่พยักหน้า แล้วปล่อยมือจากฉัน เพื่อก้าวไปวางดอกไม้อย่างสงบช่อดอกไม้ที่เขาเลือกเอง — ดอกแอสเตอร์สีม่วงซีดกับดอกซากุระแห้งจากต้นเดียวกันนี้เขาคุกเข่าลงหน้าแผ่นหินสลัก พร้อมเอ่ยถ้อยคำแผ่วเบา“แม้ท่านจะไม่อาจเห็นข้าในแบบที่เอลาเรียเห็น...แต่ข้าหวังว่า ท่านจะยอมให้ข้าได้อยู่ข้างเธอ
“ท่านหลับตานะคะ เดี๋ยวมันจะ—”วูบ!...สายลมแปร่ง ๆ วูบผ่านตัวเราทั้งคู่ พร้อมแรงดึงดูดที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นรอบตัวของเราจังหวะข้ามมิติครั้งนี้นุ่มนวลกว่าทุกครั้งที่ฉันเคยเจอ อาจเพราะพี่ยำใช้เส้นทาง VIP สุดพิเศษที่เชื่อมตรงจากมิติจันทรามาถึงโลกมนุษย์จากหิมะสีเงินกับกลิ่นไอเวท...ทันใดนั้น — ก็กลายเป็นแสงไฟเมือง และกลิ่นไอของคาเฟ่กับรถยนต์พวกเรามาถึงแล้วตึ๊ง!เสียงลิฟต์เปิดออกตรงหน้าห้องล็อบบี้โรงแรมระดับ 7 ดาวใจกลางเมืองหลวงพนักงานชายแต่งสูทสีน้ำเงินทองก้มหัวพร้อมรอยยิ้มสุภาพ“ยินดีต้อนรับ คุณลูอิน และคุณเอลาเรีย ห้องของท่านอยู่ชั้นบนสุด เชิญทางนี้ค่ะ”หลงอวิ๋นจับมือฉันแน่น...แต่ใบหน้าเขาเหมือนกำลังระวังกับสิ่งรอบตัวระดับ 300%ดวงตาสีฟ้ากวาดมองคน พื้น ฝ้า ประตูอัตโนมัติ และ...ทีวีที่ฉายโฆษณาเครื่องสำอางอย่างไม่ไว้วางใจสุด ๆ“อย่าบอกนะว่า นี่คือ...เวทสะกดหมู่?”เขาถามพลางมองหน้าจอทีวีที่หญิงสาวกำลังแนะน
สามวัน...หลังคืนที่เพลิงสวรรค์ลุกโชน และราชสภาจันทราพังทลาย ราชสำนักไม่ได้รีบร้อนจัดพิธี หรือเปิดเผยสิ่งใดสู่สาธารณะองค์ชายหลงอวิ๋น — ผู้ลงมือผนึกเงามืดทั้งปวง — หายตัวไปจากสายตาทุกคน...จนกระทั่งเช้าวันนี้เสียงรองเท้าบนพื้นหินสะท้อนกังวานในห้องราชสภาแห่งใหม่ บานประตูทองคำเปิดออกอย่างช้า ๆ และหลงอวิ๋นก็ก้าวเข้ามา — สวมอาภรณ์ไหมทอจันทราสีดำลึก ประดับดิ้นเงินเพียงเล็กน้อยเขายืนอยู่กลางห้อง เหนือพรมที่ทอดยาวขึ้นไปถึงเบื้องบนที่นั่นคือที่ประทับของ จักรพรรดิหลงจินหาน และด้านซ้ายของพระองค์ — เงาร่างสง่าของ องค์ชายหลงเทียนเจินไม่มีใครกล่าวคำใดในทันที ทุกอย่างนิ่ง เงียบ และกดดัน...จนกระทั่งจักรพรรดิ์เอ่ยขึ้น“เจ้าเงียบไปนานกว่าที่ข้าคิด”“ถึงขนาดไม่ออกจากตำหนักถึงสามวัน...”หลงอวิ๋นเงยหน้าขึ้น แววตานิ่งสงบ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิ์“เพราะข้าจำเป็นต้องฟื้นพลังให้สมบูรณ์ ก่อนยืนในที่แห่งนี้อีกครั้ง”“ราชสภาชุดเก่าถูกผนึกและสลายเ
ริมฝีปากของเขายังอุ่นจากจูบหน้าผากเมื่อครู่ แต่นัยน์ตาที่จ้องลึกเข้ามากลับไม่อ่อนโยนอีกต่อไปมันร้อน... ราวกับเปลวเพลิงที่แฝงอยู่ใต้ผืนน้ำแข็งนิรันดร์ ร้อนจนฉันลืมหายใจเขาไม่เอ่ยคำใดอีก ทำเพียงสบตากับฉันตรง ๆ แววตาของเขา…ไม่ใช่เพียงแค่รัก แต่มันร้อนแรงและดิบ อย่างชายคนหนึ่งที่หวงจนแทบจะคลั่ง“ข้าทนให้ใครแตะต้องเจ้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว...แม้กระทั่งสายตา”เขากระซิบ ขณะปลายนิ้วลากไล้จากข้างแก้มฉัน ลงมายังลำคอ...ช้า ๆ สัมผัสนั้นร้อนวาบ เหมือนเขาใช้เวทจุดไฟให้ผิวฉันทีละนิ้ว“ข้าจะเป็นคนเดียวที่ได้เห็น ได้แตะ และได้...กลืนเจ้าทั้งตัว”ยังไม่ทันที่ฉันจะทันตั้งสติ ริมฝีปากของเขาก็บดลงมาบนปากฉันอย่างร้อนแรง ร้อนแรงจนฉันร้องครางออกมาในลำคอลิ้นของเขาแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็วเกี่ยวกระหวัด ลากไล้ และรุกเร้า จนฉันแทบละลาย มือของฉันจิกบ่ากว้างแน่น สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขยับตึงทุกจังหวะหายใจเขาเลียริมฝีปากล่างฉันเบา ๆ ก่อนจะขบกัดมันเบา ๆ อย่างขี้แกล้ง แล้วไล่จูบลงมาที่ลำคอ...“แผลตรงนี้ใช่ไ
พลังเวทยังลอยค้างอยู่กลางอากาศ กลิ่นโลหะของการต่อสู้ยังไม่จางเสียงครืนราวผืนฟ้าแตกหัก ดังสะท้อนจากท้องพระโรงหิมะสูงเสียดเพดานมันคือเสียงของ... ราชสภาที่ล่มลงต่อหน้าต่อตาเสาหินเวทรุ่นโบราณ ที่ค้ำจุนสภาผู้ปกครองแห่งมังกรมาหลายร้อยปี — แตกกระจายราวกับน้ำแข็งที่แตกร้าวเพราะแสงแดดแรกเศษหินพลังเวทสีเงินฟุ้งเป็นละอองกลางอากาศ ก่อนจะค่อย ๆ แหลกสลายหายไปในพายุที่สงบลงแล้วฉันยืนอยู่ตรงกลางมือยังอุ่นจากสัมผัสของเขา — หลงอวิ๋นที่อยู่ข้างหลังฉันเขาไม่ได้ยืนเป็นเจ้าชาย ไม่ได้ยืนเป็นมังกร...เขายืนอยู่ในฐานะคนคนหนึ่ง — ผู้ที่เลือกจะรักฉันทั้งตัวตนและโชคชะตา“...พวกเขาเลือกจะต่อต้านข้า” เสียงของหลงอวิ๋นเอ่ยช้า ๆร่างของ วาลิอุส ผู้นำราชสภา ถูกพันธนาการไว้ในเส้นเวทสีดำปนฟ้า— ผลึกผนึกใจพันปีเขานั่งนิ่งอยู่ใต้แท่นหินที่เคยเป็นบัลลังก์ตัดสินชะตาผู้อื่นมาก่อนนั้น ตอนนี้กลับเป็นกรงจำคุกของตัวเองไม่มีเสียงคำรามไม่มีคำขู่แค่ความเงียบ...อับเฉา และตาไร้แววส่วน เสนาบดีนาคีน ที่เคยเป็นปากเสียงหลักในการต่อต้านมนุษย์ ได้หายสาบสูญกลางสนามรบเวทเทเลพอร์ตของเขาแตกกระจายออกในตอนสุดท้าย — ไม่มีใครรู้ว่าเขา
แม้ภาพตรงหน้าจะพร่าเลือนจากเลือดและแรงกระแทกแต่ฉันเห็นเขา—หลงอวิ๋น ยืนตรงหน้า เหมือนเกล็ดหิมะทั้งหมดหยุดหมุนรอบตัวเขาเพียงคนเดียว“หลง...อวิ๋น...อย่า...โกรธเพราะฉัน...”เสียงฉันแผ่วลง ขณะมือเขากดแน่นลงบนบาดแผลของฉันแต่เขาไม่พูดสักคำเพียงแค่ก้มลงจุมพิตกลางหน้าผากฉัน เบา...และอ่อนโยนจนฉันแทบหลั่งน้ำตาแล้วเขาก็วางร่างฉันลงอย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวแม้แต่ลมหายใจก็จะทำให้ฉันเจ็บ“เอลาเรีย…”เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับยังพยายามกักเก็บบางอย่าง“เจ้ามาอยู่ในโลกของข้า…แต่ข้ากลับไม่อาจปกป้องเจ้า…”“ข้าผิดเอง…”“ข้าจะไม่ให้ใครแตะต้องเจ้าอีก…ไม่มีอีกแล้ว…”เสียงสุดท้าย...แทบไม่ใช่เสียงมนุษย์อีกต่อไปทันใดนั้น—💥 ตู้มม!!แรงระเบิดน้ำแข็งพุ่งทะลุขึ้นจากพื้นใต้ฝ่าเท้าหลงอวิ๋นคลื่นไอเยือกเย็นกลืนกินห้องพิธีราวพายุบ้าคลั่ง—แต่มันไม่ใช่เวทอี