เยว่อิงลูบหัวบุตรสาวด้วยความรักและทะนุถนอม “อี๋เออร์ของแม่เติบโตจนมีคู่ครองแล้วหรือนี่?” เธอผลิยิ้มด้วยความดีใจกับบุตรสาว ทว่าเธอกับรู้สึกใจหายไม่น้อย“ท… ท่านแม่”“วันนี้เป็นวันดีของลูก ลูกไม่ควรร้องไห้นะรู้ไหม” เธอเอ่ยพลางเช็ดน้ำตาให้บุตรสาวอย่างรักใคร่ “แม่ขออวยพรให้ลูกสาวของแม่มีแต่ความสุข และเป็นที่รักอยู่เสมอ แต่ถ้าหากไม่มีใครที่รักลูกลูกก็ต้องรักตัวเองให้ได้นะรู้หรือไม่? และแม่จะคอยเป็นกำลังใจให้ลูกอยู่ตรงนี้” เธอเอ่ยจบก็ก้มลงไปหอมหัวบุตรสาวอย่างอ้อยอิ่ง***ฤดูใบไม้ผลิ ณ เมืองเสียนหยางหลังจากที่เจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาวไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินอะไรต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือเพียงแค่ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ“พอแล้ว! ข้าไม่ดื่มแล้ว พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะมอมคนอย่างข้าได้นะ!” ว่านเทียนยวี่ร้องโวยวายใส่สหายสนิทและศิษย์น้องในสำนักที่ยังคงติดต่อกัน ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องหอที่เจ้าสาวตัวน้อยขี้โวยวายกำลังรออยู่แอ๊ด~สาวน้อยใบหน้าหวานที่พอมารดาแต่งหน้าให้แล้วก็ทำให้ใบหน้านี้ยิ่งดูหวาดหยดย้อยเข้าไปใหญ่ ที่ตอนนี้ยังคงสวมชุดแต่งงานสีแดงขลับผิวให้ขาวใสดั่งไข่มุกเข้าไปอีก!และทันทีที่
“ข้ารู้แล้วล่ะน่า…” เขาแสร้งยอมลงให้นาง เพราะถ้าขืนยังเถียงกับนางอีกล่ะก็คงไม่วายโดนนางทุบตีอีกเป็นแน่ นางที่เห็นศิษย์พี่ยอมแพ้ก็ได้แต่พยักหน้าขึ้นลงด้วยความพอใจเธอที่เห็นว่าเด็กทั้งสองคนเลิกตีกันแล้วก็เดินเข้ามาในห้อง “คุยอะไรกันอยู่หรือลูก?”“ท่านแม่!” นางหันมาหามารดา ก่อนจะทำท่าทางหลุกหลิก “ลูกกำลังคุยกับศิษย์พี่เรื่องภารกิจที่จะต้องทำเจ้าค่ะ!”“ภารกิจที่ลูกจะต้องทำอันตรายมากหรือไม่?”“ไม่อันตรายเลยเจ้าค่ะท่านแม่ ภารกิจแค่นั้นจริงๆข้าไปทำเองคนเดียวยังได้เลยนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จะส่งศิษย์พี่ใหญ่มาให้ลำบากข้าทำไม” นางเชิดหน้าขึ้นพลางพูดเยินยอตัวเอง“เหอะ! ก็เพราะท่านอาจารย์รู้ว่าเจ้าเป็นคนขี้โม้กระมัง!” เขาไม่วายเอ่ยแขวะนางออกมา“ท่านกล้าว่าข้าหรือ! ข้าจะฆ่าท่านให้ตาย!” พอเห็นท่าทีของลูกสาวนางก็รีบร้องห้าม ก่อนจะครุ่นคิดในใจว่าลูกสาวของนางเป็นอันธพาลน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร เธอเลี้ยงนางผิดตรงที่ใด หรือเธอเผลอทำนางหลุดมือ… แต่ก็ไม่ใช่นี่นา ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ…เธอใช้เวลาอยู่กับบุตรสาวอย่างเต็มที่ ซึ่งชาวบ้านที่รู้ว่าบุตรสาวเธอกลับมาจากสำนักศึกษาแล้วก็ต่างพากันมาเยี่ยมเยียนบ้าง
และนี่ก็เป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้วเช่นกันที่เยว่อิงนั้นได้ห่างจากลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ และตอนนี้เธอก็ได้แต่ยืนชะเง้อหน้ามองซ้ายขวาอยู่นาน เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวของเธอจะกลับมาวันนี้“นายหญิง กลับไปรอคุณหนูที่บ้านก่อนดีไหมเจ้าคะ?” เธอหันไปมองลี่อินแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอตื่นเต้นจนลืมตัวเพรระความที่ห่างจากลูกสาวมานาน พอได้ยินข่าวว่าลูกสาวจะกลับมาที่หมู่บ้านเธอก็รีบออกมารอลูกสาวที่หน้าหมู่บ้านทันทีแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้หันหลังกลับเข้ารถม้า เธอก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียก “ท่านแม่!”“อี๋เออร์ลูกรัก!” เธอที่เห็นลูกสาวกระโดดลงมาจากรถม้า เธอก็รีบอ้าแขนโอบกอดนางด้วยความคิดถึงคะนึงหา แต่ทว่าสายตากับเหลือไปเห็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเดินตามบุตรสาวลงมาจากรถม้า“คารวะไหว้ขอรับท่านน้า” เธอผละแขนจากอ้อมกอดบุตรสาว ก่อนจะรับไหว้เด็กชายท่าทางไม่ธรรมดาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก“ท่านแม่เจ้าคะนี่คือศิษย์พี่ของลูกเองเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ว่านท่านบอกว่านำของฝากมาฝากท่านแม่ของข้าด้วยไม่ใช่หรือ?” นางหันไปมองศิษย์พี่พร้อมกับใช้ดวงตากลมโตสำรวจเขาเพื่อหาของฝาก“ออ.. อื้ม! ใช่ขอรับท่านน้า ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะรีบไปยกมาให้
“ไปสิ! ข้าจะไม่ไปดูได้อย่างไร ข้ารอเวลานี้มาตั้งนาน ข้าตื่นเต้นจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว!” ชายชราพูดพลางหัวเราะอย่างขบขัน“หึๆ ถ้าเช่นนั้นเรารีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”และเมื่อเดินมาดูภาพถนนหนทางที่ตอนนี้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วเกือบ 10ส่วน! เธอก็ได้แต่ผลิยิ้มออกมาด้วยความตื้นตัน คนยุคนี้ช่างมากความสามารถกันซะจริง เพียงแค่เธอออกความคิดเห็นและวาดภาพแผนการต่างๆออกมาให้พวกเขาเห็นแค่นี้พวกเขาก็จัดการกันได้อย่างยอดเยี่ยมกันขนาดนี้เชียว!‘ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหมู่บ้านของเราจะพัฒนามาได้มากถึงขนาดนี้! ตอนนี้หมู่บ้านของพวกเรานั้นเปรียบดั่งสวรรค์ก็มิปาน!’‘นั่นสิ! นี่ขนาดเพิ่งจะเสร็จไปได้แค่7ใน10ส่วนเท่านั้นเองนะ ข้าชักจะอดใจรอไปถึงตอนนั้นไม่ไหวแล้วเช่นกัน!’‘นั่นสิ ข้าเองก็…’ เสียงชาวบ้านพูดโต้ตอบกันออกมาด้วยความตื่นเต้น เธอที่ได้ยินก็ไก้แต่ยิ้มออกมาด้วยความยินดี ที่อย่างน้อยเธอก็ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ทำให้ชีวิตของพวกเขานั้นดีขึ้นและหลังจากวันนั้นชาวบ้านก็ต่างลงมือช่วยกันทำงานกันอย่างขยันขันแข็งมากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาทุกคนนั้นวาดฝันภาพต่างๆเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้เอาไว้ไม่น้อย และส่วนหนึ่งเขาก็อยากจะทำให้
นี่ก็เป็นเวลาสามสัปดาห์ผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่เยว่อิงวางแผนเริ่มต้นที่จะพัฒนาหมู่บ้านหยู่เปิงแห่งนี้แล้วก็ตั้งแต่ที่ท่านผู้นำหมู่บ้านได้เคาะระฆังเรียกประชุมรวมชาวบ้านเพื่อพูดคุยเรื่องการพัฒนาของหมู่บ้านซึ่งพวกชาวบ้านกว่า30หลังคาเรือนก็ต่างเห็นดีเห็นงามกับนางด้วยเช่นกันเพราะยามนี้ก็ไม่มีอันใดจะเสียแล้วทุกคนจึงต่างพากันลงมือลงแรงช่วยกันอย่างเต็มที่พร้อมกับวาดฝันถึงความเจริญรุ่งเรืองของหมู่บ้านในอนาคตที่จะถึงนี้ด้วยความหวัง!ทว่าตอนนี้หมู่บ้านหยู่เปิงแห่งนี้ก็ได้พัฒนาไปได้3ใน10ส่วนแล้วเช่นกัน …“ท่านลุงจื่อแปลงนี้ลงเมล็ดผักพวกนี้นะเจ้าคะ ในอนาคตข้าคิดว่าพวกแปลงผักตรงนี้จะเปิดเป็นบุฟเฟต์เพื่อให้คนที่จ่ายค่าตั๋วเข้ามาได้เก็บผักคละกันกลับบ้านได้ไม่จำกัดแต่ก็ต้องไม่เกินคนละ2ตะกร้า พวกท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เยว่อิงที่พูดกับชาวบ้านคนหนึ่ง ก่อนที่จะเสนอความคิดพร้อมกับหันหน้ามาหาท่านผู้นำหมู่บ้าน“อืมม…! ความคิดของเจ้าดีทีเดียว แล้วเจ้าคิดว่าจะลงผักชนิดใดบ้างเล่า”“ข้าคิดว่าจะลงโต่วเจี่ยว เสี่ยวหวงกวา ก้ายหลานช่าย ซีหงซื่อ หนานกวา แล้วก็ไป๋ช่ายเจ้าค่ะ! หรือหากว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเราเองก
“เยว่อิง เรื่องที่เจ้าบอกกับเฟยหลงนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่? เจ้าสามารถช่วยเหลือพวกชาวบ้านได้จริงๆ หรือ” ชายวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำหมู่บ้านนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นฟ้ายังไม่ทันสว่างดีก็รีบมาหาเยว่อิงตั้งแต่เช้าตรู่“อ้าวท่านผู้นำหมู่บ้านท่านมาแต่เช้าตรู่เช่นนี้กินข้าวมาหรือยังเจ้าคะ?”“อั้ยโย่ว! ดูสิข้ามัวแต่ตื่นเต้นเรื่องนั้นจนลืมกินข้าวกินปลามาเสียได้ ฮ่าๆๆ เลอะเลือนแล้วๆ” ชายวัยกลางคนที่มัวแต่ตื่นเต้นจนลืมกินข้าวเช้าออกมาจากบ้าน พอมีคนทักจึงได้นึกได้ว่าตนเองนั้นลืมกินข้าวเช้ามาจริงๆ จึงได้แต่บ่นตัวเองออกมา“ถ้าอย่างนั้นท่านก็กินข้าวเช้ากับพวกข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนั้นกันก็ยังไม่สาย แบบนี้ท่านว่าดีหรือไม่เจ้าคะ?”“ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว”“ไม่รบกกวนเลยเจ้าค่ะ เรื่องแค่นี้เอง ลี่อินเจ้าไปจัดการเพิ่มถ้วยข้าวเพิ่ม1ชุด ให้ท่านผู้นำหมู่บ้านด้วยล่ะ”ลี่อินที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ได้ยินคำพูดของเยว่อิงจึงรีบกล่าวตอบออกมา “เจ้าค่ะนายหญิง”“ท่านรอสักครู่นะเจ้าคะ” “ได้ๆ รบกวนพวกเจ้าแล้ว”เยว่อิงไม่ได้กล่าวตอบอะไรออกมาทำเพียงแค่ส่งยิ้มออกมาให้แก่ชายวัยกลาง