ตึกสูงชั้นที่ 20 ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ตึกนี้เป็นศูนย์รวมบริษัทฯตรวจสอบบัญชีใหญ่โต เป็นบริษัทฯที่มีแต่คนอยากเข้ามาทำงาน เพราะเป็นองค์กรที่ใหญ่และมั่นคงรวมคนเก่งๆ ไว้มากมาย เอ่ยชื่อขึ้นมาคนในแวดวงสำนักงานตรวจสอบบัญชีเป็นต้องรู้จักกันทั่วไป
“พาย ไหวไหม นี่ไม่สบายหรือเปล่า พี่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว อาการไม่ดีเลย”
“ไม่สบายนิดหน่อยค่ะพี่กรอง พอดีเมื่อวานตากฝน ปวดหัวนิดหน่อยเหมือนจะมีไข้ด้วยค่ะ”
“งั้นรีบไปหาหมอเถอะ ไม่ต้องห่วงงาน รายงานการประชุมเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เสร็จแล้วค่ะพี่กรองเหลืองบการเงิน เดี๋ยวพายส่งให้นะคะ แล้วพายก็จะขอลางานครึ่งวันด้วยนะคะพี่กรอง”
“ไปๆ รีบไปเถอะ เดี๋ยวฝนจะตกอีก ช่วงนี้ฝนตกบ่อย คนไม่สบายกันเยอะเลย”
“ขอบคุณพี่กรองมากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้างาน แล้วรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะ เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปหาหมอ”
นางสาวไพลิน กิจษานุรักษ์ หรือพาย หญิงสาวเจ้าของรูปร่างที่สูงถึง 170 เซนติเมตร ไพลินเรียนจบปริญญาตรีด้านบัญชี เรียนจบปุ๊ปก็สมัครมาทำงานที่นี่ และทำเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ไพลินสวยเรียบร้อย นิสัยดีนิ่งๆ ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร ไม่ค่อยชอบแต่งตัว แต่งหน้าเพียงแต่น้อยไม่ฉูดฉาด ถึงไม่แต่งก็ยังสวยมาก คิ้วที่ดกดำหนาเป็นรูปเรียวสวย จมูกโด่งผิวที่ขาวอมชมพูยิ่งทำให้เธอเด่น เครื่องหน้าของเธอสวยเหมือนแม่ เสียดายที่แม่ของเธอมาด่วนจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เธอไม่ได้คิดว่ามีปมด้อยอะไรเพราะยายของเธอเลี้ยงดูและสั่งสอนมาอย่างดี
คนที่ไม่สนิทจะมองว่าเธอหยิ่ง ไม่หรอกจริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยอยากยุ่งกับใครมากกว่าชอบอยู่ของเธอเงียบๆ ไม่ค่อยวุ่นวายกับใคร ทำงานเงียบๆ ของเธอคนเดียว ขยัน ประหยัด ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใจเย็นและมีเหตุผล เช้ามาทำงาน เย็นกลับบ้าน บ้านที่หมายถึงคอนโดที่พ่อเธอซื้อไว้ให้เป็นรางวัลเมื่อครั้งที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
แม่ของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่ชั้นประถมหก แม่เสียได้ไม่นาน พ่อเธอก็แต่งงานใหม่กับนักธุรกิจหญิงและมีลูกติดมาด้วยหนึ่งคน เป็นน้องเธอหนึ่งปี นั่นหมายถึงเธอมีแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยง เหมือนเป็นธรรมเนียมแล้วที่แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงมักไม่ถูกกัน ทั้งแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงไม่ชอบหน้าเธออย่างแรง สาเหตุแรกคือเธอสวย เรียนเก่ง และพ่อเธอก็รักเธอมาก
ยายเป็นข้าราชการครูเกษียร เมื่อพ่อเธอแต่งงานใหม่ ยายจึงรับเธอไปเลี้ยง ไพลินก็เติบโตมาได้ดังใจของยายนัก ถึงยายจะรับไพลินมาดูแล พ่อเธอก็ส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ทุกเดือน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แต่แค่ไม่ได้อยู่ด้วยแค่นั้นเอง และเธอเองก็ไม่ยอมไปอยู่กับพ่อ ถึงเธออยากจะไปยายก็ไม่ให้ไปแน่นอน ตั้งแต่เล็กชีวิตเธอก็มีแต่ยาย สิ้นเดือนพ่อก็โอนเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่ายเดือนละสามหมื่น ไม่รวมค่าเทอม ยายให้เธอเก็บฝากธนาคารทั้งหมด
สายสมรกับสายทิพย์แม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงของเธอขี้อิจฉาเหมือนกัน สายทิพย์อายุน้อยกว่าเธอสองปี นิสัยเหมือนแม่ แต่งตัวเก่ง ไม่สวยแต่แต่งตัวเป็น ทำให้ดูดี ไม่ชอบไพลินเลยคอยยุแยงใส่ร้ายเรื่อยมากีดกันไม่ให้ พ่อมาหาเธอ แต่พ่อก็ไม่ค่อยเชื่อฟังแม่เลี้ยงเธอนัก ถ้าพ่อมาดูงานแถวที่เธอทำงาน ท่านจะนัดเธอออกมากินข้าวด้วยกันเสมอ
นอกจะโอนเงินรายเดือนให้เธอใช้แล้ว บางเดือนยังมีพิเศษให้ เหมือนเป็นการชดเชย ที่หนีไปมีครอบครัวใหม่ ทุกครั้งไพลินปฏิเสษตลอด แต่ไม่เคยได้ผลยังไงพ่อก็โอนให้เธออยู่ดี ปีไหนที่บริษัทฯของพ่อมีกำไร เธอกับยายเหมือนได้โบนัส หุ้นส่วนได้เท่าไหร่ ยายกับเธอก็ได้เท่านั้น เพราะสาเหตุนี้ที่ทำให้แม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงของเธอไม่พอใจมาก ที่พ่อคอยดูแลเธอกับยายดีเกินไป แต่พ่อไม่สนใจ
ตั้งแต้เด็กไพลินเรียนที่ต่างจังหวัดจนจบชั้นมัธยม เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลได้ และเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หญิงสาวเลือกเรียนบัญชี เป็นความชอบส่วนตัว เธอพักอาศัยอยู่ที่โคนโดคนเดียวตลอดมา เสาร์อาทิตย์กลับบ้านหายาย ปิดเทอมก็กลับไปดูแลยาย ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ของเธอที่เหลือเพียงคนเดียว ส่วนใหญ่ไพลินเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถโดยสารสาธารณะ พ่อเห็นว่าเธอลำบากเกินไป ท่านซื้อรถเก๋งคันเล็กๆ ให้ ไพลินไม่อยากได้ เธอไม่อยากเป็นขี้ปากของแม่เลี้ยง
สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะพ่อเธออยากซื้อให้ หญิงสาวขับกลับไปไว้ที่บ้านยาย เพิ่งจะมาเริ่มเอามาใช้เมื่อช่วงที่ทำงาน แต่ไม่ได้ขับไปทำงาน เอามาจอดไว้ที่คอนโด เย็นวันศุกร์ขับกลับบ้านไปหายาย เช้าวันจันทร์ขับกลับมาทำงาน และจอดไว้อย่างนั้น อาทิตย์ไหนกลับบ้านก็ขับกลับ เป็นแบบนี้ตลอดมา
ไพลินอยู่ในชุดยูนิฟอร์ม กระโปรงสีกรมท่าทรงสอบเลยเข่า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน เสื้อสูทแขนยาวสีเดียวกับกระโปรง สวมรองเท้าส้นสูง สะพายกระเป๋าหนังแบรนด์ไทย ปล่อยผม เริ่มมีอาการคัดจมูกพร้อมปวดกระบอกตา เริ่มปวดหัว เป็นอาการของคนป่วย ข้างล่างตึกมีคลินิก เห็นทีต้องได้ฉีดยาแน่ๆ เธอไม่ชอบเวลาป่วย ไพลินจะมีปัญหาเวลาไม่สบาย จะมีอาการคิดถึงแม่คิดถึงพ่อ รู้สึกว่าเหมือนถูกทอดทิ้ง มีอาการร้องไห้ และอีกช่วงที่มีอาการแบบนี้คือ ช่วงที่เธอเป็นประจำเดือน เพื่อนร่วมงานจะรู้ดี วันไหนที่เห็นไพลินนั่งซึมน้ำตาไหล วันนั้นคือหญิงสาวเป็นประจำเดือน เป็นอันว่ารู้กัน และห้ามคนปลอบด้วย เพราะยิ่งปลอบยิ่งร้องหนักกว่าเดิม หนึ่งวันผ่านไป อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นแต่วันแรกจะหนักหน่อย
ยังไม่เที่ยงเลย ทำไมคนรอใช้ลิฟต์เยอะจัง ไพลินเดินเข้าไปต่อแถว เธอไม่เคยลงมาเวลานี้ ปกติเพื่อนๆ ที่ทำงานจะสั่งข้าวมากิน หรือไม่ก็ทำเองแล้วใส่กล่องข้าวมากินกันหลายๆ คนอร่อยดี วันไหนเบื่อก็ลงไปกินที่ร้านอาหาร บ่อยครั้งที่เธอทำกับข้าวแล้วใส่ปิ่นโตที่เอามาจากบ้านห่อมากินที่ทำงาน ไพลินต้องล้วงยาดมที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาดม และย้ายตัวเองไปหาที่นั่งบริเวณใกล้ๆ นั้น ถ้าเธอยืนต่อมีหวังได้ล้มทั้งยืนแน่ๆ
“ยาย มีอะไรเหรอคะทำไมโทรมาเวลานี้ ไม่สบายรึเปล่า” ไพลินตกใจปกติยายเธอไม่โทรมาช่วงนี้นี่นา
“พายเหรอลูก พอดียายไม่ค่อยสบาย อาทิตย์นี้พายช่วยกลับบ้าน มาพายายไปหาหมอหน่อยได้ไหมลูก”
“ยายจ๋า ยายรอพายนะ นี่พายกำลังจะกลับคอนโด เดี๋ยวพายเช็คก่อนว่าคลินิคแถวบ้านเรามีไหม พายไปถึงเราจะไปหาหมอกันเลย ยายรอไหวไหม เอาแบบนี้ดีกว่าพายเรียกรถโรงพยาบาลมารับยายดีกว่านะคะ แล้วเดี๋ยวพายรีบไปหายายที่โรงพยาบาล ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพายโทรหาชมพูให้จัดการเอกสารรอที่โรงพยาบาล ยายรอรถโรงพยาบาลอยู่ที่บ้านแป๊ปเดียวนะคะ”
ไข้กำลังขึ้น ไพลินรีบโทรหารถโรงพยาบาล ประสานงานให้ไปรับยายที่บ้าน หน้าลิฟต์คนเริ่มน้อยแล้ว หญิงสาวรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ ระหว่างนั้นคุยสายกับเพื่อนที่เป็นพยาบาลตลอดเวลา จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอฝากเพื่อนให้ดูแลยายให้ หญิงสาวถอนหายใจหลังจากที่ประสานงานกับโรงพยาบาลเรียบร้อย นึกในใจขอให้ที่คลีนิคคนไม่เยอะจะได้ไม่ต้องรอนาน
"ยายขา พายโทรบอกชมพูแล้วนะคะ พอยายไปถึงโรงพยาบาลเดี๋ยวชมพูจะออกมารับ แค่นี้ก่อนนะคะยาย พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"
“สวัสดีค่ะพี่กรอง คือว่าพายจะขอลางานต่ออีกสักสองวันค่ะพี่ พอดียายไม่สบายค่ะ”
“ไม่เป็นไรเลยพายรีบไปดูยายเถอะไม่ต้องห่วงเรื่องงาน ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วนี้ได้ไปหาหมอรึยัง”
“พายขอบคุณพี่กรองมากนะคะ ลิฟต์เพิ่งมาค่ะคนเยอะมาก กำลังจะไปคลีนิคหมอค่ะ สงสัยจะไข้หวัดค่ะพี่กรอง แค่นี้ก่อนนะคะพี่กรองพายถึงคลินิคแล้ว”
กว่าไพลินจะได้พบหมอ เธอก็เกือบจะไม่ไหว ปวดร้าวไปทั้งตัว น้ำมูกเริ่มมา แถมปวดกระบอกตามาก ตัวเริ่มร้อน ทรมานจังเลยคิดถึงบ้านคิดถึงยาย ห่วงก็ห่วงแต่ตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอด ต้องแข็งใจนั่งรอหมอ เธอไม่อยากย้ายไปคลีนิคอื่น กลัวว่าตัวเองจะเดินทางไม่ไหว ต้องเข้มแข็งไว้พาย ยายรอเธออยู่ นึกถึงพ่อบอกพ่อเรื่องยายไม่สบายดีไหมนะ ไม่ดีกว่าเพราะถ้าโทรบอกพ่อ ภรรยาใหม่ของพ่อก็ต้องรู้ สู้ไม่บอกดีกว่า ยายคงไ่ม่เป็นอะไรมาก และในที่สุดเธอก็ได้พบหมอ หลังจากนั่งรอมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เป็นอะไรที่ทรมานมาก
“คุณไพลิน ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะคะ เดี๋ยวหมอฉีดยาให้หนึ่งเข็ม และรับยาไปทาน ช่วงนี้ต้องพักผ่อนอยู่บ้านนะคะ หมอจะออกใบรับรองแพทย์ให้ เป็นอาการของไข้หวัดใหญ่
“ไข้หวัดใหญ่เลยเหรอคะคุณหมอ”
“ใช่ค่ะ โรคนี้กำลังระบาด คนเป็นกันเยอะมาก”
ไพลินกินยาที่หมอให้แล้ว รีบออกจากคลีนิคเพื่อเรียกรถกลับไปคอนโดทันที โชคดีที่คอนโดของเธออยู่ใกล้ตึกที่ทำงาน ไม่ต้องเดินทางไกลนัก แต่เพราะอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ ทำให้ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถึงคอนโด รถเยอะ คนเยอะ ทำให้การเดินทางล่าช้า กว่าจะถึงคอนโดก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงทั้งๆ ที่ก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก
ทันทีที่กลับถึงคอนโดไพลินรีบโทรหาเพื่อนที่เป็นพยาบาลอีกครั้ง สอบถามอาการของยาย โล่งใจที่ยายถึงมือหมอเรียบร้อยและไม่เป็นอะไรมากแค่อาการอ่อนเพลีย หมอให้นอนโรงพยาบาลดูอาการหนึ่งคืน ไพลินคุยกับยาย บอกยายว่าตัวเองเป็นไข้หวัดใหญ่ หากพรุ่งนี้อาการดีขึ้นแล้ว จะรีบเดินทางไปหายายทันที ยายบอกเธอด้วยซ้ำว่าไม่ต้องกลับบ้านก็ได้ รักษาตัวให้หายดีก่อนอาทิตย์หน้าค่อยกลับ แต่ไพลินยืนยันว่ายังไงก็ต้องกลับเพราะตั้งใจไว้แล้ว
ครบสองเดือนที่ไพลินกลับมาอยู่บ้าน หญิงสาวมีความสุขมากได้ดูแลยาย ทำกับข้าวให้ยายกิน ตักบาตรเช้า ไปวัดทำบุญ สวดมนต์ทุกวันพระพร้อมกับยาย ทำงานบ้าน ทำงานที่ชอบ เธอไปที่ร้านขายอุปกรณ์การเย็บปักถักร้อยบ่อยมากๆ ผลิตผลงานมากมายประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเครื่องจักร ถักได้ถักดี ว่างก็วาดรูป อะไรที่ชอบมักทำได้ดีเสมอ ไพลินถักทุกอย่างที่ลูกค้าสั่ง ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าต่างชาติทั้งนั้น ได้ราคาดียิ่งเป็นงานฝีมือต่างชาติยิ่งชอบ แต่เธอก็ดูแลยายไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพราะไม่มีอะไรมากวนใจชีวิตเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เช้าตื่นทำกับข้าวใส่บาตรกับยาย ทำกับอาหารกิน ไปตลาดซื้อของสดมาไว้ทำกับข้าว ปลูกผักไว้กินเอง วันๆ เธอไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย เย็นวันศุกร์ถ้าบัวชมพูไม่ติดงานหรือกลับบ้าน ก็จะมาพักที่บ้านสวนกับไพลินเป็นประจำเรื่องสวนไม่ต้องห่วงลุงปานกับเมียดูแลให้ ยายให้ลุงเอาผลไม้ในสวนไปขายได้ แบ่งกันใช้แบ่งกันกิน บางครั้งผลไม้สุกกินไม่ทันยายก็ให้เธอเอาไปให้โรงเรียน ถวายพระที่วัดบ้างได้บุญกันถ้วนหน้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ไพลินจะหยุดงานถักและงานวาด เธอจะพายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ตามโรงเรียนที่
เช้านี้ที่บ้านสวน ยายจันตื่นแต่เช้าเข้าครัวทำกับข้าวใส่บาตร ไพลินตื่นเป็นคนที่สองตามด้วยบัวชมพู ทั้งสองรีบอาบน้ำตามยายลงไปใส่บาตรเช้า กรวดน้ำเรียบร้อยแล้วขึ้นมากินข้าวเช้าพร้อมกัน“หนูพายกินข้าวเสร็จแล้วก็รีบไปธนาคารเสียนะหลาน โอนเงินให้เขา ไปทำเสียให้เรียบร้อย”“จ๊ะยาย พายเตรียมไว้แล้วค่ะ ยายอยากได้อะไรไหมเดี๋ยวเสร็จแล้วพายจะได้แวะตลาดสด”“อะไรก็ได้ลูก แล้วแต่หนูพายกับชมพูเลย อยากกินอะไรก็ซื้อมาของยายไม่ต้องเผ็ดก็พอ”ไพลินกับบัวชมพูนำเงินที่ได้จากการช่วยงานคุณพายัพไปฝากธนาคาร และโอนเข้าบัญชีแดนไทยทันทีเธอส่งสลิปให้คุณอำพล เพิ่งดูโทรศัพท์ว่าคุณอำพลโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งโทรทั้งไลน์ หญิงสาวตกใจ ปกติคุณอำพลไม่เคยโทรแบบนี้ จะมีเรื่องอะไรอีก หญิงสาวรีบโทรกลับทันที“สวัสดีค่ะคุณอำพลฉันขอโทษนะคะ พอดีเมื่อวานกลับถึงบ้านแล้วนอนยาวเลยค่ะ เพิ่งดูโทรศัพท์เมื่อกี้เลย เอ่อ...คุณอำพลคะฉันโอนเงินใช้หนี้หมดแล้วนะคะแล้วเดี๋ยวฉันส่งสลิปให้ รบกวนคุณอำพลเรื่องเอกสารด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ถ้ามีโอกาสฉันเข้ากรุงเทพฯ จะนัดกินข้าวนะคะ”“ไพลินฉันเอง ไพลินฟังฉันก่อนคุยกับฉันหน่อยได้ไหม ฉันอธิบายได้น
ของงานคุณพายัพดำเนินมาคืนสุดท้าย แขกมาร่วมแสดงความเสียใจมากมายกว่าสองวันที่ผ่านมา คุณทัตเทพและคุณดรุณีให้คุณอำพลและแดนไทยไปช่วยกันต้อนรับแขก เพราะเป็นนักธุรกิจที่ทั้งคู่รู้จักอยู่แล้ว ส่วนมากแขกที่มาเข้ามาแสดงความเสียใจกับไพลินเกือบทุกคน หญิงสาวปลื้มใจกับคุณพายัพที่มีแต่คนรักน้ำตาคลอตลอดเวลา เสียดายที่พ่อด่วนจากไปมีลูกค้าฝรั่งใหม่ๆ หลายคนเข้ามาทักทายแสดงความเสียใจด้วย บางคนรู้ว่ามีญาติผู้ใหญ่มา ถึงกับเข้าไปขอทักทาย เป็นที่แปลกใจสำหรับทุกคนในงาน ที่ยายจันถึงแม่จะแก่มากแล้ว ก็ยังสามารถพูดคุยทักทายกับฝรั่งต่างชาติโดยใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ไพลินกับบัวชมพูไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะยายมีทั้งลูกศิษย์ และเพื่อนที่เป็นต่างชาติมากมายสมัยที่ยังเป็นครู ยายสอนภาษาอังกฤษ แดนไทยทึ่งที่สุดมีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับครอบครัวของไพลินที่เขายังไม่รู้ หลายคนในงานมองยายจันอย่างชื่นชม“คุณไพลินครับ นี่คือมิสเตอร์มาร์ค เป็นลูกค้ารายใหญ่ของคุณพายัพ เขาเพิ่งทราบข่าวคุณพายัพ และรีบเดินทางมาแสดงความเสียใจด้วย” คุณอำพลพาชาวต่างชาติเข้ามาแนะนำให้เธอได้รู้จักไพลินยกมือไหว้และทักทายด้วยภ
คืนที่สอง ไพลินกับบัวชมพูยังสู้มาก มีหลายคนคอยช่วยงาน ยายจันให้จ้างทุกอย่าง ทำให้ไพลินกับบัวชมพูมีเวลาได้พักบ้าง เหนื่อยน้อยกว่าคืนแรก คาดว่าคืนนี้แขกคงเยอะเหมือนเดิม ยายจันจัดเครื่องประดับมาให้สองสาวครบวันที่ต้องทำงาน แยกของใครของมัน สมหน้าตาลูกสาวอดีตเจ้าของบริษัทฯมาก ไพลินไม่น้อยหน้าใครเลยใกล้เที่ยงปรากฎรถของแดนไทยเลี้ยวเข้ามาภายในบริเวณวัด เขามาพร้อมผู้หญิงหน้าตาคล้ายกัน ชังน้ำหน้านักแต่ก็อยู่ระหว่างงานพ่อจะแสดงออกมากกว่านั้นก็ไม่ได้ หลายคนในงานจับตามองดูเธออยู่ ไพลินยืนอยู่ภายในศาลาเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นเดินเข้ามา เธอลุกขึ้นยืนสบตากับฝ่ายหญิงเท่านั้น“สวัสดีค่ะน้องพายใช่ไหมคะ พี่ชื่อดารณีเป็นน้องพี่แดนไทย พี่แสดงความเสียใจด้วย เรียกพี่ดาก็ได้นะคะ มีอะไรให้พี่ช่วยบ้าง วันนี้พี่ว่างทั้งวัน” ดารณีแนะนำตัวเองกับไพลิน แค่เห็นหน้าเธอก็รู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้แล้ว สวยหุ่นดีมาก ถึงแม้จะอยู่ในอาการเศร้าหมองก็ตาม“เอ่อ สวัสดีค่ะขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ช่วยเลยช่วงเย็นแขกมาเยอะจะยุ่งหน่อยค่ะ” หญิงสาวยกมือไหวดารณี ไม่แม้แต่จะมองหน้
ไพลินหลบอยู่แถวหลังร้านกาแฟของปั้มน้ำมัน กระวนกระวายกลัวว่าแดนไทยจะตามมาเจอ เธอจำไม่ได้ว่าแทงเขาไปกี่ครั้ง เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดเขาคิดไม่ดีกับเธอ ไม่น่าไว้ใจเขาเกือบยี่สิบนาที กัลยาหรือเก่๋เพื่อนของบัวชมพูที่ไว้ใจได้มารับเธอ บัวชมพูอยู่ในสายกับเพื่อนเพื่อเป็นการยืนยันว่ากัลยาเป็นเพื่อนของบัวชมพูแน่นอน บ้านพักของกัลยาอยู่ภายในโรงพยาบาล กัลยาอาศัยอยู่ลำพังซึ่งปลอดภัยแน่่นอน บัวชมพูไม่ได้บอกเพื่อนว่าไพลินเจออะไรมา เล่าให้ฟังเพียงแต่ว่ามีปัญหากับคนรู้จักขอพักรอบัวชมพูแค่สามชั่วโมง เพื่อนของชมพูไม่ติดใจอะไร"พายนอนพักก่อนนะ เก๋อยู่คนเดียว ที่นี่เป็นหอใน ถ้าไม่มีคนรู็จักที่พักอยู่ที่นี่คนนอกก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ไม่ต้องกลัวนะอีกตั้งสามชั่วโมงกว่าชมพูจะขับรถมาถึงที่นี่ เก๋ว่าพายนอนพักก่อนเถอะขากลับพายจะได้เปลี่ยนพูขับรถ""พายขอบใจนะเก๋ ขอบใจมากพายจะไม่ลืมเลยที่ช่วยพายไว้ รบกวนเก๋ด้วยนะ""ไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อนชมพูก็เหมือนเพื่อนเก๋นั่นแหละ เอาล่ะพายอาบน้ำก่อนก็ได้นะจะได้สบายตัว ใช้ชุดเก๋ได้เลย "ไพลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอนของกัลยา เตรียมตัวนอนหันมาอ
ที่โรงพยาบาลมีพนักงานเก่าแก่สองสามคนที่อาสาอยู่เป็นเพื่อนไพลิน หญิงสาวใช้เวลาพูดคุยเรื่องของพ่อเรื่องโรงงานเรื่องการทำงานกับเหล่าพนักงานอย่างเป็นกันเอง ครึ่งวันเช้าจนเที่ยงทุกคนขอเลี้ยงข้าวเธอที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล แดนไทยไม่ว่าอะไรเขาคอยดูอยู่ห่างๆ กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วทุกคนขอตัวกลับ ยืนยันว่าจะมาเยี่ยมพ่อเธอทุกวัน นั่นทำให้ไพลินรู้สึกอบอุ่น เหมือนทุกคนเป็นญาติผู้ใหญ่ หญิงสาวน้ำตาคลอตลอดเวลาที่ได้พูดคุยกับเหล่าพนักงานโรงงานของพ่อหลังทุกคนลากลับ ไพลินจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อ เงินของยายเธอยังไม่ได้ใช้ยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เธอยังไม่อยากกลับคอนโด ดีที่โรงพยาบาลที่นี่มีทุกอย่างพร้อม ร้านอาหาร คาเฟ่ เหมือนห้างสรรพสินค้ามากกว่า หมอ พยาบาลเดินกันขวักไขว่ ตึกที่พ่อเธออยู่มีร้านสะดวกซื้อไว้บริการสำหรับญาติคนป่วย และคนที่ทำงานในโรงพยาบาล เธอเดินกลับไปหาแดนไทยที่นั่งอยู่อีกฝั่งเขานั่งตั้งแต่เธอกินข้าวกับเพื่อนๆ ของพ่อ“ฉันต้องแวะไปที่ทำงานสักหน่อยเธอเสร็จรึยัง”“ฉันขออยู่ที่นี่จนถึงเย็นได้ไหมคะ เดี๋ยวสักสองทุ่มฉันกลับเองก็ได้”“งั้