Share

บทที่ 11

Author: เสี่ยวหมิงผู้โดดเดี่ยว
“พระราชโองการ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของขันทีหวัง ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างตกใจอย่างยิ่ง

เหตุใดจึงมีพระราชโองการกะทันหันเช่นนี้?

ทว่าทันใดนั้น หลินเจิ้งถังก็กล่าวด้วยสีหน้ายินดีว่า

“ฮ่าฮ่า มีพระราชโองการมาในเวลานี้ เห็นทีฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับการแต่งงานของชิงเยว่กับคุณชายเหลียงแล้ว!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เช้านี้เรื่องที่หยางฝานฉีกสัญญาหมั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง เกรงว่าฝ่าบาทจะทรงลงโทษเขาแล้ว”

หลินเจิ้งถังกล่าวเยาะเย้ยพลางชำเลืองมองหยางฝาน

ก็แค่ซื่อจื่อเยียนอ๋องที่ไม่เป็นที่โปรดปราน กล้าดียังไงมาหักหน้าหลินชิงเยว่ ผู้เป็นอู่โหวแห่งต้าเซี่ยที่กำลังถูกยกย่อง ฝ่าบาทจะทรงเพิกเฉยได้อย่างไร?

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเจิ้งถัง ใบหน้าของหลินชิงเยว่ก็เผยความยินดีออกมาเล็กน้อย

พร้อมกันนั้น นางก็ชำเลืองมองหยางฝานอย่างดูแคลนปาดหนึ่ง

ตอนนี้นางกับหยางฝานต่างกันราวฟ้ากับดิน

นางเป็นถึงอู่โหวแห่งต้าเซี่ย เป็นแม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง อีกทั้งยังกลับมาพร้อมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากการรบที่โม่เป่ย แล้วหยางฝานจะหยามเกียรตินางได้หรือ

บทลงโทษของฝ่าบาทในครั้งนี้เกรงว่าคงจะไม่เบา!

หากเป็นเมื่อก่อน นางอาจจะคิดขอความเมตตาแทนหยางฝาน

แต่ครั้งนี้หยางฝานไม่มีคุณธรรมก่อน เพื่อบีบให้นางเปลี่ยนใจ เขาถึงกับใจดำทำได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาก็ควรต้องชดใช้ในสิ่งที่เขากระทำลงไป

หากนางขอความเมตตาแทนหยางฝานจริง ๆ ก็เกรงว่าจะทำให้เขาเกิดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ขึ้นมาอีก

หลินชาวฉุนยิ่งแสดงสีหน้าได้ใจ

“ฮ่าฮ่า หยางฝาน เจ้าตายแน่ แม้แต่ฝ่าบาทยังสนับสนุนพี่ข้า เกรงว่าคราวนี้เจ้าคงจะไม่ได้เป็นแม้แต่ซื่อจื่อเยียนอ๋องแล้ว รอคลานออกจากจวนเยียนอ๋องเป็นหมาหงอยได้เลย!”

หลินชาวฉุนมองหยางฝานด้วยสายตาอาฆาตยิ่ง

หากหยางฝานไม่มีบรรดาศักดิ์ซื่อจื่อเยียนอ๋องคอยคุ้มกะลาหัว เขาก็มีวิธีมากมายที่จะฆ่าเขา

ตู้หย่งที่อยู่ข้าง ๆ แอบหัวเราะเยาะเย้ย

หยางฝานคนนี้มองสถานการณ์ไม่ออก สมควรแล้วที่ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้

เมื่อเห็นขันทีหวังลงจากม้า ทุกคนต่างก็คุกเข่ารอขันทีหวังประกาศพระราชโองการด้วยความเคารพ

“ด้วยโองการแห่งฟ้า...”

“บังอาจ!”

ขณะที่ขันทีหวังกําลังจะประกาศพระราชโองการ จู่ ๆ เสียงตะโกนก้องก็ขัดจังหวะเขาเสียก่อน

ขันทีหวังขมวดคิ้วพลางมองไปที่หลินเจิ้งถังผู้ที่ตะโกนร้อง

ในเวลานี้ หลินเจิ้งถังก็รู้ตัวแล้ว และมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบประสานมือพร้อมกับกล่าวว่า “ขอใต้เท้าโปรดอภัย ข้าน้อยไม่ได้ตำหนิท่าน แต่ตำหนิคนอวดดีที่บังอาจไม่เคารพฝ่าบาทผู้นี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเจิ้งถัง ทุกคนถึงสังเกตเห็นว่าหยางฝานยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่ได้คุกเข่าลง

“หยางฝาน ท่านอยากตายเร็วขนาดนั้นเลยหรือไง ถึงได้กล้ายืนรับพระราชโองการ!”

หลินชิงเยว่ขมวดคิ้วงามเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลน

หรือว่าหยางฝานแสร้งทำเป็นอวดเก่งในเวลานี้เพื่อหวังเอาใจนางงั้นรึ?

ช่างโง่เขลาเสียจริง!

เขาคิดว่าความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง?

เมื่อเผชิญหน้ากับคำตำหนิของหลินชิงเยว่ หยางฝานก็แสยะมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

“มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นโหว หาต้องคุกเข่ารับพระราชโองการไม่!”

หยางฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

ในเวลานี้ ต่อให้เซี่ยหลงยวนอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องคุกเข่า นับประสาอะไรกับแค่พระราชโองการฉบับเดียว

“หยางฝาน เรื่องอัปยศทั้งหลายของเจ้า ข้าได้ถวายฎีกาต่อฝ่าบาทไปนานแล้ว คนไม่เอาถ่านเช่นเจ้า ฝ่าบาทจะทรงยอมให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งเยียนอ๋องได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้าได้ล่วงเกินอู่โหวแห่งต้าเซี่ยแล้ว เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้ ยังคิดว่าตนเองเป็นอ๋องเป็นโหวอีกหรือ?”

หลินเจิ้งถังหัวเราะเยาะพลางกล่าวเย้ยหยัน

ตู้หย่งที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังด้วยความเคารพก็หัวเราะเยาะเช่นกัน

ในความคิดของเขา หยางฝานเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ

คนที่รับพระราชโองการโดยไม่ต้องคุกเข่ามีเพียงอ๋องหรือโหวเท่านั้น หยางฝานยังคิดว่าเขาจะได้เป็นเยียนอ๋องจริง ๆ หรือ?

“ใต้เท้าหวัง คนผู้นี้ไม่เคารพฝ่าบาทเช่นนี้ พวกท่านยังไม่รีบจับกุมเขาอีกหรือ?”

หลินชาวฉุนและหลินเจิ้งถังตะโกนออกมาพร้อมกัน

เมื่อมองดูหลินเจิ้งถังและบุตรชายตะโกนโหวกเหวก ขันทีหวังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หนวกหู!”

ขันทีหวังตะคอกเสียงเย็นชา

หลินเจิ้งถังและบุตรชายรีบหุบปากทันที

ขันทีหวังผู้นี้เป็นถึงคนสนิทของฝ่าบาท ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถล่วงเกินได้เลย

“พวกเจ้าหูหนวกหรือไง ไม่ได้ยินที่ท่านเยียนอ๋องกล่าวรึ?”

ขันทีหวังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ท่าน... ท่านเยียนอ๋อง?!”

ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจยิ่ง

ขันทีหวังผู้นี้เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮ่องเต้มานานหลายปี ทำผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่าหยางฝานผู้นี้เป็นเพียงซื่อจื่อเยียนอ๋องเท่านั้น!

แต่ขันทีหวังกลับไม่ได้สนใจความประหลาดใจของทุกคน เขาหยิบพระราชโองการขึ้นมาอ่านว่า

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา : หยางฝาน ซื่อจื่อเยียนอ๋อง มีพรสวรรค์ เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม เป็นที่ไว้วางใจของปวงชน สืบทอดปณิธานของเยียนอ๋องตั้งแต่เยาว์วัย ซื่อสัตย์จงรักภักดี ได้ถวายเกือกม้าและเสบียงอาหารเป็นต้นในสงครามโม่เป่ย ถือเป็นผู้มีคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน บัดนี้ ให้สถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็นเยียนอ๋อง โดยประกาศให้ทราบทั่วหล้า ย้ายไปประจำการที่ชายแดนตอนเหนือ เพื่อปกป้องแผ่นดิน อีกทั้ง การเจรจาสันติระหว่างต้าเซี่ยกับโม่เป่ยใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ให้หยางฝานผู้เป็นเยียนอ๋องดำรงตำแหน่งทูตการเจรจาสันติ โดยรับผิดชอบเรื่องการเจรจาทั้งหมด เยียนอ๋องโปรดรับพระราชโองการ”

“ข้ารับพระราชโองการ!”

หยางฝานก้าวไปข้างหน้าอย่างเหมาะสม รับพระราชโองการจากมือขันทีหวังด้วยมือทั้งสองข้าง

“ท่านเยียนอ๋อง อย่าทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังล่ะ!”

ขันทีหวังน้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อมพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มร่า

หยางฝานผงกศีรษะด้วยสีหน้าใจเย็น

ส่วนหลินชิงเยว่และคนอื่น ๆ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างตกตะลึงไปแล้ว

ฝ่าบาทไม่ได้มีพระราชโองการลงโทษหยางฝาน แต่กลับทรงแต่งตั้งเขาเป็นเยียนอ๋อง และยังให้เขารับตำแหน่งทูตเจรจาสันติอีก?!

“ใต้เท้าหวัง มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เขา… เขาจะสืบทอดตำแหน่งเยียนอ๋องได้อย่างไร?”

หลินเจิ้งถังเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เมื่อได้ยินดังนั้น ขันทีหวังที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มประจบประแจงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาในทันที และมองหลินเจิ้งถังอย่างดูแคลน

“บังอาจ! พวกเจ้าคิดจะตั้งข้อสงสัยต่อฝ่าบาทรึ!”

เมื่อขันทีหวังกล่าวเช่นนั้น หลินเจิ้งถังก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวในทันที

“ข้าน้อยมิกล้า!”

หลินเจิ้งถังตัวสั่นเทา กลัวว่าจะถูกลงโทษฐานดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ในขณะนี้ ดวงตาของหลินชิงเยว่เหม่อลอย

นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหยางฝานจะพลิกตัวกลายเป็นเยียนอ๋องไปได้!

ในฐานะฟานอ๋อง ไม่เพียงแต่มีเขตปกครองของตนเองเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจทางการทหารอีกด้วย ฐานะแตกต่างจากซื่อจื่ออย่างสิ้นเชิง

“เฮ่อ”

ขันทีหวังเปล่งเสียงเย็นชา แล้วหยิบพระราชโองการอีกฉบับออกมา

“หลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง รับพระราชโองการ”

เมื่อได้ยินว่าพระราชโองการฉบับนี้มีให้แก่หลินชิงเยว่ หลินเจิ้งถังถึงหน้าชื่นตาบานขึ้นมา

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจที่หยางฝานได้เป็นเยียนอ๋อง แต่แม้แต่คนไม่เอาถ่านอย่างหยางฝานยังได้เป็นเยียนอ๋อง เช่นนั้นรางวัลของหลินชิงเยว่ก็คงไม่แย่นัก

เมื่อเห็นหลินชิงเยว่ยืนเหม่อลอย หลินเจิ้งถังก็รีบผลักนางเบา ๆ

หลินชิงเยว่ถึงได้สติกลับมา แล้วรีบโค้งตัวถวายความเคารพ

“ข้า... ข้า หลินชิงเยว่ รับพระราชโองการ”

เมื่อมองดูหลินชิงเยว่ที่ดูว้าวุ่นใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ ขันทีหวังก็ลอบส่ายหน้าในใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะหยางฝาน ด้วยความสามารถของหลินชิงเยว่ นางไม่มีทางมาถึงตำแหน่งนี้ได้เลย

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา : หลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง กลับมาจากออกรบที่โม่เป่ย เดิมควรจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะที่ท้องพระโรง แต่หลินชาวฉุน น้องชายของนางไร้ขื่อไร้แป ลอบวางเพลิงจวนอ๋อง ความผิดใหญ่หลวงยิ่งนัก ให้ถอดสถานะนักศึกษาของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนของเขา ห้ามรับราชการตลอดชีวิต แล้วส่งเข้าคุก รอการตัดสินลงโทษ เรื่องนี้มีผลกระทบร้ายแรง จึงให้ยกเลิกงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะแต่บัดนี้ จบพระราชโองการ”

เมื่อขันทีหวังกล่าวจบ หลินชิงเยว่ก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

งานเลี้ยงฉลองชัยชนะของนาง... ถูกยกเลิกแล้ว?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 40

    เซี่ยรั่วหลินแค่นเสียงเย็นชา“ฮึ! ข้าต้องนั่งข้างเจ้าเพื่อคอยกำกับดูแลเจ้า ถึงตอนนั้น หากเจ้าเจรจาได้ไม่ดี ก็ให้ข้าเจรจาแทน ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะว่า ข้ามีแม่ทัพเถาฮวาคอยช่วยเหลือ ด้วยพลังอำนาจของแม่ทัพเถาฮวา บางทีอาจจะทำให้ชาวโม่เป่ยหวาดกลัวจนถอยรนกลับไปจริง ๆ ก็ได้!”เซี่ยรั่วหลินกล่าวพลางชี้ไปยังหลินชิงเยว่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเห็นเซี่ยรั่วหลินชี้มาที่ตน หลินชิงเยว่ก็รีบประสานมือคารวะและเมื่อมองเห็นหยางฝาน นางกลับทำหน้าดูแคลนหยางฝานลอบส่ายหน้าในใจไม่ใช่ว่าเขาดูถูกหลินชิงเยว่เพราะเรื่องถอนหมั้น เพียงแต่ความน่าเกรงขามของหลินชิงเยว่ที่มีต่อชาวโม่เป่ยนั้น เกรงว่าอาจจะไม่สูงอย่างที่เซี่ยรั่วหลินคาดหวังไว้ทว่าหยางฝานไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาดูถูกเยาะเย้ยที่เหล่าขุนนางมองมาเป็นครั้งคราว หยางฝานก็ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เพียงลิ้มรสสุราในถ้วยอย่างใจเย็นไม่นานนัก ขันทีหวังก็เดินออกมา“ฝ่าบาทเสด็จ!”เมื่อได้ยินคำนี้ เหล่าขุนนางก็ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกันจากนั้นก็เห็นเซี่ยหลงยวนในชุดฉลองพระองค์สีเหลืองทองลายมังกรเสด็จออกมา“ถวายบังคมฝ่าบาท ฝ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 39

    เมื่อเห็นความมั่นใจบนใบหน้าของหยางฝาน เซี่ยหลงยวนก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด จึงผงกศีรษะทันที“ดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะคอยดู!”...ประตูพระราชวังค่อย ๆ เปิดออกพร้อมกับเสียงระฆังที่ดังยาวนาน ขุนนางทั้งหลายก้าวเข้าไปข้างใน แล้วจึงทยอยกันนั่งลงตามลำดับวันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตโม่เป่ยเพื่อเจรจาสันติ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ขุนนางที่เข้าร่วมได้ในบรรดาผู้เข้าร่วมมีนักศึกษาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของต้าเซี่ยหลายคน รวมถึงผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปะและการประพันธ์ต้าเซี่ยเป็นดินแดนแห่งขนบธรรมเนียมและพิธีการที่ถ่ายทอดความรู้และเกียรติภูมิผ่านบทกวีและตำรา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคณะทูตโม่เป่ย ก็ย่อมต้องแสดงความยิ่งใหญ่ให้เห็นอย่างเต็มที่“องค์หญิงใหญ่เสด็จ!”เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับเสียงโห่ร้องของขันทีคนหนึ่ง “ถวายบังคับองค์หญิง!”ในขณะนั้น เซี่ยรั่วหลินยกชายกระโปรงวิ่งเข้ามา โดยไม่สนใจการถวายบังคมของเหล่าขุนนางเลยแม้แต่น้อย นางตรงดิ่งเข้าไปหาหยางฝานทันที“หยางฝาน เจ้าคนโง่! เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือไง!”เซี่ยรั่วหลิน

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 38

    ไม่นานนัก ข่าวที่หยางฝานจะไม่ชดใช้แม้แต่ข้าวเม็ดเดียวหรือเงินหนึ่งตำลึงในการเจรจาสันติครั้งนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ในชั่วพริบตา คำสรรเสริญนับไม่ถ้วนว่า เยียนอ๋องคือวีรบุรุษที่แท้จริง ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสายแต่คนที่มีเจตนาแอบแฝงหลายคนกลับดูถูกคำพูดเหล่านี้อย่างที่สุดเพราะพวกเขารู้ดีว่า ตอนนี้หยางฝานถูกชาวบ้านเชิดชูขึ้นสูงเพียงใด เวลาตกลงมาก็จะเจ็บปวดเท่านั้นเมื่อยามสนธยาเริ่มมาเยือน เสียงกลองและเสียงระฆังก็ดังขึ้นทั่วพระราชวังเหล่าขุนนางจำนวนมากแต่งกายเต็มยศ เดินเข้าสู่พระราชวังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมการเจรจาสันติระหว่างต้าเซี่ยกับโม่เป่ย หาใช่ครั้งแรกไม่ แต่ทุกครั้งที่เจรจาสันติกัน ก็จะลงเอยด้วยการที่ต้าเซี่ยต้องชดใช้เงินและเสบียงจำนวนมหาศาลทว่าต่อให้จะชดใช้เงินและเสบียงไปมากมายขนาดนี้ โม่เป่ยก็ยังคงก่อความวุ่นวายปีแล้วปีเล่าเงินและเสบียงเหล่านั้น ราวกับเพียงแค่ซื้อความสงบสุขให้ต้าเซี่ยได้ไม่กี่เดือนเท่านั้นในขณะที่ขุนนางกลุ่มหนึ่งเดินไปด้วยความคิดที่แตกต่างกันนั้นเอง ทันใดนั้น รถม้าคันหนึ่งก็แล่นผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว“ในเขตพระราชวัง ยังกล้าควบรถม้ารี

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 37

    ในเวลานี้หยางฝานไม่ควรรู้สึกกดดันอย่างมากหรอกหรือ!“ท่านเยียนอ๋อง ไม่ทราบว่าการเจรจาสันติกับโม่เป่ยในครั้งนี้ ท่านเตรียมจะยอมรับเงื่อนไขใดบ้างขอรับ?” มีคนกล้าถามขึ้น“ตอนนี้รายละเอียดการเจรจาสันติยังคงเป็นความลับ แต่ดังที่ทุกท่านกล่าวไว้ ต้าเซี่ยของเราชนะโม่เป่ยแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลอันใดที่เราจะต้องจ่ายทั้งเงินทั้งเสบียง ดังนั้น ข้าสามารถให้คำมั่นกับทุกคนได้ว่า ในการเจรจาสันติครั้งนี้ ต้าเซี่ยของเราจะไม่ยอมชดใช้แม้แต่ข้าวเมล็ดเดียวหรือเงินหนึ่งตำลึงเด็ดขาด!”เมื่อหยางฝานกล่าวจบ บรรยากาศในที่นั้นก็เงียบสงัดไปชั่วขณะแม้ว่าชาวบ้านจะโกรธแค้น แต่พวกเขาก็รู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้ผลประโยชน์ใด ๆ แก่ชาวโม่เป่ยเลยแต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า หยางฝานจะกล้าให้คำมั่นกับพวกเขาว่าจะไม่ชดใช้แม้แต่ข้าวเมล็ดเดียวหรือเงินหนึ่งตำลึง!เยียนอ๋องมีความมั่นใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?“เยียนอ๋องจงเจริญ!”ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นชาวบ้านก็พร้อมใจกันตะโกนเสียงดังกึกก้อง“เยียนอ๋องจงเจริญ!”“เยียนอ๋องจงเจริญ!”เมื่อมองหยางฝานที่จมหายไปในเสียงโห่ร้องแห่งความยินดี หลายคนในหมู่ฝูงชนต่างสบตากันแล

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 36

    “เรื่องนี้เริ่มแพร่มาจากโรงสุราและหอคณิกาต่าง ๆ ทั่วเมือง ตอนที่พวกกระหม่อมพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข่าวสารก็ได้แพร่ไปทั่วเมืองหลวงแล้ว จึงไม่สามารถสืบหาได้เลยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยหลงยวนก็ขมวดคิ้ว“ดูเหมือนว่ามีคนต้องการให้เยียนอ๋องตายสินะ!”เซี่ยหลงยวนกำหมัดแน่นบัดนี้ข่าวลือในเมืองหลวงได้แพร่กระจายไปถึงขนาดนี้ หากผลการเจรจาสันติของหยางฝานไม่เป็นที่น่าพอใจ จะต้องนำมาซึ่งความไม่พอใจของปวงประชาอย่างรุนแรงแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้อย่างเขาเองก็อาจจะควบคุมไว้ไม่อยู่!“ตรวจสอบต่อไป แล้วก็ส่งให้หน่วยคงคาทมิฬอีกกลุ่มไปคุ้มครองความปลอดภัยของเยียนอ๋องด้วย!”เซี่ยหลงยวนโบกมือ“พ่ะย่ะค่ะ!”สายลับถอยออกไปเมื่อเขาจากไป เซี่ยหลงยวนถึงถอนหายใจ“เยียนอ๋องเอ๋ยเยียนอ๋อง ดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่ไม่ต้องการให้เจ้าขึ้นครองตำแหน่งนี้ ข้าก็ช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้แหละ หวังว่าเจ้าจะมีวิธีรับมือกับมันนะ!”..และในขณะเดียวกัน ในจวนเยียนอ๋อง“ท่านอ๋อง นี่เป็นแผนการของคนที่มีเจตนาจะยกย่องท่านเป็นพิเศษชัด ๆ ตอนนี้พวกเราอย่าออกไปตอบโต้อะไรเลยจะดีก

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 35

    ทุกคนมองขวดที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อพวกเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่บรรจุอยู่ในขวด แต่ขวดต่างหากที่ทำให้พวกเขาตาเป็นประกาย“ของสิ่งนี้แหละคือเหตุผลที่ข้าเรียกพวกเจ้ามารวมตัวกันในวันนี้!”หยางฝานกล่าว“ท่านประธานขอรับ ขวดนี้ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าที่สวรรค์ประทานมาเป็นแน่ สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ จะนำมาทำการค้าขายได้อย่างไรกันขอรับ?”นายกสมาคมการค้าเหลียงโจวส่ายหน้าทันทีคนอื่น ๆ ก็ผงกศีรษะเห็นด้วยเมื่อเห็นพวกเขาสนใจแต่ขวด หยางฝานก็ถึงกับพูดไม่ออก“ขวดนี่จะเป็นสมบัติล้ำค่าบ้าบออะไรกันเล่า! ถ้าพวกเจ้าอยากได้ ข้าเผาออกมาเป็นพัน ๆ ชิ้นเมื่อไหร่ก็ได้”พอหยางฝานกล่าวเช่นนั้นจบ ทุกคนต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ“ท่าน... ท่านประธาน ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ? ขวดพวกนี้ใสยิ่งกว่าไข่มุกแห่งทะเลบูรพาเสียอีก ท่านสามารถเผาออกมาได้เป็นพัน ๆ ชิ้นเลยหรือขอรับ?”โจวกว่างรุ่ยเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหยางฝานผงกศีรษะ“ของสิ่งนี้เรียกว่าแก้ว ทำได้โดยการเผาทราย”เมื่อได้ยินดังนั้น โจวกว่างรุ่ยก็แทบจะล้มลงกับพื้นให้ตายเถอะ! เขาอุตส่าห์คิดว่าตัวเองทุ่มเงินก้อนโตซื้อสมบัติล้ำค่ามาได้ ไม่คิดเลยว่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status