Share

บทที่ 10

Author: เสี่ยวหมิงผู้โดดเดี่ยว
“โครม!”

เสียงตะโกนด้วยโทสะของหยางฝานดังสนั่นราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ดังกึกก้องอยู่ในหัวของหลินชิงเยว่

นางมองหลินชาวฉุนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “จวนนั่น เจ้าเป็นคนสั่งให้หยางฝานสร้างอย่างนั้นรึ?”

“ข้า... ถูกใส่ร้าย ท่านพี่!”

เมื่อเห็นสายตาพิฆาตของหลินชิงเยว่ หลินชาวฉุนจะกล้ารับสารภาพตอนนี้ได้อย่างไร?

“ท่านพี่! อย่าไปฟังหยางฝานพูดเหลวไหล การสร้างจวนไม่เกี่ยวกับข้าเลยแม้แต่น้อย เป็นฝีมือของหยางฝานทั้งหมด!”

“น่าขันสิ้นดี!”

เมื่อได้เห็นความไร้ยางอายของหลินชาวฉุน ฉิงเอ๋อร์ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว

นางเบะปากพลางกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “คุณชายหลิน! ท่านคิดว่าคนงานกว่าสามพันคนในเมืองหลวงตาบอดรึไง? แล้วยังมีใต้เท้าหวังจากกรมโยธาที่ออกแบบจวนให้ท่านอีกล่ะ? จะให้ข้าไปเชิญเขามาถามต่อหน้าท่านหรือไม่?”

“ข้า...” หลินชาวฉุนไม่กล้าพูดอะไรอีก

หวังหลาง เจ้ากรมโยธาเป็นสหายเก่าของเยียนอ๋อง

ไม่มีทางที่เขาจะเข้าข้างหลินชาวฉุนได้เลย

“ชิงเยว่! ตอนนี้ใช่เวลามานั่งสอบสวนเรื่องพวกนี้หรือ? หยางฝาน เขากำลังบิดเบือนความจริง! เขาหยามเกียรติน้องชายเจ้าถึงขนาดนี้ หรือว่าเพราะเขามีเงินไม่กี่ตำลึง แล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้อย่างนั้นรึ?”

หลินเจิ้งถังกล่าวเข้าข้างหลินชาวฉุน

“ได้ หยางฝาน ให้เวลาข้าหนึ่งเดือน ทั้งค่าจวนและค่าแรง ทั้งหมดสิบล้านตำลึง ข้าจะคืนให้ท่าน!”

หลินชิงเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ

กัดฟันแน่นพลางให้คำมั่นสัญญา

“หากเจ้าไม่มีปัญญาใช้คืนเล่า?”

“ข้าเป็นถึงอู่โหวแห่งต้าเซี่ยผู้ทรงเกียรติ จะเสียสัจจะได้ยังไง...”

“ช้าหนึ่งวัน”

หยางฝานชูนิ้วขึ้นมา “ดอกเบี้ยวันละสิบตำลึง”

กล่าวจบ หยางฝานก็เหลือบมองตู้หย่ง “ใต้เท้าตู้ก็อยู่ที่นี่พอดี ใต้เท้าตู้โปรดรับรองด้วย!”

“หยางซื่อจื่อ นี่ นี่มันจะดีหรือขอรับ...” ตู้หย่งรีบปาดเหงื่อ ไม่กล้ารับคำ

แต่ใครจะรู้ว่า หลินชิงเยว่กลับพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ดี ใต้เท้าตู้โปรดรับรองเรื่องนี้ด้วย!”

ตู้หย่งได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดเผือด

นี่มันสิบล้านตำลึงเลยนะ!

ภาษีที่นาทั้งปีของต้าเซี่ยก็แค่สามสิบกว่าล้านตำลึงเท่านั้น

หากเขารับรอง พอถึงกำหนดแล้วสกุลหลินหาเงินมาคืนไม่ได้...

ต่อให้เขามีความกล้าอีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้าไปทวงหนี้ถึงหน้าบ้านแทนหยางฝานหรอกนะ!

แต่เมื่อนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับหยางฝานในเมืองหลวง...

จู่ ๆ ตู้หย่งก็พลันรู้สึกใจหวิวขึ้นมาในทันใด

และเสียใจที่ออกหน้าช่วยสกุลหลิน!

“ฉิงเอ๋อร์! เอาโฉนดที่ดินคืนมา! หนึ่งเดือนหลังจากนี้ หากสกุลหลินหาเงินมาไม่ได้ ก็คิดดอกเบี้ยไปตามเดิม และโฉนดที่ดินก็ยังจะถูกส่งไปประมูลที่สมาคมการค้าต้าเซี่ย”

เมื่อเห็นหลินชิงเยว่ยอมรับ หยางฝานก็ไม่ติดใจเอาความอีก

ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับพวกอวดฉลาด

เมื่อเห็นว่าหยางฝานไม่พูดถึงเรื่องเงินอีก ในที่สุดใบหน้าของหลินเจิ้งถังก็กลับมามีสีสันอีกครั้งทันที พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันว่า “หยางฝาน ตอนนี้ถึงเวลาคิดบัญชีที่เจ้าหยามเกียรติบุตรชายข้าหรือยัง?”

“ถูกต้อง!”

หลินชิงเยว่มองดูหลินชาวฉุนที่เลือดกบปากพลางกัดฟันกรอด “หยางฝาน! ถึงแม้ว่าสกุลหลินของข้าจะติดหนี้ท่าน ท่านก็ไม่ควรลงมือกับน้องชายข้า แถมยังใส่ร้ายเขาว่าวางเพลิงเผาจวนอ๋องอีก เหตุใดท่านถึงได้ไร้ยางอายถึงขนาดนี้?”

“แล้วก็ชุนหลิ่ว สาวใช้ของข้า นางเป็นแค่สาวใช้ตัวเล็ก ๆ ท่านต้องใจร้ายขนาดไหนถึงได้สั่งให้คนควักลูกตานาง?”

หลินชิงเยว่ยิ่งกล่าวก็ยิ่งโกรธ “หยางฝาน วันนี้ท่านต้องให้คำอธิบายกับสกุลหลินของข้า มิฉะนั้น ท่านผู้ว่าตู้จะไม่เข้าข้างท่านอย่างแน่นอน ต่อให้ท่านเป็นซื่อจื่อเยียนอ๋อง ก็ต้องรับการลงโทษตามกฎหมายของต้าเซี่ย!”

“ถูกต้อง ถูกต้อง...”

ตู้หย่งผงกศีรษะถี่ ๆ แต่ในใจกลับไม่อยากจะล่วงเกินฝ่ายใดทั้งนั้น จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อมค้อมว่า “หยางซื่อจื่อ ต่อหน้าท่านหลินอู่โหว ข้าไม่มีทางลำเอียงเด็ดขาด!”

“ใต้เท้าตู้กล่าวเช่นนี้ ข้าก็สบายใจแล้ว!”

หยางฝานไม่เร่งรีบ หันไปมองเยียนเป่ยแล้วกล่าวว่า “ไปเอาหลักฐานมา”

“ซื่อจื่อ”

ครู่ต่อมา เยียนเป่ยหอบลูกศรที่ถูกเผาแล้วเก็บกลับมาโยนกองไว้ที่เท้าของทุกคน

“จะว่าไปก็น่าขัน ลูกศรเหล่านี้ ข้าให้กรมโยธาจัดทำขึ้น เพื่อให้อารักขาของจวนแม่ทัพใช้ แต่สุดท้ายกลับถูกยิงเข้ามาในจวนข้าเสียเอง!”

หยางฝานชี้ไปที่ลูกธนูเหล่านั้น “ปลายลูกศรทุกดอกล้วนสลักเลขหมายของฝ่ายเครื่องจักรของกรมโยธา ใต้เท้าตู้เพียงแค่หาสมุดบัญชีของกรมโยธามาตรวจสอบว่าใช่ลูกศรของสกุลหลินหรือไม่ ก็จะรู้ได้ทันที!”

“ขอบังอาจถามใต้เท้าตู้ว่า หลินชาวฉุนนำทหารส่วนตัวมาโจมตีจวนเยียนอ๋อง สมควรได้รับโทษเช่นใด?”

“นี่...” ตู้หย่งกลืนน้ำลาย เหงื่อแตกพลั่ก

ใบหน้างามของหลินชิงเยว่ถอดสี นางคุกเข่าลงคว้าลูกศรขึ้นมาหนึ่งดอก

สามารถเห็นหมายเลขที่ปลายลูกศรได้อย่างชัดเจนว่ามาจากกรมโยธาจริง ๆ

แม้ในใจจะคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่หลินชิงเยว่ก็ยังมีความหวังเล็กน้อย นางจ้องมองหลินชาวฉุนอย่างดุดัน “ชาวฉุน! เจ้าพูดความจริงมา เจ้าได้วางเพลิงเผาจวนอ๋องหรือไม่?”

“ไม่จริง! ทั้งหมดไม่เป็นความจริง! ท่านพี่! ข้าถูกใส่ร้ายจริง ๆ นะ!”

“หยางฝาน! เจ้าสนิทกับเจ้ากรมโยธาเหมือนลุงกับหลานกัน นี่ต้องเป็นแผนที่พวกเจ้าสมคบคิดกันไว้เพื่อใส่ร้ายข้าแน่ ๆ!”

หลินชาวฉุนหน้าซีดเผือด ตะโกนอย่างกระวนกระวาย

ก่อนที่เขาจะไปหาหยางฝาน เขาไม่ได้คิดเลยว่าหยางฝานจะกล้าจับเขา เขาจะไปคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?

ทำได้แค่ปฏิเสธหัวชนฝา!

หลินเจิ้งถังก็เริ่มตระหนกได้ รีบกล่าวว่า “ใช่แล้ว ท่านใต้เท้าตู้ หยางฝานกับกรมโยธาสนิทสนมกันมาก ลูกศรเหล่านี้ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้!”

“นี่...” ตู้หย่งไม่ตอบก็ไม่ได้ ตอบก็ไม่ได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนเหงื่อแตกท่วมตัว และถึงกับขาสั่น!

ทว่าในขณะนั้นเอง เยียนเป่ยกลับยิ้มคิกคักพลางล้วงเอาคำให้การหลายฉบับออกมาจากอกเสื้อ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “แล้วคำให้การเหล่านี้เล่า? นอกจากพวกคนร้ายที่หลบหนีไปแล้ว ที่เหลือยังถูกขังอยู่ในจวนอ๋องอยู่นะ ท่านผู้ว่าตู้ใช่หรือไม่? ท่านสามารถเรียกคนพวกนั้นมาสอบสวนได้ทุกเมื่อ!”

อะไรนะ?

ตู้หย่งหน้าซีดเผือด

หันไปมองหลินชาวฉุนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เจ้าบ้านี่ทิ้งช่องโหว่ไว้มากมายขนาดนี้ เอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าปฏิเสธหัวชนฝาแบบนี้?

“แล้วก็ชุนหลิ่วคนนั้นอีก!”

ในเวลานี้ ฉิงเอ๋อร์ก็กล่าวถากถางด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “นางเป็นแค่สาวใช้ บุกรุกจวนอ๋องอย่างอุกอาจแล้วถูกอารักขาขัดขวาง แต่กลับกล่าววาจาอวดดี ต้องการควักลูกตาของอารักขาเหล่านั้น แถมยังกล่าววาจาหยามเกียรติซื่อจื่อของพวกเราอีก นางถูกควักลูกตาก็ถือว่าเบาแล้ว!”

“เรื่องนี้ ทุกคนในจวนอ๋องสามารถเป็นพยานได้ และกล้ารับประกันด้วยชีวิต!”

“ไม่! เป็นไปไม่ได้...”

หลินชิงเยว่มีสีหน้าไม่สู้ดีมาก และเซถอยหลัง แทบจะยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้

ดังนั้น ชุนหลิ่วถูกควักลูกตาเพราะดูหมิ่นอารักขาอย่างนั้นรึ?

ยิ่งไปกว่านั้น หลินชาวฉุน น้องชายของนางยังได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างการวางเพลิงเผาจวนอ๋องงั้นรึ?

นี่ไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ!

“หยางฝาน! ท่านก็แค่อยากจะขอข้าคืนดีไม่ใช่รึ? เหตุใดต้องโหดร้ายถึงเพียงนี้ วางแผนเล่นงานสกุลหลินของข้าอย่างเป็นวักเป็นเวน?”

หลินชิงเยว่มีสีหน้าเคียดแค้น สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต

นางเพียงรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ เป็นการแก้แค้นของหยางฝานที่มีต่อนาง!

“หยางฝาน! ตาแก่คนนี้ขอเตือนเจ้าว่าให้รู้จักพอ เรื่องวันนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้!”

หลินเจิ้งถังมีสีหน้าดุดัน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการข่มขู่ “เจ้าอย่าลืมนะว่าตอนนี้ เจ้าเป็นแค่ซื่อจื่อธรรมดาเท่านั้น แต่ชิงเยว่เป็นถึงอู่โหวแห่งต้าเซี่ย!”

“ไฟโทสะของสกุลหลินของข้า เจ้าไม่มีทางรับไหวหรอก!”

“ถูกต้อง ควรแก้ไขความขัดแย้ง ไม่ควรสร้างศัตรู หยางซื่อจื่อ ตามที่ข้าเห็น...”

ตู้หย่งที่อยู่ข้าง ๆ กำลังจะกล่าวไกล่เกลี่ย แต่ยังพูดไม่ทันจบ ขันทีในชุดขุนนางกว่าสิบนายก็ควบม้าอย่างรวดเร็วแต่ไกล ๆ

“พระราชโองการมาถึงแล้ว!”

“หยางฝาน ซื่อจื่อเยียนอ๋อง หลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวาขั้นหนึ่ง อู่โหวแห่งต้าเซี่ย โปรดรับพระราชโองการ!”

ขันทีหวัง หัวหน้าขันทีประจำหน้าพระที่นั่งสวมเสื้อคลุมสีเหลือง มือถือพระราชโองการพลางตะโกนเสียงแหลมสูง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    “ชิงเยว่ แม้ว่าหยางฝานผู้นี้จะไม่สามารถทำการใหญ่สำเร็จได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับชาวฉุน เรายังควรต้องใส่ใจให้มากขึ้น ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ ซึ่งเป็นรองทูตเจรจาสันติ ตอนนี้ประทับอยู่ที่จวนเยียนอ๋อง เพื่อหารือเรื่องการเจรจาสันติกับหยางฝาน ชิงเยว่ เจ้าลองใช้โอกาสนี้ไปสืบดูว่าเขาเตรียมจะจัดการเรื่องการเจรจาสันติอย่างไรบ้าง”เหลียงเส้าเหวยกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจเขาไม่ต้องการเห็นหยางฝานประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติจริง ๆในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้แผนการของหยางฝานล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทว่าเมื่อหลินชิงเยว่ได้ยินว่าต้องการให้นางไปหาหยางฝาน ในใจก็เกิดรู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที“คุณชายเหลียงคิดมากไปแล้ว ข้ารู้จักหยางฝานผู้นี้ดีที่สุด เขาไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย เรื่องการเจรจาสันตินี้ เขาจะมีวิธีรับมือได้อย่างไรกัน!”หลินชิงเยว่กล่าวเสียงเย็นชาทว่าเหลียงเส้าเหวยกลับส่ายหน้า“ชิงเยว่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาวฉุน เจ้าอย่าได้ต่อต้านเลย มีเพียงหาวิธีทำให้หยางฝานเจรจาสันติล้มเหลวเท่านั้น เราจึงจะสามารถช่วยชาวฉุนออกมาได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้น แม้จะจ่ายเงินไปแล้ว

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 31

    เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและมีเหตุผลของเซี่ยรั่วหลิน หยางฝานก็ปรบมือรัว ๆเด็กคนนี้ฉลาดไม่เบาเลยนะ!และในขณะนั้นเอง ฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นอย่างเหมาะเจาะว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านอ๋องจะตั้งราคานมนี้เท่าใด แต่วิธีการถนอมนม ท่านอ๋องได้คิดไว้เรียบร้อยนานแล้วเพคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็มองไปยังหยางฝานด้วยความประหลาดใจทันที“ท่านมีวิธีเก็บรักษานมไม่ให้เสียหรือ?”หยางฝานผงกศีรษะทว่าเซี่ยรั่วหลินกลับแสดงสีหน้าสงสัย“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีวิธีใดใต้หล้านี้ที่สามารถเก็บรักษานมสดไม่ให้เสียได้ ต่อให้เจ้าจะใช้ก้อนน้ำแข็งตลอดเวลาก็เก็บได้ไม่กี่วันแน่นอน”เซี่ยรั่วหลินจ้องหยางฝานอย่างสงสัยหยางฝานผงกศีรษะ“เป็นจริงอย่างที่องค์หญิงตรัส แม้นมนี้จะเก็บรักษาด้วยก้อนน้ำแข็งก็เก็บได้ไม่นาน!”เมื่อเห็นว่าแม้แต่เขาเองก็ยังพูดเช่นนี้ เซี่ยรั่วหลินก็หัวเราะออกมา“แล้วเจ้ายังกล้าพูดจาโอ้อวดว่ามีวิธีเก็บรักษาแล้วงั้นรึ?”หยางฝานหัวเราะเบา ๆ “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าจะใช้น้ำแข็งในการเก็บรักษานมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นเขามีท่าทางมั่นใจเต็มร้อยขนาดนั้น เซี

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 30

    “เจ้าค่ะ!”ฉิงเอ๋อร์มองเซี่ยรั่วหลินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปไม่นานนัก ฉิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมแก้วที่บรรจุของเหลวสีขาวขุ่นอึก!เซี่ยรั่วหลินมองของเหลวสีขาวขุ่นที่บรรจุในแก้ว แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนนั้นนางเห็นหยางฝานรีดนมด้วยตาตัวเองพอนึกถึงภาพนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เริ่มอยากจะถอนตัวกลางคัน“เชิญองค์หญิงชิมพ่ะย่ะค่ะ!”หยางฝานกล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่ได้ เสด็จย่าบอกว่าข้าต้องใช้ข้อเท็จจริงมาโต้แย้งไอ้หมอนี่ ถอยกลับตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เผยสีหน้าเหมือนตายเป็นตายพร้อมยกแก้วนมขึ้นมาดื่มแต่พอนมโคมาจ่อที่ปาก เซี่ยรั่วหลินกลับไม่ยอมนำเข้าปากสักทีพอคิดว่านมนี้ถูกรีดมาจากโค ในใจของนางก็รู้สึกต่อต้านอย่างประหลาดใจ“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”หยางฝานเห็นสีหน้าตายเป็นตายของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจทว่า ราวกับถูกคำกล่าวของเขายั่วโมโห เซี่ยรั่วหลินจึงส่งเสียงเย็นชาออกมาทันที“ก็แค่นมโคมิใช่รึ วันนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าของสิ่งนี้ไร้ค่าสิ้นดี เจ้า

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 29

    เมื่อเห็นตั่วเหยียนเอ่ยพลางกำลังจะเผาจดหมาย กุนซือก็รีบกล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงจะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางของเราในครั้งนี้จะเพื่อขอเสบียงและเงินบรรณาการ แต่หากมีคนในราชสำนักต้าเซี่ยคอยช่วยเหลือ การบรรลุเป้าหมายนี้ก็จะง่ายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”พอเขากล่าวเช่นนี้ ตั่วเหยียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงผงกศีรษะ“ท่านกุนซือกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นเราก็ร่วมมือกับเขาดูสักครั้งเถิด แต่ว่าตามที่ระบุไว้ในจดหมายนี้ ผู้ที่จะมาเจรจากับเรา เป็นถึงท่านอ๋องของต้าเซี่ยเลยหรือ?”ตั่วเหยียนมองดูชื่อหยางฝานที่เขียนอยู่ในจดหมาย แล้วถามด้วยความแคลงใจกุนซือได้ยินดังนั้นแล้วก็หัวเราะเยาะอย่างดูแคลน“หยางฝาน เยียนอ๋องผู้นี้ ข้าก็เคยสืบมาแล้ว คนผู้นี้มีสัญญาหมั้นกับหลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวา แต่คนผู้นี้กลับเป็นคนเหลวไหลที่ไม่มีทั้งเกียรติยศและพรสวรรค์ในการบัญชาการรบ ได้ยินมาว่าวัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกพ่อค้า เป็นแค่ท่านอ๋องรุ่นที่สองที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น ฮ่องเต้ต้าเซี่ยก็คงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ คิดว่าแค่ดันคนไม่เอาถ่านอย่างเยียนอ๋องขึ้นมา จะสามารถทำให้เราหวาดกลัวจนต้องถอยรนไปไ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 28

    “จดหมายธนู?!”ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรีบลุกขึ้นยืนทันที“จับคนยิงได้หรือไม่!”กุนซือรีบถามกองกำลังคุ้มกันคณะเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เป็นถึงกองทัพรักษาพระองค์ของท่านข่าน ปล่อยให้มีคนลอบเข้ามาถึงข้างค่ายโดยไม่รู้ตัวเลยหรือ?“ขอองค์หญิงและท่านกุนซือโปรดอภัยด้วย พวกข้าจับคนผู้นั้นไม่ได้!”ทหารผู้กล้าส่ายหน้าขณะคุกเข่า“ฮึ! พวกไร้ประโยชน์!”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาทหารผู้กล้าที่คุกเข่าอยู่รีบก้มหน้าลงทันทีส่วนกุนซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือเรียกทหารผู้กล้าผู้นั้น“นำจดหมายธนูนั้นมา!”“ขอรับ!”กุนซือรับจดหมายธนูมา แต่ไม่ได้เปิดจดหมายออกในทันที กลับมองไปที่ลูกศรขนนกในมือแทน“ของสิ่งนี้มีอะไรน่าดูนักหนา ก็แค่คำยั่วยุจากพวกไร้ประโยชน์ของต้าเซี่ยเท่านั้นเอง มีคนแบบนี้ตลอดทาง ไม่น้อยไม่ใช่หรือ”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลนต้าเซี่ยกับโม่เป่ยทำสงครามกันทุกปี คณะทูตอย่างพวกเขาเจอคนต้าเซี่ยที่โกรธแค้นไม่น้อยเลยระหว่างทางที่ผ่านมาทว่ากุนซือได้ยินดังนั้นแล้วกลับยิ้มพลางส่ายหน้า“องค์หญิง ข้าคิดว่าครั้งนี้อาจจะต่างออกไป”กล่าวจบ กุนซือก็แกะจดหมายออกเ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 27

    ทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา เซี่ยรั่วหลินก็เห็นไทเฮากำลังสวดมนต์อยู่ทันทีที่เห็นไทเฮา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็เอ่อล้นในดวงตาของเซี่ยรั่วหลิน“เสด็จย่า!”เซี่ยรั่วหลินร้องเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดไทเฮา แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ“โธ่เอ้ย! ผู้ใดทำให้เด็กดื้อของเราไม่พอใจละเนี้ย ย่าจะไปสั่งสอนเขาเดี๋ยวนี้!”ไทเฮาลูบหลังเซี่ยรั่วหลินเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความรู้สึกสงสารยิ่งเซี่ยรั่วหลินเปล่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังทันที“เสด็จย่า ท่านโปรดตัดสินว่านี่ใช่ความผิดของหยางฝานคนอวดดีคนนั้นหรือไม่ ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงเขาแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ฟังคำของข้าอีก ฮึ! โมโหจนจะตายอยู่แล้ว!”ไทเฮามองดูท่าทางโกรธขึ้งของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็ไม่รู้จะตอบนางอย่างไรในทันทีเมื่อเทียบกับเซี่ยรั่วหลินที่ไม่รู้อะไรเลย ไทเฮากลับเข้าใจหยางฝานค่อนข้างมากหากหยางฝานไม่ได้แบ่งกำไรจากเครื่องประทินโฉมให้นางครึ่งหนึ่ง แม้นางจะเป็นไทเฮา ก็ไม่สามารถสร้างโบสถ์อันงดงามวิจิตรเช่นนี้ได้กระนั้น ในความคิดของไทเฮา หยางฝานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแน่นอนและนางยังรู้ด้วยว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงต้องใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status