Share

บทที่ 583

Author: จิ้งซิง
เมื่อเวินจื่อเยวี่ยได้ยิน ก็มองไปทางเวินเยวี่ยทันที

สายตาที่ดุร้ายอย่างอธิบายไม่ถูกทำให้เวินเยวี่ยหดศีรษะ ในใจยิ่งรู้สึกโกรธเล็กน้อย

ทั้งหมดเป็นความผิดของเวินซื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เวินจื่อเฉินจะกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!

ต้องบอกก่อน เมื่อก่อนเวินจื่อเฉินกล้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ที่ไหนกัน!

แค่เขาเสียงดังเล็กน้อย นางใช้สายตาที่น้อยอกน้อยใจ ก็สามารถทำให้เวินจื่อเฉินยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้ว

สุนัขที่เชื่อฟังและใช้งานง่ายเช่นนี้ ตอนนี้กลับใครเป็นของเวินซื่อแล้ว!

เวินเยวี่ยไม่เกลียดสิถึงจะแปลก

นางกัดฟันเบาๆ มีประกายแลบผ่านแววตา

แต่ว่าไม่เป็นไร ครั้งนี้เป็นโอกาสของนาง

ถ้าหากนางสามารถเกลี้ยกล่อมเวินจื่อเฉิน เช่นนั้นนางก็สามารถชิงสุนัขเชื่องตัวนี้กลับมา

ต่อให้เกลี้ยกล่อมไม่ได้ ในมือนางยังมีของอีกอย่างที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ

เพราะเวินฉางอวิ้นคนเดียว ทำให้นางไม่กล้าใช้ดอกไม้เหล่านั้นในจวนเจิ้นกั๋วกง แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกงเสียหน่อย

และเวินจื่อเฉินยังล่วงเกินท่านพ่อแล้ว

ดังนั้นต่อให้นางใช้ดอกไม้พิษกับเวินจื่อเฉิน ท่านพ่อก็ไม่โทษนางแน่นอน

ใช่ ในมือเวินเยวี่ยยังมีดอกไม้พิษ

แต่เม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 584

    “เจ้าพูดอะไรนะ?!”เมื่อเวินจื่อเฉินที่อยู่แต่ตีนเขาภูเขาหนานมาโดยตลอด วันๆ เอาแต่ไปทำงานในหมู่บ้านได้ยินคำพูดของเวินจื่อเยวี่ย เขาเบิกตากว้างฉับพลันเขากล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่ใหญ่เขาเป็นอะไร? เหตุใดเขาถึงล้มป่วยกะทันหัน? และยังป่วยหนักเช่นนั้น?!”ทั้งที่สุขภาพของพี่ใหญ่แข็งแรงเช่นนั้น เหตุใดจู่ๆ ก็เกือบตาย?เดี๋ยวก่อน!เวินจื่อเฉินนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอพี่ใหญ่ในจวนเจิ้นกั๋วกงฉับพลันตอนนั้นสีหน้าของพี่ใหญ่ดูแย่มาก เหมือนป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่างหรือพี่ใหญ่ป่วยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้นจึงดูน่าตกใจเช่นนั้น?“พูดมา เจ้ารีบพูดมาเดี๋ยวนี้! ตกลงพี่ใหญ่ป่วยเป็นโรคอะไร?!”เวินจื่อเฉินไม่สนใจเวินจื่อเยวี่ยแล้ว เขากระชากคอเสื้อของเวินจื่อเยวี่ยก็ถามอย่างร้อนใจทันที“ข้าก็ไม่รู้!”เวินจื่อเยวี่ยรีบกล่าว “ตอนนั้นท่านพ่อไม่ได้บอกพวกเราสองคน คนที่รู้อาการป่วยของพี่ใหญ่มีแต่ท่านพ่อกับหมอหลวงหลี่ พี่รอง ถ้าท่านอยากรู้ ก็ต้องไปถามท่านพ่อหรือหมอหลวงหลี่เท่านั้น”แต่พี่รองไม่ยอมไปถามท่านพ่อแน่นอน ต่อให้ถาม ท่านพ่อก็ไม่บอกความจริงพวกเขาและท่านพ่อก็ได้คุยกับทางหมอหลวงหลี่นานแล้ว ไม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 585

    “เจ้า…กำลังโกหกข้า?”เวินจื่อเฉินถามอย่างลังเลเวินจื่อเยวี่ยหัวเราะเบาๆ สายตาดูไม่เต็มใจ “ข้าก็หวังว่าข้ากำลังโกหกท่าน แต่น่าเสียดาย นี่คือความจริง”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้วเบาๆ ถามอย่างไม่เข้าใจ “เพราะอะไร?”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวเสียงเรียบ “เพราะเวินซื่อ”เวินจื่อเฉินยิ่งขมวดคิ้วแน่นทันที “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนาง?”“ต้องเกี่ยวอยู่แล้ว เพราะคนที่บีบให้ข้าถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือก็คือนาง”ความโกรธในใจเวินจื่อเยวี่ยท่วมท้น เขาแทบอยากวิ่งขึ้นเขาตอนนี้ แล้วบุกเข้าไปตีเวินซื่อในอารามสุ่ยเยว่ เพื่อระบายความโกรธในใจเขาทันที“นี่มันเป็นไปไม่ได้”เวินจื่อเฉินกล่าวอย่างไม่ลังเล “เจ้าอย่าคิดโกหกข้า ด้วยความสัมพันธ์ของน้องหญิงกับหลินเนี่ยนฉือ นอกเสียจากหลินเนี่ยนฉืออยากถอนหมั้นเอง ไม่เช่นนั้นน้องหญิงไม่มีทางทำเช่นนี้”คำพูดนี้จี้จุดโดยตรงและก็เพราะพูดแม่นเกินไป ทำให้เวินจื่อเยวี่ยหน้าบึ้งทันทีใช่แล้ว เป็นหลินเนี่ยนฉือที่อยากถอนหมั้นกับเขา แต่…“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเวินซื่อ หลินเนี่ยนฉือจะถอนหมั้นกับข้าได้อย่างไร?!”เดิมทีโกหกเพื่อให้เวินจื่อเฉินเชื่อว่าพวกเขาทำผิดจึงถูกไล่ออกมา แต่พูดถึงต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 586

    เพียงแต่ตอนนั้นเวินเยวี่ยไม่อยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกง แต่อยู่ที่กรมอาญา ดังนั้นนางจึงรอดตัวไปตรงกันข้าม ความโกรธทั้งหมดก็ไปลงที่ตัวเวินจื่อเยวี่ยแล้วไม่ใช่หรือ?แต่ในความเป็นจริง แรกเริ่มหลินเนี่ยนฉือก็ไม่เคยคิดจะให้เวินจื่อเยวี่ยเลือกหนึ่งในสองแล้ว แต่ใครให้เขาปกป้องเวินเยวี่ยตรงหน้าหลินเนี่ยนฉือครั้งแล้วครั้งเล่า ปกป้องก็ช่างเถอะ แถมยังกล้าพูดจาดูหมิ่นอาซื่อต่อหน้านาง นี่จะให้หลินเนี่ยนฉือทนไหวได้อย่างไร?ด้วยเหตุนี้จึงมีเหตุการณ์เลือกหนึ่งในสองตามมาการเลือกครั้งนี้ ทำให้เวินจื่อเยวี่ยเจ็บปวด และทำให้หลินเนี่ยนฉือผิดหวังเวินจื่อเฉิน “ดังนั้นเจ้าก็เลยถอนหมั้นกับนาง? เพียงเพราะนางให้เจ้าเลือกระหว่างนางกับเวินเยวี่ย? และเจ้าก็เลือกเวินเยวี่ย?”ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เวินจื่อเฉินรู้สึกว่าน่าขำมากแต่โชคดีที่น้องชายคนนี้ของเขายังไม่ได้ถึงขั้นเกินเยียวยาเขาส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ตอบตกลง เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากตอบตกลงอยู่แล้ว ต่อให้นางทำเช่นนั้น แต่ข้าก็ยังยืนกรานว่าคู่หมั้นของข้าต้องเป็นนางเท่านั้น และข้าก็จะแต่งงานกับนางคนเดียว”“เช่นนั้นเพราะอะไรกันแน่?”เวินเยวี่ยเงียบไปครู่ห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 587

    เวินเยวี่ยร้องไห้ได้น่าเวทนานัก ใบหน้าน้อยน้ำตาอาบแก้ม และดวงตาแดงก่ำนางยื่นมือไปกระตุกชายเสื้อเวินจื่อเฉินเบาๆ และเงยหน้าขึ้น มองไปทางเวินจื่อเฉินด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเหมือนกับว่านางรู้สึกผิดแล้วจริงๆกลัวจริงๆและกำลังขอร้องการให้อภัยจากเวินจื่อเฉินจริงๆแต่สิ่งที่นางคิดในใจตอนนี้…‘ข้าลงทุนเช่นนี้แล้ว เวินจื่อเฉินต้องโดนข้าหลอกแน่นอน!’เวินเยวี่ยมั่นใจในเรื่องนี้มากนางไม่เชื่อว่าใจของเวินจื่อเฉินจะสามารถแข็งเหมือนก้อนหิน เห็นนางที่เป็นเช่นนี้ มีหรือที่จะไม่หวั่นไหวเลย?แต่วินาทีต่อมา…“เพียะ!”เสียงฝ่ามือดังขึ้นในกระท่อมฟางกะทันหันแน่นอน ไม่ใช่เวินจื่อเฉินตบหน้าเวินเยวี่ยแต่เป็นเขายื่นมือไปตบมือของเวินเยวี่ยที่จับชายเสื้อของเขาอย่างไร้เยื่อใยสีหน้าเวินจื่อเฉินเย็นชา เขาก้มมองสภาพนี้ของเวินเยวี่ย และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ“เจ้าไปเป็นขอทานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”“พี่รอง?”เวินจื่อเยวี่ยมองเขาอยากไม่อยากเชื่อ “ท่านจะใจร้าย ไม่สนใจน้องหกเลยจริงหรือ?”“ใจร้าย? ถ้าหากข้าใจร้ายมากพอ ข้าก็ไม่เปิดประตูให้พวกเจ้าแล้ว และยิ่งไม่มีทางเอาอาหารเช้าและเที่ยงของวันพรุ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 588

    แต่จู่ๆ เขาก็นึกถึงการกีดกันที่พี่รองมีต่อน้องหกเมื่อครู่ กระทั่งท้ายที่สุดร่างเงาของเวินจื่อเฉินหายไปจากตรงประตู เขาก็ยังไม่ได้เอ่ยปากก็เห็นเวินจื่อเฉินเดินออกไปอย่างเจียมตัว เวินเยวี่ยรู้สึกสบายใจขึ้นมากคิดจะไล่นางออกไป ฝันไปเถอะในเมื่อนางมาแล้ว ครั้งนี้ก็จะไม่กลับไปมือเปล่าเด็ดขาดวางใจเถอะพี่รอง ท่านหนีไม่พ้นหรอกมีประกายแลบผ่านแววตาเวินซื่อแต่ไม่นานนางก็ทำหน้ากังวล เหมือนว่าเป็นน้องหญิงที่เป็นห่วงพี่ชายของตัวเองจริงๆ…“พี่สาม พี่รองเขาจะไปไหน? ข้างนอกมืดเช่นนี้ หรือไม่พวกเราเรียกเขากลับมาเถอะ?”“ไม่เรียก”เวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะปฏิเสธโดยตรง เขากล่าวอย่างไม่พอใจ “จนถึงตอนนี้พี่รองยังปกป้องเวินซื่ออีก ทั้งที่นางออกบวชไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย พี่รองยังมีหน้ามาโทษเจ้า ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องเช่นนี้ล้วนเป็นการตัดสินใจของเวินซื่อเอง ไม่เช่นนั้นก็ต้องโทษเขา”“ตัวเองลงมือไม่รู้จักแยกแยะหนักเบา ตีจนคนกลัว คนไม่หนีสิถึงจะแปลก”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์เวินเยวี่ยก็พยักหน้าในใจถูกต้อง เรื่องนี้จะโทษนางได้อย่างไร?จะโทษก็ต้องโทษที่เขาเวินจื่อเฉินโง่เองนางมักจะยุแยงต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 589

    เวินเยวี่ยลากกล่องไม้ที่อยู่ใต้เตียงของเวินจื่อเฉินออกมาตอนที่ลากออกมา มีเสียงกริ๊งก๊องดังออกมาจากกล่องไม้ด้วยทันทีที่เวินเยวี่ยเปิดออก หลังจากเห็นข้างในเต็มไปด้วยพวงเงิน ดวงตาของนางเป็นประกายทันที“ที่แท้ยังซ่อนเงินมากมายเช่นนี้ไว้ด้วย”เวินเยวี่ยมองดูกล่องขนาดใหญ่ รู้สึกดีใจมากทันทีกำลังกังวลว่าไม่มีเงินอยู่เลย ในเมื่อที่พี่รองมี เช่นนั้นก็เป็นของนางไม่ใช่หรืออย่างไรสักวันนางก็จะพาเวินจื่อเฉินกลับไป“ไหนให้ข้านับดูหน่อย พี่รองหาเงินได้เท่าไรแล้ว?”นางเททวงเงินที่อยู่ในกล่องออกมาทั้งหมดนางไม่ได้สนใจเหรียญหนึ่งอีแปะที่ร้อยเป็นพวงเหล่านั้นเลย แต่ค้นไปค้นมาในกองเงินเหล่านั้นหลังจากค้นอยู่หลายรอบ พบว่าข้างในนอกจากพวงเงินก็ยังเป็นพวงเงิน ความดีใจบนใบหน้านางหายไปทันทีนี่มันอะไรกัน?กล่องใหญ่เช่นนี้ ปรากฏว่ามีแต่เหรียญทองแดง?!เดิมทีเวินเยวี่ยคิดว่าข้างในต้องมีแท่งเงินบ้างแน่นอน ปรากฏว่าหลังจากเทออกมา นอกจากพวงเงินก็ยังเป็นพวงเงินแท่งเงินเอย ตั๋วเงินเอย ไม่มีเลย!เงินแค่นี้ เขาเวินจื่อเยวี่ยมีชีวิตอยู่เหมือนขอทานเลย?!เวินเยวี่ยโมโหจนคว้ามาหนึ่งพวงก็ขว้างใส่กล่องไม้เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 590

    “พี่รอง พี่รอง!”“ได้ยินท่านพ่อบอกว่าคืนนี้จะมีดาวเยอะมาก พวกเราไปดูดาวด้วยกันนะ!”ตอนนั้น เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบเพราะตีเด็กคนอื่นในสถานศึกษา จึงโดนพ่อของตัวเองลงโทษให้คุกเข่าที่ลานบ้านและเวินซื่อที่เพิ่งจะอายุหกขวบในเวลานั้น วิ่งเข้ามาก็เห็นภาพนี้ทันที “พี่รอง ท่านเป็นอะไร? เหตุใดคุกเข่าบนพื้น? พี่รองรีบลุกขึ้น บนพื้นเย็น ท่านปู่พ่อบ้านบอกว่าอยู่บนพื้นนานเกินไปจะป่วยนะ”เวินซื่อน้อยเดินไปที่ข้างกายพี่รองของตัวเอง นางกอดแขนของเขา อยากดึงเขาลุกขึ้น“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะคุกเข่าตรงนี้!”ท่านพ่อลงโทษก็ลงโทษ อย่างไรลงโทษเสร็จเขาก็ยังจะไปตีเจ้าคนปากสุนัขสองตัวนั่นกล้าด่าเขาว่าเป็นลูกไม่มีแม่ คอยดูเขาไม่ตีพวกเขาจนปากฉีกให้มันรู้ไป!เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบไม่พอใจเพราะพ่อลงโทษตัวเอง และกำลังหงุดหงิด เขายกมือขึ้นก็ผลักเวินซื่อน้อยที่มายุ่งกับตัวเองออกไปใครจะรู้ว่าเผลอใช้แรงมากเกินไป จึงผลักเวินซื่อน้อยล้มแล้วศีรษะน้อยๆ ของนางกระแทกโดนพื้น และเสียงดังเป็นพิเศษทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเวินจื่อเฉินกับเวินซื่อที่รับไม่ทันหน้าถอดสีทันที“น้องห้า!”“คุณหนูห้า!”เวินจื่อเฉินไม่ส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 591

    “ไปกัน เจ้าบอกว่าอยากดูดาวมิใช่หรือ? ดูที่ไหนล่ะ พี่รองไม่รู้ทางนะ”“ข้ารู้ ข้ารู้! ข้าจะพาพี่รองไปเอง!”พอเวินซื่อน้อยได้ยินว่าจะไปดูดาว ก็ดีใจขึ้นมาทันที“ได้ เช่นนั้นเจ้าชี้ทาง พี่รองจะอุ้มเจ้าไป”“แต่ว่าข้าหนักมากเลยนะ ถ้าพี่รองอุ้มต้องเหนื่อยแน่ๆ ”“ใครบอกว่าเจ้าหนัก?”“พี่สามบอกเจ้าค่ะ”“เจ้าไก่อ่อนนั่น เทียบกับเจ้าสี่ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปสนใจเขา ฟังพี่รองนะ น้องห้าของพวกเราไม่หนักสักหน่อย ต่อให้ภายหน้าเจ้าโตขึ้น พี่รองก็ยังอุ้มเจ้าไหว!”“พี่รองดีจริงๆ !”“เช่นนั้นใครดีที่สุด? รีบตอบมา พี่ใหญ่ดีที่สุดหรือว่าพี่รองดีที่สุด?”“อืม~ ดีทั้งคู่!”“ชิ เห็นๆ อยู่ว่าข้าดีที่สุดต่างหาก!”“อิอิ...”วันนั้น สองพี่น้องได้พากันไปยังชานเมือง เฝ้าดูดาวตลอดทั้งคืน เมื่อกลับมา ก็ถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เมื่อเห็นรอยบวมบนศีรษะของเวินซื่อ เวินเฉวียนเซิ่งเพียงเหลือบมองแวบหนึ่ง หลังจากเรียกหมอมาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่ได้ลงโทษให้เวินจื่อเฉินคุกเข่าอีกจนกระทั่งตอนนี้ เวินจื่อเฉินพลันเข้าใจขึ้นมาวันนั้น ท่านพ่อคงจะได้ยินคำพูดของน้องสาวแล้วสินะ?

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 598

    ทั้งเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย ทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลแต่เมื่อเทียบกันแล้ว บาดแผลของเวินจื่อเฉินไม่สาหัสเท่ากับของเวินจื่อเยวี่ยดังนั้น หลังจากเขาพักไปเพียงครู่หนึ่ง ก็ใช้มือยันพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเขามองเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็สบตากันแวบหนึ่งจากนั้นเวินจื่อเยวี่ยจึงกล่าวว่า “ข้อเท้าของน้องหกเคล็ด อาจจะต้องพักฟื้นสักหน่อย ดังนั้นก็น่าจะราวๆ หนึ่งเดือนกระมัง?”ในเมื่อพี่รองเปลี่ยนใจในที่สุด และยินยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อแล้วถ้าเช่นนั้นก็เผื่อไว้หน่อย บอกให้นานขึ้นอีกสักนิดเวลาหนึ่งเดือนก็น่าจะพอให้พวกเขาทำเรื่องที่ท่านพ่อมอบหมายให้สำเร็จแล้วเวินจื่อเยวี่ยบอกไปเผื่อๆ ว่าหนึ่งเดือน เวินจื่อเฉินแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้เขามองไปรอบๆ กระท่อมฟางทั้งสองด้าน ครู่ต่อมาจึงเอ่ยปาก “เช่นนั้นข้าจะสร้างกระท่อมให้พวกเจ้าอีกสองหลัง”เวลาหนึ่งเดือนจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้นที่นี่ของเขามีกระท่อมเพียงหลังเดียว ย่อมไม่เพียงพอให้พวก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 597

    “ได้ๆๆ พี่สามผิดไปแล้ว พี่สามจะฟังคำพูดของน้องหก”เวินจื่อเยวี่ยรีบกล่าวขอโทษทันที พร้อมกับยิ้มไปด้วยหลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปทางเวินจื่อเฉินท่าทีไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง ราวกับกำลังบอกเวินจื่อเฉินว่า ดูสิพี่รอง นี่คือทางเลือกของข้าแต่เขากลับไม่รู้เลยว่า ในใจของเวินจื่อเฉินตอนนี้เต็มไปด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวเวินจื่อเยวี่ยในเวลานี้ได้ถลำลึกลงไปนานแล้ว จนไม่อาจมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแต่เวินจื่อเฉินที่ตาสว่างแล้ว กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งนักในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังหลอกลวงเวินจื่อเยวี่ยอยู่นั้น เขาก็คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และเห็นแล้วว่าภายใต้ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นห่วงใยของเวินเยวี่ยนั้น ปรากฏความรังเกียจที่แวบผ่านไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อน้องสามกล่าวคำรับรองประโยคสุดท้ายนั่น สีหน้าดูแคลนในแววตาของเวินเยวี่ยยิ่งไม่อาจปิดบังได้เพียงแต่เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของเวินจื่อเฉิน ในชั่วพริบตาที่เงยหน้าขึ้นมองมา แววตาดูแคลนนั้นก็เลือนหายไปจนหมดสิ่งที่เหลืออยู่คือ “ความห่วงใย” และ “ความกังวล” ซึ่งเมื่อมองแวบแรก ก็ดูราวกับว่าทั้งหมดนั้นออกมาจากใจจริง“พี่รอง เป็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 596

    เวินจื่อเฉินยื่นมือออกไปรับหมัดของเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้งดัง “ผัวะ” จ้องมองเวินจื่อเยวี่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “เรื่องระหว่างเจ้ากับข้า เจ้าจะลากน้องห้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?”“ข้าก็จะลากนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่แหละ!”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างเคียดแค้น “ใครใช้ให้ท่านตัดความสัมพันธ์กับข้าเพียงเพราะนางเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ท่านก็เลือกเอาว่าจะให้ข้าอัดระบายความโกรธ หรือว่าจะอัดข้าให้หมอบไปเลย มิฉะนั้นข้าไม่มีวันปล่อยนางไปแน่!”เวินจื่อเยวี่ยเตะกวาดเข้าใส่เวินจื่อเฉินอย่างแรง เวินจื่อเฉินตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังอย่างฉิวเฉียดพอเขามองไปยังเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้ง ความโกรธของเขาก็ปะปนไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ “เวินจื่อเยวี่ย! เจ้าอย่าลืมว่านางก็เป็นน้องสาวของเจ้าเช่นกัน เจ้าดีกับคนนอกได้ถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดถึงดีกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเองให้มากกว่านี้สักหน่อยไม่ได้?!”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายปนเลือดคำหนึ่งลงพื้นอย่างแรง บนใบหน้าเผยความเหี้ยมเกรียมออกมา “น้องสาวแท้ๆ บ้าบออะไรกัน ตั้งแต่ตอนที่นางบังคับให้ข้าถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือ นางก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของข้าอีกต่อไปแล้ว!

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 595

    ถึงขั้นที่ว่าพวกเขายังคงต่อสู้กันราวกับจะเอาให้ตาย ยังไม่ทันไร ใบหน้าของทั้งสองคนก็ถูกอีกฝ่ายชกต่อยจนบวมปูดเขียวช้ำ ใบหน้ามีเลือดอาบเวินเยวี่ยที่ตามออกมาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันเร็วขนาดนี้กระทั่งนางยังไม่ทันได้ใช้อุบายของตนเองด้วยซ้ำเห็นได้ชัดว่าการที่ทั้งสองคนต่อสู้กันถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนาง แต่เวินเยวี่ยกลับดีใจไม่ออกทั้งสองคนไม่ได้เป็นเช่นนี้ภายใต้การชักใยของนาง แล้วนางจะมีอะไรให้ต้องดีใจ?ทีละคน สองคน ราวกับหลุดออกจากการควบคุมไปแล้วความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้ ทำให้เวินเยวี่ยรู้สึกขุ่นเคืองอย่างยิ่งได้แต่ยืนมองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดและเวินเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองพวกเขาหลังจากที่มองพวกเขาต่อสู้กันอยู่นาน ในที่สุดทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อยล้า การเคลื่อนไหวก็ช้าลงแล้วเวินเยวี่ยมองสภาพของทั้งสองไปทีละคนในเมื่อเวินจื่อเยวี่ยยังคงสู้เวินจื่อเฉินไม่ได้ หากต้องตัดสินแพ้ชนะกันจริงๆ ผู้ชนะย่อมเป็นเวินจื่อเฉินอย่างไม่ต้องสงสัยและเวินจื่อเฉินในตอนนี้ กลับเหมือนยังคงออมแรงไว้อยู่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับน้องชาย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 594

    เวินจื่อเยวี่ยซักถามเวินจื่อเฉินอย่างบ้าคลั่งอีกคนหนึ่งอีกคนหนึ่งแล้วตั้งแต่หลินเนี่ยนฉือ จนถึงเวินจื่อเฉินตั้งแต่คู่หมั้นของเขา จนถึงพี่ชายแท้ๆ ของเขาเหตุใดพวกเขาต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย?!“ท่านตอบมาสิ เพราะอะไร?!”ความโกรธในดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยนั้นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าเขาถูกหักหลังทีละคน ทีละคน ต่างก็ทอดทิ้งเขา ละทิ้งเขาในเวลานี้แถมยังจะตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมดเขาทำอะไรผิดไปหรือ?แต่เขาผิดตรงไหนกัน?!เขาก็แค่เลือกระหว่างเวินซื่อกับเวินเยวี่ย โดยเลือกเวินเยวี่ยผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็เท่านั้นเองนี่คือเขาทำผิดแล้วหรือ?เวินจื่อเยวี่ยต้องการคำตอบ น่าเสียดายที่ตอนนี้เวินจื่อเฉินกลับไม่ยอมตอบเขาอีกแล้ว“ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกันแล้ว”“หึ ไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกัน? เป็นท่านเองต่างหากที่ไม่อยากพูด เมื่อก่อนกับน้องชายเช่นข้าไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ท่านกลับมาบอกข้าว่าไม่มีทางที่จะสื่อสารกันแล้ว?”“ระหว่างพี่น้องอย่างพวกเรา มันจะมีเรื่องอะไร หรือคำพูดไหนที่สื่อสารกันไม่ได้?!”เวินจื่อเยวี่ยรู้สึกว่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 593

    เวินจื่อเฉินลดสายตาลงมองเวินเยวี่ย ซึ่งบนใบหน้าปรากฏความขุ่นเคืองแล้ว สุดท้าย ก็ใช้น้ำเสียงเย้ยหยันอย่างยิ่ง กล่าวกับนางหนึ่งประโยคราวกับเป็นคำสาปแช่ง“สุดท้ายเจ้าจะไม่เหลืออะไรเลย”“หุบปาก!”เวินเยวี่ยทนต่อไปไม่ไหวแล้วเดิมทีนางคิดว่าหลังจากรอเวินจื่อเฉินกลับมาแล้ว ควรจะเป็นนางเองที่ใช้เรื่องข้อเท้าบาดเจ็บมาควบคุมเวินจื่อเฉินให้อยู่หมัดแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเวินจื่อเฉินออกไปคืนนี้แล้วกลับมา คนก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ปฏิเสธนางอย่างไม่เหลือเยื่อใยเลยแม้แต่น้อยทุกประโยคล้วนเป็นการเปิดโปงนาง ทุกถ้อยคำล้วนเป็นการเยาะเย้ยนางจนสุดท้าย เขายังกล้าพูดว่านางคือคนที่น่าสมเพชที่สุดอีกหรือ?นางน่าสมเพชตรงไหนกัน?ตอนนี้นางไม่ได้น่าสมเพชเลยสักนิด!เวินซื่อนังเด็กสารเลวนั่นก็ถูกนางเบียดจนกระเด็นออกไปแล้ว ส่วนนางตอนนี้ยิ่งเป็นถึงแก้วตาดวงใจของจวนเจิ้นกั๋วกง!เมื่อเทียบกับเวินซื่อที่ออกบวชเป็นชีแล้ว เห็นได้ชัดว่านางต่างหากคือคนที่ใช้ชีวิตดีมากที่สุด ดังนั้น นางน่าสมเพชตรงไหนกัน?!เวินเยวี่ยลุกขึ้นพรวดพราดจากเตียง ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ พูดไม่ทันขาดคำก็ร้องไห้ทันที “พี่รอง! ข้ารู้ว่าต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 592

    ค่ำคืนนี้ เวินจื่อเฉินนั่งอยู่หน้าประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่จนกระทั่งรุ่งสางเมื่อเสียงระฆังยามเช้าและเสียงสวดมนต์แผ่วๆ ดังแว่วมาจากด้านใน เวินจื่อเฉินก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนหลังจากหันกลับไปมองประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่ที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง เขาถึงได้ลากร่างกายที่ทั้งแข็งและหนาวเย็น ก้าวลงจากเขาไปทีละก้าวเมื่อกลับมาถึงกระท่อมฟาง ท้องฟ้าก็เพิ่งจะเริ่มสางแต่เวินจื่อเฉินกลับมองเห็นแสงเทียนริบหรี่ลอดผ่านออกมาจากกระท่อมฟางของตนแต่ไกลเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หรือว่าน้องสามพวกเขายังไม่พักผ่อนกันอีก?เวินจื่อเฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูกจึงเร่งฝีเท้า ไม่นานก็เดินมาถึงนอกกระท่อมของตน ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู “น้องสาม เปิดประตู”“มาแล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยที่อยู่ด้านในกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าตึงตังวิ่งมา แล้วเปิดประตูให้เวินจื่อเฉินพอเวินจื่อเฉินมองเข้าไป ก็พบว่ามีเพียงเวินเยวี่ยนั่งอยู่ข้างเตียงของเขา กำลังใช้มือนวดคลึงข้อเท้าของนางอย่างระมัดระวัง“เหตุใดพวกเจ้ายังไม่นอนกันอีก? บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้พวกเจ้ารีบพักผ่อนแต่เนิ่นๆ เช้าวันนี้ก็ต้องไปมิใช่หรือ?”เวินจื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 591

    “ไปกัน เจ้าบอกว่าอยากดูดาวมิใช่หรือ? ดูที่ไหนล่ะ พี่รองไม่รู้ทางนะ”“ข้ารู้ ข้ารู้! ข้าจะพาพี่รองไปเอง!”พอเวินซื่อน้อยได้ยินว่าจะไปดูดาว ก็ดีใจขึ้นมาทันที“ได้ เช่นนั้นเจ้าชี้ทาง พี่รองจะอุ้มเจ้าไป”“แต่ว่าข้าหนักมากเลยนะ ถ้าพี่รองอุ้มต้องเหนื่อยแน่ๆ ”“ใครบอกว่าเจ้าหนัก?”“พี่สามบอกเจ้าค่ะ”“เจ้าไก่อ่อนนั่น เทียบกับเจ้าสี่ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปสนใจเขา ฟังพี่รองนะ น้องห้าของพวกเราไม่หนักสักหน่อย ต่อให้ภายหน้าเจ้าโตขึ้น พี่รองก็ยังอุ้มเจ้าไหว!”“พี่รองดีจริงๆ !”“เช่นนั้นใครดีที่สุด? รีบตอบมา พี่ใหญ่ดีที่สุดหรือว่าพี่รองดีที่สุด?”“อืม~ ดีทั้งคู่!”“ชิ เห็นๆ อยู่ว่าข้าดีที่สุดต่างหาก!”“อิอิ...”วันนั้น สองพี่น้องได้พากันไปยังชานเมือง เฝ้าดูดาวตลอดทั้งคืน เมื่อกลับมา ก็ถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เมื่อเห็นรอยบวมบนศีรษะของเวินซื่อ เวินเฉวียนเซิ่งเพียงเหลือบมองแวบหนึ่ง หลังจากเรียกหมอมาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่ได้ลงโทษให้เวินจื่อเฉินคุกเข่าอีกจนกระทั่งตอนนี้ เวินจื่อเฉินพลันเข้าใจขึ้นมาวันนั้น ท่านพ่อคงจะได้ยินคำพูดของน้องสาวแล้วสินะ?

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 590

    “พี่รอง พี่รอง!”“ได้ยินท่านพ่อบอกว่าคืนนี้จะมีดาวเยอะมาก พวกเราไปดูดาวด้วยกันนะ!”ตอนนั้น เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบเพราะตีเด็กคนอื่นในสถานศึกษา จึงโดนพ่อของตัวเองลงโทษให้คุกเข่าที่ลานบ้านและเวินซื่อที่เพิ่งจะอายุหกขวบในเวลานั้น วิ่งเข้ามาก็เห็นภาพนี้ทันที “พี่รอง ท่านเป็นอะไร? เหตุใดคุกเข่าบนพื้น? พี่รองรีบลุกขึ้น บนพื้นเย็น ท่านปู่พ่อบ้านบอกว่าอยู่บนพื้นนานเกินไปจะป่วยนะ”เวินซื่อน้อยเดินไปที่ข้างกายพี่รองของตัวเอง นางกอดแขนของเขา อยากดึงเขาลุกขึ้น“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะคุกเข่าตรงนี้!”ท่านพ่อลงโทษก็ลงโทษ อย่างไรลงโทษเสร็จเขาก็ยังจะไปตีเจ้าคนปากสุนัขสองตัวนั่นกล้าด่าเขาว่าเป็นลูกไม่มีแม่ คอยดูเขาไม่ตีพวกเขาจนปากฉีกให้มันรู้ไป!เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบไม่พอใจเพราะพ่อลงโทษตัวเอง และกำลังหงุดหงิด เขายกมือขึ้นก็ผลักเวินซื่อน้อยที่มายุ่งกับตัวเองออกไปใครจะรู้ว่าเผลอใช้แรงมากเกินไป จึงผลักเวินซื่อน้อยล้มแล้วศีรษะน้อยๆ ของนางกระแทกโดนพื้น และเสียงดังเป็นพิเศษทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเวินจื่อเฉินกับเวินซื่อที่รับไม่ทันหน้าถอดสีทันที“น้องห้า!”“คุณหนูห้า!”เวินจื่อเฉินไม่ส

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status