บ่าวทั้งสองไม่วายหันกลับมายิ้มให้เจ้านายด้วยความปลื้มปริ่ม ยังไม่ทันได้ทัดทานสิ่งใด ชั่วพริบตาพ่อบ้านและสาวใช้ก็หายไปเสียแล้ว เสี่ยวถิงได้แต่ยิ้มขัน ไม่คิดว่าพวกเขาจะต้อนรับนางดีเช่นนี้“เสี่ยวถิงมานี่สิ พี่มีอะไรจะให้เจ้าดู” ไท่ฟงคว้ามือคนตัวเล็กให้เดินตามตนเองเข้าไปในห้องหนึ่ง ชายหนุ่มไขกุญแจเปิดห้องที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะผลักประตูห้องให้เปิดออก“อะไรหรือเจ้าคะ” เมื่อถูกลากเข้ามาในห้องที่แสนจะดูลึกลับ หญิงสาวได้แต่ยืนงงในดงลังไม้ ลักษณะดูเก่าแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สภาพลังไม้ก็ได้รับการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ลังไม้ถูกขัดจนขึ้นเงา และแต่ละลังก็ถูกล่ามด้วยโซ่ไว้อย่างดีกายหนายกพวงกุญแจขึ้นมาแกว่งจนเกิดเสียงกระทบกัน พร้อมกับยิ้มกริ่มมั่นใจว่าเมื่อเสี่ยวถิงได้เห็น นางจะต้องดีใจอย่างแน่นอน ในอนาคตนางก็จะต้องดูแลตรงส่วนนี้เช่นกันไท่ฟงไขกุญแจแล้วเอาโซ่ออก ชายหนุ่มเปิดออกเพียงแค่สี่ลังไม้เท่านั้น แต่ถึงจะเป็นแค่สี่ลังไม่ใหญ่นักตรงหน้า เพียงแค่เปิดมันออกให้เห็นของภายในก็ทำเอาเสี่ยวถิงถึงกับดวงตาพร่ามัว แสงวิบวับที่สะท้อนออกมากระทบดวงตา จะทำให้นางตาบอดหรือไม่ลังแรกเต็มไปด้วยเครื่อง
“ไม่รู้สึกอะไรแล้ว พี่สาบานได้” ขอเดิมพันด้วยเกียรติของแม่ทัพ ความรู้สึกที่เขามีต่อหยู่เยียน มันไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป“ก็ดีเจ้าค่ะ แต่ข้ามีเรื่องสงสัยเจ้าค่ะ ในเมื่อไม่รู้สึกอะไรกับนางแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่กลับมาอยู่จวนเจ้าคะ” ร่างบางจ้องอย่างจับผิด ทำเอาคนข้างกายถึงกับหยุดชะงักไปทันที“พี่ไม่ได้คิดอะไรแล้วจริง ๆ ก็แค่มันใหญ่เกินไป สู้ออกไปอยู่ค่ายมีสหายได้พูดคุย ดีกว่ากลับมาแล้วไม่มีใครน่ะ” ชายหนุ่มลนลานแก้ความเข้าใจผิด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึ้งก็ยิ่งทำให้ไท่ฟงไม่สบายใจ“ก็แล้วไปเจ้าค่ะ” เสี่ยวถิงได้แต่กลั้นขำ ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังถึงเพียงนี้ นางก็แค่เย้าแหย่เล่นก็เท่านั้น“ไปเถอะพี่จะพาเจ้าไปรู้จักคนดูแลที่นี่” หลังจากรู้ตัวว่าตนเองถูกคนตัวเล็กแกล้งเข้าแล้ว ไท่ฟงจึงยิ้มออก แต่เขาก็มิได้ถือสา ดีเสียอีกที่นางไม่นำมันมาใส่ใจให้ต้องขุ่นเคือง“ที่นี่มีคนอยู่ด้วยหรือเจ้าคะ ข้าคิดว่าแค่จ้างคนมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวเสียอีก” มิน่าข้าวของทุกอย่างถึงได้ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังดูสะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นเกาะ“มีสิ เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยท่านพ่
“เสี่ยวถิง พรุ่งนี้เจ้าว่างหรือไม่” คนที่เอาแต่นั่งจิบชามานานได้เอ่ยถามขึ้น“ว่างเจ้าค่ะ มีอะไรหรือเจ้าคะ” หลังจากถูกนางจับลอกคราบแปลงโฉมใหม่ เจ้าตัวก็เอาแต่นั่งเฝ้าไม่ยอมห่าง ทำตัวติดกันราวกับเป็นหนุ่มน้อยเพิ่งหัดมีความรัก“มีที่ที่อยากจะพาไปน่ะ” ต่อจากนี้ทั้งเขาและนางยังต้องรู้จักกันและกันอีกมาก เขาก็แค่อยากจะสร้างความคุ้นเคย สานสัมพันธ์อันดีต่อกัน“ที่ใดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวถิงตาโตตื่นเต้นดีใจ เขาพูดเช่นนี้แสดงว่าจะชวนนางออกเดตใช่หรือไม่ รู้สึกคาดหวังอย่างไรชอบกล“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง ต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ไว้จะมารับเจ้าตอนสาย”คนที่เอาแต่นอนเอกเขนกเฝ้าสาวเจ้ามาครึ่งค่อนวัน ลุกขึ้นหยิบกระบี่คู่กายเหน็บเอว ก่อนจากไปก็มิวายเข้ามาวอแวร่างนุ่มนิ่ม แม้อีกฝ่ายจะเอี่ยวกายหลบเท่าใดก็ไม่พ้นถูกรังแกอยู่ดี สุดท้ายก็ได้แต่ยินยอมให้เขาทำจนกว่าจะพอใจเสี่ยวถิงได้แต่มองตามหลังคนตัวโต นางไม่มั่นใจเลยสักนิดความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่ได้เริ่มต้นมาจากความรัก ต่อจากนี้จะเป็นไปในทิศทางใด แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็อยากจะลองดูสักครั้งในเมื่อความสัมพันธ์ที่คบหากันมานาน สุดท้ายแล้วก็ยังไปกันไม่รอด ท
หลังจากหมดเวลาอาหารเช้ารอให้ย่อยสักหน่อย เสี่ยวถิงก็ได้ลากคนตัวโตเข้าห้องน้ำไปทันที พร้อมกับเริ่มภารกิจจับว่าที่สามีลอกคราบอย่างที่ตั้งใจ“พี่ฟงนั่งลงเจ้าค่ะ ข้าจะสระผมให้” ร่างบางชี้ไปทางตั่งเล็กข้างอ้างน้ำ ข้างกายนั้นมีชั้นวางของที่อัดแน่นไปด้วยแชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ ครีมโกนหนวด มีดโกนกายหนานั่งลงตามที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย รอการปรนนิบัติจากว่าที่ภรรยา แต่ก็ยังไม่วายสนใจกับสิ่งของรอบกายที่เขาไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนเสี่ยวถิงตักน้ำราดลงบนหัวชายหนุ่มจนผมเปียกชุ่ม ก่อนจะบีบแชมพูกลิ่นหอมแล้วลงบนฝ่ามือ แล้วลงมือสระผมจนเกิดเป็นฟอง นิ้วเรียวทั้งเกาทั้งนวดทำเอาคนถูกปรนนิบัติสบายหัวเคลิ้มกับแรงมือ หลังจากสระผมเสร็จล้างน้ำออกจนสะอาด หญิงสาวได้ชโลมครีมนวดผมลงบนหัวไท่ฟงต่อเป็นขั้นตอนสุดท้ายเสร็จจากการสระผมให้แม่ทัพหนุ่ม หญิงสาวจึงนำผ้ามาซับผมให้พอหมาด จากนั้นได้พันด้วยผ้าขนหนูอันเดิม เก็บผมให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบกรรไกรอันเล็กจัดการตัดหนวดเคราที่ปล่อยให้ยาวไม่ดูแลออกให้สั้นที่สุด เมื่อตัดออกหมดจนเหลือแต่ตอ หญิงสาวทาครีมโกนหนวดลงไปจนทั่ว แล้วใช้มีดโกนค่อย ๆ โกนออกอย่างเบามือทุกการกระทำเจ้าต
ตั้งแต่ได้เสียเป็นผัวเมียกันในวันนั้น ไท่ฟงตามติดเสี่ยวถิงตลอดเวลาที่เขาว่างจากภารกิจ สิ่งใดที่เจ้าตัวเห็นว่าดีก็มักจะสรรหามาให้สาวเจ้า ดังเช่นรถม้าพร้อมเพื่อไว้สำหรับการเดินทางไท่ฟงเห็นว่ารถม้าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อหลายวันก่อนนางบังเอิญช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้ นางเห็นว่าเขาขับรถม้าเป็นจึงตกลงจ้างให้มาทำหน้าที่คนขับมิใช่เพียงรถม้าราคาแสนแพงเท่านั้นที่แม่ทัพหนุ่มขนมาให้ ยังรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ แจกัน เครื่องลายครามของตกแต่งทั้งหลาย แม้เสี่ยวถิงจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล ไท่ฟงจะมีติดไม้ติดมือมาเสมอ เสี่ยวถิงได้แต่อ่อนใจปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ เพราะนางก็คร้านจะห้ามปราม“พี่ฟงท่านแท้จริงแล้วท่านคือใครเจ้าคะ เหตุใดถึงได้มีของมากมายที่คนธรรมดาไม่มี รถม้า เครื่องลายครามก็มิใช่จะใช้เงินซื้อมาน้อย ๆ เลยนะเจ้าคะ”“อะแฮม แม่ทัพ” ไท่ฟงพูดเสียงเบาไม่กล้าสบตา“ท่านว่าอย่างไรนะ ข้าฟังไม่ค่อยได้ยินเลย” เมื่อครู่นางได้ยินไม่ถนัด แว่ว ๆ ว่าแม่ทัพ แต่คงจะมิใช่กระมัง นางคงจะเข้าใจผิดไปเอง อย่างมากก็คงจะเป็นได้แค่ พลทหาร“แม่ทัพแดนเหนือแคว้นฉู่”คราวนี้เสียงที่เปล่งออกมาดังฟังชัด ทำเอาเสี่ย
การกระทำอย่างเอาใจใส่ ทำเอาเสี่ยวถิงถึงกับใจเต้นแรง แม้แต่เชษคนรักเก่าที่คบหากันมานานหลายปี ก็ยังไม่เคยทำให้แบบนี้มาก่อน ทั้งฝีมือการนวดก็ดีใช้ได้ทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับแรงบีบนวดทว่ากว่าจะรู้สึกตัวสภาพของนางและเขาตอนนี้ อยู่ในท่วงท่าล่อแหลมผู้ใดมาเห็นคงคิดดีไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ ไม่เพียงปากเสี่ยวถิงจะถูกปิดด้วยจุมพิตร้อนแรง กางเกงชั้นในสีขาวถูกถอดออกอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งแท่งร้อนเฉียดไปเฉียดมาตรงหว่างขา ทำให้รู้สึกเสียววูบวาบไปถึงท้องน้อย“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เช้าแล้วนะเจ้าคะ” มือบางพยายามดันอกอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้“แต่เจ้าบอกเองว่าไม่ได้ห้าม” ชายหนุ่มจ้องหน้าอกเต่งตึงตาเป็นมัน นางไม่รู้หรอกว่าชุดสีขาวนั่นมันบางเสียจนเขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนกลิ่นหอมจากกายสาวก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ไท่ฟงไม่คิดว่าตนเองกลายเป็นคนบ้าราคะไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ก็ต้องยอมรับเนื้อนางนี้ช่างหวานหอมนัก ชายหนุ่มมอบจุมพิตอ่อนโยนและเรียกร้อง ทำเอาคนตัวเล็กตัวคล้อยตามระหว่างนั้นเขาสอดมือเข้าตรงข้อพับขาเรียวของคนตัวเล็ก ก่อนจะยกมันขึ้นแล้วดันไปด้านหน้า สอดใส่ความเป็นชายเข้าไปทันที โดยที่อีกฝ่ายไม