เมื่อองค์ชายถังมู่เหรินถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับองค์หญิงจ้าวซีเฟย การอยู่ร่วมจวนเดียวกันเหมือนอยู่บนเกาะภูเขาน้ำแข็งอีกฝ่ายเย็นชา อีกฝ่ายไร้หัวใจ แล้วทั้งคู่จะลงเอยกันได้เช่นไร... "เจ้ากล้าคบชู้งั้นหรือ เจ้าเป็นพระชายาข้า แต่พาชายอื่นเข้ามาในตำหนัก ตอนที่ข้าไม่อยู่งั้นหรือ" "ความคิดท่านมันสกปรกเหมือนปากท่าน พี่เยว่เทียนแค่มาเยี่ยมข้าก็เพียงเท่านั้น พวกข้าบริสุทธิ์ใจ ไม่เหมือนท่าน กับท่านหญิงเหมยซูหนี่ว์ของท่านหรอก" "ต่อปากต่อคำ เจ้ารู้จักคำว่า กาลเทศะ ให้เกียรติสามีบ้างหรือไม่ องค์หญิง" "แล้วท่านเล่า รู้จักคำว่าให้เกียรติสตรี บ้างหรือไม่ การกล่าวที่ไร้ซึ่งหลักฐาน วิญญูชนเข้าไม่ทำกันเพคะ" "เจ้าจะยั่วโมโหข้างั้นหรือ ต่อไปห้ามให้เขา เข้ามาเหยียบในตำหนักข้าอีก" "พระองค์ช่างไม่มีเหตุผล ขอตัวเพคะ" "เจ้าจะไปไหน ใครอนุญาตให้เจ้าไป" "พระองค์ สำรวมกิริยาด้วย ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้" "ดูท่า ข้าคงต้องทำหน้าที่สามี เจ้าจะได้เลิกยั่วผู้ชายคนอื่นไปทั่วเสียที" "หยาบคาย ต่ำช้า ท่านปล่อยข้านะ หยุดนะ ไม่.....
View Moreแคว้นชิงโจว
ท้องพระโรง : ประชุมเช้า
“แคว้นเยี่ยน ส่งจดหมายแสดงเจตจำนงค์ ประสงค์ที่จะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้น โดยการยกองค์หญิงให้มาแต่งงานกับองค์ชายแคว้นชิงโจวของเรา ขุนนางทั้งหลาย เรื่องนี้ พวกท่านมีความเห็นประการใด”
“ทูลฝ่าบาท แคว้นเยี่ยนเป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีเขตติดต่อกับแคว้นซูเล่อ ที่มีอำนาจพอๆ กับเรา เป็นการดีที่จะสานสัมพันธไมตรี พ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีกรมกลาโหมกราบบังคมทูลความเห็นแก่ฮ่องเต้
“ทูลฝ่าบาท แคว้นเยี่ยนนั้นพืชพันธุ์ธัญญาหารล้วนสมบูรณ์ อีกทั้งชายแดนยังมีปราการน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อแคว้นชิงโจวของเรา หากมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือเวลามีภัยพิบัติพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีกรมโยธากราบบังคมทูล
“อืม เราก็เห็นด้วยกับพวกท่าน ซึ่งพอคิดๆ ดูแล้ว เรามีแต่ได้ มากกว่าเสีย”
“พระบารมีฝ่าบาทแผ่ไปกว้างไกล ทุกแคว้นต่างอยากผูกมิตรพ่ะย่ะค่ะ”
ราชเลขาทูลสำทับ ฮ่องเต้ถังจินพยักหน้าช้าๆ
“ถ้าอย่างนั้น พวกท่านเห็นว่า ผู้ใดเหมาะสมที่จะเข้าพิธีสมรสในครั้งนี้”
เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากัน และเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม ซึ่งก้าวออกมาเพื่อทูลความเห็น
“กระหม่อมเห็นว่า ชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหริน ถึงวัยที่เหมาะสมจะแต่งงานในเวลานี้ที่สุดพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากชินอ๋องเชี่ยวชาญการศึก และมักจะไปประจำการที่ค่ายทหารแถบชายแดนเสมอ คุ้นเคยทั้งภูมิศาสตร์ และประชาชน หากชินอ๋องอภิเษกครั้งนี้ ถือว่าเหมาะสมกว่าผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าขุนนางล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับเสนาบดีกลาโหม
“ชินอ๋องอย่างนั้นหรือ แต่ตอนนี้เขาทำศึกอยู่ที่ชายแดนเหนือ ไม่ได้ปรึกษาเขา เกรงว่า ….”
“ฝ่าบาท ที่พระองค์ทำ เพราะหวังดีกับชินอ๋อง เพื่อความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดิน ข้าพระองค์คิดว่า เรื่องนี้ ชินอ๋อง ไม่น่าจะขัดข้องพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี ถ้าอย่างนั้น ตกลงตามนี้ ออกราชโองการ พระราชทานอภิเษกให้ชินอ๋องแต่งกับองค์หญิงแค้วนเยี่ยนเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี”
ชายแดนเหนือ
“พระราชโองการมา”
“ชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหริน รับราชโองการ”
ถังมู่เหริน ชินอ๋องแห่งแคว้นชิงโจว พระราชโอรสคนที่ 2 ของฮ่องเต้ถังจิ้นหรง แคว้นชิงโจว เชี่ยวชาญการรบ และทำศึกสงคราม ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจทางการทหาร โหดเหี้ยม เถรตรง ยุติธรรม หากถอดชุดเกราะออก เขาถือว่าเป็นองค์ชายที่รูปงามคนหนึ่ง ผิวขาว ละเอียดราวสตรี สูง หน้าตาได้สัดส่วน รูปร่างกำยำเนื่องจากเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ และเป็นแม่ทัพดูแลไพร่พลฝั่งชายแดนทางเหนือ
“แต่งงานงั้นหรือ เรื่องบ้าอะไรกัน เว่ยอี เอาผ้ามา”
ถังมู่เหรินลุกขึ้นจากอ่าง รูปร่างเขาที่ดูกำยำยามโดนน้ำช่างน่ามองนัก หน้าอกและกล้ามที่เป็นมัดๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน อาจจะทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจละสายตาได้เลย
เว่ยอีสวมเสื้อคลุมให้เขา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องอาบน้ำมาแต่งชุดลำลอง
“เว่ยอี เจ้าไปเมืองเยี่ยนกับข้า”
“ท่านอ๋อง ท่านจะไปสืบข่าวของว่าที่พระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“จู่ๆ ก็มีราชโองการให้ข้าแต่งงาน ก่อนหน้านั้นก็ยกเลิกงานแต่งข้ากับบุตรีเจ้ากรมคลัง ข้าอุตส่าห์หนีมาชายแดน ยังไม่พ้นราชโองการแต่งงานบ้าๆ นี่อีก ข้าจะไปดูเสียหน่อย ว่าคนที่จะมาเป็นว่าที่พระชายาที่จะแต่งกับข้า เป็นคนเช่นไร”
“ท่านอ๋อง ท่านคงไม่คิดที่จะ หนีการอภิเษกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หึ หนีจากอีกคน ก็เจออีกคนอยู่ดีมิใช่หรือ สู้แต่งให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องประทานใครมาให้ข้าอีก”
แคว้นเยี่ยน : เมืองเหยียน
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ข้าได้ข่าวว่าองค์หญิงจะเสด็จผ่านทางนี้ นางจะเดินทางไปสักการะที่วัดกวนอิมบนเขา หากเราดักรอที่โรงเตี๊ยมนี้ อาจจะเจอนางพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี งั้นเจ้าไปจองห้องพักก่อน ข้าจะเดินดูแถวนี้หน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมืองเหยียน ถือเป็นเมืองที่ติดชายแดนด้านเหนือที่ถังมู่เหรินดูแลอยู่ การเดินทางจึงใช้เวลาไม่นาน การค้าขายที่นี่ เน้นพวกเครื่องนุ่งห่ม ผ้าไหม เครื่องประดับเงิน ทับทิม และพลอยเป็นหลัก เนื่องจากเป็นภูเขาสูง แหล่งทรัพยาการจึงมีมาก และอากาศก็หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่จะปลูกพืชเมืองหนาวเป็นหลัก
ถังมู่เหรินเดินดูความคึกคักของตลาดอย่างเพลิดเพลิน เขาหวังว่าจะไม่มีสงคราม เพื่อให้ทุกคนที่นี่มีความสุขเช่นนี้ไปตลอด ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส การค้าขายคึกคัก ใต้หล้าร่มเย็น เขาแวะดูกำไรหยกขาว พลางนึกไปถึงสตรีที่เขาเคยหมั้นหมายเมื่อครั้งก่อน
ชิงอี้เหนียง บุตรีเสนาบดีกรมคลัง นางชอบสวมเครื่องประดับสวยงาม และทุกครั้งที่เขากลับจากชายแดน มักจะซื้อไปฝากนางเสมอ จนกระทั่งปีกลาย ที่นางบอกเขาว่า นางต้องเข้าพิธีอภิเษกเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท นางอ้างว่าเขาไม่สนใจนาง และให้ความมั่นคงกับชีวิตนางไม่ได้ เขาออกสนามรบตลอดเวลา แต่นางต้องการคนที่รัก และดูแลเอาใจใส่นางใกล้ๆ ตัว ทำให้นางมอบใจให้กับพี่ชายแท้ๆ ของเขาเพราะความใกล้ชิดที่ทั้งคู่มักจะพบเจอกันในงานพิธีสำคัญต่างๆ ในวังหลวง เขามองกำไรหยกนั้นอย่างใจลอย และวางมันลง หันกลับจะเดินออกไป เขาไม่ทันระวัง จึงทำให้ชนกับสตรีนางหนึ่งซึ่งเดินผ่านเขา
“โอ๊ะ ขออภัยแม่นาง ข้าเดินไม่ระวัง”
เขาคว้าแขนเสื้อนางได้ก่อนที่นางจะล้มลง นางสวมชุดสีขาว สวมเครื่องประดับบนศีรษะ แต่นางใช้ผ้าสีขาวปิดตั้งแต่จมูกลงมาถึงคาง แต่ตาของนางกลับสวยยิ่งนัก
“ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ทันระวัง ขอบคุณ”
“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”
สตรีที่มาด้วยกันถาม
“ข้าไม่เป็นไร รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน”
นางย่อคำนับเข้าอย่างนอบน้อมและเดินจากไป เขามองตามพวกนางไป พวกนางดูรีบเร่ง เขาไม่ทันจะเอ่ยอะไรมาก นางก็ไปเสียแล้ว ถังมู่เหรินกำลังจะออกจากที่นั่น เท้าเขาก็เกิดไปเหยียบอะไรสักอย่างจนเขาต้องก้มมอง
เป็นถุงหอมห้อยป้ายหยกอันหนึ่ง ดูประณีตและกลิ่นหอมพิเศษยิ่งนัก เขาหันกลับไป แต่พวกนางก็ไปไกลจนเขาตามไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงหยิบถุงหอมนั้น และเดินกลับโรงเตี๊ยม เว่ยอีรอเขาอยู่
“ท่านอ๋อง เห็นว่าขบวนขององค์หญิง จะมาพักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมนี้ ก่อนขึ้นเขาเช้าวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจองห้องไว้แล้ว เป็นห้องพักใกล้ๆ กับห้องพักขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"
“ดี ข้าหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกัน”
เขานั่งอยู่ไม่นาน ดูเหมือนคณะขององค์หญิงจะมาถึงพอดี นางสวมชุดสีส้ม ตกแต่งเครื่องประดับงดงามบนศีรษะ ท่าทางหยิ่งยโสไม่เป็นมิตร แต่ต้องยอมรับว่านางเป็นสตรีที่ดูงดงามยิ่งนัก
“ท่านอ๋อง นั่นองค์หญิงจ้าวซีเหมย ว่าที่พระชายาของพระองค์”
ชินอ๋องมองนางอย่างพินิจ กิริยามารยาทก็เหมือนหญิงสูงศักดิ์ทั่วไป แค่สายตาดูไม่ค่อยเป็นมิตร ดูยโสโอหังมากไปหน่อย ท่าทางจะเอาแต่ใจตัวเอง
“นี่ชาอะไรกัน ไปหาชาที่ดีกว่านี้มาให้ข้า”
นางปัดกาชาหล่นแตกเกลื่อนพื้น นางกำนัลต่างตกใจ รวมถึงคนงานในร้าน
“องค์หญิงเพคะ ที่นี่คือโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในย่านนี้ก่อนออกนอกเมืองแล้วเพคะ ขออภัยองค์หญิงโปรดอภัย...”
“เพี๊ยะ”
นางตบนางกำนัล นางรีบคุกเข่าขออภัย
“หุบปาก ข้าแค่อยากกินชาที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่จืดชืดอย่างน้ำล้างจานเช่นนี้ ไปหามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“เพคะองค์หญิง บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”
นางกำนัลอีกสองคนรีบพานางไปจัดหาอาหารใหม่มาให้นาง จ้าวซีเหมยทำท่าหงุดหงิดอยู่ที่โต๊ะ
"ทำไมข้าต้องแต่งกับนาง สตรีไร้มารยาท หลงตัวเอง เย่อหยิ่งแบบนี้ นั่นไม่ใช่สตรีที่ข้าต้องการ"
“ท่านอ๋อง เบาเสียงลงหน่อยพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวนางได้ยิน”
“ช่างน่ารังเกียจ……….”
“พระองค์ทรงหมายถึง องค์รัชทายาท”“ใช่ เพียงแต่ข้าแค่ไม่เข้าใจว่า เหตุใด เขาถึงอยากเร่งเอาชีวิตข้ามากนัก ก่อนหน้านี้ เขาไม่ทำแผนที่ต่ำทรามแบบนี้ ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ก็มีเรื่องแบบนี้มาเรื่อยๆ ข้า ไม่เข้าใจ”“พระองค์คิดว่า มีคนอื่นร่วมทำการครั้งนี้ด้วย”“ข้าก็เริ่มนึกไม่ออกแล้ว หากต้องการชีวิตข้า ก็เพียงแค่วางยาข้าก็จบ แต่เหตุใดต้องทำร้ายเจ้าด้วย นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าไม่มั่นใจจุดประสงค์ของเขา”“แย่แล้ว การที่ข้าทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้ว”“ข้ากลับคิดกลับกันนะ ว่าให้เขารับรู้ไปเลยว่าเรารู้แผนชั่วนี่ เขาจะได้เปิดเผยตัวเสียที จะได้ไม่ลอบกัดอีก"“แล้วห้องที่ถูกวางยาพิษล่ะ ต้องทำอะไรบ้าง”“เรื่องนี้ไม่ยากเพคะ ที่ให้ปิดไว้ เพราะพิษจะได้ไม่ระเหยออกมาภายนอก มาจากกำยาน ก็แก้ด้วยกำยาน คืนนี้หม่อมฉันจะทำยาถอนพิษ และให้เอาไปจุดวันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีปัญหาแล้วเพคะ”“แต่ว่าตอนนี้มันดึกแล้วนะ เจ้าพึ่งจะฟื้นจากพิษขึ้นมา”“ไม่เป็นไรเพคะ ใช้เวลาแค่ไม่นาน สมุนไพรและของที่ต้องใช้มีอยู่แล้ว อันเหมยก็พร้อมแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปห้องยา เพื่อปรุงยาเพื่อแก้พิษให้ในห้องเพคะ พระองค์ พักผ่อนไปก่อนน
"ท่านอ๋องเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลงก่อนเพคะ"“ทำไมล่ะ เจ้าจะเปลี่ยนใจอีกแล้วหรือ”“พระองค์ปล่อยหม่อมฉันก่อนสิเพคะ”ถังมู่เหรินปล่อยนางอย่างจำใจ นางเปิดห้องนอน และหันมาบอกเขา“พระองค์ถอยออกไปก่อน เร็วเข้าสิเพคะ”มู่เหรินถอยออกไปตามที่นางสั่ง เขาเริ่มไม่เข้าใจที่นางทำ“เจ้าทำอะไรน่ะ หรือเจ้าคิดว่า ในห้องนี้ ก็ถูกวางยาพิษด้วยเหมือนกัน”ซีเฟยแง้มประตูและสอดมือเข้าไปในห้อง นางเอามืออุดจมูกไว้ สักครู่เดียว นางก็ดึงมือกลับมา เข็มเงินในมือนาง เปลี่ยนเป็นสีดำ“มีพิษ ห้องนี้ก็มีกำยานพิษ ท่านอ๋อง คืนนี้เราเข้าไปพักห้องนี้ไม่ได้เพคะ”“ช่างโหดเหี้ยมนัก กะจะฆ่าคนทั้งจวนเลยหรืออย่างไรกัน”ซีเฟยนึกขึ้นได้ ตามคำพูดของเขา นางรีบวิ่งออกไป“ซีเฟย พระชายา เจ้าจะวิ่งไปไหนน่ะ รอก่อน ซีเฟย”เขาวิ่งตามนางออกไป นางวิ่งออกไปที่ลานปลุกสมุนไพร และส่งเสียงเรียก“เว่ยอี อันเหมย เสี่ยวหลง พวกเจ้าออกมานี่ให้หมด”พวกบ่าวไพร่ต่างวิ่งกรูกันออกมาที่ลานกว้างกัน ไม่ใช่แค่พวกที่มีชื่อที่พระชายาเรียก ทุกคนต่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น“พระชายา กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”มู่เหรินหันไปมองเว่ยอี นี่องครักษ์เขา เชื่อฟังพระชายาของเขาขนาดนี้เลย
“ท่านอ๋อง ไม่มีใครสั่งหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันรักท่านคือเรื่องจริง อยากให้นางตายก็คือเรื่องจริง พิษนี้ พิษนี้ หม่อมฉัน ได้มาจากตลาดมืดเพคะ”“ยิ่งตลาดมืด เจ้ายิ่งไม่มีทางไปเอามาได้ นอกจากจะมีคนไปซื้อมาให้เจ้า ข้าไปสืบเรื่องตลาดมืดที่นี่มาแล้ว ต้องเป็นสมาชิกของตลาดมืดเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ซื้อของในนั้นได้ และค่าเข้านั้น สูงลิ่วเลยล่ะ เจ้ายอมรับมาเถอะ เรื่องนี้ เจ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”ฉู่อันเหมยบอกนาง เว่ยอี และ ชินอ๋องหันมองหน้ากัน ไม่น่าเชื่อว่าพวกนางมาอยู่ที่นี่ถึงครึ่งปี แต่รู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้ ทั้งยังรู้เรื่องตลาดมืดอีกด้วยสาวใช้นั่งตัวสั่น นางไม่มีทางเลือก จึงเลือกจะฆ่าตัวตาย นางถลาเข้าไปใส่ดาบที่ชินอ๋องถือเอาไว้เพื่อจะฆ่าตัวตาย ชินอ๋องตกใจแต่เขาก็ดึงดาบกลับไม่ทัน“ฉึบ”“โอ๊ย ท่าน….”จ้าวซีเฟยดีดเข็มเงินเล่มหนึ่งสกัดจุดนางเอาไว้ก่อนที่จะถึงดาบ ทำให้นางขยับตัวไม่ได้ ชินอ๋องตกใจ รีบเก็บดาบคืนเว่ยอี ทั้งคู่ยืนตกใจกับความว่องไวของเข็มที่พระชายาปล่อยออกมาจัดการกับนาง แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา“เจ้าอย่าได้คิดจะกัดลิ้นตัวเองด้วย เพราะข้าสกัดจุดให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ให้พูดได้เท่านั้น ไม่อนุ
ค่ำวันนั้น หลังอาหารเย็นแล้ว ชินอ๋องได้เดินไปดูที่ห้องของซีเฟย ที่สาวใช้ยืนเฝ้าอยู่ พวกนางได้แต่เคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เสี่ยวหลงบอกว่า พวกนางเรียกพระชายาอยู่ตั้งแต่บ่ายแล้ว นางไม่ยอมกินข้าว เกรงว่าจะไม่สบาย“พระชายาของพวกเจ้ายังไม่ยอมเปิดประตูอีกงั้นหรือ”“ทูลท่านอ๋อง พระชายาอยู่ในห้องตั้งแต่บ่ายแล้วเพคะ แม้แต่น้ำก็ไม่ได้ดื่ม หม่อมฉันเกรงว่า….”มู่เหรินเริ่มวิตก“ซีเฟย ซีเฟย เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่ พระชายา”เขาเอาหูแนบกับประตู ไม่ได้ยินเสียงอะไรในห้อง เขาเริ่มร้อนใจ“เว่ยอี พังประตู เร็วเข้า”เว่ยอีตกใจ แต่ก็ทำตามรับสั่ง เขารีบถีบประตูเข้าไป ชินอ๋องวิ่งเข้าไปในห้อง ส่วนพวกเว่ยอี และคนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก“ซีเฟย เจ้าอยู่ไหน ซีเฟย ได้ยินข้าหรือไม่”ในห้องเงียบสนิท ไม่มีแสงไฟ เขามองไปที่เตียงของนาง และเห็นนางนั่งฟุบอยู่ที่เตียง“พระชายา เจ้าเป็นอะไร ซีเฟย เฟยเฟย ฟื้นสิ เจ้าเป็นอะไรไป”เขาเอามืออังหน้าผากนาง ตัวนางไม่ร้อน แต่ทำไมหมดสติไม่รู้เรื่องแบบนี้“เว่ยอี เรียกหมอหลวงมาที่นี่เดี๋ยวนี้ เร็วๆ เข้า”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”อันเหมยและอาเหยารีบวิ่งเข้ามาในห้อง
“ข้าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง”“ก็ดีแล้วที่ท่านทำใจได้ นางน่ะ รักสวยรักงาม ต้องการคนเอาใจ ติดนิสัยคุณหนู มักใหญ่ใฝ่สูงเกินไป ตอนนี้นางเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทไปแล้ว นางก็หยิ่งผยองขึ้นไปอีกสิบเท่า จากที่ไม่น่าคบหาอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย นางไม่เหมาะกับท่านหรอก ตอนแรกข้าคิดว่า ท่านเหมาะจะอยู่คนเดียว ใครจะคิดว่าท่านยอมแต่งงานง่ายๆ กันล่ะ”ซีเฟยกำลังจะยกน้ำชาและขนมไปให้พวกเขาในห้อง ได้ยินทุกประโยคที่พวกเขาคุยกัน ที่แท้ ที่เขาแต่งงานกับนาง ก็เพราะเขาต้องการลืมสตรีที่ทิ้งเขา นางเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เขาหนีข้อครหา ว่าสตรีนางนั้นทิ้งเขา หึ น่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก นางเดินกลับไป และให้เว่ยอี นำชาและขนมไปให้ท่านอ๋องแทน“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล เรื่องข้ากับชิงอีเหนียงจบไปนานแล้ว และการแต่งงานนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง”“ท่านอ๋องขอรับ ข้านำของว่างมาให้ขอรับ”“อืม”เขายกชาขึ้นมาดื่ม ชานี้ดื่มทีไรก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทุกครั้งจริงๆ ดื่มแล้วจะนึกถึงผู้ทำขึ้นมาทุกครั้ง“อืมมม รสชาตินี้แหละ ใช่เลย ฝีมือซีเฟยแน่นอน”“เจ้ารู้ได้อย่างไร”“ก็นางทำให้ข้าดื่มที่ศาลาเมื่อครู่ ขนมนี่ด้วย อร่อ
เว่ยอีมองเขาอยากรู้สึกงุนงง เขาก็แค่ไปสั่งให้ในครัวจัดมาเพิ่ม“ท่านอ๋อง ชานี่ไม่เหมือนเดิมหรือพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยก็ให้คนครัวจัดมาและบอกว่าให้เอาแบบชุดเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ”“ยกออกไป ข้าไม่กินแล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ”เว่ยอีกยกน้ำชา และกำลังจะยกขนมออกไป“รอก่อน ยกแต่ชาไป ขนมไม่ต้อง เอาชาอู่หลงมาให้ข้าแทน”“พ่ะย่ะค่ะ”เว่ยหลงยกชาออกมา และให้คนครัวไปเปลี่ยนเป็นชาอู่หลงแทน“ท่านอ๋อง รายงานพ่ะย่ะค่ะ”“ว่ามา”“ข้าสืบเรื่องของพระชายามาแล้ว ก่อนหน้านี้ นางถูกฮองเฮาวางยาพิษอยู่เนืองๆ และยังถูกหมั้นหมายกับบุตรชายของเสนาบดีมาก่อน ทั้งคู่โตมาด้วยกัน ชื่อสือเยว่เทียน เข้าปักใจรักพระชายามากพ่ะย่ะค่ะ และตอนนี้เขาทราบเรื่องที่นางอภิเษกมาที่นี่แล้ว และกำลังตามมาหานางพ่ะย่ะค่ะ”“อืม เข้าใจแล้ว เรื่องอื่นล่ะ”“พระชายามีอาจารย์หมอเทวดาอยู่คนหนึ่ง อยู่บนเขาเทียนซาน ทุกปีนางจะขึ้นไปเยี่ยม แต่ปีนี้ เห็นว่าอาจารย์นางออกท่องเที่ยว นางเลยไม่ได้ไปพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปได้ ติดตามนางเงียบๆ อย่าให้นางรู้ตัว ระวังองครักษ์หญิงของนางด้วย”“รับพระบัญชา กระหม่อมทูลลา”เว่ยอียกชามาถึงห้องหนังสือและวางลง เขาเงยหน้ามอง“เจ้ามีอะไร
Comments