Share

บทที่ 13

Author: จันทร์กระจ่างภูผา
องค์ชายหกวางแผนมานานหลายปี ในการก่อกบฏ คล้ายทุกอย่างแยบยล

ทว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น!

กุญแจสำคัญในการพลิกสถานการณ์ คือทหารพันนายของตระกูลซู!

หลี่เซวียนอยากจะเป็นเขยของตระกูลซู อยากใช้ทหารตระกูลซูในการก่อกบฏ

ทว่าหลี่หลงหลินชิงลงมือก่อน ใช้ทหารตระกูลซูรักษาความสงบ!

ความสำเร็จของจักรพรรดิ คือการขยายอณาเขต

ความสำเร็จของข้าราชบริพาร คือการรักษาความสงบและฟังคำสั่งของจักรพรรดิ!

หากตระกูลซูพลิกวิกฤตได้ สยบความโกลาหล สร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่ เช่นนั้นก็พลิกชะตาของตระกูลได้!

เมื่อฮ่องเต้หวู่โสมนัส ต้องตกรางวัลอย่างงามแน่นอน!

เวลานี้ตระกูลซูไร้บุรุษ เหลือเพียงหญิงหม้าย ภายใต้การสนับสนุนของจักรพรรดิ ใช่ว่าจะไม่อาจกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!

เพียงแต่

องค์ชายหกก็ไม่ได้โง่เขลา ในเมื่อเขารู้แล้วว่าจดหมายหายไป ต้องเตรียมความพร้อมอย่างแน่นอน วางกำลังทหารซุ่มโจมตีระหว่างทางออกจากเมืองหลวง!

สีหน้าของหลี่หลงหลินเคร่งขรึม ถอนหายใจ “ทางออกเดียวของตระกูลซู คือใช้ตราพยัคฆ์มาช่วย นำทหารที่เหลืออยู่มาสยบความโกลาหลในเมืองหลวง! แต่ว่า องค์ชายหกต้องขัดขวางอย่างแน่นอน การเดินทางครั้งนี้เปี่ยมไปด้วยอันตราย เสี่ยงตายอย่างมาก!”

“ข้าต้องประชุมราชสำนัก เปิดโปงองค์ชายหกต่อหน้าเสด็จพ่อ! ไม่อาจไปจริงๆ!”

ฮูหยินผู้เฒ่าซูถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ น่าเสียดายข้าชราภาพมากแล้ว หากข้าสาวกว่านี้ห้าสิบปี สยบความวุ่นวายเพียงเล็กน้อยนี้ เป็นเรื่องง่ายดี! กาลเวลาไม่คอยใคร...”

ซูเฟิ่งหลิงร้อนใจ เสนอตัว “พวกท่านกำลังพูดอะไร? ยังมีข้าไม่ใช่หรือ? ข้านำตราพยัคฆ์ ออกนอกเมืองไปบอกพวกทหารได้!”

หลี่หลิงหลินชำเลืองมองซูเฟิ่งหลิง เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้า? ไว้ใจได้หรือ?”

ซูเฟิ่งหลิงกระทืบเท้าด้วยความโมโห “แม้ข้าจะไว้ใจไม่ได้เพียงใด ก็ดีกว่าคนไม่เอาถ่านเช่นท่าน!”

หลี่หลงหลินโบกจดหมายในมือ หัวเราะแล้วพูด “อย่าลืมสิ คนไม่เอาถ่านคนนี้ เป็นคนได้จดหมายมา แต่เจ้ากลับทำพลาด ทั้งยังแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้เจ้าหกกลายเป็นสุนัขจนตรอก!”

พวกแก้มของซูเฟิ่งหลิงแดงก่ำ ก้มหน้าเงียบ

นางทระนงมาโดยตลอด คิดว่าพวกบุรุษล้วนไม่เอาถ่าน!

โดยเฉพาะองค์ชายเก้าหลี่หลงหลิน คือคนไม่เอาถ่านท่ามกลางคนไม่เอาถ่าน!

แต่สุดท้ายองค์ชายเก้าที่ไร้ความสามารถคนนี้ ไม่เพียงกลายเป็นสามีของตน ทั้งยังข่มตนด้วยการขโมยจดหมายมาได้ ทำให้ตนรู้สึกด้อยค่า

สิ่งนี้ทำให้เปลวไฟในใจซูเฟิ่งหลิงลุกโชน อยากจะพิสูจน์ตนเอง

ตึ้ง!

ซูเฟิ่งหลิงทุบโต๊ะน้ำชา กัดฟันแน่น “ข้าสั่งพวกทหารได้! หากล้มเหลว พร้อมที่จะเดินหิ้วหัวกลับมา!”

หลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “หากเจ้าทำพลาด พวกเราก็ต้องตายกันหมด! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะเอาหัวของเจ้าไปทำอะไร?”

ซูเฟิ่งหลิงร้อนใจดั่งไฟสุม พูดด้วยความโมโห “เช่นนั้นท่านพูดมาสิว่าควรทำอย่างไร?”

ฮูหยินผู้เฒ่าซูอยู่ข้างๆ คอยเกลี้ยกล่อม “สถานการณ์คับขัน พวกเจ้าสองคนหยุดเถียงกันได้แล้ว ต้องเห็นแก่ส่วนรวม! หลี่หลง แม้หลานสาวของข้าจะไม่เอาไหน แต่ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ให้นางไปเถอะ!”

ซูเฟิ่งหลิงช้ำใจยิ่งนัก

แม้ท่านย่าจะพูดเข้าข้างตน แต่คำว่าไม่เอาไหนหมายความว่าอย่างไร?

หลี่หลงหลินพยักหน้า “ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากขอร้องแล้ว เช่นนั้นก็ให้เจ้าไปแล้วกัน!”

ซูเฟิ่งหลิงร้องตะโกนด้วยความดีใจ รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ฮูหยินผู้เฒ่าซูรีบคว้านางเอาไว้ หยิบตราพยัคฆ์ออกมาแล้วยื่นให้นาง “หลานคนนี้ พึ่งอะไรไม่ได้จริงๆ! ยังไม่ได้เอาตราพยัคฆ์เลย!”

ซูเฟิ่งหลิงรีบรับตราพยัคฆ์เอาไว้ เชิดหน้าให้หลี่หลงหลิน แล้วเข้าไปในเรือน เปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีเงิน ผูกเสื้อคลุมสีแดง กระโดดควบม้าแดง คว้าหอกสีเงิน แทบจะทนรอไม่ไหวที่จะควบม้าออกไป

หลี่หลงหลินมองความใจร้อนของซูเฟิ่งหลิง อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ฮูหยินผู้เฒ่า หลานสาวของท่าน ไม่มีความเป็นกุลสตรีแม้แต่น้อย!”

ฮูหยินผู้เฒ่าซูถอนหายใจ “เฮ้อ เฟิ่งหลิงหลานสาวคนนี้ เสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ฝึกฝนวรยุทธ์กับพ่อและปู่ของนางตั้งแต่เล็ก เป็นคนบุ่มบ่ามไปหน่อยก็จริง”

“แต่ความจริงแล้ว นางจิตใจดีมาก...”

หลี่หลงหลินอ่อนไหว ปวดใจเล็กน้อย “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! นางก็เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง!”

หลี่หลงหลินเปลี่ยนบทสนทนา พูด “วรยุทธ์ของนางเป็นอย่างไร? การเดินทางครั้งนี้อันตรายยิ่งนัก คงจะไม่เป็นอะไรกระมัง?”

ฮูหยินผู้เฒ่าซูยิ้มบางๆ “วรยุทธ์ของนาง แค่ทั่วไป ไม่อาจเทียบกับข้าสมัยสาวๆ ได้ แต่ว่า ก็มากพอที่จะพิชิตอันดับหนึ่งในสามกองทัพ ท่ามกลางทหารหมื่นนาย เอาหัวศัตรูมาได้!”

“...”

สีหน้าของหลี่หลงหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

พิชิตอันดับหนึ่งในสามกองทัพ?

เสือโง่เขลาตัวนี้ เก่งกาจเพียงนี้เชียวหรือ?

เช่นนั้นวันหน้าตนต้องพูดรักษาน้ำใจ อย่าทำให้นางโมโหแล้วกระมัง!

มิเช่นนั้น หากเสือสาวตัวนี้บ้าคลั่งขึ้นมา เกรงว่าไม่มีใครห้ามนางได้

เวลานี้ ซูเฟิ่งหลิงพร้อมกับม้าหนึ่งตัว เดินทางออกจากเมืองหลวงแล้ว มุ่งหน้าไปยังค่ายทหาร!

“เจ้าคนสารเลวหลี่หลงหลิน!”

“ท่านกล้าดูแคลนข้าหรือ!”

“ข้าจะทำให้ท่านมองข้าใหม่!”

ความโมโหสุมอยู่เต็มอกของซูเฟิ่งหลิง กวาดสายตามองไปรอบๆ

ทหารซุ่มโจมตีเล่า?

ทหารซุ่มโจมตีอยู่ที่ใด?

หลี่หลงหลิน คงไม่ได้หลอกข้ากระมัง!

ถนนด้านหน้า มีทหารชุดเกราะสีดำปรากฏตัวตามที่คาดไว้ ขวางทางซูเฟิ่งหลิง

คนพวกนี้เหี้ยมโหด อาวุธครบมือ แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!

ทว่าซูเฟิ่งหลิงกลับดีใจ ดวงหน้างดงามเปื้อนยิ้ม

มีทหารซุ่มโจมตีจริงๆ ด้วย!

หลี่หลงหลินถือว่าเจ้าเก่งมาก ที่เดาถูก!

ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ ข้าไม่อาจสู้ท่านได้!

เวลานี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาแสดงความสามารถของข้าแล้ว!

“ฆ่ามัน!”

ซูเฟิ่งหลิงไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ผ้าคลุมด้านหลังโบกสะบัด!

เงาแดง พุ่งตัวไป!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
ศรายุธ
พระเอกได้จดหมายยังไง
goodnovel comment avatar
ศรายุธ
พระเอกได้จดหมายยังไง
goodnovel comment avatar
แปะจื้อ ลิ่ม
ดำเนินเรื่องสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1596

    วันต่อมา อาทิตย์อัสดง แสงสุดท้ายของดวงตะวันลับหายไปในดินแดนทางเหนือ ผืนหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เหลือเพียงเสียงลมที่พัดโหมกระหน่ำ ทหารหลายหมื่นนายรวมพลกันในค่าย เตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบการมองเห็นในเวลากลางคืน มีเพียงทหารที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการโจมตีชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือในยามวิกาล เหล่าทหารแต่ละนายล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ในใจของพวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่า การโจมตีชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือในยามวิกาลนี้ เป็นโอกาสทองในการสร้างผลงานทางการทัพอย่างชัดเจน ยิ่งมีหลี่หลงหลินคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง! ขอเพียงผ่านการทดสอบการมองเห็นในเวลากลางคืนได้ ก็ย่อมสามารถสร้างผลงานทางการทัพได้อย่างแน่นอน นี่คือผลงานทางการทัพที่ได้มาอย่างง่ายดาย! ใบหน้าของเหล่าทหารต่างเปื้อนรอยยิ้มสดใส เพราะการทดสอบนี้ช่างง่ายดายเหลือเกิน เหล่าทหารเพียงแค่ยิงธนูสามดอกไปยังเป้าธนูที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบก้าว หากยิงถูกเป้าหนึ่งดอก ก็ถือว่าผ่านการทดสอบแล้ว สำหรับเหล่าทหารที่อาการตาบอดตอนกลางคืนได้รับการรักษาจนหายขาดแล้ว นี่มันง่ายดายราวกับมีมือก็ทำได้! หลี่หลงห

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1595

    ได้ยินดังนั้น หลี่หลงหลินก็มองไปยังขอบฟ้า โดยมิได้เอ่ยอะไรเลย ซูเฟิ่งหลิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “รัชทายาท องค์ชายเจ็ดผู้นี้ช่างเหลวไหลเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล่าวร้ายท่านถึงเพียงนี้ หากไม่ลงมือจัดการเขาเสียบ้าง เกรงว่าขวัญกำลังใจของทหารจะเปลี่ยนไปนะเพคะ!” เอ่ยแล้ว ซูเฟิ่งหลิงก็พับแขนเสื้อขึ้น ราวกับจะรีบไปคิดบัญชีกับองค์ชายเจ็ดทันที หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็แค่คนโง่เง่าคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึง นางไม่คิดว่าหลี่หลงหลินจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ องค์ชายเจ็ดทำเกินไปถึงเพียงนี้แล้ว แต่หลี่หลงหลินกลับเอ่ยคำง่ายๆ เพียง คำเดียว? ซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเพคะ! หากไม่จัดการ ความน่าเกรงขามของกฎทัพจะอยู่ตรงไหน? องค์รัชทายาทจะเอาหน้าไปอยู่ที่ไหนเพคะ!” หลี่หลงหลินส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “อ้ายเฟย เรื่องนี้เจ้ายังไม่เข้าใจ” “องค์ชายเจ็ดตอนนี้อยู่ใต้บัญชาของจางไป่เจิง ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะต้องไปยุ่ง” “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ อย่าให้เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้มาถ่วงเวลาเรื่องใหญ่” ใบหน้าของซูเฟิ่งหลิงเต็มไปด้วยความไม่เ

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1594

    เมื่อองค์ชายเจ็ดเอ่ยถึงจุดที่อารมณ์พลุ่งพล่าน ก็ทรงชักกระบี่จากเอวออกมา แล้วอาศัยฤทธิ์สุราฟาดฟันอยู่ข้างกองไฟ ราวกับจะตัดขาดทุกสายตาที่เย็นชา! พระองค์จะใช้กระบี่ในมือพิสูจน์ว่าพระองค์มิได้ด้อยไปกว่าหลี่หลงหลิน! ขอเพียงสร้างผลงานทางการทัพได้ ฮ่องเต้หวู่ต้องทรงมองพระองค์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปแน่ บัณฑิตร่ายกวี นักรบฟาดฟันกระบี่ ล้วนเป็นวิธีระบายอารมณ์ภายในใจทั้งสิ้น กองไฟลุกโชนสว่างไสว สะท้อนบนพระพักตร์ขององค์ชายเจ็ด เหล่าทหารเมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชายเจ็ด ก็พลันเฮฮาครื้นเครงกัน บางคนฟาดฟันหอกกระบี่ บางคนปรบมือโห่ร้องยินดี ในความมืดมิดที่ไม่ไกลออกไป มีนัยน์ตาหงส์คู่หนึ่ง จับจ้องทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายทหารไว้ในสายตา ซูเฟิ่งหลิงมองเห็นทุกสิ่ง สายลมพัดนำเสียงโห่ร้องยินดีของเหล่าทหารมา นางเก็บความโกรธไว้ในใจแทบไม่อยู่ เพราะนางได้ยินทุกคำที่องค์ชายเจ็ดเอ่ยเมื่อครู่ชัดเจนแจ๋ว ซูเฟิ่งหลิงกล่าวเสียงเย็นชา “นี่มันคิดจะก่อกบฏ!” เดิมทีนางคิดจะเข้าไปห้ามปราม แต่จู่ๆ ก็นึกถึงคำที่หลี่หลงหลินเคยกำชับนางไว้ ไม่ว่าเรื่องใด หากไม่แน่ใจ ต้องรีบไปหาหลี่หลงหลินทันที หากหา

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1593

    ได้ยินดังนั้น เหล่าทหารต่างตกตะลึง และพากันจ้องมององค์ชายเจ็ด องค์ชายเจ็ดเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องตาบอดตอนกลางคืนอะไรนั้นหรอกนะ ดวงตาที่ปกติดี เว้นแต่จะตาบอดไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมองไม่เห็นได้อย่างไร?” เหล่าทหารมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อองค์ชายเจ็ดเอ่ยคำนี้ออกมา ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่พวกเขายังไม่ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับองค์ชายเจ็ด แม้ว่าองค์ชายเจ็ดจะกินอยู่ร่วมกับทหารในกองทัพ แต่เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เหล่าทหารก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ส่วนองค์ชายเจ็ดก็จะประทับอยู่ในวัง มีคนรับใช้ส่วนตัว และมีอาหารจากในวังคอยบำรุง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดภาวะขาดสารอาหาร ดังนั้น ในสายตาขององค์ชายเจ็ด โลกนี้จึงไม่มีตาบอดตอนกลางคืนจริงๆ เพราะพระองค์ไม่เป็นอย่างนั้น แต่เหล่าทหารกลับแตกต่างออกไป ในชีวิตประจำวันพวกเขาไม่ค่อยได้สัมผัสอาหารดีๆ ที่มีเนื้อสัตว์อุดมสมบูรณ์ โภชนาการจึงไม่เพียงพอจริงๆ พอถูกองค์ชายเจ็ดหลอกล่อเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ดวงตาที่มองไม่เห็น แม้แต่ขาก็อาจจะถูกหลอกจนพิการได้ องค์ชายเจ็ดแย้มยิ้มเย็นชา “นี่อาจจะเป็นแผนกา

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1592

    องค์ชายเจ็ดนั่งอยู่หน้ากองไฟ ดื่มรวดเดียวหมดจอกแล้วจอกเล่า เหล่าทหารมองดูด้วยตา ก็อยากลิ้มรสด้วยใจ ทหารเหล่านี้ล้วนมาจากครอบครัวยากจน ในสายตาของพวกเขา เพียงได้อิ่มท้องก็ถือว่าดีแล้ว การดื่มสุราเป็นสิ่งที่แม้แต่ในฝันก็ไม่กล้าคิด ยิ่งกว่านั้น นี่อยู่ในกองทัพ การดื่มสุราจึงเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี หากถูกจางไป่เจิงจับได้ คงมีปัญหาใหญ่หลวงแน่ องค์ชายเจ็ดดื่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุราหนึ่งถังใหญ่หมดไปเกือบครึ่งในเวลาไม่นาน สติของพระองค์เริ่มเลือนราง ใบหน้าแดงก่ำ เหล่าทหารเห็นดังนั้น ก็รีบเข้าไปเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านดื่มมากเกินไปแล้ว” “จิบเล็กน้อยสบายใจ ดื่มมากทำลายสุขภาพ!” “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราอยู่หน้าแนวรบ หากท่านเมามาย ก็คงเป็นปัญหาใหญ่หลวงแล้วขอรับ” “ใช่แล้วขอรับ! ท่านแม่ทัพ หากเรื่องนี้ทำให้การทัพล่าช้า ท่านแม่ทัพจางจะตำหนิเอาได้นะขอรับ...” องค์ชายเจ็ดตวัดสายตามองเหล่าทหาร แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “จะกลัวอะไร! พวกขี้ขลาดตาขาว!” “พวกเจ้าจงเบิกตาดูให้ดี ตอนนี้เหมือนกำลังทำสงครามที่ไหนกัน?” “หลี่หลงหลินให้พวกเราหยุดอยู่กับที่มากี่วันแล้ว! ไม่มีใครรู้เลย

  • องค์ชายอ่อนหัด หวนคืนชะตากลับมาแก้แค้น   บทที่ 1591

    องค์ชายเจ็ดนั่งอยู่ข้างกองไฟ มองเปลวเพลิงที่เต้นระบำ แต่พระองค์กลับมิได้รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย ราวกับว่ากองไฟนี้เป็นเพียงภาพลวงตา องค์ชายเจ็ดเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “นี่มันที่เฮงซวยอะไรกัน เหตุใดจึงหนาวเหน็บถึงเพียงนี้! เร่งก่อไฟให้ลุกแรงกว่านี้อีก!” สีหน้าของทหารนายหนึ่งฉายแววเกรงใจ “ท่านแม่ทัพขอรับ บัดนี้ไฟก็ลุกแรงถึงที่สุดแล้ว หากเราก่อให้ใหญ่กว่านี้ เกรงว่าจะเผาค่ายทหารทั้งค่ายแล้วขอรับ...” ในกองทัพมีกฎเกณฑ์ชัดเจน กองไฟต้องอยู่ห่างจากกระโจมทหาร เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย บัดนี้ เพื่อความสะดวกขององค์ชายเจ็ด ได้ก่อไฟข้างกระโจมทหาร ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎของกองทัพแล้ว หากก่อไฟให้ลุกแรงหว่านี้อีก ก็อาจเกิดอัคคีภัยได้ง่าย องค์ชายเจ็ดเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฮึ่ม! วันคืนหนาวเหน็บถึงเพียงนี้ แม้แต่ไฟก็ไม่ให้ก่อ! ข้าไม่เชื่อว่าคนเป็นจะถูกปัสสาวะอั้นจนตายได้!” “ใครก็ได้ นำถังไม้ในกระโจมของข้าออกมา!” ทหารหลายนายช่วยกันยกถังไม้ออกมาจากกระโจม สิ่งนี้ในตอนที่ยกทัพมาองค์ชายเจ็ดได้นำมาจากเมืองหลวง องค์ชายเจ็ดเห็นถังไม้ สายตาก็พลันเป็นประกาย “พวกเจ้าที่ติดตามข้ามา ถือว่าได้เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status