หลังจากแบกจอบกลับมาถึงเรือนท้าย
อันไป๋เล่อก็วางมันพิงไว้ข้างกำแพงหิน ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในเรือน กลับออกมาอีกครั้ง พร้อมชุดขี่ม้าสีเรียบที่เคยใช้ตอนเดินทาง
ผ้าคาดเอวถูกมัดแน่นเพื่อให้เคลื่อนไหวคล่องตัว บ่าวไพร่ที่มาแอบดูต่างไม่เชื่อสายตา พวกเขามองดูอยู่ครู่หนึ่ง
นางคว้าจอบขึ้นอีกครั้ง แล้วเริ่มลงมือถางหญ้าที่รกอยู่รอบเรือน
จอบในมือถูกเหวี่ยงดูค่อนข้างเชี่ยวชาญ
ท่วงท่าราบเรียบ แต่กลับเต็มไปด้วยความตั้งใจ
เสียง "ฉับ ฉับ" ของจอบดังเป็นจังหวะ
คลุกเคล้ากับกลิ่นหญ้าและดินชื้น
ที่พุ่มไม้ห่างออกไปเล็กน้อย
บ่าวไพร่สามคนแอบมองด้วยสายตาเบิกกว้าง
“นั่น...อี้เหนียงสี่กำลังถางหญ้าเองจริง ๆ?”
พวกเขาต่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
ยิ่งดู...ก็ยิ่งตะลึง
แต่ยังไม่ทันได้กระซิบกันต่อ เสียงเรียบนิ่งแฝงน้ำเสียงดุเล็ก ๆ ดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “พวกเจ้ากำลังทำอะไร!!”
ทั้งสามสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับกลับไป
ทันใดนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกแทบพร้อมกัน
“คุณชายสี่...บ่าวตกใจหมดขอรับ...”
ซ่งเหยาคุณชายสี่ของจวนเผย ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง แววตาจริงจังเกินวัยแม้อายุเพียงไม่กี่ขวบ แต่ท่าทางกลับดูน่าเกรงขามในสายตาบ่าวไพร่
“นี่พวกเจ้ากำลังแอบดูอี้เหนียงสี่อยู่หรือ?”
“ถึงนางจะถูกขับออกจากตระกูล แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเจ้าจะหมิ่นเกียรตินางได้นะ...”
“ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ!”
เสียงของเด็กน้อยเด็ดขาดเกินวัย
บ่าวทั้งสามหน้าถอดสี รีบยกมือไหว้ลนลาน
“คุณชายสี่... พวกข้าเปล่าคิดเช่นนั้นนะขอรับ!”
“ได้โปรดฟังพวกข้าก่อนขอรับ!”
อันไป๋เล่อ ขุดดินได้ไม่นาน เหงื่อก็ซึมที่ข้างขมับเป็นจำนวนมาก นางวางจอบลงเอ่ย “สตรีผู้นี้คงไม่เคยออกแรงทำอะไร เหนื่อยเป็นบ้าเลย”
มีพูดคุยกันดังขึ้น ดวงตาเรียวสวยหรี่มองไปยังกลุ่มเสียงด้านหลังพลางเลิกคิ้วน้อย ๆ อย่างสงสัย
นางจึงเดินออกไปดูแล้วหยุดยืนตรงหน้าทุกคน ก่อนเอ่ยขึ้น
“นี่พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่”
น้ำเสียงไม่ได้ดุ หากแต่แฝงความหนักแน่นพอให้ทุกคนสะดุ้ง
บ่าวไพร่ทั้งสามคนหน้าซีดเผือด รีบก้มตัวโค้งจนแทบติดพื้น
“อี้เหนียงสี่! บ่าว…บ่าวไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่นะขอรับ!”
เผยซ่งเหยา เด็กชายวัยหกขวบที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ เม้มริมฝีปากแน่น พอเห็นมารดามาถึง ก็ดูจะลังเลว่าจะพูดอะไรดี
ในที่สุดก็กระซิบเบา ๆ “ข้า...แค่ไม่อยากให้ใครดูถูกท่านแม่…”
อันไป๋เล่อเหลือบมองลูกชายตัวน้อย ดวงตาที่เคยเย็นชาอ่อนลงเล็กน้อย นางหันกลับมามองบ่าวไพร่แล้วกล่าวเรียบ ๆ
“ทีหลังอยากรู้อะไร...ก็ถามตรง ๆ”
“ไม่ต้องแอบ ไม่ต้องกระซิบ...ข้าไม่ได้เป็นผี”
คำพูดนั้นทำเอาบ่าวทั้งสามแทบเกือบจะหยุดหายใจ
อันไป๋เล่อกวาดตามองบ่าวไพร่ทั้งสามที่ยังยืนก้มหน้าไม่กล้าหายใจแรง นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เด็ดขาด
“เรื่องที่พวกเจ้าแอบดูข้า...ข้าไม่เอาผิด”
บ่าวทั้งสามเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อหู
ที่อี้เหนียงสี่จะปล่อยพวกเขาไปง่าย
ทว่า...ยังไม่ทันจะโล่งใจเต็มที่ เสียงของนางก็ต่อขึ้นทันที
“แต่พวกเจ้าต้องช่วยข้าถางหญ้าเสียให้หมด” พอเห็นแววตาต่อต้านพวกเขานางก็เอ่ยถามต่อ
“หรือจะไม่ทำ”
“ทำขอรับ!”
เสียงรับคำดังลั่นแทบพร้อมกัน จากนั้นบ่าวทั้งสามคนก็พากันเร่งทำความสะอาดสวน อันไป๋เล่อจึงหันมาหาซ่งเหยา
“แล้วเจ้าเล่ามาทำอะไรที่นี่”
เด็กน้อยกลัวมารดาจะจับได้ว่าตัวเองก็แอบมาดูเช่นกัน จึงเอ่ยกลบเกลือน “เห็นพวกเขาแอบตามท่านมา ข้าก็เลยแอบตามพวกเขามาอีกที”
ไป๋เล่อพยักหน้าทำที่เข้าใจ อาเหมยกลับมานางไม่เห็นไป๋เล่ออยู่ในเรือนจึงเดินออกมาตาม
“คุณหนู...เหตุใดมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ ..อ่ะ คุณชายสี่ แล้วๆ พวกเขามาทำอะไรเจ้าคะ”
“มาช่วยข้าถางหญ้าน่ะ”
อาเหมยขมวดคิ้ว หากเป็นเมื่อก่อนอี้เหนียงสี่เรียกใช้บ่าวในตระกูลเผยย่อมไม่ใช่เรื่องผิดแปลก ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป อี้เหนียงสี่เป็นเพียงผู้อยู่อาศัยทำนั้น ย่อมไม่ควรเรียกใช้ใครและถึงเรียกใช้พวกเขาก็ไม่มาทำให้
ไป๋เล่อเห็นสายตาสงสัยของอาเหมยนางไม่อธิบายเอ่ยสั้น ๆ “เจ้ายกน้ำชามาที่นี่ให้ข้า”
“เจ้าค่ะ”
เผยซ่งเหยาเห็นมารดาไม่ได้เอ่ยไล่ตนให้กลับเรือน ไม่มีทีท่าน่ารำคาญ ก็ดีใจเงียบ ๆ
เด็กน้อยแอบเนียนเดินไปนั่งลงตรงโต๊ะใต้ศาลา
สายตาใสแจ๋วเฝ้ามองจับจ้องมารดาอย่างไม่คลาดสายตา
ด้านบ่าวชายทั้งสาม แม้จะบ่นในใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเริ่มลงมือก็กลับจริงจังมากกว่าที่คิด
พวกเขาแบ่งหน้าที่กันอย่างคล่องแคล่ว ทั้งถอนหญ้า กวาดเศษใบไม้ ตัดกิ่งไม้แห้ง และเก็บก้อนหินที่กระจัดกระจายตามทาง
ไม่นานนัก...
บริเวณสวนท้ายเรือนที่เคยรกร้างก็กลับดูโล่งสะอาด ร่มรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อันไป๋เล่อมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
ถึงแม้นางจะอยากลงแรงเองได้ แต่การมีแรงงานสามคนช่วย ก็ย่อมดีกว่าต้องใช้จอบอยู่คนเดียวเป็นแน่
“ดีกว่าข้าขุดเองมากทีเดียว”
นางเอ่ยเสียงเรียบ ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มบาง
จากนั้น นางจึงหันไปหาทั้งสามคน พลางกล่าวอย่างไม่เร่งร้อน
“พวกเจ้า...หากว่างจากงานในเรือนใหญ่ มาช่วยข้าทำสวนที่นี่ได้หรือไม่?”
ทั้งสามคนชะงัก ไป๋เล่อจึงเอ่ยต่อ “แน่นอนว่า ข้าไม่ใช้แรงเปล่า...ย่อมมีค่าตอบแทน...แล้วข้าอยากจะทำโรงครัวสักหน่อยพวกเจ้าพอหาช่างมาทำให้ได้หรือไม่”
บ่าวทั้งสามหันหน้ามองกันแล้วเอ่ย
“พวกข้าทำได้ขอรับ”
“งั้นดี...รอตรงนี้ ข้าไปหยิบเงินบางส่วนให้พวกเจ้าไปซื้อข้าวของก่อน” พอให้เงินเสร็จไป๋เล่อพูดคุยกับพวกเขาสักพักหลังจากนั้น ทั้งสามโค้งตัวให้ก่อนจะแยกย้ายกลับเรือน
เผยซ่งเหยานั่งมองอยู่ที่ศาลาอย่างตั้งใจ ไม่พูดไม่จา จนกระทั่งอันไป๋เล่อหันมาถามเสียงเรียบ
“เจ้าไม่ต้องเรียนหรือ?”
เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบอย่างคล่องแคล่ว
“วันนี้อาจารย์มีธุระอื่นต้องไปทำขอรับ”
อันไป๋เล่อพยักหน้าเบา ๆ พลางครุ่นคิด นางตั้งใจจะออกไปตลาดซื้อของเล็กน้อย เผื่อเริ่มวางแผนปรับครัวและสวน
จึงหันไปหาอี้ชิงที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ข้าจะไปตลาด...สามารถพาคุณชายสี่ไปด้วยได้หรือไม่?”
อี้ชิงเบิกตากว้างเล็กน้อยอย่างตกตะลึง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา อี้เหนียงสี่ไม่เคยพาคุณชายออกไปข้างนอกด้วยตนเองเลยสักครั้ง
“เอ่อ...ข้า...ข้าคงต้องเรียนถามนายท่านรองก่อนเจ้าค่ะ”
อันไป๋เล่อฟังแล้ว เอ่ยเสียงราบ “เช่นนั้นก็วันหลังเถอะ...ข้าจะออกไปข้างนอกแล้ว เจ้าก็กลับไปเสีย”
เผยซ่งเหยาไม่แสดงความงอแงแม้แต่น้อย
เขาลุกขึ้น ค้อมกายอย่างนอบน้อม “ขอรับ...อี้เหนียง”
อันไป๋เล่อมองตามหลังเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปบอกอาเหมย
“ไปข้างนอกกันเถอะ”
ตอนที่ 35 ถูกจับได้ กู้เผยหยางเหลือบตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง แววตาลึกล้ำคล้ายสืบค้นความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใน ก่อนจะหัวเราะในลำคอแผ่วเบาเอ่ยต่อ“ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทแนบชิดกัน… บัดนี้กลับเหมือนคนแปลกหน้าที่ข้าอ่านไม่ออกเสียแล้ว”สุราที่ปลายนิ้วยกขึ้นสะท้อนเงาจากแสงตะวันยามเย็นวาววับ ทว่าดวงตาของเขากลับไม่ละจากไป๋เล่อแม้แต่วินาทีเดียว คล้ายจะรอคอยคำตอบบางอย่างจากริมฝีปากนางไป๋เล่อสะท้านในอก หัวใจราวกับถูกบีบรัดแน่น นางก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่ส่องทะลุเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณ ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่รู้ควรอธิบาย หรือควรเงียบเพื่อรักษาความลับที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ไป๋เล่อพยายามหาถ้อยคำมาแก้ต่าง เสียงแผ่วพลางยกจอกสุราขึ้น“ทุกคนที่ต้องหาหนทางของตนเอง…ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง ผู้ใดเล่าจะคงความเป็นตัวเองได้ดั่งเดิม” นางกลบเกลื่อนความสั่นไหวในใจด้วยการรินสุราแล้วกระดกดื่มรวดเดียวกู้เผยหยางจ้องนางไม่กะพริบ มุมปากยกขึ้นอย่างยากจะหยั่งความหมาย น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ๆ“ฟังดูก็มีเหตุผล…แต่ข้ากลับเหมือนคำแก้ตัวเสียมากกว่า”เงียบงันชั่วอึดใจ บรรยากาศรอบศาลากลางสระบัวราวถูกแรงกดดันบางอย่างค
ตอนที่ 34 หลากหลายอารมณ์เผยกู้หยาง เหลือบตามองอันไป๋เล่อที่ยืนตะลึงงันอยู่ริมศาลา มุมปากของเขายกขึ้นเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มบางนั้นแฝงความหมายเย้ยหยั่นไม่จริงจังท่าทางหลงใหลบุรุษเช่นนี้ นางก็ช่างกล้าแสดงออกมา รอยยิ้มเงียบ ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มโดยไม่ต้องมีคำใดเอื้อนเอ่ย แต่เพียงเท่านั้นกลับแผ่แรงกดดันบางอย่างแทรกเข้ามาในอารมณ์ของผู้คนรอบกายไป๋เล่อพลันรู้สึกเหมือนคลื่นใต้น้ำโอบรัดหัวใจ นางประหม่าอย่างบอกไม่ถูก สายตาคมดุจดาบที่จับจ้องมาพร้อมรอยยิ้มมาดหมายไม่แน่ชัดของเขา แทบจะฉุดวิญญาณของนางออกจากร่างลาบอส… ลาบอส คำนี้พลันผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของนาง เป็นเสน่ห์ร้ายแรงที่นางไม่อาจละสายตาได้รอยยิ้มเดียวก็สามารถทำให้นางแทบหยุดหายใจไป๋เล่อ รีบก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามข่มใจมิให้เผยพิรุธออกมา นางสูดหายใจแผ่ว ๆ พยายามรักษาใบหน้าให้มากที่สุด หัวใจของนางก็ราวกับถูกบีบคั้นอยู่ในอกไปทุกจังหวะที่เขาดีดเล่น แทบเก็บอาการไม่อยู่กรี๊ดออกมาเมื่อเสียงสายพิณสุดท้ายดับลง ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วศาลากลางสระบัว เผยกู้หยาง ค่อย ๆ วางพิณลงด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองไป๋เล่อที่ยังยืนประหม่
ตอนที่ 33 สายตาคับแคบ คล้อยหลังเผยกู้หยาง บ่าวหน้าเรือนตำราก็เดินเข้าไปรายงานเผยถังว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินมา เผยถังได้ยินเช่นนั้นหลังจากจัดการหนังสือหลายอย่างจึงลุกขึ้นไปหาจางลั่วผิงที่เรือนใหญ่ เรือนใหญ่ เมื่อก้าวเข้าไป เห็นจางลั่วผิงนั่งตรวจบัญชีบางอย่างอยู่ นางเงยหน้าขึ้น พอเห็นสามีก็วางมือลง พลางเอ่ยเสียงนุ่ม“เสร็จธุระแล้วหรือเจ้าคะ”เผยถังพยักหน้ารับ ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมองสมุดบัญชีกล่าว “ลำบากเจ้าแล้ว” หากไม่ใช่เพราะมีตัวเลขที่ไม่เหมาะสมงานบัญชีเหล่านี้ควรให้สะใภ้ใหญ่จัดการได้เลยจางลั่วผิงยกยิ้มบาง “ลำบากอันใดกันเล่า… อยู่ที่นี่มาหลายปี ข้ากลับรู้สึกว่าดีนัก มีเพียงเกรงว่า ข้าอาจทำหน้าที่ไม่ดีพอเท่านั้น”เผยถังสบตานาง เอ่ยหนักแน่น“ความทุ่มเทใส่ใจของเจ้า ผู้ใดย่อมรับรู้”ลัวมาม่ายกจานผักสลัด พร้อมน้ำชากาใหม่เข้ามา “คุณชายรองนี่ช่างกตัญญูนักเจ้าค่ะ ได้ยินว่าฮูหยินไม่ค่อยทานอาหาร พอเห็นของสดแปลกตาก็รีบสั่งให้คนซื้อกลับมาให้ฮูหยินทันที”จางลั่วผิงเพียงหัวเราะเบา ๆ แต่แววตาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนเผยถังยกถ้วยชาขึ้นจิบ มีสีหน้าพึงพอใจเขาวางถ้วยชาลง ก่อนจะเอ่ย “แล้
ตอนที่ 32 ช่างไม่รู้ความส่วนจางลั่วผิงเมื่อแยกจากสะใภ้ใหญ่แล้วก็ลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา บ่าวที่คอยประคองเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ฮูหยินจะเสด็จไปพักผ่อนในเรือนหรือไม่เจ้าคะ”นางเพียงส่ายหน้าเบา ๆ พลางเอ่ยว่า “ไปดูสิว่านายท่านอยู่ที่ใด”ลัวมาม่าจึงหันไปสั่งบ่าวด้านข้าง ไม่นานบ่าวผู้นั้นก็รีบกลับมากล่าวรายงาน “เรียนฮูหยิน...นายท่านอยู่ที่เรือนตำราเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ“เช่นนั้นก็ไปยังเรือนตำราเถิด”จางลั่วผิงก้าวมาถึงหน้าเรือน บ่าวที่เฝ้าอยู่เห็นนางก็รีบวิ่งเข้ามาคารวะทันที “เรียนฮูหยิน...เวลานี้นายท่านกำลังสนทนาอยู่กับคุณชายรองขอรับ”นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่ต้องเข้าไปบอกพวกเขา... ข้ามิได้มีธุระอันใดสำคัญนัก...กลับเรือนเถิด”ลัวมาม่าไม่แสดงสีหน้า ประคองเผยฮูหยินกลับเรือนหลักส่วนข้างใน เรือนตำรา เผยกู้หยางคือคุณชายรองแห่งตระกูลเผย ทว่าท่าทีที่เขากับเผยถังผู้เป็นบิดาแสดงออกในยามนี้กลับแตกต่างไปจากสิ่งที่ควรเป็น“ข้าต้องขออภัย ที่มิได้บอกกล่าวท่านล่วงหน้า” เผยกู้หยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบขรึมเผยถังรีบตอบกลับด้วยท่าทีอ่อนน้อม
ตอนที่ 31 ตระหนักการรับจัดของวาง นับเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ให้ไป๋เล่อไม่น้อย ความสามารถพิเศษที่ลูกค้าชื่นชอบคือ นางมักใส่ใจความหมายของงานในแต่ละครั้ง จัดขนมให้สอดคล้องกับวาระมงคลไป๋เล่อนั่งเขียนบัญชีเสร็จพอเห็นตัวเลขก็เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง“รับทำขนมในงานเลี้ยงครั้งเดียว กำไรถึงสองร้อยตำลึงเชียว”อาเหมยนั่งพับผ้าอยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยแทรกเสียงสดใส“คุณหนู หากท่านอยู่ในเมืองหลวง ที่มีงานเลี้ยงน้ำชาวันเว้นวัน เช่นนั้นคงมีลูกค้ามากจนทำขนมแทบไม่ทันเจ้าค่ะ”ไป๋เล่อหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้ารับเห็นด้วย “ก็จริง…ทว่าในเมืองใหญ่มิคงมีเพียงลูกค้า หากยังมีคู่แข่งนับไม่ถ้วนเช่นกัน อยู่ที่นี่ฝึกปรือฝีมือไปก่อนคงดีกว่า”นางวางพู่กันลง พลางคิดถึงเจียงจิง “พี่สาวเจียงจิงก็คงได้กำไรไม่น้อย…จากการทำน้ำอบดอกเหมย”ไป๋เล่อพูดเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะเบา ๆ ดังขึ้นที่ประตู “ไป๋เล่อ” เสียงเจียงจิงดังเรียกอยู่นอกเรือน“เข้ามาสิพี่สาว” ไป๋เล่อเอ่ยตอบประตูเลื่อนเปิดออก เจียงจิง ก้าวเข้ามาในชุดเรียบสะอาด ติดมือถือถุงผ้าเล็ก ๆ มาวางตรงหน้าของไป๋เล่อ นางยกยิ้มอ่อนโยนก่อนเอ่ยเสียงจริงใจ “นี่เป็นกำไรจากน้ำอบดอ
ตอนที่ 30 ว่าที่สะใภ้รองเมื่อได้ปลดความค้างคาในใจออกไป อาเหมยก็กลับมาร่าเริงเช่นเดิม พวกนางทั้งสี่คนยังคงตื่นแต่เช้าตรู่ จัดทำขนมและน้ำอบเพื่อนำไปวางแผงขายตามเคยเช้าวันนั้น ซูหลิงมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ครั้นเห็นพวกนางก็รีบเอ่ยขึ้น“อีกไม่กี่วันคุณหนูของข้าจะมีพิธีปักปิ่น จึงอยากจ้างพวกเจ้าจัดทำอาหารว่าง เพียงแต่ไม่อยากได้ขนมที่ซ้ำกับที่เจ้าขายอยู่ตามแผง”ไป๋เล่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “เช่นนั้น…พรุ่งนี้แม่นางซูช่วยมารับขนมตัวอย่างไปให้คุณหนูของท่านลิ้มลอง หากนางโปรดสิ่งใด ข้าจะจัดทำให้ เพียงแต่ราคาคงสูงกว่าที่ขายตามแผงอยู่บ้าง”ซูหลิงยังไม่ทันเอ่ยอะไร ซูหมิงที่ยืนเคียงข้างก็รีบพูดขึ้นทันที “เรื่องเงินมิใช่ปัญหา พรุ่งนี้ข้าจะมารับด้วยตนเอง… อ้อ วันนี้เจ้ามีบะหมี่ลุยสวนหรือไม่ เอาให้ข้าสามกล่อง แล้วก็ซางเกาสักห้าชิ้นด้วย”ไป๋เล่อรีบจัดของให้พวกนางทันที ภายในใจก็เริ่มวางแผนขนมที่จะทำให้คุณหนูรองผู้นี้ ในเมื่อเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเช่นนั้นก็ทำของแพงที่สุดขนมอบถั่วหอมหรือมาการองนั่นเองและก็ขนมพื้นเมืองที่ไม่ธรรมดา เจียงจิงหันไปยิ้มให้ไป๋เล่อ “ไม่ทันไ