LOGINซ่งเหยานั่งกินอย่างระมัดระวัง เขาไม่เอ่ยวาจาเพียงแต่คอยลอบมองมารดาอยู่เงียบ ๆ พอทานเสร็จก็รีบขอตัวไม่กล้ารบกวนอีกฝ่าย
ไป๋เล่อมองตามหลังแล้วถอนหายใจ น่ารักขนาดนี้ไม่รู้ว่าไป๋เล่อคนเดิมใจคอทำร้ายได้อย่างไร
นางตกใจมากหลายวันแล้ว ควรได้เริ่มต้นทำอะไรสักที
พอกินเสร็จนางหันไปสั่งสาวใช้อาเหมย “ข้าจะเขียนจดหมายสักหน่อยเจ้าไปฝนหมึกเถอะ”
สิ่งแรกที่ต้องทำ...คือบอก “บิดา” ของนาง
บอกเขาว่านางจะ ไม่แต่งงานใหม่
ไม่ไปเป็นเครื่องมือของตระกูลอีกต่อไป
นางจะอยู่ที่นี่
ในจวนนายท่านรอง แม้จะไร้ที่พึ่งพิงและไม่เป็นที่รัก
คิดถึงนายท่านรองแล้วนางได้แต่ถอนหายใจ เสียดายหล่อขนาดนั้นกลายเป็นสามีเก่าไปแล้ว
ตอนนี้คงต้องใช้ชีวิตเพื่อตัวเองและเลี้ยงดูบุตรชายผู้น่ารักคนนั้น...อย่างดีที่สุด
มือเรียวหยิบพู่กันขึ้นเริ่มเขียน
อาเหมยที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าลังเล ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยขึ้นเบา ๆ “อี้เหนียงจะไม่ออกเรือนใหม่หรือเจ้าคะ”
ไป๋เล่อหยักหน้า “อืม...ไม่แต่งแล้ว”
อาเหมยนิ่งงัน เอ่ยเสียงเบาราวกับกลัวจะขัดใจอีกฝ่าย
“แต่อี้เหนียง...ข้าวของเครื่องประดับเราขายเกือบจะหมดแล้ว...อีกอย่างนายท่านรองก็ยืนคำตัดขาดท่านไปแล้ว...ในครัวก็ไม่ได้ส่งอาหารใด ๆ มาให้พวกเรานะเจ้าค่ะ...ตอนนี้เป็นเงินที่พวกเราจ่ายค่าอาหารหากไม่แต่งงานใหม่...เครื่องประดับพวกนั้นไม่นานก็ต้องมีวันหมด” อาเหมยเกรงว่านายของตนยังคิดเผื่อว่านายท่านรองอาจจะยังมีเยื่อไย
อันไป๋เล่อยิ้มบาง ๆ “ข้ารู้แล้ว”
ชีวิตยังไม่อับจนถึงขั้นต้องหวาดกลัวว่าจะไม่มีกิน อย่างน้อยปิ่นบนหัวนางก็ร้อยตำลึงกว่า กำไรหยกที่สวมก็หลายสิบตำลึงหรือแม้กระทั่งอาภรณ์ที่นางใส่ก็ยังขายได้ราคาดี
ตระกูลเผย...แม้จะเลี้ยงดูแต่บุตรหลาน ทอดทิ้งเหล่าอนุแต่ก็ไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขั้นขับไล่ไสส่ง
หากไม่สร้างปัญหา ไม่เรียกร้อง
ก็สามารถอาศัยอยู่เงียบ ๆ ได้
เช่นเดียวกับอี้เหนียงสาม สตรีผู้อ่อนโยนผู้นั้น ก็ยังอาศัยอยู่ในเรือนเล็กท้ายจวน ปักผ้าขายประทังชีพและยังได้เฝ้ามองเลี้ยงดูอบรมบุตรชาย มีชีวิตเรียบง่ายแต่สงบสุข
ส่วนตนเอง...เดิมทีบิดาคิดจะหาสามีใหม่ให้ เพื่อให้ชีวิตไม่อับจน
ทว่า บิดาทิ้งเวลาหลายเดือนแล้วยังไม่มารับคาดว่าอาจจะต้องการบีบคั้นนางไม่ให้เลือกสามีมากนัก
และยังกำชับบอกนางถึงแม้นางจะงดงามแต่ด้วยอายุมากแล้ว ให้เผื่อใจกับสามีใหม่ อาจไม่หล่อเหลาแต่ก็นับว่าใช้ได้
เหตุผลเหล่านี้แต่งออกไปยิ่งหายนะกว่าเดิม
คนโบราณก็ช่างหยาบคาย นางอายุแค่ยี่สิบสี่ปี
พูดว่า สตรีอายุมากได้อย่างไร
แต่ว่า...อันไป๋เล่อคนก่อนก็ตัดสินใจตอบตกลงทันที เพราะหวังพึ่งชายอื่นเพื่อหลุดพ้นจากความลำบาก
นางไม่มีทางเป็นเช่นนั้น นางไม่เคยหวังพึงบุรุษอีกทั้ง
ยังมีบุตรชายเด็กคนนั้น “ข้า...จะเลี้ยงเขาด้วยสองมือนี้ให้ได้”
หลังจากเขียนจดหมายเสร็จ อันไป๋เล่อก็วางพู่กันลงเบาๆ นางพับกระดาษเรียบร้อย แล้วยื่นให้สาวใช้ที่ยืนรออยู่ข้างกาย
“... ส่งจดหมายนี้ไปให้ท่านพ่อเถอะ”
อาเหมยรับจดหมายกล่าว
“เจ้าค่ะ อี้เหนียง”
“ข้าไม่ใช่อี้เหนียงแล้ว...กลับไปเรียกคุณหนูเหมือนเดิม”
อาเหมยรับคำ จากนั้นก็รีบก้าวเท้าออกไปจากเรือน
อันไป๋เล่อลุกขึ้นยืน สายลมยามบ่ายอ่อนโยน พัดผ่านผมที่ปล่อยสยายราวกับปลอบโยน
นางก้าวออกจากห้องพลางเดินสำรวจโดยรอบอีกครั้งอย่างตั้งใจ
เรือนเล็กท้ายจวนแห่งนี้ แม้จะเงียบเหงาและถูกละเลย แต่พื้นที่โดยรอบกลับร่มรื่นและเงียบสงบ หากใช้ความรู้จากชีวิตเดิมของนางสักหน่อย ก็คงจะเปลี่ยนแปลงที่นี่ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
เมื่อเดินวนจนทั่วบริเวณแล้ว
สายตาของนางก็หยุดอยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งว่างเปล่า “ไป๋เล่อคนก่อน ไม่ชอบให้มีควันรบกวน...เช่นนั้นสิ่งแรกที่ข้าต้องทำคงเป็น...ครัว”
หลายมื้อที่ผ่านมาต่างซื้ออาหารเข้ามา จะไม่ให้สิ้นเปลื้องได้อย่างไร
ใช่แล้ว...นางจะเริ่มสร้าง “ครัว” ขึ้นมา เพื่อทำขนมปังและอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเรือนร้างแห่งนี้ ให้เป็นที่ทำกิน
“ในที่สุดก็ถึงเวลาลงมือทำจริงๆ แล้วสินะ”
ความรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ ค่อยๆ ผลิบานในหัวใจของอันไป๋เล่อ
นางเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่
ตลอดทาง บ่าวไพร่ที่พบเห็นต่างรีบหลบเลี่ยง ราวกับเงาของนางจะพาโชคร้ายมาด้วย
บางคนแสร้งก้มหน้า
บางคนรีบหันหลังไปอีกทาง
นางเอ่ยปากเรียก ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
จนกระทั่งนางหยุดอยู่ตรงหน้าโรงเก็บของกลางเรือนใหญ่ สายตากวาดมองหาเป้าหมาย ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง
“พี่เจ้า! เอาจอบหรือพวกเสียมมาให้ข้าสักหน่อยสิ!”
เสียงนั้นทำเอาชายบ่าวที่กำลังจัดฟืนอยู่สะดุ้งเฮือก
เขาหันกลับมามองนางด้วยสีหน้าตกใจประหนึ่งเห็นผี
“อ..อี้เหนียงสี่...อี้เหนียงจะเอาไป...ทำอะไรหรือขอรับ?”
“ก็ต้องเอาไปถางหญ้าสิ”
คำตอบของนางทำให้คนทั้งโรงเก็บของตาโตแทบหลุดเบ้า
สายตาแต่ละคู่หันมามองกันปริบ ๆ แล้วก็เหลือบมองนางอีกครั้ง
สีหน้าคล้ายจะเขียนไว้ว่า
“อี้เหนียงสี่ผู้นั้น...จะลงมือเอง?”
และแน่นอนว่า...
ความคิดแรกที่โผล่ขึ้นมาในหัวของพวกเขาคือ “ไม่ใช่นางไปฆ่าใครมา แล้วจะขุดหลุมฝังศพไม่ให้ใครรู้เห็นหรอกนะ!?”
แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา
บ่าวหนุ่มรีบยื่นจอบให้ด้วยมือไม้สั่น ถึงกลับฆ่าคนแล้ว
อันไป๋เล่อรับจอบมาแล้วหมุนตัวจากไปไม่ได้สนใจความคิดของพวกเขาพออันไป๋เล่อเดินจากไปจนลับสายตา เสียงกระซิบก็ดังขึ้น
“พวกเจ้า…ว่าเราควรจะแอบไปดูดีหรือไม่?”
เขากลืนน้ำลายลงคอเอ่ยต่อ
“เผื่อ...เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา เราจะได้รีบไปแจ้งนายท่านรองทันนะ...”
ทันทีที่พูดจบ บ่าวอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างกันก็ตาโตพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
สีหน้าทั้งหวาดหวั่น ทั้งอยากรู้อยากเห็น
ตอนที่ 109 อิสระที่ห่างไปเรือนพักของอันไป๋เล่ออบอวลด้วยกลิ่นน้ำหอมที่นางกลั่นเมื่อคืน สายแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแตะปลายผมของนางที่ยังยุ่งเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นหลังจากดื่มจนเมามายเมื่อคืนอาเหมยบิดผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วช่วยเช็ดใบหน้าให้นาง พลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “เมื่อเช้า…มีราชโองการไปถึงจวนตระกูลเผยแล้วนะเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่าน…คือพระชายาเอกแห่งจวนซินอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว”ไป๋เล่อชะงักเงยหน้า ดวงตาที่ยังพร่าเพราะง่วงวูบเบิกกว้างขึ้นทันที“มีราชโองการแล้วหรือ? เหตุใดถึงรีบเร่งถึงเพียงนี้…อิสระของข้า…กำลังจะหายไปแล้วจริง ๆ”ไป๋เล่อพึมพำแผ่วเบา ดวงหน้านวลสะท้อนความเวทนาปนเสียดายเพราะนางรู้ดี นับจากวันนี้เป็นต้นไป แม้เผยกู้หยางจะไม่เอ่ยห้าม ไม่เคยตำหนิในสิ่งที่นางทำแต่ความเป็น “ซินอ๋อง” ที่ประทับตราบนตัวเขา…ย่อมหมายถึงพันธนาการที่พัวพันมาถึงนางด้วยนางยกมือแตะแก้มที่เย็นชืดเบา ๆแววตาเจือความขื่นขมและยอมรับในชะตา“ต่อจากนี้…ข้าคงจะทำตามใจเช่นเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ”อาเหมยลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง แต่ก็แฝงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ“วันนี้…หากท่านพอมีแรง ข้
ตอนที่ 108 การยอมรับช้าวันถัดมาแสงแรกยังไม่ทันส่องเต็มลานหิน ข่าวใหญ่ก็แพร่สะพัดราวไฟลามป่าไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วข่าวลือที่ว่ากลายเป็นความจริงผู้คนไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีกต่อไปเพราะราชสำนักส่งราชทูตถือผืนแพรแดงปักลายมังกรทองมาถึงหน้าจวนแม่ทัพเผย ตั้งแต่รุ่งสางเสียงประกาศราชโองการดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำสะท้อนก้องไปทั่วตรอกซอกซอยที่ยังไม่ทันตื่นเต็มที่ราชทูตยกผืนแพรขึ้นเหนือศีรษะ อ่านด้วยน้ำเสียงดังกังวาน“โดยพระราชประสงค์แห่งฮ่องเต้ กู้เสียนหรง ทรงมีพระราชดำริให้โอรสผู้กำเนิดจากสายเลือดแท้ ผู้ถูกเลี้ยงดูนอกวังด้วยเหตุแห่งความจำเป็นในอดีต คือ เผยกู้หยาง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘ซินอ๋อง’“ด้วยตำแหน่งอ๋องที่ตั้งขึ้นใหม่ทรงแต่งตั้งอันไป๋เล่อ ให้ดำรงตำแหน่งพระชายาเอกแห่งซินอ๋องและแต่งตั้งหวังเจียงจิงให้ดำรงตำแหน่งชายารองแห่งซินอ๋องให้ทั้งสองดูแลกิจการในตำหนักซินอ๋องตามระเบียบราชสำนักและเป็นเกียรติแก่ตระกูลของทั้งสองสืบไป”ขันทีหลวงเอ่ยราชโองการจนสิ้นทุกถ้อยคำ ก่อนจะยื่นม้วนผ้าไหมสีทองให้เผยกู้หยางก็ก้าวออกมารับด้วยท่วงท่าสงบนิ่งเมื่อเขาประคองราชโองการไว้ในมือ ขันทีก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
ตอนที่ 107 จบลงเช่นนั้นเผยกู้หยางยกมือเรียกเปาอันเสียงต่ำ“ไปนำพิณของข้ามา”ไม่นาน พิณไม้แกะลายงามก็ถูกนำมาวางลงเบื้องหน้า เขาลูบคันพิณเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงยืดหลังสง่างามสายพิณถูกรั้ง รัวแผ่วเป็นท่วงทำนองแรกเสียงพิณใสราวหยาดน้ำแข็งละลายแตะลงบนอากาศเงียบงันอย่างนุ่มนวลไป๋เล่อที่กำลังผสมสุราอยู่ถึงกับหยุดชั่วครู่ราวกับทุกหยดเสียงกำลังแตะลงกลางห้วงใจนางนางสูดลมหายใจแผ่ว ๆ “ท่านเล่นได้งดงามยิ่งนัก”เผยกู้หยางปรายตามองนางคล้ายจะยิ้ม แต่ยังไม่เอื้อนเอ่ยท่วงทำนองยังคงไหลพลิ้ว ไม่รีบร้อน ไม่ช้าเกินไปไป๋เล่อลงมือชงสุราต่อเนื่องมือเรียวขาวขยับคล่องแคล่ว บดดอกเหมยในถ้วยรินสุรา หยดน้ำผึ้งเพียงปลายช้อนแล้วใช้ข้อมือหมุนถ้วยเบา ๆ ให้ของเหลวผสมเข้ากันเสียงสายพิณพลันเปลี่ยนจังหวะดึงยาว ลึก และกังวานคล้ายจะตอบรับจังหวะการเคลื่อนไหวของนางโดยไม่ได้นัดหมายไป๋เล่อหัวเราะแผ่ว มุ่นคิ้วในท่าทีหยอกล้อความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมผุดวาบขึ้นมาเหมือนม่านบางที่ถูกเปิดออก เพลงพิณของเขาผสานกับฤทธิ์สุรายิ่งพาให้ร่างกายเบาไร้น้ำหนักนางลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปกลางลานเรือนที่ถูกแสงตะเกียงแตะวาบชายกระโปรงพลิ
ตอนที่ 106 รักษาแผลใจไป๋เล่อเห็นชายหนุ่มเงียบงัน ดวงตานิ่งลึกจนยากจะอ่านความคิดนางจึงลดน้ำเสียงลงให้อ่อนโยน ราวกับจะปลอบประโลมบางสิ่งที่เขาไม่เอ่ยออกมา “เหยาเอ๋อร์เป็นเด็กดี…ทำสิ่งใดก็มักคำนึงถึงผู้อื่นก่อนเสมอ เมื่อเติบโตขึ้น เขาจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”นางเอ่ยเบา ๆ คล้ายลมพัดผ่านปลายผม “ทั้งความลำบากใจของท่าน และของนางผู้นั้นที่จากไป...ข้าเชื่อ..เขาจะไม่กล่าวโทษใครทั้งนั้น”เผยกู้หยางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขยับปลายนิ้วเล็กน้อย เดินตรงไปยังโต๊ะเตี้ยด้านข้าง แล้วนั่งลงอย่างเงียบสงบ เปาอันรีบก้าวเข้ามา วางไหสุราขนาดใหญ่สองสามไหไว้ตรงหน้าเจ้านาย ก่อนค้อมศีรษะถอยไป เผยกู้หยางยกไหหนึ่งขึ้น แค่ยกก็ได้กลิ่นแรงทะลุฝาเขาเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม กลิ่นเย็นของความนิ่งสงบแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น“เห็นว่าเจ้าต้องการสุราแรง ๆ… ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าจะเอาไปทำสิ่งใด แต่ข้าก็ให้คนไปหาไว้ไม่น้อย”ไป๋เล่อหลุบตาลงเล็กน้อยเหลือบมองไหสุราหลายใบที่วางเรียงอยู่ตรงมุมโต๊ะ การเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหันของเขาทำให้นางอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เสียงหัวเราะนั้นอ่อนนุ่มดุจสายลมเฉียดผ่านกลีบดอกไม้ ทำให้บรรยากาศภายในเรือนอ
ตอนที่ 105 ลำบากใจเผยซ่งเหยาเดินเข้ามาหาไป๋เล่ออย่างช้า ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าโดยไม่ลังเล ท่วงท่านั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นเกินกว่าวัย ดวงตากลมใสจ้องมองมารดาอย่างลึกซึ้งจนไป๋เล่อใจสั่นวูบเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ชัดเจนดุจคมมีด“เมื่อก่อน…ข้าดีใจมากเหลือเกินที่มีท่านแม่อยู่กับข้า ความยินดีนั้นบดบังความผิดแปลกหลายอย่างที่ข้าควรสังเกต”เขาหยุดหายใจสั้น ๆ ราวกับกำลังข่มใจ “ข้าเฝ้ามองท่านแม่มาตั้งแต่ข้ายังเล็กที่สุด…การพูด การเดิน สีหน้าท่าทาง ทุกอย่างของท่าน ข้าล้วนจำได้ขึ้นใจ”แววตาของเด็กชายสั่นวูบหนึ่ง แต่ยังไม่ละไป“และนับวัน…ท่านก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม”ไป๋เล่อสะอึก หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกซ่งเหยาเม้มปากก่อนเอ่ยต่อ“เดิมที ข้าคิดว่าข้าคิดมากเกินไป แต่ทุกครั้งที่ข้ามองท่านแม่ ข้า…กลับยิ่งแน่ใจว่าอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป”สายลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พาให้ม่านไหวเบา ๆ แต่ความเงียบภายในเรือนกลับหนักอึ้งจนอึดอัดจนกระทั่งซ่งเหยาเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ความสงสัยทั้งหมด…ถูกยืนยันในวันที่ข้าเห็นพวกนักพรตทำพิธีส่งวิญญาณที่เรือนไผ่แห่งนั้น”ไป๋เล่อหลับตาเพียงเสี้ยวอึดใจ ก่อนเอ่ยออ
ตอนที่ 104 ส่งวิญญาณเจียงจิงก้าวขึ้นรถม้าได้ไม่นาน อาเหลียนก็รีบตามขึ้นมานั่งเคียงข้าง ใบหน้าซีดเล็กน้อยด้วยความกังวล ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาแต่สั่นเครือ“ฮูหยินรอง…เรื่องนี้เชื่อถือได้หรือเจ้าคะ?”คำถามนั้นทำให้บรรยากาศภายในรถม้าสะท้อนความตึงเครียดทันทีเจียงจิงหันไปมองสาวใช้อย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ“ที่ก่อนหน้านี้นางไม่พูด ก็เพราะยังไม่มั่นใจในข่าว หากข้าไม่ถามด้วยตนเอง นางก็คงไม่กล้าเอ่ยปากส่งเดช เจ้าอย่าได้แคลงใจไป๋เล่อเด็ดขาด”อาเหลียนสะดุ้ง รีบก้มศีรษะลงแทบจะชิดตักของตนเอง“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวมิได้ตั้งใจหมิ่นน้ำใจฮูหยินใหญ่ บ่าวเพียงแต่…กังวล เพราะเรื่องนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปจริง ๆ”เจียงจิงถอนหายใจเบา ๆ ราวกับเพิ่งระงับความสั่นไหวในอกได้เล็กน้อย นางรู้ดีว่าอาเหลียนหาได้คิดร้าย เพียงแต่ตกใจกับความจริงที่เหนือความคาดหมายไปไกล“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ไป๋เล่อ…ถึงแม้เรื่องนี้จะผิดพลาดขึ้นมาสักประการ นางก็ไม่มีวันคิดร้ายต่อข้าเด็ดขาด”นางหยุดไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยประโยคที่แฝงรอยยิ้มบางในน้ำเสียง“อีกอย่าง หากพูดถึงเรื่องเหลือเชื่อ…สำหรับไป๋เล่อแล







