จ้าวฟางลู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มองข้างกายเห็นคนตัวโตหลับตาพริ้มดูมีความสุขนักจนน่าหมั่นไส้ แต่ตัวนางกลับระบมไปทั้งตัวเลย
ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย มือหนาก็รั้งเอวบางเข้าไปกอดไว้แนบอก เมื่อคืนนี้กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปยามโฉ่วแล้ว เขาเคี่ยวกรำนางทั้งคือจนไม่รู้จักเหน็บเหนื่อยนางเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตั้งมากมาย มือหนาเริ่มลูบไล้ไปมาบนหน้าท้องแบนราบจนนางต้องยกมือขึ้นมาตีมือใหญ่เบา ๆ " โอ๊ยยยย .... พี่เจ็บนะ...เมื่อคืนเจ้าทำให้พี่ช้ำไปทั้งตัวแล้วยังจะมาทำร้ายร่างกายพี่อีก....ช่างใจร้ายยิ่งนัก " ใครกันที่ล่ำลือว่าท่านแม่ทัพนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าพญามัจจุราชแต่สำหรับนางแล้ว เขาไม่ต่างจากลูกแมวตัวโตที่ขี้อ้อนเลยสักนิด " คนที่ช้ำคือข้าต่างหากล่ะเจ้าค่ะ ท่านนี่ช่างหน้าหนาเสียจริง แล้วท่านไม่ต้องไปดูแลความเรียบร้อยของขบวนเดินทางกลับเมืองหลวงหรอกหรือเจ้าคะ " " ไม่เอา.....พี่ยังง่วงอยู่เลย " ไม่พูดเปล่า ยังซจ้าวฟางลู่ นางเดินผ่านรถขังนักโทษ มาหยุดอยู่ข้างรถคันที่มีหลิ่วติงลู่นั่งอยู่ข้างใน โดยมีเหวินเยี่ยน และคนของกองปราบเป็นผู้คุมขบวนรถ นางเอียงคอมองคนในกรงขังอย่างสงสัย " เหวินเยี่ยน...ข้าจำได้ว่าข้าใช้มีดปักมือ ตาเฒ่านี่ .. เพียงข้างเดียวไม่ใช้หรือ แล้วมืออีกข้างไปโดนอะไรมา " นางเอ่ยถามสหายอย่างสงสัย เมื่อเห็นมือทั้งสองข้างของตาเฒ่าหัวงูนั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เขามองหน้านางแวบเดียวแล้วชี้มือไปยังบุรุษร่างสูงที่กำลังเดินมาทางนี้ " สามีเจ้าเป็นคนทำ " " หา ... ท่านแม่ทัพ น่ะนะ " " อืม...." เหวินเยี่ยนพยักหน้า นางมองไปที่คนตัวโต ที่กำลังเดิมตรงเข้ามาหานาง ปกติแล้วเขาเป็นคนที่มีเหตุมีผลที่สุดในการตัดสินปัญหา แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้ใช้อารมณ์ได้ล่ะ " มีอะไรหรือ " ตงเฟยหลงถามอย่างสงสัยที่เห็นท่าท่างประหลาดใจของภรรยาตัวน้อยของเขา " ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ..... เราไปกันเถอะ " นางใช้มือเกาะแขนแข็งแกร่งแล้วอ
ดวงตากลมโตจ้องมองบุรุษที่นอนกอดนางไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย เขาหลับตาพริ้มขนตางอนยาวราวกับผู้หญิง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ นั่นบ่งบอกได้ว่าคนตัวโตกำลังหลับอยู่ มือเรียวยกขึ้นมาลูบไล้แก้มสากอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวว่าเขาจะตื่น " สามีเจ้าหล่อเหลามาเลยใช้หรือไม่ " " อืม " อยู่ ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนนางเพลอตอบรับไป " หึ หึ ถึงว่าเจ้าถึงได้หลอกกินเต้าหู้พี่กลางดึกเช่นนี้ " นางมองดูคนที่ยังหลับตาพูดด้วยความมั่นใจ ไม่รู้ว่าสามีของนางไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน " คนหลงตัวเอง... ข้าจะไม่สนใจท่านแล้ว" เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมซุกหน้าลงกับอกกว้าง เพียงไม่นานภรรยาตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็หลับไป มือหนาโอบกอดนางไว้แนน คงต้องยอมรับว่าเขาตกหลุมรักนางเข้าแล้วจริง ๆ จนอยากจะเก็บนางไว้เพียงคนเดียว ไม่อยากให้นางออกไปพบเจอผู้ใดเลยก็ว่าได้ กลับไปถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ เขาคงต้องไปจัดการเรื่องในค่ายทหารอย่างเร่งด่วน
วังหลวง แม่ทัพตงเฟยหลงเข้าพบฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว ร่างสูงยืนมองบุรุษที่นั่งอ่านฎีกาอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาอยู่ในชุดสีดำปักลายมังกรขาว ปั้ง " บังอาจยิ่งนัก....พวกมันช่างไม่กลัวตายเสียจริง " เสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างดุดันและเสียงฎีกากระทบกับโต๊ะตัวใหญ่...... เมื่ออ่านจบเขามองมาที่สหายอย่างต้องการความเห็น " เจ้ามีแผนว่าอย่างไร " " หากคิดจะจับคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้เราก็ควรเราควรใช้เล่ห์กลสักเล็กน้อย เพื่อล่อตัวการใหญ่ออกมา " คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงเมื่อได้ฟังคำของสหาย " เราว่าเจ้าลงมือเองคงมิมีผู้ใดสงสัย หากอ้างว่าไปเยี่ยมเยียนท่านลุงที่มิได้พบหน้ากันนานจะง่ายต่อการรอบเข้าไปสืบหาที่ตั้งของเหมืองแร่ " หลี่หมิงหลงมองหน้าสหายที่ยืนเงียบอยู่นาน " เจ้ามีอะไรหรือเปล่า " เขาถามตงเฟยหลงอีกครั้ง " ข้าไปได้ เพียงแต่ที่จวนเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย " หลี่หมิงหลง ฟังสหายพูดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ " เราก็นึกว่าเรื่องอ
ตงเฟยหลง มองสตรีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและหวาดกลัว นางดูอ่อนแรง ใบหน้าที่เคยสดใสวันนี้กลับซีดเซียว เขาไม่อยู่เพียงไม่กี่วันแต่นางดูผอมลงไปมาก แล้วงานใหญ่ในครั้งนี้เขาควรจะทำอย่าวไร จะให้เขาทิ้งนางไปได้อย่างไร เขาสวมกอดร่างบางอย่างอ่อนโยนส่งผ่านความรู้สึกที่เขามีต่อนางผ่านอ้อมกอดอันอบอุ่น มือหนาลูบผมนุ่มเบา ๆ " ท่านพี่...ไหนพี่รองบอกว่าท่านต้องเข้าวังอย่างไรล่ะเจ้าค่ะ ทำไมถึงได้กลับมาเร็วจัง " นางเงิยหน้าขึ้นถามคนตัวสูง อย่างสงสัย แต่เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่ชอบทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่นางและชอบใช้สายตาหลอกกินเต้าหู้นางอยู่เสมอนั้น วันนี้กลับดูหม่นหมอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน " ท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ " เมื่อคนตัวโตยังเงียบอยู่ นางถามเขาด้วยความห่วงใย เขามองคนตัวเล็กในอ้อมแขนนางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงเขา....ทั้งที่นางเองก็กำลังป่วยหนัก ' จากนี้และตลอดไปพี่จะมิปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญเรื่
จวนนายอำเภอหยาง ตงเฟยหลง มาถึงเมืองหนานซี ก็รีบปรึกษาหารือกันกับท่านลุงของเขาทันที " ภูเขาลูกนี้ลุงให้คนไปสืบมาแล้ว ที่บริเวณหลังเขา มีการเกณฑ์ชาวบ้านไปทำงาน ขุดเหมืองแร่ และ ลักรอบผลิตอาวุธ แต่ลุงยังไม่แน่ใจว่ามีทางเข้ากี่ทาง " ท่านนายอำเภอหยางชี้แผนที่ให้บุคคลทั้งสองดู " ไม่เป็นไรขอรับท่านลุง พวกข้าจะสืบต่อเอง " " แต่พวกเจ้าไม่ชำนาญพื้นที่ ข้าจะให้คนนำทางพวกเจ้าเอง " กุนซือจ้าว เองก็พยักหน้าเห็นด้วย เขามองแผนที่ และจดจำจุดเด่นต่าง ๆ ของสถานที่เอาไว้ในหัว " ข้าขออาสา พาพี่ชายทั้งสองไปเที่ยวเองเจ้าค่ะ " เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นที่หน้าประตู ทำให้บุรุษทั้งสามหันไปมองนางด้วยสายตาที่แตกต่าง " เจ้าจะมาป่วนให้แผนล่มนะสิไม่ว่า " นายอำเภอหยาง เอ่ยเสียงเข้มใส่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่นางทำตัวไม่เหมือนกุลสตรีเอาเสียเลย ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีบุรุษโชคร้าย คนไหนที่จะได้แต่งกับนาง " ให้ หลี่เวย พาพวกข้าไปก็ได้ขอรับ ผ
เย่หวังหลิน ทหารสาวสวยมีดีกรีเป็นถึงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับพิเศษของกองทับบก "ความรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน"นี่คือคติประจำใจของเธอเพราะเหตุนี้เธอจึงไม่เคยมีแฟนกับเขาสักที แต่ใจลึกๆแล้วก็หลังจะได้เจอรักแท้กับเขาสักครั้ง เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลกกับเธอชะจริงหลังจากภารกิจสุดจบลง ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในร่างฮูหยินของท่านแม่ทัพใหญ่ผู้แสนเย็นชาซะงั้น ยังไม่เคยมีแฟน แต่ดันข้ามภพมามีสามีเลยจะข้ามขั้นไปไหนเนี่ย โอ๊ยยยย ทหารสาวอย่างเธอจะรอดพ้นสายตาท่านแม่ทัพหน้าตายนั้นได้กี่วันกัน ส่วนเขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของภาคเหนือผู้ไม่เคยพ้ายแพ้ใคร ลงสนามรบ ครั้งใดเมื่อครั้นฝ่ายศัตรูได้ยินชื่อ ตงเฟยหลง นั้นต่างอกสั่นขวัญหายกันไปหมด จนได้รับสมญานามว่าเป็นแม่ทัพไร้พ่าย เขาที่ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดมาก่อนแม้พวกนางจะมีรูปโฉมงดงามมากเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อต้องแต่งงานตามคำหมั้นสัญญาของผู้ใหญ่แล้วนั้นก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร จะมีก็แต่ว่าผู้คนต่างกล่าวขานว่าฮูหยินของเขานั้นเรียบร้อยอ่อนหวาน พูดเพราะเชื่อฟังเหมือนดั่งนกน้อยในกรงทอง แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้าเข
แสงแห่งรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาพายในห้อง ร่างบางภายใต้ผ้าห่มผืนบางมือเรียวควาญหาบางอย่าง แต่กับเจอเพียงความว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแต่เปลือกตายังปิดสนิดอยู่ ใครกันจะกล้ามายุ่งกับตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเธอ ก็ในเมื่อเธออยู่คนเดียว หรือว่าเจ้าหมีน้อยจะตกเตียงแล้วนะ หลังทำภารกิจสำเร็จ พวกเธอจะได้รับสิทธิพิเศษในการพักผ่อนหนึ่งวัน ก่อนจะเริ่มทำภารกิจใหม่ เพราะฉะนั้นก็ขอนอนต่ออีกนิดก็แล้วกันแต่คงนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดเจ้าหมีน้อย คงต้องลงไปเอาเจ้าหมีน้อยขึ้นมานอนกอดซะแล้ว คิดได้ดังนั้น 'เย่หวังหลิน' จึงจำต้องยอมเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งแรกที่มองเห็นคือม้านมุ้งสีขาวทรงสี่เหลี่ยผ้า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยนี้ไม่ใช่ห้องเธอ หรือว่าเมื่อคืนเธอจะเข้าห้องผิด แต่เมื่อนึกถึงภาระกิจสุดท้ายที่ได้รับหลังจากกดระเบิดแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง ' เธอตายแล้วสินะ หรือที่นี่จะเป็นโลกวิญญาณ ' หวังหลินมองไปรอบตัวด้วยความสงสัย จึงเดินสำรวจไปทั่วห้องล้วนมีแต่สิ่งของแปลกตามากมาย หยั่งกับอยู่ในซีรีย์จีนโบราณที่เธอชอบดูเลย ไม่ทันไรก็มีเสียงเหมือนม
" มาแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน " เจียวซิน เดินนำหน้าสาวใช้เข้ามาในห้องพร้อมนำอาหารวางบนโต๊ะจัดจานให้เรียบร้อย " เชิญเจ้าคะ " " อืม " รับคำ แล้วหวังหลินจึงเดินเข้ามานั่งลงตรงที่ เจียวซินจัดเตรียมไว้ให้ ' อืม กินก่อนแล้วกัน ยังไง กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง ' ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเธอถึงรู้ จักสาวน้อยคนนี้ เพราะเป็นความทรงจําของ เจ้าของร่างเดิม ทั้งคนในครอบครัว กิจวัตรประจำวัน การเย็บปักถักร้อย การร่ายรำ เล่นเครื่องดนตรีทุกประเภท การทำอาหาร ทุกอย่างที่ จ้าวฟางลู่ เคยทำ เยหวังหลินก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เจ้าของร่างนี้มีนามว่า ' จ้าวฟางลู่ ' เป็นบุตรตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมยุติธรรม ของแคว้นเหลียง อันเจริญรุ่งเรือง ' จ้าวเฟยเหยียน ' มีฮูหยินเพียงคนเดียวซึ่งได้จากไปตั้งแต่คลอดคุณหนูเล็ก แต่นั้นมาท่านเจ้ากรมก็ไม่มีฮูหยินรองไม่รับอนุ มีบุตรธิดาแค่ สามคน คุณชายใหญ่ อายุ 23 ' จ้าวเฟยเทียน ' รองเจ้ากรมยุติธรรม ผู้เที่ยงตรง เย็นชา พูดน้อย เก่งทั้งบุ๋นและบู้ ทนงองอาจ เป็นที่หมายปองของสตรีทั่วหล้า คุณชายรอง อายุ 21 ' จ้าวเฟยหลิง '
จวนนายอำเภอหยาง ตงเฟยหลง มาถึงเมืองหนานซี ก็รีบปรึกษาหารือกันกับท่านลุงของเขาทันที " ภูเขาลูกนี้ลุงให้คนไปสืบมาแล้ว ที่บริเวณหลังเขา มีการเกณฑ์ชาวบ้านไปทำงาน ขุดเหมืองแร่ และ ลักรอบผลิตอาวุธ แต่ลุงยังไม่แน่ใจว่ามีทางเข้ากี่ทาง " ท่านนายอำเภอหยางชี้แผนที่ให้บุคคลทั้งสองดู " ไม่เป็นไรขอรับท่านลุง พวกข้าจะสืบต่อเอง " " แต่พวกเจ้าไม่ชำนาญพื้นที่ ข้าจะให้คนนำทางพวกเจ้าเอง " กุนซือจ้าว เองก็พยักหน้าเห็นด้วย เขามองแผนที่ และจดจำจุดเด่นต่าง ๆ ของสถานที่เอาไว้ในหัว " ข้าขออาสา พาพี่ชายทั้งสองไปเที่ยวเองเจ้าค่ะ " เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นที่หน้าประตู ทำให้บุรุษทั้งสามหันไปมองนางด้วยสายตาที่แตกต่าง " เจ้าจะมาป่วนให้แผนล่มนะสิไม่ว่า " นายอำเภอหยาง เอ่ยเสียงเข้มใส่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่นางทำตัวไม่เหมือนกุลสตรีเอาเสียเลย ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีบุรุษโชคร้าย คนไหนที่จะได้แต่งกับนาง " ให้ หลี่เวย พาพวกข้าไปก็ได้ขอรับ ผ
ตงเฟยหลง มองสตรีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและหวาดกลัว นางดูอ่อนแรง ใบหน้าที่เคยสดใสวันนี้กลับซีดเซียว เขาไม่อยู่เพียงไม่กี่วันแต่นางดูผอมลงไปมาก แล้วงานใหญ่ในครั้งนี้เขาควรจะทำอย่าวไร จะให้เขาทิ้งนางไปได้อย่างไร เขาสวมกอดร่างบางอย่างอ่อนโยนส่งผ่านความรู้สึกที่เขามีต่อนางผ่านอ้อมกอดอันอบอุ่น มือหนาลูบผมนุ่มเบา ๆ " ท่านพี่...ไหนพี่รองบอกว่าท่านต้องเข้าวังอย่างไรล่ะเจ้าค่ะ ทำไมถึงได้กลับมาเร็วจัง " นางเงิยหน้าขึ้นถามคนตัวสูง อย่างสงสัย แต่เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่ชอบทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่นางและชอบใช้สายตาหลอกกินเต้าหู้นางอยู่เสมอนั้น วันนี้กลับดูหม่นหมอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน " ท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ " เมื่อคนตัวโตยังเงียบอยู่ นางถามเขาด้วยความห่วงใย เขามองคนตัวเล็กในอ้อมแขนนางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงเขา....ทั้งที่นางเองก็กำลังป่วยหนัก ' จากนี้และตลอดไปพี่จะมิปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญเรื่
วังหลวง แม่ทัพตงเฟยหลงเข้าพบฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว ร่างสูงยืนมองบุรุษที่นั่งอ่านฎีกาอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาอยู่ในชุดสีดำปักลายมังกรขาว ปั้ง " บังอาจยิ่งนัก....พวกมันช่างไม่กลัวตายเสียจริง " เสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างดุดันและเสียงฎีกากระทบกับโต๊ะตัวใหญ่...... เมื่ออ่านจบเขามองมาที่สหายอย่างต้องการความเห็น " เจ้ามีแผนว่าอย่างไร " " หากคิดจะจับคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้เราก็ควรเราควรใช้เล่ห์กลสักเล็กน้อย เพื่อล่อตัวการใหญ่ออกมา " คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงเมื่อได้ฟังคำของสหาย " เราว่าเจ้าลงมือเองคงมิมีผู้ใดสงสัย หากอ้างว่าไปเยี่ยมเยียนท่านลุงที่มิได้พบหน้ากันนานจะง่ายต่อการรอบเข้าไปสืบหาที่ตั้งของเหมืองแร่ " หลี่หมิงหลงมองหน้าสหายที่ยืนเงียบอยู่นาน " เจ้ามีอะไรหรือเปล่า " เขาถามตงเฟยหลงอีกครั้ง " ข้าไปได้ เพียงแต่ที่จวนเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย " หลี่หมิงหลง ฟังสหายพูดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ " เราก็นึกว่าเรื่องอ
ดวงตากลมโตจ้องมองบุรุษที่นอนกอดนางไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย เขาหลับตาพริ้มขนตางอนยาวราวกับผู้หญิง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ นั่นบ่งบอกได้ว่าคนตัวโตกำลังหลับอยู่ มือเรียวยกขึ้นมาลูบไล้แก้มสากอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวว่าเขาจะตื่น " สามีเจ้าหล่อเหลามาเลยใช้หรือไม่ " " อืม " อยู่ ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนนางเพลอตอบรับไป " หึ หึ ถึงว่าเจ้าถึงได้หลอกกินเต้าหู้พี่กลางดึกเช่นนี้ " นางมองดูคนที่ยังหลับตาพูดด้วยความมั่นใจ ไม่รู้ว่าสามีของนางไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน " คนหลงตัวเอง... ข้าจะไม่สนใจท่านแล้ว" เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมซุกหน้าลงกับอกกว้าง เพียงไม่นานภรรยาตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็หลับไป มือหนาโอบกอดนางไว้แนน คงต้องยอมรับว่าเขาตกหลุมรักนางเข้าแล้วจริง ๆ จนอยากจะเก็บนางไว้เพียงคนเดียว ไม่อยากให้นางออกไปพบเจอผู้ใดเลยก็ว่าได้ กลับไปถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ เขาคงต้องไปจัดการเรื่องในค่ายทหารอย่างเร่งด่วน
จ้าวฟางลู่ นางเดินผ่านรถขังนักโทษ มาหยุดอยู่ข้างรถคันที่มีหลิ่วติงลู่นั่งอยู่ข้างใน โดยมีเหวินเยี่ยน และคนของกองปราบเป็นผู้คุมขบวนรถ นางเอียงคอมองคนในกรงขังอย่างสงสัย " เหวินเยี่ยน...ข้าจำได้ว่าข้าใช้มีดปักมือ ตาเฒ่านี่ .. เพียงข้างเดียวไม่ใช้หรือ แล้วมืออีกข้างไปโดนอะไรมา " นางเอ่ยถามสหายอย่างสงสัย เมื่อเห็นมือทั้งสองข้างของตาเฒ่าหัวงูนั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เขามองหน้านางแวบเดียวแล้วชี้มือไปยังบุรุษร่างสูงที่กำลังเดินมาทางนี้ " สามีเจ้าเป็นคนทำ " " หา ... ท่านแม่ทัพ น่ะนะ " " อืม...." เหวินเยี่ยนพยักหน้า นางมองไปที่คนตัวโต ที่กำลังเดิมตรงเข้ามาหานาง ปกติแล้วเขาเป็นคนที่มีเหตุมีผลที่สุดในการตัดสินปัญหา แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้ใช้อารมณ์ได้ล่ะ " มีอะไรหรือ " ตงเฟยหลงถามอย่างสงสัยที่เห็นท่าท่างประหลาดใจของภรรยาตัวน้อยของเขา " ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ..... เราไปกันเถอะ " นางใช้มือเกาะแขนแข็งแกร่งแล้วอ
จ้าวฟางลู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มองข้างกายเห็นคนตัวโตหลับตาพริ้มดูมีความสุขนักจนน่าหมั่นไส้ แต่ตัวนางกลับระบมไปทั้งตัวเลย ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย มือหนาก็รั้งเอวบางเข้าไปกอดไว้แนบอก เมื่อคืนนี้กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปยามโฉ่วแล้ว เขาเคี่ยวกรำนางทั้งคือจนไม่รู้จักเหน็บเหนื่อยนางเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตั้งมากมาย มือหนาเริ่มลูบไล้ไปมาบนหน้าท้องแบนราบจนนางต้องยกมือขึ้นมาตีมือใหญ่เบา ๆ " โอ๊ยยยย .... พี่เจ็บนะ...เมื่อคืนเจ้าทำให้พี่ช้ำไปทั้งตัวแล้วยังจะมาทำร้ายร่างกายพี่อีก....ช่างใจร้ายยิ่งนัก " ใครกันที่ล่ำลือว่าท่านแม่ทัพนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าพญามัจจุราชแต่สำหรับนางแล้ว เขาไม่ต่างจากลูกแมวตัวโตที่ขี้อ้อนเลยสักนิด " คนที่ช้ำคือข้าต่างหากล่ะเจ้าค่ะ ท่านนี่ช่างหน้าหนาเสียจริง แล้วท่านไม่ต้องไปดูแลความเรียบร้อยของขบวนเดินทางกลับเมืองหลวงหรอกหรือเจ้าคะ " " ไม่เอา.....พี่ยังง่วงอยู่เลย " ไม่พูดเปล่า ยังซ
ตงเฟยหลง กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าภรรยาตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา นางได้เผลอหลับไปแล้ว และบังคับม้าให้วิ่งช้าลง มองใบหน้าหวานจากด้านข้าง ลมหายใจของนางสม่ำเสมอ บ่งบอกได้ว่านางหลับแล้วจริง ๆ กว่าจะกลับถึงจวนก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสาง มือหนาวางร่างบางลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่มือน้อย ๆ ของนางกลับยกขึ้นมาโอบรอบคอของเขาอย่างรวดเร็ว จนร่างสูงตั้งตัวแทบไม่ทัน ทำให้เขาล้มลงมาทับบนตัวของนางใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาด้วยสายหวาน ปนขบขัน " นี่เจ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ " นางยิ้มและหัวเราะเบา ๆ " ก็...มีคนอุ้มมาส่ง...สบายดีออกเจ้าค่ะ " ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ " แล้วใครบอกเจ้าล่ะ ว่าพี่จะแค่อุ้มมาส่ง " เสียงแหบกระซิบข้างหู ลมหายใจร้อน ทำให้ร่างบางหน้าแดงและรู้สึกร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว " ท่าน...พี่ ท่านไม่ต้องไปจัดการเรื่องของนายอำเภอหลิ่ว ก
ตงเฟยหลง จ้องมองไปยังร่างบางที่ นั่งทำหน้าตาเบื่อหน่าย อยู่ถ้ามกลางวงล้อมของศัตรู เขาเห็นชายผู้หนึ่งมีท่าทีคุกคาม และจะยืนมือไปสัมผัสนาง มือหนากำคันศรไว้แน่น ง้างธนูยิงไปที่คนผู้นั้นทันทีโดยไม่มีความลังเลซักนิด ลูกธนูปักเข้าที่มือของลูกสมุนคนนั้นพอดี ' อย่าได้บังอาจคิดที่จะแตะต้องผู้หญิงของข้า ' เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ทำให้ลูกสมุนทุกคนแตกตื่นวิ่งมารวมตัวกัน ส่วนคนของสำนักม่านเมฆาเองก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ทุกคนหันมามองตามทิศทางที่ลูกธนูพุ่งมา ก็เห็นเหล่าทหารจำนวนมากปรากฏอยู่ตรงหน้า พวกมันมีท่าทีที่ตกใจมาก แต่เขามิได้สนใจคนพวกนี้เลยที่สนใจมีเพียงนางเท่านั้น ดวงตากลมโตมองมาที่เขาแล้วยิ้มหวานให้ สายตาคมมองสำรวจนางจนแน่ใจว่าร่างบางมิได้บาดเจ็บที่ใดก็รู้สึกเบาใจ ตลอดทางที่มาเขาเป็นห่วงนางแทบแย่ ตงเฟยหลง หยุดม้าและกระโดดลงเดินเข้าไปใกล้ พวกของหลิ่วหยางอี้ โดยมีเหล่าทหารตามหลังมา " มาเร็วดีนี่..แม่ทัพตง " หลิ่วหยางอี้เอ่ย
จ้าวฟางลู่ นั่งทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ คนชุดดำแซ่เฉิน เมื่อกี้เขาพกดาบจันท์เซี้ยวมาด้วยแสดงว่าเขาเป็นคนของสำนักม่านเมฆาอย่างแน่นอน และดูท่าทางเขาจะเก่งพอตัวเลย แต่นางเคยได้ยินท่านแม่ทัพบอกว่าคนของสำนักม่านเมฆาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ส่วนคุณชายหลิ่วนั้น ก็คงจะเป็นลูกชายของนายอำเภออย่างไม่ต้องสงสัย นางถอนหายใจเบา ๆ ' ข้าคิดจะวางมืออยู่แล้วเชียว จับข้ามาทำไมตอนนี้เนี่ย เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์กันกับท่านแม่ทัพเลย มาสร้างเรื่องใหม่ให้ข้าอีกแล้ว ' ตงเฟยหลง ขบกรามแน่น กำกระดาษในมือไว้แน่นและขย้ำจนมันกรายเป็นผุยผง พวกมันส่งจดหมายมาให้เขานำตัวนายอำเภอหลิ่ว ไปแรกกับตัวฮูหยินน้อย ที่จวนร้างนอกเมืองก่อนรุ่งสาง ' พวกเจ้าคิดจะใช้นางมาต่อรองกับข้างั้นหรือ แค่นายอำเภอคนเดียวมีค่าเสียที่ไหนกัน ' " ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทหารทุกหน่วยมารวมตัวกันกันที่หน้าประตูเมือง และส่วนเจ้า อาเต๋อ ไปที่กรองปราบนำตัวนายอำเภอมา " " ขอรับท่านแม่ทัพ " ทุกคนรับคำส