เขมกร
'ภารกิจได้เริ่มขึ้นแล้ว'
หมับ
หลังสิ้นเสียงของระบบร่างกายของผมก็โดนควบคุมให้เคลื่อนไหวไปแย่งแก้วในมือของอาทิตย์มาถือไว้ในมือของตัวเอง พร้อมกับปากที่เอ่ยพูดออกไปเองโดยที่ผมไม่ได้อยากจะพูดประโยคนี้เลยสักนิด
"เดี๋ยวกูดื่มฉลองส่งท้ายให้มึงเองเพื่อน"จบประโยคตัวของผมก็ยกเครื่องดื่มในมือสาดลงคอทีเดียวจนหมดแก้ว และทันทีที่เครื่องดื่มสีอำพันนี้ไหลลงคอร่างกายของผมก็หลุดจากการโดนควบคุม
แต่ทว่าผ่านไปยังไม่ถึงสองนาทีหลังจากที่ผมแย่งแก้วจากมืออาทิตย์มาดื่ม ร่างกายของผมก็แปลกไปเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มและกระสับกระส่าย สติสตางค์ก็เริ่มจะหดหาย จากที่มึนหัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอดื่มเหล้าแก้วนั้นเข้าไปผมยิ่งมึนหัวมากขึ้นไปอีก
เหี้ยอะไรอีกวะเนี่ย!!!
ผมสบถด่าในใจพลางพยายามตั้งสติของตัวเองเอาไว้ไม่ให้หลุดไปในตอนนี้ เพราะถ้าเกิดสติหลุดตอนนี้แล้วเกิดทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาภารกิจผมก็จะไม่สำเร็จน่ะสิ เพราะฉะนั้นผมต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ไอ้พระเอกพาผมออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
และเมื่อคิดได้ดังนั้น ผมที่นั่งก้มหน้าก็ดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างเซ ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดเร่งไอ้พระเอกของเรื่องที่ยังนั่งยิ้มหัวเราะพูดคุยสนุกสนานกับไอ้นักแข่งที่ผมรู้แน่ชัดแล้วว่าไอ้หมอนี้มันไม่ได้หวังดีกับอาทิตย์เลยสักนิด มิหนำซ้ำมันยังมองมาที่ผมด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจอีกต่างหาก
"อาทิตย์กลับเหอะจะเที่ยงคืนแล้ว เด็กกูรอกูอยู่ กูบอกเขาว่ากูจะไปหาเขาตอนเที่ยงคืนไปสายเดี๋ยวกูโดนงอนอีก"ผมโกหกออกไปคำโตเพื่อให้อาทิตย์มันหันมาสนใจผมและพาออกไปจากตรงนี้สักที ซึ่งก็ดูเหมือนคำพูดของผมจะเรียกความสนใจของอาทิตย์ได้
แต่ว่าไอ้ยาเหี้ยนี้ก็แรงฉิบหายเลย แม่งไปหาซื้อมาจากไหนวะ
"หื้มมึงมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่เห็นบอกกูเลย มิน่าช่วงนี้ถึงเงียบ ๆ ไม่ค่อยไปไหนกับกูเลย"
"เหอะน่า ค่อยคุยกันวันหลัง ตอนนี้กลับกันก่อน น้องวันจันทร์เองก็ง่วงตาจะปิดอยู่แล้ว"ผมเอ่ยตอบไอ้พระเอกกลับไปแทบลิ้นจะพันกัน บอกเลยตอนนี้ผมแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว แม่งเอ๊ย!อยากระบายฉิบหายเลย
"เออ ๆ เอางั้นก็ได้ งั้นผมกลับจริง ๆ แล้วนะครับไว้เจอกันพรุ่งนี้ตอนบ่าย ป่ะวันจันทร์กลับบ้านกัน"
ร่ำลาเสร็จอาทิตย์ก็ลุกขึ้นเดินไปโอบเอววันจันทร์แล้วพาเดินออกจากห้องไป ซึ่งผมเองก็รีบก้าวเดินตามหลังพระเอกนายเองมาติด ๆ และไม่ลืมจะหันไปมองไอ้คนที่มันวางยาตาขวางด้วย ท้ายที่สุดเราทั้ง3คนก็มาหยุดยืนอยู่ลานจอดรถก่อนจะเป็นอาทิตย์ที่หันมาถามผมขึ้น
"มึงกลับไงวะข้าวตัง"เป็นอาทิตย์ที่เอ่ยปากถามผม ส่วนวันจันทร์เองเมื่อหันมาเห็นหน้าผมชัด ๆ ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"โอ้โหตอนอยู่ข้างในแสงมันไม่ค่อยมีจันทร์เลยไม่เห็นว่าพี่เมาขนาดนี้ พี่ข้าวตังรู้ตัวหรือเปล่าครับว่าตอนนี้หน้าพี่แดงมากเลย พี่ข้าวไหวหรือเปล่ากลับกับพวกเราไหม"
"มะ ไม่เป็นไรครับ พี่เรียกแท็กซี่กลับดีกว่า วันจันทร์กับอาทิตย์กลับเถอะ อึก พี่ต้องไปหาเด็กน่ะ"ผมปฏิเสธกลับไปด้วยน้ำเสียงติดขัด มือทั้งสองก็ผสานกุมเป้ากางเกงของตัวเองที่ในตอนนี้สิ่งด้านในขยายจนนูนขึ้นมาให้สังเกตเห็นได้ง่าย ๆ
"อ่าเอางั้นก็ได้งั้นเดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่ให้นะ"
"ไม่....ไม่ต้องมึงพาน้องกลับเหอะอาทิตย์มันดึกมากแล้ว"ผมปฏิเสธอีกครั้งพร้อมกับโบกมือไล่ไอ้พระเอกให้มันพานายเอกของมันกลับไปสักที แต่ดูท่าว่าไอ้พระเอกของเรื่องมันจะหัวแข็งและมีทีท่าจะไม่ยอมผมก็เลยหันหลังแล้วเดินจากมันมาเป็นการตัดปัญหาแม่งเลย
แม่งเอ๊ยเอาไงดีวะตัวกูอยากระบายฉิบหายเลย
'ยินดีด้วยคุณได้ทำภารกิจสำเร็จ'
ผ่านไปไม่ถึงนาทีผมที่เดินออกมาจากพระเอกนายเอกของเรื่องได้ไม่ถึงไหนระบบก็ดังขึ้นแจ้งเตือนให้ผมได้ยินอีกครั้ง บ่งบอกว่าตอนนี้ภารกิจที่มอบหมายให้ผมทำนั้นได้สำเร็จแล้ว พอได้ยินอย่างนั้นหัวของผมก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างดื้อ ๆ จนควบคุมอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ได้
"เหอะ! ภารกิจสำเร็จ สำเร็จพ่อสำเร็จแม่มึงสิไอ้เหี้ย! มึงบังคับกูทำทั้งนั้นไอ้สัตว์ แม่งเอ๊ยยยยกูจะทำยังไงต่อดีล่ะทีนี้จะไปปลดปล่อยที่ไหน แม่งอยู่นี้ไม่รู้จักใครเลย ตรงซื้อกินแม่งก็ไม่รู้ เหมือนเด็กหลงทางเลยกู"
ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งกอดตัวเองอย่างรู้สึกทรมานในมุมมืด และตอนนี้ในหัวของผมก็คิดอะไรไม่ออกแล้วรู้แค่ว่าตอนนี้ร่างกายของผมอึดอัดแล้วก็ร้อนรุ่มไปหมด แกนกายเองก็ปวดหนึบประท้วงอยากจะปลดปล่อยเต็มแก่แล้ว
เอาไงดี เอาไงดี ทำอย่างไรดี
ผมที่นั่งกอดเข่าอยู่มุมมืดข้างร้านในสมองของผมตอนนี้ก็มีแต่2ประโยคนี้ดังวนไปวนมา ร่างกายเองก็รู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ สติเองก็ค่อย ๆ ถดถอยลงจนแทบจะไม่เหลือสติแล้ว แต่ทว่าผมที่นั่งหลบอยู่ในมุมดี ๆ ก็มีเสียงของใครก็ไม่รู้2คนเรียกความสนใจให้ผมหันไปมอง
"ขอดูหน้าหน่อยได้ไหม"
"ไม่! เราตกลงกันแล้วนะครับว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน"
"แต่ว่าเอากันตอนเห็นหน้ามันจะมันกว่านะครับ"
"ผมไม่สะดวกใจ ถ้าคุณยังพยายามจะดูหน้าผม งั้นเรื่องที่เราดีลกันไว้ก็พอแค่นี้แหละ"
ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหันไปมองชายหนุ่มตัวสูงและหนุ่มร่างบางตัวเตี้ยผู้มาใหม่ที่ในตอนนี้หนุ่มร่างบางดันชายอีกคนติดกำแพงและพยายามเอื้อมมือไปตรงใบหน้าของอีกคน ดูท่าไอ้ผู้ชายตัวสูงคงจะใส่แมสปิดบังใบหน้าล่ะมั้ง แล้วไอ้หนุ่มตัวเตี้ยนั้นก็พยายามขอดูหน้าเขาแต่ไอ้หมอนั้นไม่ยอม
ผมก็เดาเอาตามสถานการณ์และคำพูดของพวกเขาสองคนอ่ะนะ ผมเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกเพราะตอนนี้สติของผมเหลือน้อยเต็มทีแล้ว อีกอย่างนะดูท่าไอ้สองคนนี้มันจะไม่เห็นผมถึงได้คิดจะพากันมาโบ๊ะบ๊ะกันตรงนี้ แต่ว่าทำไมเสียงไอ้ผู้ชายตัวสูงอย่างกับเปรตคนนี้ถึงได้รู้สึกคุ้นหูจัง
แต่ช่างแม่งเถอะ แม่งไม่รู้จะมาเถียงเรื่องเอากันไม่เอากันหาพระแสงอะไรตรงนี้ คนยิ่งอยากปลดปล่อยอยู่ ห่าเอ๊ย ไปเถียงกันตรงอื่นดิ๊
"อะไรกันเรื่องแค่นี้เอง ไม่ดูก็ไม่ดูสิ ไม่เห็นต้องทำเสียงโหดใส่กันเลย งั้นมาเริ่มกันเลยนะ"ว่าจบหนุ่มร่างบางคนนั้นก็พุ่งเข้าหาไอ้คนตัวสูงทันที แต่ทว่า...
"อึก ไม่ไหว...."ผมพึมพำออกมาเสียงเบาพร้อมกับร่างกายที่ทรุดฮวบนั่งหายใจแรงอยู่บนพื้น ทำให้ชายสองคนนั้นผงะตกใจแล้วดีดตัวออกห่างจากกันอัตโนมัติ
"ใครน่ะ"เสียงทุ้มเข้มของชายตัวสูงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับผลักอีกคนให้ออกห่าง สองขายาวสาวตรงมาหาผมอย่างช้า ๆ ต่างกับชายร่างบางอีกคนที่ถอยห่างออกไปอย่างกับกลัวว่าคนจะเห็นหน้าตัวเอง
"อึก ผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูพวกคุณทำอะไรกันนะ ตะ แต่ผมอยู่ที่นี่ก่อน พะ พวกคุณมาทีหลัง"ผมพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงติดขัดและหอบหายใจแรงจนดูผิดปกติ
ไอ้ชายตัวสูงมันเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของผม มันไม่ได้เอ่ยหรือพูดอะไรตอบกลับมา มันยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงหน้าของผมอย่างนั้น ผมไม่รู้หรือเดาอะไรไม่ออกเลยว่าไอ้หมอนี้มันกำลังคิดจะทำอะไร เพราะตรงนี้มันมืดมีเพียงแสงไฟสลัวด้านนอกที่สาดส่องเข้ามาจนแทบมองอะไรไม่เห็น บวกกับสติสัมปชัญญะของผมในตอนนี้แทบไม่เหลือแล้วด้วยเลยทำให้ผมโฟกัสอะไรไม่ได้เลย
"ข้าวตัง?"
"คนรู้จักของคุณเหรอ ถ้างั้นที่เราดีลกันเมื่อกี้ยกเลิกนะผมขอตัว"
ในตอนแรกไอ้ผู้ชายตัวสูงมันเรียกชื่อของผมเสียงเบา ต่อมาเป็นหนุ่มน้อยที่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่กก่อนที่จะรีบวิ่งจากไปโดยไม่รอคำตอบ ไม่รู้ไอ้หมอนี้มันกลัวอะไร สงสัยแอบผัวมาเล่นสนุกล่ะมั้ง
เอ๊ะว่าแต่ ไอ้หมอนี้มันรู้จักผมด้วยอย่างนั้นเหรอ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นไปเพ่งพินิจมองไอ้หมอนี้อย่างจริงจัง และดูเหมือนว่าไอ้หมอนี้จะรู้ตัวจึงย่อตัวนั่งลงเผชิญหน้ากับผมตรง ๆ
"คุณที คุณทีเหรอ"ผมเอ่ยถามกลับไปพลางหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม ในหัวก็พลันคิดไปด้วยว่าเหตุไฉนนายแบบชื่อดังอย่างคุณทีถึงได้มาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงมาอยู่ในโลกนิยายเหมือนกับผม
"คุณทีอะไร ผมธีโอต่างหาก บอกไม่เคยจำเลยนะ ดื่มไปมากขนาดไหนกันเนี่ยถึงได้ไม่มีสติขนาดนี้"
อ่าาาจริงด้วยผมลืมไปเลยว่าไอ้พระรองธีโอมีหน้าตาเหมือนคุณนายแบบคุณทีที่โลกของผม ผมคิดในใจก่อนที่ไม่นานผมจะตัดสินใจหันไปถามไอ้คุณพระรองอย่างคนขาดสติ
"นี่เมื่อกี้ได้ยินว่านายดีลกับเด็กคนเมื่อกี้ แล้วดูเหมือนว่าดีลนายจะล้มไปแล้วด้วยใช่ไหม"
"ใช่ แล้วยังไง"
"นายมาดีลกับฉันแทนไหม ตอนนี้ฉันโคตรมีอารมณ์เลยว่ะ"
"อ่าส์พี่เขมอย่ารัดธีแน่นนักสิ"ทีปกรครางเสียงต่ำในลำคอ ใบหน้าหล่อก็โน้มลงไปกระซิบพูดเสียงแหบพร่าข้างใบหูเล็กของเขมกร ที่ในตอนนี้นอนหอบหายใจหมดสภาพอยู่บนเตียงนอนนุ่มหลังใหญ่นัยน์ตากลมสีน้ำตาลจ้องมองเด็กตัวสูงที่ยังคงรังแกเขาไม่ยอมปล่อยมานานหลายชั่วโมงแล้ว ในตอนนี้เปลือกตาสีมุกของเขมจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อยู่รอมร่อ เขาโดนไอ้พระรองหน้าหล่อนี้กระทำชำเรามาตั้งแต่ฟ้าสว่างจนตอนนี้ฟ้ามืด ไอ้พระรองนี้ก็ยังไม่ปล่อยเขาให้เป็นอิสระเลย ทำไปไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ (เพราะไม่มีเวลามานั่งนับ) ไอ้พระรองนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำ ไม่รู้ไปเก็บกดมาจากไหน"อึก ธีพอเถอะพี่ไม่ไหวแล้วจริง ๆ "ร้องขอคนเด็กกว่าพลันสะอึกออกมาด้วยหายใจไม่ทัน จนคนที่อายุน้อยกว่าอดเอ็นดูคนพี่ไม่ได้โน้มใบหน้าลงมาใช้ริมฝีปากกดจูบและดูดดึงปากล่างโดยไม่ได้รุกล้ำ ก่อนจะละริมฝีปากมาเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มหวาน"ไม่ไหวอะไรกันครับ พี่เขมยังรัดของธีแน่นอยู่เลย"ไม่พูดเปล่าธีโอยังเริ่มโยกขยับเอวสอบของตัวเองเบา
ทีปกรหลังจากวันนั้นวันที่ผมจะไปซื้อกาแฟแล้วบังเอิญเจอข้าวตังกำลังนั่งคุยกับอาทิตย์แฟนของวันจันทร์เพื่อนของผมอยู่ในร้าน ผมก็ตัดสินใจที่จะซุ่มรอโอกาสที่จะเข้าไปหาข้าวตังเพื่อขอตกลงเรื่องเซ็กซ์กันใหม่ และในวันนั้นผมก็ทำให้ข้าวตังตกลงปลงใจดีลเรื่องเซ็กซ์กันได้สำเร็จจนวันนี้วันเวลาก็ผ่านพ้นมาถึงเดือนครึ่งแล้วที่ผมกับข้าวตังเราได้เป็นคู่เซ็กซ์กัน ถ้าจะให้เรียกง่าย ๆ ก็คงจะเรียกว่าคู่นอนหรือเพื่อนนอนล่ะมั้ง เพราะผมกับข้าวตังเรายังไม่ได้ตกลงกันเรื่องความสัมพันธ์อื่น ก็ในตอนนั้นผมคุยกับข้าวตังเพียงแค่เรื่องบนเตียงไม่ได้คุยเรื่องอื่นเลย เพราะวินาทีนั้นผมคิดเพียงว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ข้าวตังตกลงที่จะเป็นคู่นอนกับผมให้ได้เท่านั้นจนในตอนนี้วันเวลาก็ผ่านมาเรื่อย ๆ ผมเองก็โทรหาทักหาข้าวตังทุกวัน ทักชวนไปกินข้าวบ้างดูหนังบ้าง ไปเที่ยวที่ใกล้ ๆ บ้าง เรื่องเซ็กซ์นั้น ก็ทำวันเว้นวันบางทีก็2วันครั้งแล้วแต่อารมณ์ของเจ้าตัว
เขมกร"ไอ้เหี้ยใครวะ!"ผมสบถออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตกใจพร้อมกับหันไปมองว่าใครกันที่กล้ามาจับตัวคนอื่นแบบนี้"เจอคุณทีไรผมไม่เคยจะได้เป็นคนเลย"ไอ้คนที่มันมารั้งแขนของผมให้หันไปมองเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนเอือมระอากับคำพูดของผม"คุณที"ทว่าทันทีที่ผมหันไปเห็นหน้าเจ้าของมือที่รั้งผมไว้ผมก็เผลอสบถชื่อนายแบบหนุ่มในโลกปัจจุบันออกมาอย่างลืมตัว เพราะเมื่อสบสายตากับคนตรงหน้าภาพใบหน้าของคุณทีนายแบบชื่อดังที่โลกของผมดันลอยเข้ามาในหัวเสียอย่างนั้น"มันอะไรนักกับชื่อนี้ ทำไมถึงได้ชอบเรียกผมคุณทีตลอดเลย"หัวคิ้วเรียงเส้นสวยขมวดเข้าหากันพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองผมด้วยแววตาแสดงถึงความไม่สบอารมณ์กับการที่โดนผมเรียกชื่อคุณทีอยู่บ่อยครั้งอย่าว่าแต่นายที่ไม่เข้าใจเลยธีโอ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเ
หลายวันต่อมาเป็นอีกครั้งที่ในหัวของเขมกรเกิดความคิดที่ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ นัยน์ตาทรงกลมทอดมองพระเอกเรื่องอาทิตย์ครองจันทร์ที่นั่งหน้าอมทุกข์อยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ มือขาวข้างถนัดของเขมกรเท้าค้างส่วนอีกข้างจับช้อนคนกาแฟร้อนในแก้วอย่างไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงกับคนตรงหน้าเพราะสถานการณ์ในตอนนี้เขมกรกำลังทำภารกิจมาเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตของไอ้พระเอกของเรื่อง ที่มันทะเลาะกับน้องนายเอกเรื่องเดิม ๆ อีกแล้ว นั้นก็คือไม่เรื่องที่มันไม่ค่อยใส่ใจไม่ค่อยมีเวลาให้หรือไม่ก็เรื่องที่มันเนื้อหอมหว่านเสน่ห์ไปทั่วทำให้สาวน้อยสาวใหญ่และหนุ่ม ๆ หลงเต็มไปหมด"กูจะทำยังไงดีวะข้าวตัง กูกับน้องทะเลาะกันเรื่องเดิม ๆ อีกแล้ววะ ช่วงนี้กูแม่งโคตรเหนื่อยเลย เหนื่อยเรื่องแข่งรถไม่พอกูต้องมาเหนื่อยกับความงี่เง่าของน้องมันอีก"อาทิตย์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับบ่นออกมาด้วยใบ
เขมกรผมที่รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันก็พลันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยสีหน้างงงวย ที่นี่ที่ไหนวะ คำถามนี้แล่นเข้ามาในหัวของผมอย่างกับในละครที่เวลาตัวพระนายตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลแล้วมักจะเอ่ยคำถามโง่ ๆ นี้ออกมาเสมอ ซึ่งผมในตอนนี้เองก็ไม่ต่างกันแต่ทว่าผมที่กำลังเกิดความสงสัยนั้นเป็นต้องเบิกตาโตอ้าปากค้าง เมื่อภาพความทรงจำอันร้อนแรงเมื่อคืนวิ่งพุ่งเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ ให้ผมได้เห็นว่าค่ำคืนที่ผ่านมานี้ผมได้ทำอะไรลงไปบ้างไอ้แม่เย็x"แม่เจ้ากูพึ่งรู้ว่าโดนผู้ชายเสียบมันเจ็บขนาดนี้"คำพูดประโยคแรกของวันหลุดออกจากปากของผมหลังจากสติสตางค์ของผมกลับสู่ภาวะปกติ คงจะสงสัยล่ะสิว่าเหตุไฉนผมไม่โวยวายหรือเสียใจกับเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นเลยสักนิด ก็นะ ก็เพราะเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นการตัดสินใจของผมทั้งนั้น
ทันทีที่ทีปกรเป็นฝ่ายเถียงชนะจอมดื้ออย่างเขมกรได้ นายแบบหนุ่มอย่างธีโอก็จัดการฉีกซองสารหล่อลื่นแล้วทำการยื่นไปบีบราดชโลมใส่ช่องทางปิดสนิทและบีบชโลมใส่ฝ่ามือของตัวเองจนทั่ว ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงไปนั่งคุกเข่าลงบนเตียงนุ่มที่มีข้าวตังรออยู่ในท่าคลานสี่ขาปลายนิ้วยาวชุ่มฉ่ำเอื้อมไปนวดคลึงยังรอยแยกที่ฉ่ำไปด้วยสารหล่อลื่น เขมกรรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยยามเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมค่อย ๆ สอดแทรกเข้ามาช่องทางด้านหลังของตนเองอย่างช้า ๆ หัวใจของเขมเต้นรัวเร็วพลางริมฝีปากก็กัดเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนที่ไม่นานจะเผยอร้องครางต่ำออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อธีโอเริ่มขยับนิ้วเข้าออกอย่างเป็นจังหวะในยามนี้หัวสมองของเขมกรนั้นขาวโพลนไปหมดแล้ว ตัวของเขาได้สติหลุดอย่างสมบูรณ์แบบ ตัวของเขมกรในตอนนี้ดำเนินไปด้วยสัญชาตญาณเขาไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว ความคิดในหัวของเขามันร่ำร้องบอกแค่ว่าต้องการที่จะปลดปล่อย จะอะไรอย่างไรก็ได้ในตอนนี้ขอเพียงแค่ได้ปลดปล่อยเป็นพอ ร่างกายมันรู้สึกอึดอัด มันร้อน