เปี่ยมรักดึงใบหน้ากลับ แอบกรอกตาแล้วเค้นเสียงในลำคอเบาๆ
เขาและเธออยู่ในสถานะสามีภรรยา แต่ต้องมารอลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกหรือรักก่อนเนี่ยนะ! หากคนอื่นมองเข้ามาเขาจะลงความเห็นในเรื่องนี้ว่ายังไงกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นั่นมันก็ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรมากมาย สุดท้ายการทำให้ผัวที่ถูกต้องตามกฎหมายรักเมียหลงเมีย มันก็เป็นสิ่งที่เมียอย่างเธอควรทำ รถยนต์ยี่ห้อดังสีดำวาบวับเลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบริษัทขนาดใหญ่ ตึกหลายสิบชั้นย้ำชัดว่าเขาเป็นผู้บริหารในระดับที่โก้แค่ไหน โคตรรวย ความหล่อก็ไม่แพ้ใคร ท่องไว้เถอะรัก ใครๆ เขาก็ว่าเธอโชคดี "ฉันขอเวลาเคลียร์งานสักสองชั่วโมง เสร็จจากนั้นเธออยากไปไหนก็คิดไว้ละกัน" "รักอยากกลับบ้านค่ะ" ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังดับเครื่องยนต์หันกลับมามอง ส่งผลให้คนตัวเล็กที่กำลังรั้งสายกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่ารีบอธิบายออกมา "พอดีว่ารักลืมของน่ะค่ะ อยากกลับไปเอา อยากซื้อของไปฝากพ่อกับแม่ด้วย" "ไม่อยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นบ้าง?" "ก่อนหน้านี้ก็เที่ยวมาจนทั่วแล้วค่ะ" "อ้อ ลืมไป เมื่อก่อนเธอมีเวลาว่างมากนี่" คิ้วสวยขมวดเป็นปม เป็นจังหวะที่คนตัวโตก้าวขาลงจากรถไป "นี่กำลังว่าเราอยู่ปะวะ" คนตัวเล็กมุ่ยหน้าอย่างงุนงง จากนั้นก็รีบตามลงจากรถอย่างรวดเร็ว "เมื่อก่อนรักก็ทำงานนะคะ" "งานที่ทำแค่ไม่กี่เดือนและยังไม่มีประสบการณ์มากพอไม่ควรเอามาอวดนะ" มือหนาจัดการล็อกรถยนต์ด้วยรีโมท เป็นจังหวะที่คนตัวเล็กก้าวขาไปหยุดตรงหน้า "เฮียรู้เหรอคะว่ารักเคยทำงานอะไร และทำมากี่เดือน" คนถูกถามทำทีเป็นเมินออกไปอีกทาง สองมือล้วงกระเป๋า ท่าทีเมินเฉยของเขามันทำให้เธอไม่ค่อยพอใจ "แม่รักเล่าให้ฟังสินะคะ ถ้าอย่างนั้นรักจะบอกให้นะคะ ประสบการณ์ในการทำงานรักพอมีค่ะ และเหตุผลที่ต้องลาออกมันก็เป็นเพราะว่าคุณแม่ขอให้รักมาแต่งงาน" "ไม่อยากลาออกจากที่นั่นเลยว่างั้น?" "ใช่ค่ะ รักไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด เพราะที่นั่น..." "เสียใจด้วยก็แล้วกันนะที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องลาออกจากงานที่เธอชอบ เสียใจด้วยกับความผิดหวังในใจของเธอ" เปี่ยมรักนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากของอีกฝ่ายเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ "หมายความว่าไงคะ" "ก็หมายความว่าฉันเสียใจด้วย ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เธอต้องลาออกจากที่นั่น และการลาออกจากที่นั่น มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเสียใจไม่ใช่เหรอ" "ก็ใช่ค่ะ รักเสียใจ" รอยยิ้มเย้ยหยันผุดบนมุมปากหนา ถึงอย่างนั้นดวงตาคมกริบก็แอบหลุดความไม่พอใจออกมา "ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าที่นั่นมันมีอะไรดี" "มันก็มีดีทุกอย่างนั่นแหละค่ะ มีเงินเดือน มีหนังสือดีๆ ให้อ่านเพียบ เวลาที่ทำงาน มองไปทิศทางไหนก็ได้เจอแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็ดีไม่ใช่เหรอคะ" "ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลที่ว่าเงินเดือนดี มีหนังสือฟรีให้อ่านหรือว่ามีเจ้านายใจดีมาก นั่นมันก็เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น ปัจจุบันเธอแต่งงานและเป็นภรรยาของฉัน เวลาอยู่ด้วยกันก็ควรทำหน้าให้มันดีๆ อย่ามานั่งเหม่อเพราะคิดถึงอดีตก็แล้วกัน" เปี่ยมรักนิ่วหน้า ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอทำแบบที่เขาพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่กล้าพูดว่าเสียใจที่ได้ออกจากงานเดิม เพราะงานที่เธอทำก่อนหน้านี้มันเป็นงานที่เธอรัก เปี่ยมรักเคยเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของห้องสมุดแห่งนั้นเป็นนักเขียนในดวงใจที่เธอติดตามผลงานของเขามาโดยตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบหน้าเขาด้วยซ้ำ และเหมือนว่าครั้งหนึ่งเธอจะโชคดีมาก สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่เธอชื่นชอบและสนับสนุนหนังสืออยู่บ่อยๆ มีการแจ้งและประชาสัมพันธ์สำหรับงานหนังสือ ข่าวดีคือเธอมีโอกาสได้ขอลายเซ็นนักเขียนในดวงใจ เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย เจ้าของนามปากกาสุดเก๋ที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าคำนำหน้าคือนาย เขาเป็นผู้ชายแท้ ตัวเป็นชาย ใจเป็นชาย และเขียนนิยายรักโรแมนติกได้โคตรดี ที่สำคัญวันแรกและครั้งแรกที่พบหน้า เขาหล่อราวกับพระเอกนิยายที่เขาบรรยายในคาแรคเตอร์ของพระเอกของนิยายตัวเอง ได้มารู้หลังจากนั้นว่านักเขียนที่เธอติดตามเปิดห้องสมุดเพื่อให้เช่า หนอนหนังสืออย่างเธอที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ สุดท้ายกลับถูกชักชวนให้เข้าไปเป็นบรรณารักษ์ ความชอบส่วนตัวทำให้เธอตกปากรับคำ และได้มารู้ในภายหลังว่ารายได้จากงานที่ทำสามารถเลี้ยงเธอได้มากกว่าที่คิดเลย "เดินเร็วๆ อย่าชักช้า" ใบหน้าหล่อเหลาที่ตวัดกลับมาหาส่งผลให้คนตัวเล็กสาวเท้าเร็วๆ สังเกตเห็นว่าตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น บุคลิกของเขากลายเป็นคนที่สุขุม ถึงอย่างนั้นก็ออกหยิ่ง แม้แต่ตอนที่มีคนยกมือไหว้เขายังตีหน้านิ่งกลับไป "สวัสดีค่ะบอส วันนี้รับ..." เสียงสดใสเมื่อสักครู่ขาดหาย ในตอนที่เลขาสาวอย่าง ทอฝัน ประสานสายตากับดวงตากลมโตของคนที่ก้าวเข้ามาตามหลังผู้ที่เป็นเจ้านายของเธอ ใบหน้างดงาม เรือนร่างขาวผ่องสมส่วน ออร่าของเจ้าสาวหมาดๆ ยังมีให้เห็น และการที่เธอถูกเรียกตัวไปใช้ในตอนงานแต่งงาน ทอฝันจำต้องรีบยกมือไหว้หญิงสาวผู้ที่เป็นภรรยาของเจ้านาย "คุณรัก สวัสดีค่ะ ทอฝันนะคะ เรียกฝันเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ฝันเป็นเลขาของคุณภูมิ" "อ๋อ รักจำได้ค่ะ ตอนงานแต่งเห็นช่วยงานหลายอย่างเลย" เจ้าสาวหมาดๆ ยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้มแห้งๆ กลับมา "อยากได้อะไรก็บอกทอฝัน เข้าไปรอในห้อง ขอทำธุระแป๊บเดี๋ยวตามเข้าไป" "อ๋อได้ค่ะ" เปี่ยมรักตอบรับสามีด้วยรอยยิ้ม "ดูแลด้วย" เขาหันไปสั่งเลขาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายจากสูทหรูราคาแพงผสานกับกลิ่นโคโลญจน์บนเรือนร่างสมส่วนส่งผลให้หัวใจของผู้ที่จงรักภักดีกระตุกวูบ สายตาคมที่เหลือบมองผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าภรรยาตอนจะก้าวขาออกไป เลขาสาวมีความรู้สึกว่าเจ้านายของเธอไม่ได้เสียใจกับการแต่งงานที่เกิดขึ้นกระทันหันเพราะผู้ใหญ่ต้องการเลย หลังจากที่ภูมิรพีเคลียร์งานที่บริษัทโดยใช้เวลาราวๆ สองชั่วโมงแบบที่บอกก่อนหน้า เขาก็ยอมพาเธอไปที่บ้านของเธอแบบที่เธอร้องขอ อาหารดีๆ หลายอย่างที่เปี่ยมรักซื้อติดไม้ติดมือกลับ และราคาของอาหารมันก็ทำให้เธอนิ่งเฉยไม่ได้จริงๆ "ขอบคุณมากนะคะที่ออกค่าอาหารให้" "ดูเธอดีใจมากนะที่ได้กลับบ้าน" "ค่ะ รักอยากกลับไปเอาของด้วยค่ะ" "ของชิ้นนั้นคงสำคัญมากสินะ" เจ้าของคำพูดเพียงแต่ปรายตามอง และรอยยิ้มบนมุมปากบางมันทำให้เขาสนใจ "หนังสือน่ะค่ะ รักจะกลับไปเอาหนังสือ พอดีอ่านมาได้ครึ่งเรื่องแล้ว อยากอ่านต่อให้จบ" "ชอบอ่านหนังสือมาก?" "อ่านทุกวันค่ะ อ้อ ลืมเล่าให้ฟัง เจ้าของห้องสมุดที่รักเคยเป็นบรรณารักษ์ เขาคือผู้เขียนหนังสือที่รักชอบอ่านด้วยนะคะ" เปี่ยมรักยิ้มกว้าง ในความคิดเธอ พอเจอหนังสือเล่มโปรด ซ้ำยังมาพบว่าผู้เขียนหล่อมาก มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นชะมัดเลย "พูดถึงผู้ชายแล้วอมยิ้ม ไม่คิดว่าตัวเองกำลังปลื้มสามีชาวบ้าน?" "ไม่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ นักเขียนคนนั้นที่เป็นเจ้านายเก่าของรักเขายังโสด โสดสนิทมาก ใจดีมากด้วยนะคะ" ภูมิรพีปรายตามองพลางดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้ม ไม่นานก็ส่งเสียงผ่านลำคอซ้ำยังแอบหลุดสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาโดยไม่รู้ตัว -------"โอ้โห! นี่กล้าทำน้องเลยเหรอเฮีย...อ้าวเจ้!" เสียงของภูพิงค์ในประโยคท้ายส่งผลให้คนตัวโตที่ยืนหันหลังให้กับใครบางคนที่อาจจะอยู่ทางด้านหลังของเขาชะงักไป"อย่ามากวนตีน""อ้าวเฮีย พูดไม่เพราะเลยว่ะ เฮียคิดว่าน้องแกล้งว่างั้น?" ภูพิงค์เลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทีแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้ภูมิรพียังคงอยู่ในอิริยาบทเดิม "เฮียกำลังจะบอกว่าเฮียไม่เชื่อน้องที่น้องเรียกเจ้งั้นเหรอ?" คนฟังชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้สละเวลาคิดด้วยซ้ำว่าที่ภูพิงค์เรียกใครอีกคนจากทางด้านหลังมันคือเรื่องจริงรึเปล่า แต่คราวนี้เขาเลือกที่จะหันกลับไปยังทิศทางด้านหลังของตัวเองด้วยตัวของเขาเอง ครั้นพอดวงตาคมกริบประสานเข้ากับร่างแบบบางที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาจริงๆ ภูมิรพีชะงักไปทันที เสียงภายในห้องครัวเงียบลง ส่วนคนที่พึ่งจะเข้ามาใหม่ก็ได้แต่ยิ้มเจือนๆ กลับไปเช่นกัน "ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ พอดีว่ารักอยากได้น้ำส้มเพิ่มก็เลยเดินลงมา" คนฟังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เห็นชัดเจนว่าหญิงสาวในชุดนอนสีขาวลายตัวการ์ตูนสีดำ เลี่ยงการสบตากับเขาอย่างชัดเจน "...เชิญ" ภูมิรพียอมหลีกทางจากพื้นที่หน้าตู้เย็นแต่โดยดี ส่
"ยิ้มอะไรอ่ะ" "แล้วคิดว่าไงล่ะ" คำพูดยอกย้อนของคนตัวโตส่งผลให้เจ้าสาวป้ายแดงเผลอถลึงตากลับ แต่ครั้นพอเห็นดวงตาคมหรี่ลงต่ำมองในระดับที่ต่ำกว่าลำคอระหง คนถูกมองรีบดันตัวลุกจากเตียงกว้าง ไม่สนแม้ว่าตนจะเปลือยเปล่า เลือกที่จะก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วคนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนอย่างภูมิรพีไล่สายตามองตามหลังแบบไม่ละสายตา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออีกครั้ง หน้าเป๊ะ หุ่นปัง สุดท้ายชายหนุ่มจำต้องละสายตาจากร่างเย้ายวนแล้วเหลือบมองที่แกนกายของตัวเองด้วยความหนักใจทั้งที่พึ่งจะปลดปล่อย แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ความใหญ่โตก็คงจะสู้ไม่ถอย ตั้งเด่นเป็นลำยาว เจ้าแกนกายยักษ์มันสั่งให้เขาสาวเท้าตามแล้วเข้าไปซ้ำอีกสักดอกสองดอกตรงไหนดีล่ะ อ่างอาบน้ำหรือเคาร์เตอร์ล้างหน้าที่มีเงาสะท้อนของกระจกดี ตรงไหนนะที่มันจะฟินและดีมากกว่ากัน!ใบหน้าหล่อเหลาหลุดความพอใจให้กับความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วบางความคิดที่หลุดเข้ามาในหัวก็ทำให้เขาแทบหุบยิ้มไม่ทัน"...ขืนทำแบบนั้นเดี๋ยวยัยนั่นก็หาว่าติดใจ ติดใจงั้นเหรอ เหอะ! ไม่มีทาง" ครึ่งชั่วโมงต่อมา"สรุป วันม
บ้าเอ้ย อีตาบ้า! เปี่ยมรักกรีดร้องในใจพลันแก้มนวลก็ร้อนผะผ่าว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปาก ในจังหวะที่กำลังจะผละตัวออกห่าง อีกฝ่ายเลื่อนมือเข้ามาประคองสองแก้มนวลเนียน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพลางตวัดขึ้นประสานกับเจ้าของมือเย็นที่เป็นเจ้าของพันธนาการ ในตอนที่สบตากันหัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นรัวแรงไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ริมฝีปากร้อนก็ประกบลงมาครอบครองเรียวปากนุ่มเอิบอิ่มอย่างรวดเร็ว"อื้อออ~" สัมผัสที่รวดเร็วแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนส่งผลให้ขาสวยอ่อนระทวยสัมผัสที่ปาก แต่คล้ายว่าเขากำลังดูดกลืนเรี่ยวแรงไปจากเธอจนหมดสิ้น เจ้าสาวป้ายแดงหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ลิ้นสากรุกรานเข้ามาในโพลงปากบางโดยไร้การต่อต้านใดๆ จากเธอหมับ~"อื้อออ~" มือหนารั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาประชิดลำตัว ขายาวมันคงสาวไปที่เบื้องหน้า ดันร่างแบบบางให้ขยับถอยหลัง ไม่นานนักขาสวยก็ประชิดกับเตียงกว้าง ท่อนขาแกร่งดันหุ่นเย้ายวนให้ล้มลงไปกับเตียง ตามด้วยร่างหนาที่ถาโถมตัวทาบทับลงไปส่งผลให้ความใหญ่โตบดกระแทกเข้ากับกลีบกุหลาบอวบนูนที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงชั้นในอย่างดีและเนื้อผ้าอีกตัวที่สวมใส่อยู่ชั้นนอก"ระ รีบร้อนจังเลยนะคะ" คนที่พยายามไขว่คว
"เฮียภูมิแต่งงานกับรักเพราะแม่เบญและพ่อภีมอยากอุ้มหลาน จะบอกว่าที่ยอมให้แม่ของลูกเป็นรัก เพราะเฮียชอบรักแบบนั้นเหรอคะ?" ความตกใจกับคำพูดที่ได้ฟังส่งผลให้เปี่ยมรักย้อนถาม ใบหน้าขาวนวลแดงก่ำขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ฟังเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างภูมิรพีจะพูดเล่นๆ แบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา"แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ""อ้าว..." คิ้วสวยขมวดยุ่ง มองคนตัวโตที่ยักคิ้วมองเธอด้วยท่าทีกำกวม"ฉันบอกไปแล้ว และฉันก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ" "ดะ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวสิคะ" เปี่ยมรักคว้าหมับที่มือหนาเมื่อคนตัวโตเลื่อนมือลงไปที่ระดับเข็มขัด และเสียงปลดเข็มขัดนั่นแหละที่ทำให้เธอร้อนรนในประโยคหลังจนตั้งรั้งมือของเขาด้วยมือของตัวเองเกิดกลัวว่าผัวหมาดๆ จะแก้ผ้าต่อหน้าเธอขึ้นมา! "อะไร" "รักยังคุยกับเฮียภูมิไม่รู้เรื่องเลยนะคะ" "โตๆ กันแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง" "อ้าว..." "แล้วมือนี่ยังไง อยากถอดให้เหรอ?""ไม่ใช่สักหน่อย" คนตัวเล็กรีบชักมือกลับ ลืมคิดไปว่ามือของเธอมันอยู่ในระดับที่ไม่ควรเท่าไหร่นัก แล้วไหนจะหน้าหล่อๆ นิ่งๆ ที่เป็นเสน่ห์ของเขา มันทำให้เธอ
"อ้าว..." เปี่ยมรักพึมพำตามหลังคนตัวโตที่ลุกจากโซฟาแล้วก้าวขายาวๆ ออกไปจากห้องนั่งเล่นในเวลาต่อมาหน้าตึงๆ กับคิ้วหนาเข้มที่ขมวดเข้าหากันยุ่ง ไม่เข้าใจเลยว่าคนตัวโตรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องอะไรถึงอย่างนั้นความรู้สึกเขินอายในสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะรับรู้เกี่ยวกับเธอมันก็ทำให้เปี่ยมรักลืมลงลึกค้นหาความหมายในท่าทีไม่พอใจที่คนตัวโตเพิ่งจะแสดงมันออกมามือเรียวยกขึ้นลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกในใจมันต่อต้าน ต่อให้เธอจะอ่านหนังสือและเสพเนื้อหาสิบแปดบวกอย่างลึกซึ้ง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เก่งแบบในนางเอกนิยายสักหน่อยเนื้อหาในนิยาย นางเอกสายหื่นขย่มได้ขย่มดี แต่พระเอกก็ชอบซะด้วยสิ ทั้งรักทั้งหลง มีร้อยให้ร้อย มีล้านให้ล้าน หลงเมียหัวปักหัวปำ หรือเธอควรเอาอย่างนางเอกในหนังสือดี?"บ้าเอ้ย ยัยรักนี่!" มือเรียวตบเบาๆ ที่แก้มของตัวเองเป็นเชิงเรียกสติ เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่เผลอไปคิดเรื่องอะไรที่มันไร้สาระบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อค่ำ ทุกคนยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบเดิม พ่อแม่สามียังคงพูดคุยหยอกล้อสร้างความคุ้นเคยไม่หยุดหย่อน น้องเล็กของบ้านยังขี้เล่นสร้างความเป็นกันเองจนผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้
มื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนภายในบ้านภีมพลและเบญญามีร้านอาหารเล็กๆ ที่บรรยากาศแสนอบอุ่นที่ยังอยู่ในความดูแลหลังจากที่ปล่อยงานที่บริษัทให้ลูกๆ จัดการและดูแลภูมิรพีและภพนิพิฐสองหนุ่มวัยสามสิบกว่าสายเลือดนักธุรกิจโดยแท้ตอนนี้รับผิดชอบงานแทนพ่อแม่เต็มตัวภูพิงค์ที่เรียนจบมาไม่นานกำลังอยู่ในช่วงเข้าไปเรียนรู้งานตั้งเป้าว่า รออีกสักสองสามปีพอที่เด็กหนุ่มที่กำลังรักสนุกและอยากเที่ยวอย่างภูพิงค์อิ่มตัว ก็คงจะเข้ามาเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อช่วยพี่ๆ บริหารต่อไปบริษัทส่งออกอะไหล่ยนต์ เหมือนจะเข้าท่า เพราะเบญญาและภีมพลมีลูกสามคนล้วนเป็นหนุ่มๆ ทั้งสาม ผู้ชายก็คงจะถนัดและเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของรถได้ไม่ยาก ทุกอย่างจึงเดินหน้าไปได้อย่างสวยงามและลงตัวหลังจากมื้ออาหาร ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน ส่วนคนที่พึ่งแต่งงานไปหมาดๆ พ่อและแม่กำชับอยู่บ่อยครั้ง ว่าควรใช้เวลานี้อยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้กันและกันอ่านอะไรนักหนา อ่านไปอ่านมาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ภูมิรพีปรายตามองเมียสาวที่นั่งเหยียดขาบนโซฟาด้วยความสนใจทีวีจอใหญ่ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ในขณะที่อีกคนกำลังอ่านห