"พี่รัก" ปัณรส ฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเจ้าของสัญญาณหน้าประตูใหญ่คือพี่สาวที่พึ่งจะแต่งงานและมีครอบครัว โดยที่เจ้าบ่าวของพี่สาวหล่อมาก
"นี่ของฝาก พ่อกับแม่อยู่ไหม" "ว้าว เยอะจัง เอ่อ สวัสดีค่ะคุณ..." ปัณรสที่รับของและหิ้วพะรุงพะรังยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เคียงข้างพี่สาว ภูมิรพีรับไหว้ บนใบหน้าหล่อเหลายังคงความนิ่งเฉยแบบเดิมไม่เปลี่ยนเลย "เรียกพี่ก็ได้" "อ๋อ ค่ะพี่ภูมิ" ผู้ที่เดินมาเปิดประตูหันกลับไปยิ้มให้พี่สาวของตนอีก จำได้ว่าก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ตอบในสิ่งที่ผู้เป็นพี่ถาม ปัณรสจึงรีบบอกออกมา "พ่อกับแม่ไม่อยู่ค่ะ ออกไปทำธุระ" "อ้าว เลยอดเจอ" "ตอนที่พี่ไลน์มาบอกว่าจะมาที่นี่เป็นจังหวะที่พ่อกับแม่ขับรถออกจากบ้านพอดี รสบอกไม่ทันอ่ะ" "งั้นเหรอ" เปี่ยมรักทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย ไม่นานก็คลี่ยิ้มออกมาเหมือนเดิม "หนังสือพี่ล่ะ ไปเอาลงมาจากห้องรึยัง" "เอาออกจากห้องพี่แล้วตอนนี้วางอยู่ในห้องรส เข้าบ้านก่อนสิเดี๋ยวรสไปหยิบให้" "อืม" เปี่ยมรักพยักหน้ากลับ ผู้ที่เป็นน้องสาวหมุนตัวแล้วรีบเดินกลับเข้าบ้านไป ส่งผลให้เปี่ยมรักอยู่กับผู้ที่เป็นสามีตามลำพัง "เข้าไปข้างในก่อนนะคะ" ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาเปี่ยมรักจึงเป็นฝ่ายเดินนำ "เชิญนั่งก่อนค่ะ บ้านรักหลังเล็กหน่อยนะคะ แต่บ้านสะอาดค่ะ ยัยรสกวาดถูทุกวัน ใบหน้าหล่อเหลายังคงความนิ่งเฉย ยอมหย่อนตัวลงบนโซฟากลางบ้านแต่โดยดี ที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากบ้านของเขาจริง แต่โดยรวมก็ดูสะอาดสะอ้าน คงถูกดูแลและทำความสะอาดสม่ำเสมอจริงๆ "บ้านของเราสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยนะคะ" คำพูดแบบตรงไปตรงมาส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับ คิ้วเข้มขมวดขึ้นเป็นเชิงตั้งคำถาม แต่เปี่ยมรักกลับคิดว่า คำพูดของเธอมันค่อนข้างชัดเจนและไม่จำเป็นต้องอธิบาย "ด้านล่างยังใช้พัดลมอยู่เลยค่ะ จะมีแอร์ก็แต่ห้องนอนชั้นบน แต่ไหนๆ รักก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวจะบอกให้แม่ตามช่างให้มาย้ายแอร์จากด้านบนห้องรักลงมาด้านล่าง วันหลังที่เฮียภูมิมาที่นี่จะได้ไม่ร้อนค่ะ" "บอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าร้อน" "ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ รักรู้อยู่แล้ว" ร่างแบบบางหยัดตัวลุก มือเล็กลากพัดลมหน้ากว้างสิบแปดนิ้วและจัดการเปิดให้หันมาทางคนตัวโต ผมที่ปรกหน้าผากปลิวตามลม ดวงตาคมหรี่ลง ภาพนั้นพลอยทำให้หัวใจดวงน้อยวูบแผ่วลง ฐานะทางสังคมก็เหมือนจะต่างกัน หากเขารู้ว่าเหตุผลที่ต้องแต่งงานจริงๆ แล้วเพราะเธออยากปลดหนี้ให้พ่อกับแม่เขาจะรู้สึกแบบไหนนะ ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างอย่างเขา กับเธอที่แม้ว่าชีวิตจะไม่ได้ขัดสนอะไรมากนัก ถึงอย่างนั้นหากเทียบกับเขาก็โคตรจะต่างกัน "รักไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะคะ" คนถูกบอกกล่าวเพียงแต่พนักหน้ารับ ถึงอย่างนั้นก็ยังมองตามหลังร่างแบบบางไปจนสุดสายตา "พี่รักล่ะคะ" "ไปเข้าห้องน้ำน่ะ" ภูมิรพีหันไปตอบเมื่อถูกถาม พบว่าเป็นปัณรสที่หอบหนังสือเข้ามา "อันนี้หนังสือที่พี่รักลืมไว้ค่ะ อุ้ยลืม" คนที่กำลังยื่นมือออกไปรับจำต้องปล่อยมือค้างเมื่อน้องสาวแท้ๆ ของคนที่ขึ้นชื่อว่าเมียดึงหนังสือไปจัดการอะไรสักอย่าง "รสแอบอ่านแล้วเผลอไปพับ ถ้าพี่รักเห็นเดี๋ยวโดนดุค่ะ แฮ่" ปัณรสส่งหนังสือให้สามีของพี่สาวเมื่อจัดการคลี่กระดาษที่โดนพับจนเรียบร้อย จากนั้นก็เลือกที่จะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน "ขนาดนั้นเลยเหรอ แค่พับหน้ากระดาษนี่นะ" "รายนั้นขี้หวงออกค่ะ นักสะสมก็แบบนี้ อีกอย่างหนังสือพวกนี้ไอดอลเขาเป็นคนเขียน" คนฟังยังคงสีหน้าเรียบเฉย แต่หางตาเหลือบมองที่รายชื่อของผู้เขียน กวิน! ชัดเจน เป็นทั้งไอดอลแบบที่น้องสาวของเธอว่า และเป็นทั้งเจ้านายในที่ทำงานของเธอในเวลาเดียวกัน "เรียบร้อยแล้วใช่ไหมรส" คนที่ไปเข้าห้องน้ำเดินกลับแล้วเอ่ยถาม "ใช่ค่ะ ครบทุกเล่ม อยู่ในมือพี่ภูมิแล้ว" "ขอบใจมากนะ บอกพ่อกับแม่ด้วยว่าพี่มา งั้นเดี๋ยวพี่กลับก่อน" "อ้าว ทำไมกลับเร็วนักล่ะ ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ" "ไม่เอาอ่ะ เกรงใจคนพามา" คนที่ถูกพาดพิงถึงปรายตามอง ใบหน้าหล่อเหลายังคงความนิ่งเฉย เขาถูกตัดสินทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเลย ระหว่างทางกลับ "หิวรึเปล่า" คำถามดังขึ้นเมื่อรถยนต์ยี่ห้อดังสีดำวาบวับเลื่อนออกจากบ้านของเปี่ยมรัก บ่อยครั้งที่พบว่าคนข้างๆ จ้องมองหนังสือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ "นิดหน่อยค่ะ" "ถ้าหิว แล้วทำไมถึงไม่ยอมกินที่บ้านก่อนกลับ" "รักบอกแล้วนี่คะว่ารักเกรงใจ" "คิดว่าฉันไม่สามารถนั่งกินข้าวที่บ้านของเธอได้?" "ค่ะ ร้านไหนที่เฮียอยากกินจอดได้เลยนะคะ" "ฉันไม่ชอบหรอกนะที่เธอจะมาตัดสินใจทุกอย่างแทนฉัน" เปี่ยมรักหันหน้ากลับ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะเอ่ยคำนี้ออกมา "รักแค่ประเมินจากความน่าจะเป็น" "แล้วในสายตาของเธอฉันเป็นแบบไหน" "ก็รู้ๆ กันอยู่ รักจำเป็นต้องอธิบายด้วยเหรอคะ" "เปี่ยมรัก" "เรากำลังจะทะเลาะเรื่องอะไรกันเหรอคะ หากสิ่งที่รักทำและตัดสินใจออกไปมันไม่ถูกต้อง หมายความว่าเฮียภูมินั่งกินข้าวที่บ้านรักได้ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเราจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแบบนั้นเหรอคะ" หญิงสาวมองหน้าสามีหมาดๆ อย่างจริงจัง ใครจะไปกล้าคาดหวังว่าเขาจะมาติดดินและใช้ชีวิตแบบเธอทั้งที่เห็นกันอยู่ว่าต่างกัน "ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ที่ฉันอยากทำ" "แล้วทีหลังนั่งกินข้าวที่บ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาได้ไหมล่ะคะ" "ได้สิ ทำไมฉันจะนั่งกินข้าวที่บ้านของเธอไม่ได้ ฉันกับเธอก็คนเหมือนๆ กัน" "ฮะ เฮียภูมิกำลังทำให้รักเข้าใจว่า เฮียภูมิกำลังเปิดใจยอมรับรักอยู่นะคะ" เปี่ยมรักเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เป็นจังหวะที่ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมาหาและสบตากัน "ก็ในเมื่อแต่งงานกันไปแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้ใครมากล่าวหาว่ารังเกียจภรรยาตัวเอง" "อ๋อ" เปี่ยมรักดึงใบหน้ากลับ ที่แท้เขาก็กลัวว่าภาพลักษณ์ของตัวเองจะเสียแค่นั้นเอง ------"โอ้โห! นี่กล้าทำน้องเลยเหรอเฮีย...อ้าวเจ้!" เสียงของภูพิงค์ในประโยคท้ายส่งผลให้คนตัวโตที่ยืนหันหลังให้กับใครบางคนที่อาจจะอยู่ทางด้านหลังของเขาชะงักไป"อย่ามากวนตีน""อ้าวเฮีย พูดไม่เพราะเลยว่ะ เฮียคิดว่าน้องแกล้งว่างั้น?" ภูพิงค์เลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทีแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้ภูมิรพียังคงอยู่ในอิริยาบทเดิม "เฮียกำลังจะบอกว่าเฮียไม่เชื่อน้องที่น้องเรียกเจ้งั้นเหรอ?" คนฟังชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้สละเวลาคิดด้วยซ้ำว่าที่ภูพิงค์เรียกใครอีกคนจากทางด้านหลังมันคือเรื่องจริงรึเปล่า แต่คราวนี้เขาเลือกที่จะหันกลับไปยังทิศทางด้านหลังของตัวเองด้วยตัวของเขาเอง ครั้นพอดวงตาคมกริบประสานเข้ากับร่างแบบบางที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาจริงๆ ภูมิรพีชะงักไปทันที เสียงภายในห้องครัวเงียบลง ส่วนคนที่พึ่งจะเข้ามาใหม่ก็ได้แต่ยิ้มเจือนๆ กลับไปเช่นกัน "ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ พอดีว่ารักอยากได้น้ำส้มเพิ่มก็เลยเดินลงมา" คนฟังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เห็นชัดเจนว่าหญิงสาวในชุดนอนสีขาวลายตัวการ์ตูนสีดำ เลี่ยงการสบตากับเขาอย่างชัดเจน "...เชิญ" ภูมิรพียอมหลีกทางจากพื้นที่หน้าตู้เย็นแต่โดยดี ส่
"ยิ้มอะไรอ่ะ" "แล้วคิดว่าไงล่ะ" คำพูดยอกย้อนของคนตัวโตส่งผลให้เจ้าสาวป้ายแดงเผลอถลึงตากลับ แต่ครั้นพอเห็นดวงตาคมหรี่ลงต่ำมองในระดับที่ต่ำกว่าลำคอระหง คนถูกมองรีบดันตัวลุกจากเตียงกว้าง ไม่สนแม้ว่าตนจะเปลือยเปล่า เลือกที่จะก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วคนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนอย่างภูมิรพีไล่สายตามองตามหลังแบบไม่ละสายตา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออีกครั้ง หน้าเป๊ะ หุ่นปัง สุดท้ายชายหนุ่มจำต้องละสายตาจากร่างเย้ายวนแล้วเหลือบมองที่แกนกายของตัวเองด้วยความหนักใจทั้งที่พึ่งจะปลดปล่อย แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ความใหญ่โตก็คงจะสู้ไม่ถอย ตั้งเด่นเป็นลำยาว เจ้าแกนกายยักษ์มันสั่งให้เขาสาวเท้าตามแล้วเข้าไปซ้ำอีกสักดอกสองดอกตรงไหนดีล่ะ อ่างอาบน้ำหรือเคาร์เตอร์ล้างหน้าที่มีเงาสะท้อนของกระจกดี ตรงไหนนะที่มันจะฟินและดีมากกว่ากัน!ใบหน้าหล่อเหลาหลุดความพอใจให้กับความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วบางความคิดที่หลุดเข้ามาในหัวก็ทำให้เขาแทบหุบยิ้มไม่ทัน"...ขืนทำแบบนั้นเดี๋ยวยัยนั่นก็หาว่าติดใจ ติดใจงั้นเหรอ เหอะ! ไม่มีทาง" ครึ่งชั่วโมงต่อมา"สรุป วันม
บ้าเอ้ย อีตาบ้า! เปี่ยมรักกรีดร้องในใจพลันแก้มนวลก็ร้อนผะผ่าว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปาก ในจังหวะที่กำลังจะผละตัวออกห่าง อีกฝ่ายเลื่อนมือเข้ามาประคองสองแก้มนวลเนียน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพลางตวัดขึ้นประสานกับเจ้าของมือเย็นที่เป็นเจ้าของพันธนาการ ในตอนที่สบตากันหัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นรัวแรงไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ริมฝีปากร้อนก็ประกบลงมาครอบครองเรียวปากนุ่มเอิบอิ่มอย่างรวดเร็ว"อื้อออ~" สัมผัสที่รวดเร็วแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนส่งผลให้ขาสวยอ่อนระทวยสัมผัสที่ปาก แต่คล้ายว่าเขากำลังดูดกลืนเรี่ยวแรงไปจากเธอจนหมดสิ้น เจ้าสาวป้ายแดงหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ลิ้นสากรุกรานเข้ามาในโพลงปากบางโดยไร้การต่อต้านใดๆ จากเธอหมับ~"อื้อออ~" มือหนารั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาประชิดลำตัว ขายาวมันคงสาวไปที่เบื้องหน้า ดันร่างแบบบางให้ขยับถอยหลัง ไม่นานนักขาสวยก็ประชิดกับเตียงกว้าง ท่อนขาแกร่งดันหุ่นเย้ายวนให้ล้มลงไปกับเตียง ตามด้วยร่างหนาที่ถาโถมตัวทาบทับลงไปส่งผลให้ความใหญ่โตบดกระแทกเข้ากับกลีบกุหลาบอวบนูนที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงชั้นในอย่างดีและเนื้อผ้าอีกตัวที่สวมใส่อยู่ชั้นนอก"ระ รีบร้อนจังเลยนะคะ" คนที่พยายามไขว่คว
"เฮียภูมิแต่งงานกับรักเพราะแม่เบญและพ่อภีมอยากอุ้มหลาน จะบอกว่าที่ยอมให้แม่ของลูกเป็นรัก เพราะเฮียชอบรักแบบนั้นเหรอคะ?" ความตกใจกับคำพูดที่ได้ฟังส่งผลให้เปี่ยมรักย้อนถาม ใบหน้าขาวนวลแดงก่ำขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ฟังเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างภูมิรพีจะพูดเล่นๆ แบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา"แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ""อ้าว..." คิ้วสวยขมวดยุ่ง มองคนตัวโตที่ยักคิ้วมองเธอด้วยท่าทีกำกวม"ฉันบอกไปแล้ว และฉันก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ" "ดะ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวสิคะ" เปี่ยมรักคว้าหมับที่มือหนาเมื่อคนตัวโตเลื่อนมือลงไปที่ระดับเข็มขัด และเสียงปลดเข็มขัดนั่นแหละที่ทำให้เธอร้อนรนในประโยคหลังจนตั้งรั้งมือของเขาด้วยมือของตัวเองเกิดกลัวว่าผัวหมาดๆ จะแก้ผ้าต่อหน้าเธอขึ้นมา! "อะไร" "รักยังคุยกับเฮียภูมิไม่รู้เรื่องเลยนะคะ" "โตๆ กันแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง" "อ้าว..." "แล้วมือนี่ยังไง อยากถอดให้เหรอ?""ไม่ใช่สักหน่อย" คนตัวเล็กรีบชักมือกลับ ลืมคิดไปว่ามือของเธอมันอยู่ในระดับที่ไม่ควรเท่าไหร่นัก แล้วไหนจะหน้าหล่อๆ นิ่งๆ ที่เป็นเสน่ห์ของเขา มันทำให้เธอ
"อ้าว..." เปี่ยมรักพึมพำตามหลังคนตัวโตที่ลุกจากโซฟาแล้วก้าวขายาวๆ ออกไปจากห้องนั่งเล่นในเวลาต่อมาหน้าตึงๆ กับคิ้วหนาเข้มที่ขมวดเข้าหากันยุ่ง ไม่เข้าใจเลยว่าคนตัวโตรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องอะไรถึงอย่างนั้นความรู้สึกเขินอายในสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะรับรู้เกี่ยวกับเธอมันก็ทำให้เปี่ยมรักลืมลงลึกค้นหาความหมายในท่าทีไม่พอใจที่คนตัวโตเพิ่งจะแสดงมันออกมามือเรียวยกขึ้นลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกในใจมันต่อต้าน ต่อให้เธอจะอ่านหนังสือและเสพเนื้อหาสิบแปดบวกอย่างลึกซึ้ง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เก่งแบบในนางเอกนิยายสักหน่อยเนื้อหาในนิยาย นางเอกสายหื่นขย่มได้ขย่มดี แต่พระเอกก็ชอบซะด้วยสิ ทั้งรักทั้งหลง มีร้อยให้ร้อย มีล้านให้ล้าน หลงเมียหัวปักหัวปำ หรือเธอควรเอาอย่างนางเอกในหนังสือดี?"บ้าเอ้ย ยัยรักนี่!" มือเรียวตบเบาๆ ที่แก้มของตัวเองเป็นเชิงเรียกสติ เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่เผลอไปคิดเรื่องอะไรที่มันไร้สาระบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อค่ำ ทุกคนยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบเดิม พ่อแม่สามียังคงพูดคุยหยอกล้อสร้างความคุ้นเคยไม่หยุดหย่อน น้องเล็กของบ้านยังขี้เล่นสร้างความเป็นกันเองจนผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้
มื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนภายในบ้านภีมพลและเบญญามีร้านอาหารเล็กๆ ที่บรรยากาศแสนอบอุ่นที่ยังอยู่ในความดูแลหลังจากที่ปล่อยงานที่บริษัทให้ลูกๆ จัดการและดูแลภูมิรพีและภพนิพิฐสองหนุ่มวัยสามสิบกว่าสายเลือดนักธุรกิจโดยแท้ตอนนี้รับผิดชอบงานแทนพ่อแม่เต็มตัวภูพิงค์ที่เรียนจบมาไม่นานกำลังอยู่ในช่วงเข้าไปเรียนรู้งานตั้งเป้าว่า รออีกสักสองสามปีพอที่เด็กหนุ่มที่กำลังรักสนุกและอยากเที่ยวอย่างภูพิงค์อิ่มตัว ก็คงจะเข้ามาเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อช่วยพี่ๆ บริหารต่อไปบริษัทส่งออกอะไหล่ยนต์ เหมือนจะเข้าท่า เพราะเบญญาและภีมพลมีลูกสามคนล้วนเป็นหนุ่มๆ ทั้งสาม ผู้ชายก็คงจะถนัดและเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของรถได้ไม่ยาก ทุกอย่างจึงเดินหน้าไปได้อย่างสวยงามและลงตัวหลังจากมื้ออาหาร ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน ส่วนคนที่พึ่งแต่งงานไปหมาดๆ พ่อและแม่กำชับอยู่บ่อยครั้ง ว่าควรใช้เวลานี้อยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้กันและกันอ่านอะไรนักหนา อ่านไปอ่านมาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ภูมิรพีปรายตามองเมียสาวที่นั่งเหยียดขาบนโซฟาด้วยความสนใจทีวีจอใหญ่ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ในขณะที่อีกคนกำลังอ่านห