تسجيل الدخولนายหัวคเชนทร์เดินตรงดิ่งมาที่ม่านฟ้าเขาไม่รอช้ากระชากเธอลุกขึ้นทันที ผู้หญิงอย่างเธอไม่ควรได้รับความปรานีจากเขาเช่นกัน เธอมันร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
“โอ๊ะ! โอ้ยย!”
"ปล่อยฉันเจ็บ!” ม่านฟ้าพยายามใช้เท้ายันพื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้นายหัวคเชนทร์นั้น ลากเธอออกไปจากห้องได้ แต่มันก็ไร้ผล เมื่อแรงของเขานั้นมีมหาศาลยังกับแรงของช้างก็ไม่ปาน ไม่นานเธอก็พ่ายแพ้ให้กับแรงชายจนได้
“นายหัวคเชนทร์ปล่อยคุณม่านฟ้าเถอะค่ะ เธอไม่สบายอยู่นะคะ” มารดาของมาหยาร้องขอออกไป แต่นายหัวคเชนทร์ก็ไม่ได้สนใจ ในการการกระทำนั้นเลย ข้อมือเล็กเรียวของเธอถูกเขากำไว้แน่น จนกระดูกแทบหัก ตอนนี้มันแดงไปหมดแล้วเพราะมือแกร่งที่แข็งแรงบีบรัดข้อมือเล็กเรียวเอาไว้แน่นเกินไป เหมือนเขากำลังตั้งใจแกล้งเธอ ก่อนจะผลักร่างอรชรให้ล้มลงไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่แยแส
ตุ๊บ!!
“โอ๊ะ..โอ้ย” ม่านฟ้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อก้นของเธอจ้ำเบ้ากระแทกกับพื้นแข็งอย่างแรง ในขณะที่เธอนั้นยังปวดเมื่อยไปทั้งตัว มิหนำซ้ำยังโดนเขาทำราวกับว่าเธอนั้นไม่ใช่คน
“อย่าคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข เคยอยู่แบบสบายบนกองเงินกองทองของคนอื่น บาปกรรมมันกำลังจะตามทันเธอแล้วม่านฟ้า!”
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย! รังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ”
“ผู้หญิงอย่างเธอตัวเล็ก แต่พิษสงรอบตัว อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”
"ถึงฉันจะร้าย ฉันก็ไม่เคยรังแกคนไม่มีทางสู้ อย่างคุณ”
"หุบปากของเธอซะ! แล้วเก็บของที่โยนลงมาขึ้นไปให้หมด”
ม่านฟ้ามองไปที่ข้าวของกองโตพวกนั้น ที่เธอโยนมันทิ้งลงมา บางอย่างก็ใช้ไม่ได้แล้ว ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ม่านฟ้าเพิ่งเข้าใจสุภาษิตนี้
“ของพวกนั้นมันใช้ไม่ได้แล้วก็ทิ้งไปสิ!”
"แต่นั่นมันของของฉัน! เธอไม่มีสิทธิ์โยนมันทิ้งลงมาแบบนี้!” นายหัวคเชนทร์พูดพร้อมกับตะคอกใส่หน้าม่านฟ้าอย่างแรง จนมาหยาและมารดายืนตัวสั่นเทา เพราะไม่เคยเห็นนายหัว โกรธใครแบบนี้มาก่อนเลย
“ช่วยไม่ได้ของคุณมาอยู่ในห้องฉันเอง” ม่านฟ้ายังคงพูดยืนยันกระต่ายขาเดียว แน่นอนมันไม่มีผลดีกับเธอ แต่หญิงสาวก็คิดว่าเธอไม่ควรอยู่นิ่ง เพื่อให้นายหัวคเชนทร์นั้นทำร้ายเธออยู่ฝ่ายเดียว เพราะยังไงเธอก็มาอยู่ที่นี่นะน้องสาวเขาคนหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองอย่างนายหัวคเชนทร์ควรจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ตามคำบอกเล่าของพ่อเลี้ยง
“ได้! เธอต้องการแบบนั้นใช่ไหม ฉันจะจัดให้ม่านฟ้า” คำพูดของนายหัวคเชนทร์ทำให้ม่านฟ้านั้นถึงกับขนหัวลุก แต่เธอก็ยังสู้ไม่ยอมถอยเป็นไงเป็นกัน ในเมื่อเธอนั้นไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว
“มาหยา! ไปเก็บข้าวของม่านฟ้าลงมาให้หมดเดี๋ยวนี้!” มาหยารีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที เพราะเธอกลัวกับท่าทีของนายหัวคเชนทร์ ที่โกรธจนหน้าแดงไม่รู้ว่าม่านฟ้าไปทำอะไรให้ เขาถึงได้โกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟราวกับว่าเธอนั้นทำผิดร้ายแรงมา
"คุณต้องการอะไร"
“หึหึ!” นายหัวคเชนทร์หัวเราะออกมาจากในลำคอ เมื่อเขาพอจะดูออกกับท่าทีของม่านฟ้าในเวลานี้ ปากของเธอนั้นพูดออกมาราวกับกรรไกร แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไร เธอก็แค่เด็กไม่ทันหย่านม
“ฉันอยากรู้จังเลยว่าทำไมพ่อฉันถึงได้ต้องการให้เธอมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่ควรไล่เธอออกไปจากชีวิตของพวกเรา แม่ของเธอก็ตายไปแล้ว ยังจะมาเป็นภาระให้อีกทำไม”
คำพูดของนายหัวคเชนทร์นั้น มันช่างสะเทือนใจของม่านฟ้าไม่น้อย แม้น้ำตาเธออาจจะไม่ได้ไหลออกมา แต่ใครจะรู้ว่าเวลานี้หัวใจของเธอกำลังร้องไห้ กับสิ่งที่นายหัวคเชนทร์นั้นได้พูดทำร้ายจิตใจอันบอบบางของเธอ หากเลือกเกิดได้เธอนั้นจะเกิดในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะไม่ร่ำรวย ก็ยังมีคนคอยห่วงใย ไม่ต้องระหกระเหินมาให้เขาทำร้ายหัวใจ คอยพูดจาดูถูกเหมือนกับคนไร้ค่าสิ้นราคาแบบนี้
"ทำไมเงียบไปล่ะ ยังมีอิทธิฤทธิ์อะไรบ้างแสดงออกมาสิ ที่นี่เธอไม่ต้องเก๊กหรอกเพราะพ่อฉันไม่ได้อยู่ด้วย”
นายหัวคเชนทร์ยังคงคิดว่าม่านฟ้านั้นคงแสดงตัวต่อหน้าทำเป็นเด็กดี เพื่อให้บิดาของเขานั้นรักและเอ็นดู จนยอมให้เงินมาเลี้ยงดู และเขาต้องเป็นผู้ปกครอง นั่นคือสิ่งที่นายหัวคเชนทร์ไม่เคยคิดต้องการ เพราะเขาเห็นม่านฟ้านั้นเป็นเพียงแค่ศัตรู
"เอาที่คุณสบายใจเลย ถ้าคิดว่าการทำร้ายฉันมันทำให้คุณมีความสุขได้ บางทีฉันอาจได้บุญกุศลในครั้งนี้ ทำให้ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาพบเจอกันอีก”
“หึหึ!” นายหัวคเชนทร์หัวเราะในลำคอขึ้นมาอีกครั้ง กับคำพูดของม่านฟ้าที่ดูเหมือนจะแก่เกินตัว คงจะเคยผ่านอะไรมาเยอะ แต่น่าเสียดายที่เธอใช้ร่างกายนี้ไม่เป็นประโยชน์ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแม้แต่ทอดไข่ดาวก็ยังไม่เป็น
"มาหยาเก็บข้าวของให้คุณม่านฟ้า เรียบร้อยแล้วค่ะนายหัว"
มาหยาพูดในขณะที่ลากกระเป๋าใบโตลงมาจากบ้าน เธอไม่รู้ว่านายหัวหนุ่มนั้นต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆ มันคงจะไม่เป็นผลดีกับม่านฟ้าอย่างแน่นอน
“ขอบใจมากมาหยา กลับไปบ้านเถอะ เดี๋ยวให้เจ้าตัวเขาจัดการเอง”
พอนายหัวคเชนทร์พูดจบ มายากับผู้เป็นมารดาก็เดินออกจากบ้านไป ตอนนี้ม่านฟ้ากำลังยืนนิ่งงัน เพื่อประเมินสถานการณ์ถึงความเป็นไป ไม่รู้ว่านายหัวคเชนทร์จะทำอะไร ถึงได้ให้มาหยาเก็บกระเป๋าของเธอลงมา
"ทำไมกลัวเหรอ"
คำพูดของนายหัวคเชนทร์นั้น ไม่ได้ถามออกไปเพราะความห่วงใย แต่คำถามของเขาเหมือนกำลังท้าทาย เพื่อให้ม่านฟ้าหวาดกลัวมากกว่าสิ่งใด แต่เธอกลับไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา
"กลัวทำไม คนเราเกิดมาก็ต้องตาย แต่ที่ฉันไม่แน่ใจคือคนที่จะตายฉันหรือว่าคุณ!" ม่านฟ้ายังคงไม่ลดละ หากนายหัวคเชนทร์ต้องการแบบนี้ เขาคงต้องทำศึกกับเธอหนักหน่อยแล้วกัน เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ในเมื่อเขานั้นเป็นคนเริ่มก่อน
"ดี! เก่งให้ตลอดแล้วกัน ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนอย่างเธอจะทนได้สักกี่น้ำกันเชียว” นายหัวคเชนทร์พูดพร้อมกับส่งสายตาที่เย็นชาและปนไปด้วยความแข็งกร้าวมาที่ม่านฟ้า ราวกับว่าเขานั้นโกรธเกลียดเธอมาแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน หญิงสาวกลับไม่สะทกสะท้าน แล้วจ้องสายตาพิฆาตของเธอออกไป สบตาคมอย่างท้าทาย ดูซิใครจะมีชัยในศึกครั้งนี้
ตอนนี้อาวุธของเธอก็มีเป็นคลังแสง กับพิษสงรอบตัว ที่เขาเคยกล่าวเอาไว้นั้น เธอจะแสดงมันออกมา แล้วอย่าคิดว่าม่านฟ้าจะยอมแพ้ให้กับโชคชะตาที่ไม่อำนวย
สามปีต่อมา ใครจะรู้ว่านายหัวคเชนทร์จะทำหน้าที่ของคุณพ่อ และสามีได้ดีมากขนาดนี้ จนม่านฟ้ารู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นเจ้าหญิง ที่มีเจ้าชายอย่างนายหัวหนุ่มคอยดูแลไม่ห่างกาย สามคนพ่อแม่ลูกจะกลับไปที่กรุงเทพฯ เดือนละครั้ง เพราะบิดาของนายหัวคเชนทร์ขอเอาไว้ ชายสูงวัยคิดถึงตะวันจนแทบทนไม่ไหว ตะวันคือชื่อลูกชายของนายหัวคเชนทร์กับม่าน เมื่อย้ายมาอยู่ที่เกาะไข่มุก นายหัวคเชนทร์ไม่ให้ม่านฟ้าจับต้องอะไร เขาต้องการให้เธอใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับตะวันลูกชายที่เขาเละเธอนั้นรักปานดวงใจ ที่สำคัญม่านฟ้ายังไม่ได้เรียนต่อ และเธอเองก็ไม่อยากจะเรียน เมื่อการเรียนรู้นอกห้องกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตมันได้มากกว่าในมหา'ลัย แม้ว่าในหัวคเชนทร์อยากให้เธอสานฝันเหมือนดังใครๆ แต่ม่านฟ้าต้องปฏิเสธออกไป เธอเต็มใจที่จะไม่เรียนเพราะทุกวันที่เป็นอยู่เธอสุขล้นเสียจนไม่รู้ว่าความทุกข์ที่ผ่านมามันหนักหนาเพียงใด ต้องแกร่งแค่ไหนถึงจะผ่านมันมาได้ แต่ผลลัพธ์ของการตั้งมั่นในการเป็นคนดีได้ส่งผลให
“นั่นมันยัยหนูม่านฟ้านี่! ใครบอกว่าเธอท้องไม่มีพ่อ ผัวหล่ออย่างกับพระเอกในซีรีส์ รถที่ขับมานั่นคงรวยไม่เบา สงสัยจะมาตามง้อเมีย” ป้านวลเอ่ยขึ้นเสียงดัง เมื่อนางรู้จักนิสัยม่านฟ้าดีและเป็นคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้างเธอ ตั้งแต่ม่านฟ้ามาเช่าห้องอยู่ข้างๆ กัน และต้องการให้แม่ค้าปากตลาดหยุดพูดจาให้ร้ายเธอเสียที“ป้านวลมาซื้ออะไรคะ..ม่านฟ้ากำลังจะกลับห้อง และคงต้องย้ายออกไปในวันนี้ เราคงจะไม่ได้พบเจอกันอีกแน่” ม่านฟ้าผู้ออกมาด้วยแววตาที่เศร้าลง เพราะเธออยู่ที่นี่เป็นเวลานานหลายเดือนเกือบครึ่งปี แน่นอนมันต้องมีความผูกพัน “แล้วหนูจะย้ายไปอยู่ที่ไหนล่ะลูก” “สวัสดีครับคุณป้า ผมเป็นสามีของม่านฟ้าพอดีว่าจะพาเธอกลับไปคลอดที่กรุงเทพฯ แล้วจึงจะพาเธอกลับมาที่นี่ แต่อยู่เกาะไข่มุกโน่นครับ” ป้านวลรับไหว้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากชายหนุ่มตรงหน้าจึงมั่นใจว่าเขาเป็นเจ้าของเกาะไข่มุก ที่ม่านฟ้านั้นจะได้สุขสบายสักที ไม่ต้องมานั่งลำบากขายกับข้าวถุง ในขณะที่เธอนั้นกำลั
คุณหมอทาเจลเหลวๆ ลงไปที่หน้าท้องก่อนจะวางเครื่องตรวจเล็กๆ มาจ่อที่หน้าท้องนูนป่องของม่านฟ้าเอาไว้ คนที่ตื่นเต้นกว่าใครเห็นจะเป็นนายหัวคเชนทร์ ที่เขาจ้องมองไปยังท้องนูนของภรรยาสาวสลับกับจอคอมพิวเตอร์ พร้อมกับรอยยิ้มแฉ่งบนใบหน้า เมื่อภาพทารกในครรภ์ปรากฏขึ้นมา น้ำตาของนายหัวคเชนทร์และม่านฟ้าได้ไหลออกมาพร้อมกัน ทารกน้อยคือสายใยแห่งความผูกพัน ที่จะผูกมัดดวงใจทั้งสองให้หวนกลับมารวมกันเอาไว้ เป็นใจดวงเดียว“คุณแม่ได้รับการตรวจครรภ์กลางไตรมาสที่สองแล้ว ซึ่งการตรวจในระยะนี้คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้สึกตื่นเต้น เพราะได้เห็นรูปร่างหน้าตาของลูกชัดเจน และที่สำคัญยินดีด้วยนะครับคุณได้ลูกชาย” คำพูดของหมอยิ่งทำให้สองสามีภรรยาน้ำตาชื้น เพราะรู้สึกปลาบปลื้มในสิ่งที่ได้ยิน นายหัวคเชนทร์รู้สึกและสัมผัสได้ถึงสิ่งมหัศจรรย์นี้ เขาสัญญากับตัวเองเอาไว้ นับจากวันนี้ต่อไปจะไม่มีอะไรมากระทบจิตใจให้เขาทำร้ายม่านฟ้าและลูกได้ลง “ตะวันค่ะคุณหมอ ลูกชายดิฉันชื่อตะวัน” ม่านฟ้าพูดออกมาปนกับเสียงสะอื้น ก่อนที่จะยกมือเรียวขึ้นมาปาดน้ำตา เพราะลูกชายเป็นดั่งดวง
ที่สำคัญที่สุดไม่รู้ว่าม่านฟ้าจะอภัยให้เขาได้หรือไม่ ในสิ่งที่เขาทำร้ายจิตใจเธอลงไป หญิงสาวนั้นคงลำบากมาก ถึงขนาดต้องทำอาหารถุงขาย ทั้งที่เธอนั้นไม่ได้ชอบมันเลยสักนิด ม่านฟ้าต้องใช้ความพยายามแค่ไหน ถึงจะทำอาหารพวกนั้นเป็น นายหัวคเชนทร์ไม่รอช้ารีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถบึ่ง ตรงไปตามที่อยู่ของดาหลาให้มาทันทีในขณะที่นายหัวคเชนทร์ได้ขับรถตรงไปหาม่านฟ้า ตามที่อยู่ของบิดาดาหลาส่งมาให้ เวลานี้หัวใจของเขามันเต้นแรงไม่หยุด เมื่อนึกถึงใบหน้าของม่านฟ้า และอีกไม่นานเธอคงจะให้กำเนิดทารกน้อย เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาว หน้าตาจะเหมือนพ่อหรือว่าแม่ แต่ที่แน่ๆ เขาดีใจสุดๆ เมื่อรถยนต์คันหรูขับมาถึงห้องเช่าข้างตลาด ที่นี่เป็นห้องแถวเล็กๆ ทางเดินแคบๆ เขาจึงต้องจอดรถไว้ที่หน้าตลาดสดแล้วเดินเข้าไป ห้องหมายเลขเท่าไหร่ดาหลาส่งให้บิดาของเธอเรียบร้อย และแน่นอนบิดาของดาหลาได้ส่งรายละเอียดทั้งหมดให้กับนายหัวหนุ่ม ตั้งแต่เมื่อวาน ตลาดนี้อยู่ไกลพอสมควร แต่นายหัวหนุ่มกลับขับรถเพียงไม่กี่ชั่วโมง “พ่อหนุ่มมาพบใครเหรอ” หญิงสูงวัยข้างห้องม่านฟ้าได้เอ่ยถามขึ
เวลาผ่านไปรวมหกเดือนแล้ว ที่นายหัวคเชนทร์ไม่ได้เจอหน้าม่านฟ้า ตั้งแต่รู้ความจริงเวลาหนึ่งเดือนที่ออกตามหาภรรยากลับไม่พบเธอแม้แต่เงา เขาทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งจ้างนักสืบ ให้ออกตามหาตามที่ต่างๆ อย่างเช่นห้างร้านหรือว่าโรงงานแต่เขาก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้ง “ไต้ฝุ่นนายคิดว่าม่านฟ้า จะหนีไปหลบอยู่ที่ไหนได้บ้าง ถ้าเธอไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนใช้” “ถ้าเธอหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ก็ยากที่จะตามหา” “ไต้ฝุ่นนายใช้สมองคิดหรือเปล่า ม่านฟ้าจะไปกับใครถึงต่างประเทศ ลำพังแค่คนในประเทศเธอยังไม่มีใครคบเลย” นายหัวหนุ่มพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อเขาตามหาภรรยาไม่เจอ “นายหัวดูมั่นใจจังเลยนะ ว่าม่านฟ้าจะยังอยู่ในประเทศ” “เธอเคยเล่าให้ฉันฟัง ม่านฟ้าบอกว่าเธอไม่เคยมีเพื่อนที่จริงใจ ส่วนมากที่ไปเที่ยวกันก็แค่เพื่อน ที่คบกันชั่วครั้งชั่วคราว คนเหล่านั้นไม่ได้จริงจังกับเธอ หากม่านฟ้าไม่มีเงินเลี้ยงไม่ใช่เพื่อนสายเปย์ ก็คงไม่มีใครคบเธอ”
นายหัวคเชนทร์ตัดสินใจออกตามหาม่านฟ้า ที่สำคัญเขาไม่รู้ว่าเวลานี้เธอกับไต้ฝุ่นจะสานสัมพันธ์กันไปถึงขั้นไหน หากเธอจะลงเอยกับคนดีๆ อย่างไต้ฝุ่นเพื่อนของเขา นายหัวหนุ่มก็ยินดีจะหลีกทาง แต่ยังไงก็ขอให้ไปเห็นกับตาว่าเธอนั้นสุขสบายดีเขาก็พร้อมจะจากมา รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดในบ้านของไต้ฝุ่นที่เวลานี้ดูเงียบ เหมือนไม่มีคนอยู่ เมื่อจอดรถได้นายหัวคเชนทร์รีบเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีบิดามารดาของไต้ฝุ่นกำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้าน “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” “อ้าว! นายหัวไปยังไงมายังไงเนี่ย..มาเชิญนั่ง” ทั้งสองแปลกใจที่นายหัวหนุ่มมาที่บ้านได้ เพราะเรื่องราวที่ไต้ฝุ่นเล่าให้ฟังนั้น พวกเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอก แค่น้อยใจที่นายหัวคเชนทร์ไม่เชื่อใจเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่วัยเด็ก “ผมมาหาไต้ฝุ่นครับ เขาไปไหน” “ไต้ฝุ่นอยู่บนบ้าน เดี๋ยวแม่จะให้เด็กไปเรียกให้” “ขอบคุณครับแม่” หญิงสูงว







