“นังนั่นมันชอบคุณภาสมาก มากจนเรียกว่าเพ้อได้เลย งานไหนที่คุณภาสไป นางจะให้ผู้จัดการเสนอตัวว่าอยากไปร่วมงาน แต่ฝ่ายนั้นไม่เล่นด้วยนะจ๊ะ”
“ไม่อยากเชื่อว่าคนหื่น ๆ แบบนั้นจะไม่สนใจนังนั่น” เบญญาเบ้ปากใส่คนที่พูดถึง คนที่เคยเสนอค่าเลี้ยงดูให้เธอเมื่อสองปีก่อน หลังจากโดนเธอด่ากลับ เขาก็เงียบหายไปเลย จะมีบ้างช่วงเทศกาลที่ส่งของขวัญอะไรมาให้ แต่เธอไม่รับและส่งคืนทั้งหมด
“เขาคงเลือกหื่นบ้างแหละ คุณนั่นเขาสนใจแกไม่ใช่เหรอ แกน่าจะใช้เขาเป็นเครื่องมือนะ ได้ยินว่าเขาถือหุ้นของสถานีเราด้วย นี่แหละสิ่งที่นังนั่นอยากได้”
ทั้งคุณนั่น ทั้งนังนั่น เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินแล้วเอาไปทำข่าว การพูดถึงคนมีชื่อเสียงนี่เสี่ยงจริง ๆ
“เบล ข้อเสนอที่เขาเคยให้ น่าจะรับไว้ดีไหม ไม่มีงานก็ไม่มีเงินรักษาพ่อนะ อีกอย่างเขาก็โสด ดูดี โกยได้ก็โกยดีกว่าไหม แถมยังทำให้นังนั่นอกแตกตายด้วยนะ” เสียงของเมย์เบาลงให้ได้ยินกันแค่สามคนเท่านั้น
“...” พิซซี่ปาดน้ำตาออกจากสองข้างแก้ม ความเจ็บช้ำของเพื่อนส่งผ่านจากแววตาเพื่อนถึงเธอและเจ้เมย์ ปัญหาหลายอย่างรุมเร้าเบญญาเหลือเกิน ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องพ่อ
ต้องทำงานเพื่อให้ได้เงิน แต่ตอนนี้ไม่มีงาน หาผัวรวยน่าจะตอบโจทย์ที่สุด ผัวรวยที่ทำให้ได้แก้แค้นรานีด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกกี่ตัวกันนะ และนัดสำคัญที่เธออยากได้ที่สุดคือเงินที่จะเอาไปต่อชีวิตพ่อ
“เบลจะทำค่ะเจ้” เบญญาตั้งปณิธานแน่วแน่ เสียตัวแล้วได้เงินก็ดีกว่าต้องไปซื้อกินแล้วกัน คำปลอบใจตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ขณะยกไวน์ขึ้นดื่มหนักหน่วงจนหาความหวานเหมือนตอนละเมียดละไมไม่เจอ
เธอต้องใช้ความกล้า ตอนนี้จึงกำลังปลุกความกล้าในตัวเธอ จนกล้าพอที่จะเรียกพนักงานให้ตามผู้จัดการร้านมา
“น้องไปตามผู้จัดการให้หน่อย บอกว่าจากน้องเบญ” น้องเบญเป็นคำที่ผู้ชายคนนั้นเรียกเธอ เขาบอกหน้าอย่างไทยแล้วไยใช้ชื่อฝรั่ง ในตอนนั้นเธออยากตะคอกกลับไปว่า...
แม่งหนักหัวพ่องมึงเหรอ
แต่นั่นแหละ ตอนนั้นเธอไม่ได้ทำ และเป็นเขาอีกนั่นแหละบอกเธอว่า ถ้าเธอเปลี่ยนใจให้บอกกับผู้จัดการร้านว่ามาขอพบเขา
“คุณเบญ เชิญทางนี้ครับ” เพียงไม่ถึงห้านาทีผู้จัดการร้านหนุ่มหล่อก็รีบพาเธอไปยังชั้นสามของบาร์แห่งนี้ เพียงประตูเปิดออก ผู้ชายอันตรายก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ด้วยสไตล์การแต่งตัว All black[1]
“ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องมา”
[1] All black เป็นการแต่งตัวด้วยสีโทนดำทั้งเสื้อ กางเกง จนไปถึงรองเท้าในบางคน
เสียงกรีดร้องของรานีทำให้สายฝน ผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกผู้จิตใจดีของประชาชี ถึงกับตกอกตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอเห็นภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดราคาเกินครึ่งแสน
“เกิดอะไรขึ้นนีนี่” ผู้จัดการสาวใหญ่ถามขึ้นอย่างร้อนรน
“อีเบลมันส่งรูปมันกับพี่ภาสมาอวดนีนี่” นางเอกสาวสวยลมออกหูและกรีดร้องอย่างไม่มีมาดนางเอก ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้ใฝ่ต่ำไปเอาคนอย่างอีเบล อีตุ๊กตาผี
‘ตกงานไม่มีที่พึ่ง ก็เลยต้องพึ่งผู้ชาย’
แน่นอนว่าในรูป ภาสเปลือยแผ่นอกและหลับใหล ส่วนนังผู้หญิงที่ซบอยู่บนอกของเขาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนังตุ๊กตาผีนั่นเอง ถึงไม่เห็นหน้า แต่ทำไมเธอจะจำหลังหูนั้นไม่ได้ มันเป็นรอยสักสีแดงรูปพระจันทร์เสี้ยวเล็ก ๆ
รอยสักนั่นเป็นรอยสักคู่ นังตุ๊กตาผีนั่นสักเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ส่วนเธอสักเป็นรูปดาว สักเมื่อตอนที่ยังรักกัน สักเพราะอยากให้มันตายใจว่าเธอรักมันแค่ไหน รักมันเหมือนพี่สาว เปล่าเลย เธอแค่ต้องการบันไดเพื่อปีนสู่ดวงดาวเท่านั้น
และตอนนี้รอยสักรูปดาวบนหลังหูเธอไม่มีอีกแล้ว ใครจะเก็บความทรงจำเน่า ๆ ไว้ เธอลบมันออกตั้งแต่ที่ได้ปีนเหยียบพวกนั้นขึ้นมายืนอยู่บนฟ้า ในจุดที่สูงสุด และมองพวกมันที่เธอเหยียบขึ้นมาอย่างสะใจ...อีพวกโง่ โง่ทั้งอีพี่บีและอีเบล
คนโง่อยู่กับคนโง่ สมควรจะโดนหลอก
ภาส โชติภิวรรธ สัตวแพทย์ที่เปิดคลินิกรักษาสัตว์เล็ก ๆ เพื่อบังหน้า แต่ฉากหลังเขากลับเปิดผับ บาร์ และไนต์คลับหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ๆ นอกจากนี้ยังถือหุ้นของสถานีโทรทัศน์เจ้าใหญ่ของประเทศ
คำว่ารวยน่าจะน้อยไปสำหรับเขา นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เขายังทำธุรกิจสื่อออนไลน์อีกหลากหลาย ไม่ต้องบอกว่าถ้าได้เขาเป็นสามี ชื่อเสียงเงินทองจะหลั่งไหลมาแค่ไหน
ไม่ใช่แค่ของนอกกายพวกนั้นที่ทำให้เธออยากได้เขา จิตใจอันอบอุ่นของเขาต่างหากที่ทำให้เธอหลงรัก ซึ่งตอนนั้นที่เธออยู่
ในวัยเพียงสิบห้าปี หมาของเธอโดนแม่ตีจนขาหัก เธอร้องห่มร้องไห้พาหมาตัวนั้นไปรักษากับเขา และค่ารักษาพยาบาลเขาก็ไม่คิด บอกว่ารักษาให้ฟรีเธอไม่น่าเล่าความลับนี้ให้นังตุ๊กตาผีแอนนาเบลนั่นฟังเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ผู้ชายที่เธออยากได้มาตลอด อยากได้แม้กระทั่งช่วยตัวเองโดยนึกถึงหน้าเขา
“ว่ายังไงคะ คุณลูกสาว มีอะไรปิดบังแม่” บี๋หันไปมองลูกสาวคนเล็ก เพราะคนในรูปที่ว่าเป็นนักศึกษาสาวคือลูกสาวคนเล็กของผมเอง“คือ...คือน้องใบ น้อง...พ่อช่วยน้องด้วย”“บี๋ ไม่มีอะไรหรอก”“ไม่มีอะไรก็บอกมา คอนโดนั่นก็ไม่ใช่คอนโดเรา ทำไมไปโผล่กันที่นั่น” เมียรักคาดคั้น ผมก็เริ่มเหงื่อตก มองหน้าลูกสาวคนเล็กอย่างชั่งใจ งานนี้ต้องสารภาพแล้ว ขืนสู้ต่อมีหวังซวยกับซวย“พี่ซื้อห้องให้น้องใบใหม่เองครับ”“ฮะ ซื้อทำไมอีก” บี๋มองหน้าผมกับลูก“ใบ...ใบอยากได้ห้องที่นั่นค่ะแม่” ลูกสาวตัวน้อยผละจากแขนผมไปเกาะแขนแม่ของตัวเองแทน เพราะเป็นลูกคนเล็ก ทุกคนเลยตามใจทุกครั้ง และครั้งนี้ผมก็อดตามใจลูกไม่ได้สักที“ทำไมถึงอยากได้ที่นั่น เรามีคอนโดไม่รู้กี่ที่แล้วนะ” ลูกสาวคนเล็กของผมเป็นคนที่อายุน้อยสุด แต่มีคอนโดเยอะที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน“ก็ทำเลดี อีกอย่างคนเช่าก็เป็นกลุ่มคนต่างชาติ ราคาไม่แรงมาก ปล่อยขายก็ได้ราคาอยู่นะคะแม่” นี่แหละ ลูกคนเล็กของผมชีวิตติดลงทุน“เฮ้อ! พอแล้วนะ ห้องสุดท้ายแล้ว” เพราะลูกสาวคนเล็กอายุยังไม่ถึงยี่สิบ ทำให้ซื้อขายอะไรก็ต้องให้ผมหรือพี่ ๆ ช่วย ส่วนบี๋ไม่อยากให้ลูกต้องเครียด อยากให้
ตอนพิเศษ 5 ครอบครัวของเราและแล้ววันเกิดบี๋ก็มาถึง ผมทั้งตื่นเต้นทั้งนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าของขวัญที่ผมเตรียมให้บี๋จะถูกใจไหม ทำไปทำมาได้ผ้าห่มออกมาหลายผืน พ่อแม่ผมแอบให้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว ส่วนแม่บี๋เองผมก็ขับรถเอาไปให้ถึงบ้าน ผ้าห่มของพวกท่านอาจไม่สวยมากเพราะตอนนี้ผมยังฝีมือไม่ดีแต่หลังจากนั้นฝีมือผมดีขึ้น รับรองว่าบี๋ของผมชอบแน่นอน และนอกจากทำให้บี๋แล้ว ผมยังทำให้ลูกของเราทั้งสองคนด้วย ถึงอีกคนจะยังอยู่ในท้อง ผมก็เย็บเบาะขึ้นมาด้วยงานวันเกิดของบี๋วันนี้มีเพียงเพื่อน ๆ กลุ่มผมกับกลุ่มของบี๋ วันนี้ศิตาเพื่อนรักนักแสดงของบี๋มากับลูก ๆ ด้วย เด็ก ๆ เดี๋ยวเล่นกัน เดี๋ยวตีกันวุ่นวายไปหมด แต่คนที่ดูมีความสุขที่สุดน่าเป็นพ่อกับแม่ เพราะนาน ๆ ทีถึงจะมีแขกมาบ้านเยอะแบบวันนี้ถือว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงวันเกิดและเป็นการรวมญาติได้เลย หลังจากงานวันเกิดเสร็จเรียบร้อย ผมก็พาเมียรักมานอน พยุงคนท้องแก่ขึ้นบนเตียง ส่วนน้องภูมิวันนี้ให้นอนห้องคุณปู่คุณย่า“บี๋ วันนี้สนุกไหมครับ”“สนุกมากค่ะ ไหนของขวัญเบล”“โห ทวงใหญ่เลย”“ไม่ทวงได้ไง กลัวไม่ได้ หรือเดี๋ยวนี้หมดโปร พี่ภาสไม่มีให้เบลแล้ว” ดูเมียรักผมคิดสิ
“ห้องนี้ไม่ค่อยใหญ่เหมือนคราวที่แล้วนะ” เจ้เมย์ว่า เพราะก่อนหน้านี้เคยมากินข้าวที่บ้านนี้ ห้องอาหารใหญ่ของที่นี่นั่งได้เกือบยี่สิบกว่าคน ซึ่งจะเปิดใช้งานเวลามีแขกมาเยอะ ๆ แต่วันนี้มีแค่พวกเราเท่านั้น“เบล แกท้องแล้วยิ่งสวยขึ้นนะ คุณภาสหวงแย่ละสิ” พิซซี่จับคางฉันหมุนไปหมุนมา“ก็หวงตลอดไหม” เจ้เมย์พูดเหมือนชินกับความขี้หวงของคุณสามีของนางร้าย ซึ่งตอนนี้ทุกคนคุ้นชินกันหมดแล้ว“เออนั่นสิ หวงตลอด เบื่อคนผัวรักผัวหลง” พิซซี่เบะปากให้ฉัน ภาพนั้นเหมือนตอนที่เพื่อนเล่นบทนางร้ายในทีวี ยิ่งทำให้ฉันขำพิซซี่เข้าไปใหญ่“แม่ ดูมันสิ ใบหน้าสวย ๆ ที่ยิ้ม ๆ ของไอ้เบล มันกำลังแอบดูถูกพิซซี่ว่าผัวไม่รัก”“อ้าว มีผัวแล้วเหรอ ก็ไหนบอกว่าโสด” ทีเจได้ทีแขวะพิซซี่ทันที พวกเรานี่ไม่ควรเลิกคบกันเพราะศีลเสมอกันเกิน“เออ เพิ่งโสดสนิท ก่อนหน้านี้ก็โสดบ้างเป็นบางวัน” พิซซี่หน้างอยิ่งกว่าเดิม“แม่!” เสียงของเด็กชายตัวอ้วนเดินคล่องบ้างล้มบ้าง กำลังเดินมาพร้อมกับพี่ภาสสามีสุดหล่อของฉันเอง“สุดหล่อ มาให้น้าพิซซี่อุ้มหน่อย” พิซซี่รีบวิ่งออกไปรับเด็กอ้วน แต่ยังไม่ทันจะรับลูกชายของฉันขึ้นมาอุ้ม ชายหนุ่มที่พวกเราเพิ่งพูดถึ
“อะไรครับบอส” เจมส์คงตกใจที่จู่ ๆ ผมก็พูดขึ้นมา “กูจะเย็บผ้าห่มให้เมียกับลูก”“เอ่อ บอสครับ ผ้าห่มที่บอสใช้อยู่ตอนนี้ผืนละสองล้านนะครับ”“แล้วไง ที่กูเย็บให้ต้องดีกว่าไอ้ผ้าห่มขนเป็ดนั่น” ขนเป็ดที่ว่าเป็นขนเป็ดที่เป็นสัตว์สงวนและผลิตผ้าห่มได้ปีละไม่กี่ผืน ต้องจองกันข้ามปีกว่าจะได้สักผืน แต่แล้วไง ผ้าห่มที่ผัวแสนดีเย็บให้น่ะ รับรองบี๋ต้องชอบกว่าผ้าห่มขนเป็ดราคาสองล้านแน่นอน“บอสจะให้หาที่สอนไหมครับ”“ติดต่อให้หน่อย เอาที่สอนทำจนเสร็จ มีอุปกรณ์พร้อม แล้วเลือกเนื้อผ้าที่ดีที่สุดเลยนะ กูจะเย็บให้เมีย” หลังจากเย็บเมียมานาน ตอนนี้จะได้เย็บผ้าห่มให้เมียแล้ว เมียต้องดีใจแน่นอนตอนพิเศษ 4 แม่เบลคนสวยฉันเปิดบ้านนี้ต้อนรับรายการของนางร้ายคนสวยอย่างพิซซี่ที่ผันตัวเองมาทำงานอิสระอย่างเต็มตัว และมีช่องของตัวเองในแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากมายในเรื่องหน้าที่การงานดูเธอจะทำได้ดีตลอด แต่ในเรื่องของความรัก เพื่อนฉันคนนี้เหมือนคนโง่ที่เพื่อนด่าเท่าไร นางไม่คิดจะแก้ไข“ใช้ได้ใช่ไหม” ฉันเอ่ยถามในตอนที่พิซซี่เช็กความเรียบร้อยของการถ่ายทำ“ใช่ ๆ ไหนดูซิ ท้องโตแค่ไหนแล้วเนี่ย ดีใจด้วย มีลูกเร็วทันใช้เลยนะ”“อืม แ
“อื้อ อย่าแกล้ง”“ไม่ได้แกล้ง เยิ้มขนาดนี้ ใครแกล้งใครกันแน่” นั่นสิ ใครแกล้งกันแน่ เธอต่างหากที่แกล้งผม รัดกันขนาดนี้ ผมจะขาดเอาได้ เสียงเนื้อกระทบเนื้อถึงจะไม่ดังมาก แต่ความเสียวรับรองว่าฟินจนผมต้องหลับตากลั้นเสียงคำรามของตัวเอง“จะแตก” บี๋พึมพำบอกผมทั้ง ๆ ที่เธอแตกไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง“พร้อมกัน” ผมกระชับเอวเธอไว้แน่น หมุนวนทั้งคลึงเคล้าและกระแทกในบางจังหวะ เพียงไม่นานเราสองคนก็เหยียบดินแดนแห่งปุยนุ่น ความสุขของเราสองล้นเอ่อหากันและกันPASS295 BAR เวลา 22.00 น. “โอ้โฮ วันนี้ท่าทางเราจะโชคดีนะพี่ไนท์ เจอเจ้าของผับด้วย” ผมหันไปมองหน้าไอ้หมอ ไม่ใช่หมอสองคน แต่เป็นไอ้เต หรือที่ใครเรียกมันว่าหมอเตชิน[1] เป็นหมอนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สี่ มันควรวุ่นวายกับการอ่านหนังสือ แต่มันดันมาโผล่อะไรที่นี่ส่วนอีกคนก็ไอ้เชฟหน้าหล่อ เชฟไนท์[2]เป็นทันตแพทย์โดยอาชีพหลัก อาชีพเสริมเป็นเชฟขนมหวาน มีลูกติดหนึ่งตัว ชื่อน้องสลิด หยอก ๆ มันเลี้ยงแมว แล้วชอบส่งรูปแมวน่ารัก ๆ ของมันมายั่วเมียผมตลอด ไอ้คนชั่วว่าแต่ไอ้คนชั่วสองตัวมาทำอะไรที่นี่“มึงมาทำไม”“โห เฮียภาสถามลูกค้าแบบนี้ได้ไงครับ” ไอ้เตรีบเข้ามาเกาะแข
“ไปรอพี่ที่ห้องแต่งตัว” นั่นไง ไม่ค่อยจะเชื่อฟังหรอก ถ้าอยากต้องได้กิน จะอดทำไม ไม่ได้ทำให้อ้วนไม่ได้ทำให้อ้วนค่ะ แต่ทำให้เมื่อย“อ๊า!” เมื่อยทั้งเสียง เมื่อยทั้งตัว หน้าท้องฉันขมวดเกร็งเพราะแรงเร่งเร้าจากปลายลิ้น กลีบสาวถูกไล้เลียด้วยปลายลิ้นสาก หยอกล้อให้ฉันหลงใหลและเผลอส่งเสียงครางออกมาไม่หยุด“อื้อ” นิ้วมือเรียวยาวแทรกผ่านร่องร้อนชื้นและลื่น เขาพึมพำว่าฉันตอดแรง ฉันไม่รู้หรอกว่าตอดแรงหรือตอดเบา รู้แต่ว่าตอนนี้อึดอัดกับส่วนนั้น ทุกจังหวะที่เขารูดเข้าออกทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้องฉันระบายออกจากความเสียดเสียวนี้ด้วยการจิกผมเขา กดหัวเขาให้ปรนเปรอฉันมากกว่านี้ ทำให้ฉันถึงจุดหมายโดยเร็ว ความทรมานจากความเสียวกำลังจะทำให้ฉันหายใจติดขัด“อา...” ฉันครางเมื่อร่างกายปลดปล่อยออกมา ฉันหลับตาลงซึมซับความเสียวซ่านที่ยังอยู่ในกาย ร่างกระตุกเกร็งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องแต่งตัว นิ้วมือร้ายกาจยังคงวนอยู่ในร่องหลืบแห่งความรัญจวน เขากดนวดจุดนั้นในกายฉัน เพียงไม่นานฉันก็ร้องครางปลดปล่อยให้เขาได้ลิ้มชิมรสอีกครั้ง“อ๊ะ อย่าดูด” เขากลืนทั้งหมดไปแล้วยังไม่หนำใจ ดูดแรง ๆ ตรงปลายแหลมของดอกไม้กลางกาย เขาอยากเคล้