นักเขียนนิยายจีนสำนวนห่วยแตกหลุดเข้าไปในนิยายที่เขียนเองเธอเปลี่ยนสำนวนการเขียนที่ห่วย การันตีความมันส์ฮาและฟินสุดๆ"ในเมื่อนักเขียนเป็นผู้กำกับเอง!" ร่วมล่องลอยพลิ้วไหวด้วยกันไปกับ'วรากร'
View Moreวรากร วิ่งออกจากห้องนอนด้วยความเร่งรีบมัวแต่เขียนนิยาย วันนี้มีการลดราคาหนังสือ เที่ยงวันยันเที่ยงคืน แต่ประเด็นคือเธอดันจำวันผิดนี่ก็เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วโมงจะหมดเวลาแล้ว คว้ากระเป่าถือวิ่งเร็วรี่ แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ก็ก้าวพลาด กลิ้งลงมาจากบันไดชั้นบนเสียงโครมคราม
“โอ๊ยเจ็บจังเลย ขาหักไหมนี่” คลำขาตัวเองปรอยๆ รู้สึกเจ็บแปลบๆ กระแทกลงมาอย่างจังขนาดนั้นก้นกบพังไปแล้วม้างงงT_T ก้มลงมองขาตัวเองใช้มือบีบเบาๆ สายตานับสิบคู่มองมาที่วรากร ตอนนี้เองที่เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่ที่บ้าน
“นางเป็นใคร ใครกัน ใครเนี๊ยะ” กวาดตามองรอบๆ
“เฮ้ย ที่ไหนเนี๊ยะ” ลองหลับตาดูลืมตายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดชาวจีนโบราณ รายล้อมรอบตัวเริ่มทะยอยเดินหายไปที่ละคนสองคน เสียงฝีเท้าม้าควบตรงเข้ามา วรากรเตรียมลุกแต่ไปไม่รอด ดันไปขว้างทางม้าแรงฉุดจากคนบนม้า ดึงร่างเล็กของวรากรลอยละลิ่วขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
“เฮ้ย” หันหน้าหันหลังร่างแนบชิดกับคนบนหลังม้าใบหน้าเฉยชาแต่หล่อลากไส้ ใครวะ@_@
“เฮ้ยนี่มันพระเอกนิยายชัดๆ O_O” ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปวาด ริมฝีปากเรียวบาง คิ้วดกหนา ตาคมเข้มมือเรียวบางเหมือนผู้หญิงที่กระตุกบังเหียนม้าให้วิ่งช่างดูมีเสน่ห์ ผมยาวสลวยถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง แพ้ผู้ชายผมยาว หน้าขาวปากสีขมพู ซิกแพ็คโผล่ออกมาจากอกเสื้อ มาถูกทางแล้วพระเอกหล่อ แต่…..
“เฮ้ยไม่ได้กำลังเขียนนิยายจีนย้อนยุค กำลังจะไปงานหนังสือแต่ทำไมมาอยู่ตรงนี้” ขยี้ตาแรงๆ คนบนหลังม้า กำลังพยายามหนีมือสังหารแต่วรากรกลับ มองสำรวจรอบๆ หันซ้ายหันขวา
“นั่งนิ่งๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะเหวี่ยงเจ้าลงไป” เสียงทุ้มนุ่มหูทว่าน้ำเสียงแกมหยิ่งนิดๆ
“ฆ่ามัน!” เสียงฝีเท้าม้านับสิบไล่ตาม วรากรหันไปมองพวกข้างหลัง นี่มันถ่ายซีรีส์จีนหรืออย่างไร
ม้าพาวรากรและ คนหล่อเข้าไปในป่าไผ่ม้าเดินวนไปมาไม่กล้าวิ่งต่อ เมื่อถูกล้อมกรอบด้วยมือสังหารนับสิบ คนบนหลังม้าทะยานขึ้นไปซ่อนตัวบังใบไผ่ไว้ วรากรร่วงตุบลงกับพื้นก็เธอ ขี้ม้าไม่เป็น ก็เจ้าม้าตัวดีดันยกขาหน้าขึ้นปล่อยวรากรไหลลงจากหลังม้าแม้จะพยายามจับหางม้าไว้ก็ตาม ยิ่งทำให้เจ้าม้าตกใจวิ่งหนีเตลิดไปไกล ฉากการต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือดเมามันส์ เสี่ยงกระบี่ในมือของแต่ละคนกระทบกันดังจนแสบแก้วหู คนหล่อของวรากรเก่งเหลือเกิน สามารถต่อกรกับมือสังหารได้นับสิบ ขบวนท่าสวยงามพลิ้วไหวเหมือนกับนักแสดงชื่อดังที่ฝึกฝนมาอย่างดี วรากรปรบมือชอบใจรู้สึกเหมือนเชียร์มวย หายไปหมดจนเหลือคนสุดท้ายกำลังประจันหน้ากัน พระเอกนิยายของวรากร สะบัดกระบี่เป้าหมายคือลำคอของฝ่ายมือสังหารแต่ฉับพลันนั้นเองร่างบางสวยของใครบางคน ถูกดึงเข้ามาเป็นเกราะกำบัง ใบหน้างดงามหวานละมุนตา เอวคอดกิ่วผมยาวพลิ้วไสวตามแรงสะบัด นางเอกนิยาย
พระเอกนิยายไม่กล้าลงมือ
“ปล่อยนาง” สุดท้ายก็เปล่งคำพูดออกมาหลังจากที่สงวนท่าทีตั้งนาน
“อย่าเข้ามาไม่อย่างนั้นนางตาย”
“ข้าไม่รู้จักนาง ไม่ใยดีว่านางจะอยู่หรือตาย” ยังคงจี้กระบี่ไปที่มือสังหารถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม วรากรใจเต้นต้องแก้ไขสถานะการตามแบบของเธอมองหาก้อนหิน
หญิงงามเชิดหน้า ไม่มีอาการหวาดกลัว อย่างนี้สินางเอกของเรา พระเอกของเราจ้องตาไม่กระพริบทะยานขึ้นไปข้างบนวรากรขว้างก้อนหินแม่นเหมือนจับวางตรงเป้ากางเกงของมือสังหารพอดี กระบี่หลุดมือลงไปนั่งคลำเป้า พระเอกใช้กระบี่แทงฉึกเข้าที่อกไม่รอด นางเอกจะเป็นเพราะเห็นเลือดหรืออะไรไม่ทราบได้เป็นลมหมดสติร่างทรุดลงไปแต่ยังไม่ทันกองกับพื้นคนหล่อรับไว้ทัน หันมา กล่าวคำขอบคุณวรากร
“ขอบคุณแม่นาง” วรากรยิ้มแหยๆ เดินกระเผลกๆ เจ็บขาเหมือนกันไหนจะตกบันไดไหนจะตกม้า รวบร่างบางของคนสวยที่หมดสติไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาไปวางบนพื้น จัดแจงปฐมพยาบาลวรากรมองคนทั้งสอง
“ข้า หลวนคุนมือปราบของวังหลวง ยินดีที่รู้จัก แม่นางแซ่อะไร”
“เอ่อ...แซ่อะไรดีวะนึกไม่ออก แซ่จางแล้วกัน”
“แม่นางเป็นบุตรีของไต้เท้าจางนี่เอง” ใต้เท้าจางไหนวะ
“ช่วยด้วยค่ะ น้องจมน้ำ ๆๆๆๆ” แต่เสียงลมทะเล ดังเสียจนกลืนเสียงของวรากรหายไปกับลมเวรล่ะ!_!เด็กฝุบโผล่อยู่ในน้ำ เด็กชายลุกขึ้นยืนคลานมาบนพื้นทราย แต่เด็กหญิงยังโดนคลื่นดูดลากออกไปเรื่อยๆ วรากรลุยน้ำลงไปจนชุดเปียก ชุดกี่เพ้าฟิตเกินจะทำอะไรได้ ได้แค่ยืนตรงๆ ก็ยากแล้ว เดินลงหมายฉุดเด็กหญิงให้ขึ้นมาแต่โดนคลื่นซัดจนล้มลงเช่นกันกลืนน้ำทะเลเค็มปี๋ กับทรายที่ซัดเข้าใสใบหน้าที่แต่งไว้ เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงครู่เดียว วรากรก็กินน้ำจนเกือบอิ่ม แทบจะขาดใจอยู่แล้ว อยู่ๆ ร่างบางก็ถูกยกพ้นผิวน้ำ โดยใครบางคนแต่วรากรหมดสติไปเสียแล้ว ร่างบึกบึนของชายหนุ่มนักแสดงสามคนที่เปิดเผยใบหน้าไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนเดิมอีกแล้วคือไท่จือ หลวนคุน และหลิ่งจือนั่นเอง หลิ่งจืออุ้มเด็กหญิงตัวน้อย ไท่จือและหลวนคุนช่วยวรากรให้ขึ้นมาบนหาดทรายมีคนมารุมล้อม เสียงผู้คนวิภาควิจารย์กันดังระงมยามฝั่งกันคนออกไปแจ้งหน่วยกู้ชีพนำวรากรส่งโรงพยาบาลบนเตียงสีขาว ภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ผนังห้อง“นักแสดงไต้หวันสามคนช่วยเด็กหญิง และแฟนคลับจมน้ำขึ้นมาอย่างปลอดภัย” วรากรนอนม
รายการจบไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นรูปก็ไม่ได้ถ่าย มีแต่วรานนท์ที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นดาราเสียเอง วรากรถูกแฟนคลับดันออกมาอยู่รอบนอก ดีนะแอบกินอะไรไปบ้างตอนกล้องหันหนี เลยค่อยยังชั่ว ไม่หิวเท่าตอนที่มาใหม่ๆ บอดี้การ์ดคุ้มกันสามหนุ่มนักแสดงให้ไปขึ้นรถทั้งสามเดินตรงมาที่วรากร เสียงกรีดยังลั่นไปทั่วบริเวณ หนึ่งในสาม ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทั้งสามมายืนชิดวรากรคนหนึ่งล็อกคอ อีกคนทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้ม อีกคนใช้ศอกเท้าไปที่ไหล่บางถ่ายเซลฟี่ แฟนคลับวีดว้าย บอดี้การ์ดกันแฟนคลับออกไป ภาพเซลฟี่ที่วรากรทำหน้าเหลอหลากับสามหนุ่มไต้หวันที่กำลังโด่งดังถูกโพสน์ลงไอจีทันที หลายคนเปิดวาร์ปหาที่มาที่ไปของวรากร“พี่ดังแล้ว กระแสดีมากเลยนี่ ผมเข้าดูมีกระแสชื่นชมว่าพี่น่ารัก บางคนก็ฟินก็ฝันไปตามเรื่อง รายการก็ปังดาราก็รุ่งแถมพี่ยังจะได้มีกระแสไปตามเขาด้วย” วรานนท์ตื่นเต้นดีใจ“พรุ่งนี้ เช้าครับเดินทางไปภูเก็ตถ่ายอีกรายการหนึ่ง อย่าลืมนะครับ คุณต้องไปผมขอเบอร์ติดต่อด้วย” ผู้ควบคุมรายการยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้วรากร วรากรบอกเบอร์ของตัวเอง ผู้ควบคุมรายการยกมือขึ้นโบกก่อนจะจาก
เช้า ที่อากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วย ฝุ่นควัน วรากรนึกถึง เกล็ดหิมะที่โปรยปราย สีขาวสะอาดตายามสูดลมหายใจเข้าไปความชื่นในอากาศทำเอา รู้สึกเย็นจับใจ“พี่ นนท์ว่าเรากินข้าวก่อนดีกว่าหิวมากเลย"“กินไรดีอะ”วรากรถาม“ไม่รู้”“ กินอาหารจีนไหม”วรานนท์มองหน้า“ฮั่นแน่ ชักจะชอบอะไรที่เป็นจีนๆ แล้วดิ”วรากรทุบกลางหลัง“เปล่าแต่พี่มีร้านแนะนำ”อีกคนยิ้ม“ไปๆๆ นำเลย”วรากรเดินนำร้านอาหารจีนขึ้นชื่อคนถึงกับต่อแถวเข้าคิวรอกิน วรานนท์ส่ายหน้าไปมา“คนเยอะจังพี่”“ของเขาดีจริง รอหน่อยอีกไม่กี่คนใจเย็น”นั่งสไลค์โทรศัพท์รอ แบบใจเย็นความจริงไม่หิวเท่าไหร่ถ้าไม่ติดน้องชายวรากรยังคงไม่กินแน่ขณะนั้นเอง นักแสดงไต้หวั่นชื่อเสียงโด่งดังทั้งสามคนต้องมาถ่ายทำรายการโปรโมตร้านอาหารจีนและแหล่งท่องเที่ยวในไทย บอดี้การ์ด วิ่งวุ่นเคลียร์พื้นที่กันวุ่นวายโต๊ะและเก้าอี้สนามถูกนำมาวางไว้ในมุมที่สวยที่สุดของร้าน กันคนที่ต่อแถว ให้ออกมายืนอีกทาง ตากล้องถ่ายเอาคนที่เข้าแถวรอกิน อาหารจีน ด้วยแถวที่ยาวเหยียดเป็นการการันตีว่าอาหารจีนร้านนี้เป็นต้นตำรับและอร่อยจริง วรานนท์มองสาวๆที่ตามมาชูป้ายไฟและกรี๊ดกันสนั่น วรากรส่ายหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่ชอบ พี่ขอดูพวกเขาในซีรีส์ก็พอ ออกมาดูข้างนอกไม่หล่อ ชอบหนุ่มผมยาวนายก็รู้”วรานนท์หัวเราะเสียงใส“สาวๆ งี้กรีดกันเป็นแถว นนท์คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเล็กไปเลย”“ก็รู้นายก็ไม่ได้ไปดูเขาหรอกนายไปเหล่สาวๆ สิท่า”“พอๆๆ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ พี่อยู่คนเดียวได้”วรากร ออกปากไล่เพราะอยากอยู่คนเดียวลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในนิยายนางเอกมักจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเขาหาว่าบ้า แต่วรากรไม่ใช่นางเอก“นนท์นายอยู่คุยกับพี่แป็บดิอย่าเพิ่งกลับ”“อ้าวเมื่อกี้ยังไล่อยู่เลยทำไมเปลี่ยนใจไวจัง”“เอ่อน่ามีเรื่องจะคุยด้วย”“ถ้าให้ไปซื้อหนังสือให้ไม่ทันแล้ว งานเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน”วรากรถอนหายใจ น้องชาย นั่งลงข้างเตียงตามเดิม“พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาใหม่นะ หนูพักผ่อนเยอะๆ นนท์นั่งแท็กซี่กลับเองนะลูก”“ค่ะแม่ คร้าบผม”ประสานเสียงกัน“พ่อกับแม่ไปแล้วมีอะไรพูดมาอย่าบอกนะว่าแอบชอบหมอ555”แววตาทะเล้น“จริงจัง หน่อย ตั้งใจฟัง”วรากรเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตั้งแต่ตกบันไดจนถึงตอนที่ฟื้นมาน้องชายตั้งใจฟัง แต่บางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจอย่างเช่นเรื่องของอิงหลิวและเรื่องที่ อยู่ๆ เรื่องราว
“ใต้เท้าจางพูดไว้ไม่ผิดข้าโดนปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ้งที่เจ้ากระทำแม้เจ้าจะหายออกไปในยามค่ำคืนสักกี่คืนที่ข้าลืมตาตื่นมาไม่พบเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยหวาดระแวงจนกระทั่งวันนี้”“ฝ่าบาท ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่าบาท มองข้าคนเดียวไม่มีสนมนางอื่น”“เจ้าคิดอย่างไรว่าข้าจะมีหญิงอื่น”“ฝ่าบาทมีสิทธิ์เลือกมากมายวันใดเบื่อหน่ายในตัวข้าย่อมหาทางมีใหม่”“ฮองเฮาเจ้าดูถูกความรักข้าเกินไปแล้ว เสียทีที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาเพื่อสื่อถึงความรักสูงสุดของข้า”“ฝ่าบาท แต่เดิมมีสนมมากมายไม่สนใจใครเป็นพิเศษ มีแต่นางแพศยานั่นเท่านั้นที่ครองใจฝ่าบาทจนข้าอิจฉานางและสุดท้ายหัวใจของนางทำให้ฝ่าบาทมีข้าคนเดียว555” ฮ่องเต้ชี้มือ สั่นระริกไปที่ฮองเฮา“เจ้ามันเลือดเย็นเป็นเจ้าเองใช่ไหมที่ฆ่านาง ข้าไม่น่ารักเจ้าไม่น่าเทิดทูนเจ้า”“ฝ่าบาทอย่าใช้คำว่ารักกับข้า ข้าขยะแขยงมันเหลือเกินแต่ก่อนนั้นฝ่าบาทเทิดทูนแต่นางข้าแค่สนมปลายแถวที่มาถึงวันนี้ได้เพราะกัดกินหัวใจนาง กลิ่นอายของนางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเช่นนั้นมีหรือฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา” แววตาเจ็บซ้ำไม่แพ้กัน“ฮองเฮา เจ้าอย่างไงก็เป็นฮองเฮาที่ข้ารัก และถึงตอนนี้ข้าก็ยังรัก
“มีเรื่องอะไรมาหลอกข้าอีกอิงหลิว”“พี่สาวอย่าโกรธอิงหลิวเลย”“ไม่นะข้าไม่เคยโกรธ เพียงแต่เสียความรู้สึกต่อความสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“อิงหลิวทำทุกอย่างเพราะความริษยาพี่สาว ความจริงไม่ต้องการทำร้าย” หนอยจะกินหัวใจนี่นะไม่ทำร้าย“แล้วริษยาข้าทำไม”“ริษยาเพราะคุณชายหลวนคุน มีพี่สาวอยู่ในใจเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลใครแม่อิงหลิวจะพยายามเพียงใดก็ตาม อีกทั้งท่านแม่ต้องการให้ไท่จือกับอิงหลิวลงเอยกันแต่ไท่จือเองกับมีพี่สาวคนเดียวในหัวใจเช่นกันทำให้อิงหลิวทำการไม่สำเร็จ หลิ่งจือก็ชอบพอท่านทุกคนหลงรักพี่สาวจนหัวปักหัวปำ” วรากรเข้าใจทุกอย่างได้ดีผู้หญิงมักจะอิจฉากัน“หลวนคุนแต่แรกมองเจ้าด้วยสายตา อ่อนหวาน”“ใช่ อิงหลิวทราบดี แต่ตั้งแต่ครั้งที่ช่วยพี่สาวจมน้ำเขาก็เปลี่ยนไปไม่เคยมองอิงหลิวด้วยสายตาแบบนั้นอีกเลย พี่สาวรู้ไหมทำไม แม้แต่รสจูบที่เขาเคยจูบพี่สาวเขายังจำมันขึ้นใจ กับอิงหลิวเย็นชาเมินเฉย หากพี่สาวไม่อยู่ที่นี่แต่แรก คุณชายหลวนคุนต้องมีใจให้อิงหลิว พี่สาวรู้ไหมคุณชายเป็นรักแรกของอิงหลิวเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับอิงหลิวมาก่อน แต่คงเป็นด้วยสวรรค์ลิขิตไว้แล้วเมื่อิงหลิวตัดสินใจออกมาพบคุณชายพี่สาวก็
Comments