“คนร้าย ลงมือโหดเหี้ยมฆ่าแล้วยังควักหัวใจ ข้าตามมันไปแต่ไม่ทัน หายไปอย่างกับล่องหนได้” หลวนคุนบอกกับทุกคน
“คนร้ายอำมหิตเกินมนุษย์ นายท่านพอจะมีเบาะแสหรือไม่” คนรับใช้ชายนายหนึ่งถามขึ้น
“ข้าเห็นมันก็ตอน ที่วิ่งเข้าห้องแม่นางชินอี้ ดีที่ไม่ได้ทำร้ายแม่นางชินอี้อีก แต่ตามอย่างไรก็ไม่ทันหายไปกับตา เพิ่มเวรยาม ให้มากขึ้นตรวจตราให้รอบ จนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ คืนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ศพของเสี่ยวเอินนำไปไว้ที่ด้านนู้นรอข้าชันสูตร” น้ำเสียงห้าวหาญบุคลิกของผู้นำ ที่น่าชื่นชม หันมาทางวรากร
“แม่นางชินอี้คงตกใจไม่น้อย”วรากรโบกมือ
“ไม่ไม่ ไม่เป็นไรข้าไปนอนดีกว่า” เดินหลบออกมา ตรงนั้นจึงเหลืออิงหลิวกับหลวนคุนสองคน อิงหลิวหลบตาคมของหลวนคุนที่จ้องมอง เดินมาทำทีพยุงวรากร หลวนคุนอมยิ้มตะโกนตามหลังทั้งสองสาว
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลความปลอดภัยให้เอง ปิดห้องของแม่นางทั้งสองให้ดีข้าจะให้เวรยามคอยตรวจตราหน้าห้องแม่นางทั้งสองอย่างเข้มงวด”วรากรถอนใจโล่งอกหรืออะไรไม่ทราบได้
เช้าสดใส วรากรมองออกไปนอกหน้าต่างรู้แล้วว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด ยังอยู่ตรงนี้ที่เดิมอยู่บนแท่นนอนที่เดิม มีน้อยเรื่องนิยายย้อนยุคที่นางเอกจะกลับไปได้แต่ว่าเราไม่ใช่นางเอกนี่หว่าเราเป็นนักเขียน
เสียงกระแอมเบาๆด้านนอก วรากรแง้มประตูออกไปดูแต่ต้องรีบปิดประตูทันทีเป็นหลวนคุนนั่นเอง
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม”ยืนอยู่หน้าห้องอิงหลิวถามไถ่นาง อิงหลิวยิ้มเอียงอาย วรากรยิ้มตาม ตามบทสงสัยจะคิดถึงจนทนไม่ไหวหรือแอบมีใจหรือมีความรู้สึกดีดีต่ออิงหลิวเข้าให้แล้ว วรากรย่องออกไปข้างนอกเงียบกริบ ถือรองเท้าทั้งสองข้างในมือกลัวหลวนคุนเห็นจะเป็นการเสียมารยาทปล่อยเขาสองคนอยู่ตามลำพัง
“แม่นางชินอี้ วันนี้จางหลิ่งจือบุตรชายของใต้เท้าจาง อยากจะพบแม่นางชินอี้เพื่อจะได้รู้จักมักจี่กันไว้” หยุดกึกอยู่ตรงนั้นในท่าทีของนักย่องเบา 0^0 เวรแล้ว!
“ไม่เป็นไร ข้ายังไม่อยากพบเขา”Q_Q
“เขาเดินทางเกือบจะถึงแล้ว คาดว่าในยามจี๋(9.00น)ก็คงจะถึงแล้ว”วรากรถอนใจหมดเรี่ยวแรง หลวนคุนอมยิ้ม
“ก็ได้”เสียงอ่อยๆ มันเลี่ยงไม่ได้นี่
“ข้ากับแม่นางอิงหลิวจะไปที่สนามยิงธนูหากแม่นางชินอี้หมดธุระแล้วตามเราไปที่นั่นก็ได้”
วรากรกลับเข้าไปในห้องเลือกชุด สีทึมๆให้เหมือนคนมาจากต่างแคว้นแต่ไม่มี จำใจต้องใส่สีฟ้าลองสวมดูวันนี้ไม่เลวเข้ารูป ต่างจากเมื่อวานลิบลับ หันซ้ายหันขวาผมหลุดหลุย ทำไมต้องรวบผมด้วยทำไมต้องเกล้าด้วย วรากรปล่อยผมให้ยาวอยู่อย่างนั้นมองตัวเองในกระจก แม้จะไม่สวยหวานแต่เมื่ออยู่ในเสื้อผ้าแบบนี้ วรากรก็ดูดีไม่น้อย อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อวานนิดหนึ่งละ เดินออกมานั่งรอ จางลิงหรือหลินจือ อ้าวหลินจือมันเห็ดนี่หว่า อะไรวะนึกชื่อไม่ออกประมาณนี้แหละ ชื่อเรียกยากจริง
“แม่นาง” วรากรหันไปในแบบสโลว์โมชั่น ผมยาวสลวยสะบัดพลิ้วไหวตามแรงหมุนตัว จางหลิ่งจือตกตะลึงจังงัง
“ข้า...ข้าน้อย ข้าจางหลิ่งจือยินดีที่ได้พบ แม่นางเรารู้จักกันหรือไม่” วรากรตาโต ก็คนตรงหน้าหล่อช้างล้มควายตาย ความหล่อไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าหลวนคุนเลย เพียงแต่หล่อแบบหวานๆ ในแบบที่สาวๆในยุคของวรากรชอบ หลวนคุนหล่อคมเข้มตาดุ
“จางชินอี้ เรียกข้าว่าชินอี้”สายตาหวานเยิ้มมองมาที่วรากร เวรทำตัวไม่ถูก นี่มันบทพระรองของนิยายนี่หว่าทำไมมาตกที่นางรองอย่าง วรากรละไม่ได้การละ
“หลวนคุน อยู่ลานธนูเชิญท่านที่ลานธนูจะดีกว่าไหม”
“ข้ายังอยากคุยกับแม่นาง ยังไม่อยากเจอท่านมือปราบ”
“ไม่ด้ายย ที่ลานธนูมีบางอย่างข้าอยากให้ท่านได้เห็น”ดันหลังหลิ่งจือให้เดินไปข้างหน้า
“ช่วยด้วยค่ะ น้องจมน้ำ ๆๆๆๆ” แต่เสียงลมทะเล ดังเสียจนกลืนเสียงของวรากรหายไปกับลมเวรล่ะ!_!เด็กฝุบโผล่อยู่ในน้ำ เด็กชายลุกขึ้นยืนคลานมาบนพื้นทราย แต่เด็กหญิงยังโดนคลื่นดูดลากออกไปเรื่อยๆ วรากรลุยน้ำลงไปจนชุดเปียก ชุดกี่เพ้าฟิตเกินจะทำอะไรได้ ได้แค่ยืนตรงๆ ก็ยากแล้ว เดินลงหมายฉุดเด็กหญิงให้ขึ้นมาแต่โดนคลื่นซัดจนล้มลงเช่นกันกลืนน้ำทะเลเค็มปี๋ กับทรายที่ซัดเข้าใสใบหน้าที่แต่งไว้ เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงครู่เดียว วรากรก็กินน้ำจนเกือบอิ่ม แทบจะขาดใจอยู่แล้ว อยู่ๆ ร่างบางก็ถูกยกพ้นผิวน้ำ โดยใครบางคนแต่วรากรหมดสติไปเสียแล้ว ร่างบึกบึนของชายหนุ่มนักแสดงสามคนที่เปิดเผยใบหน้าไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนเดิมอีกแล้วคือไท่จือ หลวนคุน และหลิ่งจือนั่นเอง หลิ่งจืออุ้มเด็กหญิงตัวน้อย ไท่จือและหลวนคุนช่วยวรากรให้ขึ้นมาบนหาดทรายมีคนมารุมล้อม เสียงผู้คนวิภาควิจารย์กันดังระงมยามฝั่งกันคนออกไปแจ้งหน่วยกู้ชีพนำวรากรส่งโรงพยาบาลบนเตียงสีขาว ภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ผนังห้อง“นักแสดงไต้หวันสามคนช่วยเด็กหญิง และแฟนคลับจมน้ำขึ้นมาอย่างปลอดภัย” วรากรนอนม
รายการจบไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นรูปก็ไม่ได้ถ่าย มีแต่วรานนท์ที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นดาราเสียเอง วรากรถูกแฟนคลับดันออกมาอยู่รอบนอก ดีนะแอบกินอะไรไปบ้างตอนกล้องหันหนี เลยค่อยยังชั่ว ไม่หิวเท่าตอนที่มาใหม่ๆ บอดี้การ์ดคุ้มกันสามหนุ่มนักแสดงให้ไปขึ้นรถทั้งสามเดินตรงมาที่วรากร เสียงกรีดยังลั่นไปทั่วบริเวณ หนึ่งในสาม ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทั้งสามมายืนชิดวรากรคนหนึ่งล็อกคอ อีกคนทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้ม อีกคนใช้ศอกเท้าไปที่ไหล่บางถ่ายเซลฟี่ แฟนคลับวีดว้าย บอดี้การ์ดกันแฟนคลับออกไป ภาพเซลฟี่ที่วรากรทำหน้าเหลอหลากับสามหนุ่มไต้หวันที่กำลังโด่งดังถูกโพสน์ลงไอจีทันที หลายคนเปิดวาร์ปหาที่มาที่ไปของวรากร“พี่ดังแล้ว กระแสดีมากเลยนี่ ผมเข้าดูมีกระแสชื่นชมว่าพี่น่ารัก บางคนก็ฟินก็ฝันไปตามเรื่อง รายการก็ปังดาราก็รุ่งแถมพี่ยังจะได้มีกระแสไปตามเขาด้วย” วรานนท์ตื่นเต้นดีใจ“พรุ่งนี้ เช้าครับเดินทางไปภูเก็ตถ่ายอีกรายการหนึ่ง อย่าลืมนะครับ คุณต้องไปผมขอเบอร์ติดต่อด้วย” ผู้ควบคุมรายการยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้วรากร วรากรบอกเบอร์ของตัวเอง ผู้ควบคุมรายการยกมือขึ้นโบกก่อนจะจาก
เช้า ที่อากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วย ฝุ่นควัน วรากรนึกถึง เกล็ดหิมะที่โปรยปราย สีขาวสะอาดตายามสูดลมหายใจเข้าไปความชื่นในอากาศทำเอา รู้สึกเย็นจับใจ“พี่ นนท์ว่าเรากินข้าวก่อนดีกว่าหิวมากเลย"“กินไรดีอะ”วรากรถาม“ไม่รู้”“ กินอาหารจีนไหม”วรานนท์มองหน้า“ฮั่นแน่ ชักจะชอบอะไรที่เป็นจีนๆ แล้วดิ”วรากรทุบกลางหลัง“เปล่าแต่พี่มีร้านแนะนำ”อีกคนยิ้ม“ไปๆๆ นำเลย”วรากรเดินนำร้านอาหารจีนขึ้นชื่อคนถึงกับต่อแถวเข้าคิวรอกิน วรานนท์ส่ายหน้าไปมา“คนเยอะจังพี่”“ของเขาดีจริง รอหน่อยอีกไม่กี่คนใจเย็น”นั่งสไลค์โทรศัพท์รอ แบบใจเย็นความจริงไม่หิวเท่าไหร่ถ้าไม่ติดน้องชายวรากรยังคงไม่กินแน่ขณะนั้นเอง นักแสดงไต้หวั่นชื่อเสียงโด่งดังทั้งสามคนต้องมาถ่ายทำรายการโปรโมตร้านอาหารจีนและแหล่งท่องเที่ยวในไทย บอดี้การ์ด วิ่งวุ่นเคลียร์พื้นที่กันวุ่นวายโต๊ะและเก้าอี้สนามถูกนำมาวางไว้ในมุมที่สวยที่สุดของร้าน กันคนที่ต่อแถว ให้ออกมายืนอีกทาง ตากล้องถ่ายเอาคนที่เข้าแถวรอกิน อาหารจีน ด้วยแถวที่ยาวเหยียดเป็นการการันตีว่าอาหารจีนร้านนี้เป็นต้นตำรับและอร่อยจริง วรานนท์มองสาวๆที่ตามมาชูป้ายไฟและกรี๊ดกันสนั่น วรากรส่ายหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่ชอบ พี่ขอดูพวกเขาในซีรีส์ก็พอ ออกมาดูข้างนอกไม่หล่อ ชอบหนุ่มผมยาวนายก็รู้”วรานนท์หัวเราะเสียงใส“สาวๆ งี้กรีดกันเป็นแถว นนท์คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเล็กไปเลย”“ก็รู้นายก็ไม่ได้ไปดูเขาหรอกนายไปเหล่สาวๆ สิท่า”“พอๆๆ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ พี่อยู่คนเดียวได้”วรากร ออกปากไล่เพราะอยากอยู่คนเดียวลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในนิยายนางเอกมักจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเขาหาว่าบ้า แต่วรากรไม่ใช่นางเอก“นนท์นายอยู่คุยกับพี่แป็บดิอย่าเพิ่งกลับ”“อ้าวเมื่อกี้ยังไล่อยู่เลยทำไมเปลี่ยนใจไวจัง”“เอ่อน่ามีเรื่องจะคุยด้วย”“ถ้าให้ไปซื้อหนังสือให้ไม่ทันแล้ว งานเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน”วรากรถอนหายใจ น้องชาย นั่งลงข้างเตียงตามเดิม“พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาใหม่นะ หนูพักผ่อนเยอะๆ นนท์นั่งแท็กซี่กลับเองนะลูก”“ค่ะแม่ คร้าบผม”ประสานเสียงกัน“พ่อกับแม่ไปแล้วมีอะไรพูดมาอย่าบอกนะว่าแอบชอบหมอ555”แววตาทะเล้น“จริงจัง หน่อย ตั้งใจฟัง”วรากรเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตั้งแต่ตกบันไดจนถึงตอนที่ฟื้นมาน้องชายตั้งใจฟัง แต่บางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจอย่างเช่นเรื่องของอิงหลิวและเรื่องที่ อยู่ๆ เรื่องราว
“ใต้เท้าจางพูดไว้ไม่ผิดข้าโดนปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ้งที่เจ้ากระทำแม้เจ้าจะหายออกไปในยามค่ำคืนสักกี่คืนที่ข้าลืมตาตื่นมาไม่พบเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยหวาดระแวงจนกระทั่งวันนี้”“ฝ่าบาท ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่าบาท มองข้าคนเดียวไม่มีสนมนางอื่น”“เจ้าคิดอย่างไรว่าข้าจะมีหญิงอื่น”“ฝ่าบาทมีสิทธิ์เลือกมากมายวันใดเบื่อหน่ายในตัวข้าย่อมหาทางมีใหม่”“ฮองเฮาเจ้าดูถูกความรักข้าเกินไปแล้ว เสียทีที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาเพื่อสื่อถึงความรักสูงสุดของข้า”“ฝ่าบาท แต่เดิมมีสนมมากมายไม่สนใจใครเป็นพิเศษ มีแต่นางแพศยานั่นเท่านั้นที่ครองใจฝ่าบาทจนข้าอิจฉานางและสุดท้ายหัวใจของนางทำให้ฝ่าบาทมีข้าคนเดียว555” ฮ่องเต้ชี้มือ สั่นระริกไปที่ฮองเฮา“เจ้ามันเลือดเย็นเป็นเจ้าเองใช่ไหมที่ฆ่านาง ข้าไม่น่ารักเจ้าไม่น่าเทิดทูนเจ้า”“ฝ่าบาทอย่าใช้คำว่ารักกับข้า ข้าขยะแขยงมันเหลือเกินแต่ก่อนนั้นฝ่าบาทเทิดทูนแต่นางข้าแค่สนมปลายแถวที่มาถึงวันนี้ได้เพราะกัดกินหัวใจนาง กลิ่นอายของนางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเช่นนั้นมีหรือฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา” แววตาเจ็บซ้ำไม่แพ้กัน“ฮองเฮา เจ้าอย่างไงก็เป็นฮองเฮาที่ข้ารัก และถึงตอนนี้ข้าก็ยังรัก
“มีเรื่องอะไรมาหลอกข้าอีกอิงหลิว”“พี่สาวอย่าโกรธอิงหลิวเลย”“ไม่นะข้าไม่เคยโกรธ เพียงแต่เสียความรู้สึกต่อความสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“อิงหลิวทำทุกอย่างเพราะความริษยาพี่สาว ความจริงไม่ต้องการทำร้าย” หนอยจะกินหัวใจนี่นะไม่ทำร้าย“แล้วริษยาข้าทำไม”“ริษยาเพราะคุณชายหลวนคุน มีพี่สาวอยู่ในใจเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลใครแม่อิงหลิวจะพยายามเพียงใดก็ตาม อีกทั้งท่านแม่ต้องการให้ไท่จือกับอิงหลิวลงเอยกันแต่ไท่จือเองกับมีพี่สาวคนเดียวในหัวใจเช่นกันทำให้อิงหลิวทำการไม่สำเร็จ หลิ่งจือก็ชอบพอท่านทุกคนหลงรักพี่สาวจนหัวปักหัวปำ” วรากรเข้าใจทุกอย่างได้ดีผู้หญิงมักจะอิจฉากัน“หลวนคุนแต่แรกมองเจ้าด้วยสายตา อ่อนหวาน”“ใช่ อิงหลิวทราบดี แต่ตั้งแต่ครั้งที่ช่วยพี่สาวจมน้ำเขาก็เปลี่ยนไปไม่เคยมองอิงหลิวด้วยสายตาแบบนั้นอีกเลย พี่สาวรู้ไหมทำไม แม้แต่รสจูบที่เขาเคยจูบพี่สาวเขายังจำมันขึ้นใจ กับอิงหลิวเย็นชาเมินเฉย หากพี่สาวไม่อยู่ที่นี่แต่แรก คุณชายหลวนคุนต้องมีใจให้อิงหลิว พี่สาวรู้ไหมคุณชายเป็นรักแรกของอิงหลิวเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับอิงหลิวมาก่อน แต่คงเป็นด้วยสวรรค์ลิขิตไว้แล้วเมื่อิงหลิวตัดสินใจออกมาพบคุณชายพี่สาวก็