“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสอง วรากรจงใจเหยียบเรือข้างหนึ่งให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำ
พยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชายเขย่าร่างที่ไม่ไหวติงด้วยแรงทั้งหมด กิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยแม่กับพ่อที่พากันวิ่งมาดูวรากร อยู่ๆน้ำตาก็ไหลเกือบจะหมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะ
ริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนมองผ้าห่มผืนหนาถูกห่มเข้ากับตัว วรากรรู้สึกเศร้าอย่างประหลาดภาพน้องชายแม่และพ่อ ยังติดตาคิดถึงทุกคนเหมือนจะไม่ได้พบกันอีก น้ำตาไหลออกจากตาทั้งๆที่หยดน้ำยังเกาะพร่างพราว สะอื้นดังๆอิงหลิวกอดปลอบ
“ไม่เป็นไรแล้วพี่สาว ปลอดภัยแล้ว” ดวงหน้าเศร้าของวรากร ผิดไปจากที่ทุกคนเคยเห็น เช่นนั้นบรรยากาศจึงดูเศร้าสร้อย
หลวนคุนคิดว่าวรากรโกรธที่ตัวเองสัมผัสริมฝีปาก อิงหลิวกลับคิดว่าวรากร เสียใจที่ตัวเองเป็นตนเหตุให้เรือล่ม
“พี่สาว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะอิงหลิวดูแลพี่สาวเอง” อิงหลิวซึ่งบัดนี้ก็เปียกปอนกลับกลายเป็นคนที่คอยปลอบวรากรที่อ่อนแอขึ้นมาได้อย่างดี
“แม่นางชินอี้ ข้าขอโทษหากไม่ทำอย่างนั้นเจ้าจะหมดลมหายใจ เดี๋ยวข้าให้คนรับใช้หาอะไรร้อนๆ ให้และเชิญท่านหมอตรวจดูสักหน่อย”
วรากรกลายเป็นคนพูดน้อย เดินเหมือนร่างไร้วิญญาณยังห้องพัก
อิงหลิวไม่พูดอะไรเป็นการรบกวน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วรากรจนเป็นที่เรียบร้อยพาขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน
“พี่สาว ท่านเจ้าบ้าน ขอโทษอะไรพี่สาว” วรากรเริ่มได้สติ
“เปล่าคือ ไม่มีอะไรข้าแค่คิดถึงพ่อแม่และน้องชายทางบ้าน ตอนจมน้ำเหมือนจะเห็นพวกเขา” เลือกที่จะเฉไฉไปอีกทางแต่ก็ไม่โกหก เขาว่าคนใกล้ตายมักจะคิดถึงคนที่รัก อดไม่ได้จะยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว
หลวนคุน เดินเข้าพร้อมกับข้าวต้ม และท่านหมอ
“ข้าวต้มร้อนๆ” ใช้ช้อนคน ไปคนมาปากก็เป่าไอร้อนลอยวน วรากรก้มหน้าไม่สบตาทั้งรู้สึกผิดและอาย
ท่านหมอนั่งลงข้างๆจับชีพจร พลิกข้อมือไปมาเหมือนกับไม่เจออะไร ลองใช้มือมาคลำที่คอ สีหน้ากังวลขมวดคิ้วจน หลวนคุนสงสัย
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“ท่านเจ้าบ้านข้าขอคุยกับท่าน เชิญด้านนอก” อิงหลิวเหลือบตามอง แต่ก็รับชามข้าวต้มมาป้อนวรากรต่อ
“เช่นไรท่านหมอแม่นางชินอี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“แปลกมาก ตั้งแต่ข้าเป็นหมอมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ นางเหมือนกับปกติทุกอย่างทว่าจับชีพจรไม่เจอนางเหมือนคนที่...ไม่มีชีวิต ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกว่าเจ็บป่วย แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ายังสบายดี” หลวนคุนขมวดคิ้ว
“ท่านหมอแน่ใจหรือตรวจดูดีแล้วหรือ”
“ข้าอาจต้องไปพลิกดูในตำราพันปีเสียใหม่ ว่าเคยมีใครป่วยไข้เช่นนี้ไหมแต่จากที่ดูนางแล้ว นางก็ไม่ได้เป็นอะไร ข้าจะจัดยาให้สักเทียบ บำรุงร่างกายนาง”
“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอ เด็กส่งท่านหมอและรับเทียบยากลับมา” คนรับใช้วิ่งเยาะๆ ไปตามคำสั่ง หลวนคุนขมวดคิ้ว ใจหายอย่างประหลาด หรือว่านางจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นเสียเอง ไม่ได้เป็นมนุษย์ หลวนคุนส่ายหัวสะลัดความคิดวุ่นวายออกไปไม่สิวันนั้นที่เขาตาม คนร้ายที่ควักหัวใจไปนางยังอยู่ในห้องไม่ได้หายไปไหน
กลับเข้าไปข้างใน วรากรยังไม่กล้าคุยกับเขานางคงโกรธเขาจริง ๆ ที่ล่วงเกินนางขนาดนั้น วรากรกลายเป็นคนพูดน้อย และหลบหน้าหลวนคุน
เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้วในคืนนี้ หลิ่งจือในชุดสีขาว เรียบสบายตา ยืนรีรออยู่ด้านหน้า บ้านหลังใหญ่ของหลวนคุนด้วยท่าทีกระสับกระส่าย
วรากร ยืนถักผมให้อิงหลิวอย่างดงามเสียบปิ่นที่แอบออกไปซื้อที่ตลาดมากันสองคน อิงหลิวใส่สีแดง
“คุฯชายหลวนคุนเป็นคนมอบให้ข้า”อิงหลิวจึงใส่มันให้เข้ากับบรรยากาศที่มีโคมไฟสีแดงประดับทั่วเมือง นางงดงามที่สุดเท่าทีวรากรเคยเห็นผู้หญิงคนใดมา
เรื่องการถูกควักหัวใจของเสี่ยวเอินค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับกาลเวลาผู้คนล้วนเตรียมตัวขอพรและเฉลิมฉลองวรากรยังไม่แต่งตัวยืนนิ่งไม่อยากไปไหน รู้สึกอยากกลับบ้านเป็นที่สุด และคิดว่าตัวเองถึงแต่งออกมาได้ก็ไม่สวย
“ช่วยด้วยค่ะ น้องจมน้ำ ๆๆๆๆ” แต่เสียงลมทะเล ดังเสียจนกลืนเสียงของวรากรหายไปกับลมเวรล่ะ!_!เด็กฝุบโผล่อยู่ในน้ำ เด็กชายลุกขึ้นยืนคลานมาบนพื้นทราย แต่เด็กหญิงยังโดนคลื่นดูดลากออกไปเรื่อยๆ วรากรลุยน้ำลงไปจนชุดเปียก ชุดกี่เพ้าฟิตเกินจะทำอะไรได้ ได้แค่ยืนตรงๆ ก็ยากแล้ว เดินลงหมายฉุดเด็กหญิงให้ขึ้นมาแต่โดนคลื่นซัดจนล้มลงเช่นกันกลืนน้ำทะเลเค็มปี๋ กับทรายที่ซัดเข้าใสใบหน้าที่แต่งไว้ เสื้อผ้าเปียกไปทั้งตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงครู่เดียว วรากรก็กินน้ำจนเกือบอิ่ม แทบจะขาดใจอยู่แล้ว อยู่ๆ ร่างบางก็ถูกยกพ้นผิวน้ำ โดยใครบางคนแต่วรากรหมดสติไปเสียแล้ว ร่างบึกบึนของชายหนุ่มนักแสดงสามคนที่เปิดเผยใบหน้าไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนเดิมอีกแล้วคือไท่จือ หลวนคุน และหลิ่งจือนั่นเอง หลิ่งจืออุ้มเด็กหญิงตัวน้อย ไท่จือและหลวนคุนช่วยวรากรให้ขึ้นมาบนหาดทรายมีคนมารุมล้อม เสียงผู้คนวิภาควิจารย์กันดังระงมยามฝั่งกันคนออกไปแจ้งหน่วยกู้ชีพนำวรากรส่งโรงพยาบาลบนเตียงสีขาว ภาพข่าวในโทรทัศน์ที่ผนังห้อง“นักแสดงไต้หวันสามคนช่วยเด็กหญิง และแฟนคลับจมน้ำขึ้นมาอย่างปลอดภัย” วรากรนอนม
รายการจบไปแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นรูปก็ไม่ได้ถ่าย มีแต่วรานนท์ที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ถ่ายรูปกับคนนู้นคนนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นดาราเสียเอง วรากรถูกแฟนคลับดันออกมาอยู่รอบนอก ดีนะแอบกินอะไรไปบ้างตอนกล้องหันหนี เลยค่อยยังชั่ว ไม่หิวเท่าตอนที่มาใหม่ๆ บอดี้การ์ดคุ้มกันสามหนุ่มนักแสดงให้ไปขึ้นรถทั้งสามเดินตรงมาที่วรากร เสียงกรีดยังลั่นไปทั่วบริเวณ หนึ่งในสาม ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทั้งสามมายืนชิดวรากรคนหนึ่งล็อกคอ อีกคนทำท่าเหมือนจะจุ๊บแก้ม อีกคนใช้ศอกเท้าไปที่ไหล่บางถ่ายเซลฟี่ แฟนคลับวีดว้าย บอดี้การ์ดกันแฟนคลับออกไป ภาพเซลฟี่ที่วรากรทำหน้าเหลอหลากับสามหนุ่มไต้หวันที่กำลังโด่งดังถูกโพสน์ลงไอจีทันที หลายคนเปิดวาร์ปหาที่มาที่ไปของวรากร“พี่ดังแล้ว กระแสดีมากเลยนี่ ผมเข้าดูมีกระแสชื่นชมว่าพี่น่ารัก บางคนก็ฟินก็ฝันไปตามเรื่อง รายการก็ปังดาราก็รุ่งแถมพี่ยังจะได้มีกระแสไปตามเขาด้วย” วรานนท์ตื่นเต้นดีใจ“พรุ่งนี้ เช้าครับเดินทางไปภูเก็ตถ่ายอีกรายการหนึ่ง อย่าลืมนะครับ คุณต้องไปผมขอเบอร์ติดต่อด้วย” ผู้ควบคุมรายการยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้วรากร วรากรบอกเบอร์ของตัวเอง ผู้ควบคุมรายการยกมือขึ้นโบกก่อนจะจาก
เช้า ที่อากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วย ฝุ่นควัน วรากรนึกถึง เกล็ดหิมะที่โปรยปราย สีขาวสะอาดตายามสูดลมหายใจเข้าไปความชื่นในอากาศทำเอา รู้สึกเย็นจับใจ“พี่ นนท์ว่าเรากินข้าวก่อนดีกว่าหิวมากเลย"“กินไรดีอะ”วรากรถาม“ไม่รู้”“ กินอาหารจีนไหม”วรานนท์มองหน้า“ฮั่นแน่ ชักจะชอบอะไรที่เป็นจีนๆ แล้วดิ”วรากรทุบกลางหลัง“เปล่าแต่พี่มีร้านแนะนำ”อีกคนยิ้ม“ไปๆๆ นำเลย”วรากรเดินนำร้านอาหารจีนขึ้นชื่อคนถึงกับต่อแถวเข้าคิวรอกิน วรานนท์ส่ายหน้าไปมา“คนเยอะจังพี่”“ของเขาดีจริง รอหน่อยอีกไม่กี่คนใจเย็น”นั่งสไลค์โทรศัพท์รอ แบบใจเย็นความจริงไม่หิวเท่าไหร่ถ้าไม่ติดน้องชายวรากรยังคงไม่กินแน่ขณะนั้นเอง นักแสดงไต้หวั่นชื่อเสียงโด่งดังทั้งสามคนต้องมาถ่ายทำรายการโปรโมตร้านอาหารจีนและแหล่งท่องเที่ยวในไทย บอดี้การ์ด วิ่งวุ่นเคลียร์พื้นที่กันวุ่นวายโต๊ะและเก้าอี้สนามถูกนำมาวางไว้ในมุมที่สวยที่สุดของร้าน กันคนที่ต่อแถว ให้ออกมายืนอีกทาง ตากล้องถ่ายเอาคนที่เข้าแถวรอกิน อาหารจีน ด้วยแถวที่ยาวเหยียดเป็นการการันตีว่าอาหารจีนร้านนี้เป็นต้นตำรับและอร่อยจริง วรานนท์มองสาวๆที่ตามมาชูป้ายไฟและกรี๊ดกันสนั่น วรากรส่ายหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่ชอบ พี่ขอดูพวกเขาในซีรีส์ก็พอ ออกมาดูข้างนอกไม่หล่อ ชอบหนุ่มผมยาวนายก็รู้”วรานนท์หัวเราะเสียงใส“สาวๆ งี้กรีดกันเป็นแถว นนท์คาดว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะเล็กไปเลย”“ก็รู้นายก็ไม่ได้ไปดูเขาหรอกนายไปเหล่สาวๆ สิท่า”“พอๆๆ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ พี่อยู่คนเดียวได้”วรากร ออกปากไล่เพราะอยากอยู่คนเดียวลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ในนิยายนางเอกมักจะไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวเขาหาว่าบ้า แต่วรากรไม่ใช่นางเอก“นนท์นายอยู่คุยกับพี่แป็บดิอย่าเพิ่งกลับ”“อ้าวเมื่อกี้ยังไล่อยู่เลยทำไมเปลี่ยนใจไวจัง”“เอ่อน่ามีเรื่องจะคุยด้วย”“ถ้าให้ไปซื้อหนังสือให้ไม่ทันแล้ว งานเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน”วรากรถอนหายใจ น้องชาย นั่งลงข้างเตียงตามเดิม“พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาใหม่นะ หนูพักผ่อนเยอะๆ นนท์นั่งแท็กซี่กลับเองนะลูก”“ค่ะแม่ คร้าบผม”ประสานเสียงกัน“พ่อกับแม่ไปแล้วมีอะไรพูดมาอย่าบอกนะว่าแอบชอบหมอ555”แววตาทะเล้น“จริงจัง หน่อย ตั้งใจฟัง”วรากรเล่าเรื่องราวที่ ผ่านมาตั้งแต่ตกบันไดจนถึงตอนที่ฟื้นมาน้องชายตั้งใจฟัง แต่บางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่เข้าใจอย่างเช่นเรื่องของอิงหลิวและเรื่องที่ อยู่ๆ เรื่องราว
“ใต้เท้าจางพูดไว้ไม่ผิดข้าโดนปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ้งที่เจ้ากระทำแม้เจ้าจะหายออกไปในยามค่ำคืนสักกี่คืนที่ข้าลืมตาตื่นมาไม่พบเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยหวาดระแวงจนกระทั่งวันนี้”“ฝ่าบาท ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่าบาท มองข้าคนเดียวไม่มีสนมนางอื่น”“เจ้าคิดอย่างไรว่าข้าจะมีหญิงอื่น”“ฝ่าบาทมีสิทธิ์เลือกมากมายวันใดเบื่อหน่ายในตัวข้าย่อมหาทางมีใหม่”“ฮองเฮาเจ้าดูถูกความรักข้าเกินไปแล้ว เสียทีที่ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาเพื่อสื่อถึงความรักสูงสุดของข้า”“ฝ่าบาท แต่เดิมมีสนมมากมายไม่สนใจใครเป็นพิเศษ มีแต่นางแพศยานั่นเท่านั้นที่ครองใจฝ่าบาทจนข้าอิจฉานางและสุดท้ายหัวใจของนางทำให้ฝ่าบาทมีข้าคนเดียว555” ฮ่องเต้ชี้มือ สั่นระริกไปที่ฮองเฮา“เจ้ามันเลือดเย็นเป็นเจ้าเองใช่ไหมที่ฆ่านาง ข้าไม่น่ารักเจ้าไม่น่าเทิดทูนเจ้า”“ฝ่าบาทอย่าใช้คำว่ารักกับข้า ข้าขยะแขยงมันเหลือเกินแต่ก่อนนั้นฝ่าบาทเทิดทูนแต่นางข้าแค่สนมปลายแถวที่มาถึงวันนี้ได้เพราะกัดกินหัวใจนาง กลิ่นอายของนางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเช่นนั้นมีหรือฝ่าบาทจะแต่งตั้งข้าเป็นฮองเฮา” แววตาเจ็บซ้ำไม่แพ้กัน“ฮองเฮา เจ้าอย่างไงก็เป็นฮองเฮาที่ข้ารัก และถึงตอนนี้ข้าก็ยังรัก
“มีเรื่องอะไรมาหลอกข้าอีกอิงหลิว”“พี่สาวอย่าโกรธอิงหลิวเลย”“ไม่นะข้าไม่เคยโกรธ เพียงแต่เสียความรู้สึกต่อความสัมพันธ์พี่น้องของเรา”“อิงหลิวทำทุกอย่างเพราะความริษยาพี่สาว ความจริงไม่ต้องการทำร้าย” หนอยจะกินหัวใจนี่นะไม่ทำร้าย“แล้วริษยาข้าทำไม”“ริษยาเพราะคุณชายหลวนคุน มีพี่สาวอยู่ในใจเพียงผู้เดียวไม่เหลียวแลใครแม่อิงหลิวจะพยายามเพียงใดก็ตาม อีกทั้งท่านแม่ต้องการให้ไท่จือกับอิงหลิวลงเอยกันแต่ไท่จือเองกับมีพี่สาวคนเดียวในหัวใจเช่นกันทำให้อิงหลิวทำการไม่สำเร็จ หลิ่งจือก็ชอบพอท่านทุกคนหลงรักพี่สาวจนหัวปักหัวปำ” วรากรเข้าใจทุกอย่างได้ดีผู้หญิงมักจะอิจฉากัน“หลวนคุนแต่แรกมองเจ้าด้วยสายตา อ่อนหวาน”“ใช่ อิงหลิวทราบดี แต่ตั้งแต่ครั้งที่ช่วยพี่สาวจมน้ำเขาก็เปลี่ยนไปไม่เคยมองอิงหลิวด้วยสายตาแบบนั้นอีกเลย พี่สาวรู้ไหมทำไม แม้แต่รสจูบที่เขาเคยจูบพี่สาวเขายังจำมันขึ้นใจ กับอิงหลิวเย็นชาเมินเฉย หากพี่สาวไม่อยู่ที่นี่แต่แรก คุณชายหลวนคุนต้องมีใจให้อิงหลิว พี่สาวรู้ไหมคุณชายเป็นรักแรกของอิงหลิวเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับอิงหลิวมาก่อน แต่คงเป็นด้วยสวรรค์ลิขิตไว้แล้วเมื่อิงหลิวตัดสินใจออกมาพบคุณชายพี่สาวก็