Share

ตอนที่2

last update Last Updated: 2025-09-02 11:05:17

ตอนที่2

...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่...

ทางฝ่ายเจ้าสาวก็หนีหายไปแล้ว ทางฝ่ายเจ้าบ่าวกลับดูไม่ทุกข์ร้อนเท่าใดนัก เห็นแล้วสหายรักเช่นตู้ชิงหลวน คุณชายตู้บุรุษหนุ่มเนื้อหอมผู้หนึ่งแห่งแคว้นฉู่ซึ่งมีวัยยี่สิบหกหนาวเลยอดใจไม่ไหวเลยต้องถามกันให้รู้ความกระจ่างไปสักหน่อยเมื่อพบว่าผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวนั้นยังไม่ว้าวุ่นใจเอาแต่ตรวจสอบบัญชีราวกับไม่ทุกข์ร้อนเช่นนี้

“ท่านจะไม่เดือดร้อนสักหน่อยหรือ อีกเพียงสามวันวิวาห์จะมาถึงแล้ว ทว่าเจ้าสาวกลับหายไปเช่นนี้น่ะ?” 

คนกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวซึ่งถูกเจ้าสาวทอดทิ้งไปเพียงชะงักมือที่กำลังดีดลูกคิด เพียงอึดใจเดียวเขาก็กลับไปดีดมันอย่างคล่องมือพลางตวัดพู่กันลงไปในสมุดบันทึกใหม่ได้โดยไม่ติดขัดสักนิด เห็นได้ชัดเจนว่านายท่านสวีผู้นี้นั้นมิได้นำพาจริงหาใช่เสแสร้ง

“คนพี่หนีไปคนน้องก็ยังอยู่ เช่นไรท่านนายอำเภอจางคงไม่ฉีกหน้าตนเองหรอก เชื่อข้าเถิดคุณชายตู้” 

...ช่างเป็นบุรุษที่อำมหิตเกินไปแล้วสหายข้า... 

“ท่านจะอำมหิตเกินไปหรือไม่หนานเฉิงกั๋วกงสวี” 

เพราะเป็นสหายรักกันมาเกินสิบหนาว ต้นเหตุที่หนานเฉิงกั๋วกงต้องเร่งคว้าสตรีสักนางมาตบแต่งเป็นหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหริน มีหรือตู้ชิงหลวนเขาจะมิทราบไปด้วยกับบุรุษตรงหน้าที่นั่งหน้าเคร่งอยู่กับบัญชีมากมายนั้นมันเพราะเหตุใดกันอย่างไรเล่า ตรงกันข้ามนั้นเขาพอรู้มาไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งนิสัยเย็นชาและอำมหิตของสหายตรงหน้าเขายิ่งรู้ดีเกินผู้ใด 

“ข้าอำมหิตที่ใดกัน ในเช้าวันนั้นข้าส่งแม่สื่อไปถึงสามจวนแต่เป็นสกุลจางที่รับไมตรีจากแม่สื่อเข่อมาก่อนจวนใดในแคว้นฉู่แห่งนี้ทั้งสิ้น ข้าเอากระบี่ไปจี้ลำคอของท่านนายอำเภอจางเช่นนั้นหรือ ก็เปล่า ทั้งหมดเช่นนี้ข้าอำมหิตที่ใด เป็นคุณหนูสี่ของสกุลจางต่างหากที่นางอำมหิตต่อข้า อีกเพียงไม่ถึงสิบวันกลับหนีตามพ่อบ้านเฒ่าไปเช่นนี้ ข้านั้นช่างน่าสงสารหรือเจ้าว่าไม่จริง?” 

'สวีฉีเฟิ่ง'กั๋วกงหนุ่มเอ่ยเนิบนาบแต่ก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะในเช้าต่อมาหลังจากงานชมบงกชที่ก็ทราบกันดีว่าจวนหนานเฉิงกั๋วกงนั้นต้องการหาว่าที่เจ้าสาวจึงเชิญสกุลที่มีบุตรีมาร่วมงาน แล้วในวันนั้นหนานเฉิงกั๋วกงเขาก็แลเห็นคุณหนูสกุลดีที่ดูจะพอนำมาตบแต่งแก้ทางฝ่ายเหลิ่งกุ้ยเฟยที่คิดจะดึงเขาไปเป็นฝ่ายตนเองด้วยการยัดเยียดองค์หญิง 'จ้าวหรูหลัน' บุตรของนางกับฮ่องเต้ลำดับที่เจ็ดมาตบแต่งกับเขาดองกันอีกชั้นให้แนบแน่นขึ้นไปกว่าเดิม 

เขาที่นอกจากเป็นหลานชายของไทเฮา 'สวีหลิงอี' ก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยววุ่นวายอันใดกับราชวงศ์อีกจึงต้องเร่งรีบหาภรรยาเอกให้นางคอยมาปกป้องเขาเอาไว้ก่อน แล้วเป็นสกุลจางที่ไม่รู้สี่รู้แปดยื่นลำคอมาให้เขาเชือดเอง พอใกล้วันวิวาห์จะมาผิดสัญญาเห็นทีว่า ‘พ่อค้า’ ใหญ่เช่นเขาคงยากจะยอมขาดทุนไปโดยง่าย

ถึงเขาจะรู้ดีว่าฝ่ายเหลิ่งกุ้ยเฟยแล้ว คราวนี้คงไม่ยอมรามือจากเขาไปโดยง่ายเป็นแน่เลยยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการสมรสของเขาในคราวนี้ คุณหนูสี่นางจึงมาหลบหนีไปได้ในเวลาเหลืออีกเพียงเก้าวันงานวิวาห์ก็จะบังเกิด ทว่าเมื่อช่วงสายเขาได้ส่งท่านพ่อบ้านซูไป ‘จัดการ’ เจรจากันให้กระจ่างแจ้งไปแล้วกับจวนสกุลจางว่าเช่นไรวันวิวาห์เขาจะต้องมีเจ้าสาวให้ไปรับ ไม่ว่าสินสอดจะแพงเท่าใดทางจวนหนานเฉิงกั๋วกงล้วนยินดีจ่าย

...โดยเฉพาะหากเจ้าสาวผู้นั้นยิ่งโง่เขายิ่งพึงใจ...

คาดว่าเช่นไรท่านนายอำเภอจางคงไม่อยากมีปัญหากับเขาเป็นแน่อย่างไรเขาก็เป็นถึงหนานเฉิงกั๋วกง ไม่นับรวมที่เขาเป็นหลายชายคนโปรดของไทเฮาสวี กับอำนาจในมือที่มีไม่น้อย นายอำเภอขนาดเล็กย่อมไม่คิดเป็นปฏิปักษ์กับเขาอยู่แล้ว ที่สำคัญเขาทราบมาว่าจวนท่านนายอำเภอจางนั้นยังมีธิดาอีกหนึ่งคนที่รูปโฉมมิได้ด้อยไปกว่าฝาแฝดคนพี่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจะเป็นคนพี่หรือคนน้องให้นางเป็นบุตรีจากภรรยาเอกเขาล้วนพึงใจรับเอาไว้ได้หมด ขอเพียงตบแต่งนางมาแล้วเขาไม่ต้องรับองค์หญิงเจ็ดจ้าวหรูหลินเข้าจวน และสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายเขาล้วนพอใจทั้งสิ้น ต่อให้ฝาแฝดคนน้องขี้ริ้วขี้เหร่เช่นไรเขาฉีเฟิ่งนั้นก็ไม่เกี่ยงงอนอันใดทั้งสิ้นขอเพียงนางโง่เขลาไม่เรื่องมากวุ่นวายเป็นพอ! 

ส่วนทางฝ่ายคนถูกหมายหัว ที่จะให้เป็นเจ้าสาวแทนนั้น กลับกำลังปวดศีรษะอย่างรุนแรงที่ในเรือนของตนมีเงินรวมกันไม่ถึงยี่สิบตำลึงสอบถามจนได้ความว่า...

“ก็มิใช่คุณหนูกล่าวว่าตัวท่านไม่จำเป็นต้องใช้เบี้ยหวัดก็อยู่ได้จนแก่เฒ่าจึงไม่รับหรอกหรือเจ้าคะ?” 

...โอ๊ย!... 

ฟังแล้วคนที่ไม่ยอมขายชีพ...หากเงินไม่มากพอแทบกรีดร้องแล้วดึงทึ้งหนังศีรษะตนเองให้สาแก่ใจอย่างยิ่ง เพราะหลับตาแล้วเหตุการณ์ที่จางเยว่เซียงสงบเสงี่ยมบอกบิดาของนางในอดีตเมื่อครั้งที่เพิ่งเสียมารดาไปแล้วบิดาจัดการแบ่งส่วนเบี้ยหวัดให้บุตรสาวทั้งสองคนมิคาดเจ้าของร่างเดิมนี้นางกลับยกในส่วนของตนเองให้พี่สาว 

“คนดีกับคนโง่เนี่ยมันมีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นขวางนิดเดียวเท่านั้น...นิดเดียวจริง ๆ” 

กรีดน้ำตาด้วยกิริยา ‘นางร้ายเงินล้าน’ จนปลายนิ้วก้อยเด้งไปพลางเรียวปากงามนั้นก็พึมพำบ่นให้เจ้าของร่างคนเก่าไปพลาง คิดว่าร่างกายนี้อิ่มทิพย์หรือไรเงินเดือนเลยไม่รับ 

...สิ้นคิดเป็นที่สุด!... 

แล้วช่วงสายของวันนั้นเมื่อท่านหมอฟางตรวจอาการของนางเรียบร้อยจางเยว่เซียงผู้มาไกลจากต่างภพจึงค่อย ๆ สอบถามฟื้นฟูความทรงจำให้กับตนเองทีละเรื่องโดยอาศัยประโยคที่ว่านางปวดศีรษะจึงจำอันใดสลับกันไปหมด ซึ่งท่านหมอฟางก็วิเคราะห์อาการของโรคนี้ว่ามันคือผลกระทบของการถูกฟาดศีรษะนั่นเอง 

“ขออนุญาตเจ้าค่ะคุณหนูห้า นายท่านเชิญท่านไปพบที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” 

...ดูทรงเหมือนงานจะเข้า... 

นางร้ายเงินล้านคิดในใจแต่กิริยาข้างนอกคือวางใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยรับคำออกไปว่าอีกครู่หนึ่งนางจะเร่งตามไปแล้วจึงหันมาสำรวจร่างกายกับอาภรณ์ว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงให้ฟางปี้เหลียนเดินนำทางไป ซึ่งคราวนี้สาวใช้ไม่คิดมากหรือสงสัยอันใดอีกเพราะทราบแล้วว่าคุณหนูของตนเองนั้น นางบาดเจ็บไปถึงภายในสมองด้วย จึงอาจดูแปลกประหลาดขัดนัยน์ตาไปบ้างต้องทำใจ

…ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…

“ท่านพ่อ” 

พอเคาะประตูแล้วเสียงจากภายในอนุญาต จางเยว่เซียงจึงผลักประตูเข้าไปภายในห้องหนังสือที่บิดานั้นมักใช้เป็นห้องทำงานไปในตัวยามเมื่อกลับมาอยู่ที่จวน นางมองสำรวจโดยรอบจากความเคยชินของตะวันฉาย

“มานั่งก่อนอาเซียง” 

บิดาชี้ไปที่เก้าอี้ หญิงสาวไม่ได้ดื้อดึง กิริยาสงบเสงี่ยมเรียบร้อยนี้มิได้แสดงยากเย็น จางเยว่เซียงขยับเก้าอี้มานั่งตัวตรงเช่นในยามคุณแม่ผู้อำนวยการเรียกไปคุยธุระสำคัญก็มิปาน 

“พ่อจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะอาเซียง เมื่อช่วงสายท่านพ่อบ้านใหญ่ในจวนรองของหนานเฉิงกั๋วกงสวีเขาได้มาฟังข่าวจากทางฝ่ายเราว่าจะเอาเช่นไรกันดีในเมื่อพี่สาวของเจ้าก็ดันหนีไปเช่นนั้นแล้ว” 

...คิดเอาไว้แล้วทีเดียวว่ากรรมหนักจะมาตกใส่ศีรษะของข้า... 

จางเยว่เซียงพลันบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ว่าการนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา เนื่องจากเมื่อเช้ากิริยาของท่านย่ามหาภัยมันแปลกไป คนเช่นเหล่าฮูหยินจางไม่เคยสงบปากสงบคำ แล้วหลานรักหายไปตั้งหลายวันไม่บ้าคลั่งตามหานางมองว่ามันผิดปกติ 

“ท่านพ่อหากลูกเสียมารยาทถามสักสองสามประโยคจะได้หรือไม่” 

นางเอ่ยอย่างระวังกิริยามากมาย เพราะสถานที่แห่งนี้ โลกใบนี้สตรีมิใช่จะมีสิทธิ์มีเสียงมากนัก จะทำจะพูดสิ่งใดนางจึงต้องคิดให้ดีจึงค่อยพูดค่อยถาม 

“ลองถามมาเถิด พ่อตอบได้จะไม่เก็บเอาไว้” บุตรสาวคนที่ห้าของตนวันนี้ช่างขวัญกล้ายิ่งนัก ปกติแล้วเขานั้นไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนว่า ‘อาเซียง’ จะกล้าถามผู้ใด มีเพียงใครสั่งนางก็ก้มหน้ายอมรับจนหลายครั้งเขาทุกข์ใจไม่น้อย

“เช่นนั้นที่พี่สี่หายไป ท่านย่าอยู่เบื้องหลังนี้เป็นความจริงหรือไม่?” 

“!!!” 

ท่านนายอำเภอจางมิคาดว่าบุตรสาวผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมาถึงสิบเจ็ดปีกลับถามออกมาได้ตรงเผงมิอ้อมค้อมเช่นนี้จึงตกใจจนพูดไม่ออกไปเป็นครึ่งเค่อจึงค่อยหาลิ้นกับเสียงตนเองเจอ 

“อันใดทำให้เจ้าคิดเช่นนั้นหรืออาเซียง” 

ลองหยั่งเชิงดูว่าที่นางถามออกมานั้นรู้แจ้งหรือเพียงกล่าวมาโดยบังเอิญเท่านั้น แล้วสองพ่อลูกจึงมองจ้องตากันอย่างวัดใจอีกครู่จางเยว่เซียงจึงตัดสินใจว่าจะยอมพูดออกไป เพราะนางคิดดีแล้วว่าย่อมมีประโยชน์มากกว่านางจะเสแสร้งทำเป็นเบาปัญญา 

“เพราะท่านย่ารักพี่สี่มาก เช่นนี้ก็เพียงพอให้อาเซียงคาดเดาได้แล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ” 

ท่านนายอำเภอจางฟังคำตอบแล้วจึงหัวเราะสาแก่ใจออกมาครู่หนึ่ง เพราะมิคาดการถูกดุ้นฟืนฟาดศีรษะไปหนึ่งครั้งจนสลบ

...รู้เช่นนี้เขาฟาดศีรษะนางไปนานแล้ว... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายวันเวลานั้นช่างมิเคยหยุดรอผู้ใด บัดนี้ชีวิตใหม่ของอดีตนางร้ายข้ามภพเช่นจางเยว่เซียงหรือก็คือหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินเผลอไปเล็กน้อย บัดนี้ก็ผ่านมาถึงเจ็ดหนาวเข้าไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นเช่นปุถุชนทั่วไปนั่นก็คือมีทั้งสุข และทุกข์ยากผสานกันไป บุตรชายฝาแฝดทั้งสองคนของนางคลอดออกมาอย่างปลอดภัยหลังจากพิธีแต่งงานของซั่วเจา และฟางปี้เหลียนผ่านไปได้ราวสองเดือน สวีฉีเฟิ่งคือคนที่ดีใจจนน้ำตาไหลในยามที่เขาได้โอบอุ้มเด็กแฝดสองคน และตลาดเจ็ดหนาวที่ผ่านมา 'สวีเฉิงซี' และ 'สวีเฉียวฟ่าน' ก็แข็งแรง และฉลาดเฉลียวสมวัย มิมีสิ่งใดผิดปกติเช่นที่นางกังวลมาตลอดหลังจากตนเองถูกวางยาในคราวนั้น ส่วนฟางปี้เหลียน และซั่วเจาอีกสองหนาวหลังจากแต่งงานกัน พวกเขาก็ให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน และอีกห้าหนาวต่อมาก็เป็นบุตรชายอีกหนึ่งคน ครอบครัวแซ่ซั่วจึงอบอุ่นมีความสุขกันตามประสา ส่วนนางเมื่อหนึ่งหนาวก่อนก็เพิ่งให้กำเนิดบุตรสาวมาเป็นแก้วตาให้กับบุรุษแซ่สวีทั้งสาม และตัวของนางเอง ชีวิตของหนานเฉิงกั๋วกงสวีนั้นเจ็ดหนาวผ่านมาก็ยังคงต้องเดินทางหนึ่งหนาวแทบมิได้หยุดหย่อน ซึ่งในบางครั้งนางก็ติดตามเขาไปบ้าง แต่บางครั้งก็รั้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนพิเศษ2

    ตอนพิเศษ2ราวครึ่งชั่วยามฟางปี้เหลียนก็ก้าวเท้าออกจากห้องอาบน้ำด้านหลังมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนที่พันพันห่อรอบศีรษะ เพราะนางทนไม่ไหวจำต้องสระผมด้วย ชายของเสื้อคลุมตัวที่นางสวมนั้นสั้นเพียงโคนขาเรียวเปิดเผยให้เห็นช่วงขาอ่อนวับแวม ส่วนหัวไหล่นวลเนียนลาดลงมารับกับเนินอกอันอวบอิ่มนั้นถูกเนื้อผ้าของเสื้อคลุมปกปิดมิดชิดเช่นปกติ ฝ่ายเจ้าบ่าวที่นอนรอท่าอยู่แล้ว เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนเดินออกมาจากห้องอาบน้ำเกือบจะถึงฉากที่กางกั้นเอาไว้สำหรับแต่งกาย เขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นตรงไปประคองร่างงาม พลางโอบกอด และซบจมูกลงตรงช่วงลำคอขาวเนียนแล้วไถลเลยไปถึงลาดไหล่ "อะ!...ดะ...เดี๋ยวสิเจ้าคะ ขออาเหลียนสวมอาภรณ์ และเช็ดผมให้แห้งเสียก่อน" ถึงนางจะอาบน้ำถ่วงเวลาทำใจมาเป็นครึ่งชั่วยามแล้วโดยแท้ ทว่าเพียงเขาจู่โจมนางกลับสะท้านเยือกกับเคราเขียวที่เพิ่งโกนของเจ้าบ่าวซึ่งเสียดสีกับเนื้ออ่อนนุ่มบริเวณลำคอ"มิต้องสวมแล้ว สวมไปก็ถูกข้าถอดออกอยู่ดี" คนอดทนรอให้ถึงราตรีนี้มาหลายเดือนกล่าวทึ่มทื่อมิอ้อมค้อมสักน้อยจนฟางปี้เหลียนนั้นเขินอายใบหน้าร้อนผ่าวจึงอดจะบ่นพึมพำเสียมิได้ "ท่านพี่น่ะ!" ทว่านางพึมพำออกมาได้เพียงเท่านั

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนพิเศษ1

    ตอนพิเศษ1เข้าเดือนสี่หิมะเริ่มสลาย กลีบดอกเหมยก็ร่วงโรยใกล้หมดต้น บ่งบอกว่าบัดนี้เข้าสู่ปลายฤดูหนาว และคงกำลังจะเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแผ่นดินต้าเหลียงแล้ว วันที่จวนสวีกลับคึกคักอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยหมู่บัดนี้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยสีแดงระยิบระยับสดใสแสบตา เพราะวันนี้กำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้นนั่นเอง ซึ่งงานวิวาห์ในวันนี้นั้นจะเป็นของผู้ใดไปมิได้นอกจากท่านหัวหน้าซั่วเจาหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้เยือกเย็น กับแม่นางฟางปี้เหลียน คนสนิทของทั้งนายท่านสวี และนายหญิงสวีนั่นเอง แขกเหรื่อนั้นคราวแรกทั้งเจ้าบ่าว และเจ้าสาวมิคาดว่าจะมากมายเพราะทั้งคู่มิใช่คนมีฐานันดรอันใด ผู้เป็นฝ่ายเจ้าสาวนั้นนางเป็นเพียงสาวใช้กำพร้า มีญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวคือท่านหมอฟางผู้แก่ชรามากแล้ว ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นคงมิต้องกล่าวเพราะมีเพียงสวีฉีเฟิ่ง พ่อบ้านซูจิ้งเหยา เฉาคุน ติงฮ่าว และเหิงเซา เท่านั้นที่เหลือก็เป็นลูกน้องใต้ปกครองอีกราวสองร้อยกว่าชีวิตที่ยังอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่บัดนี้กลับมีแขกมาร่วมงานนับแล้วคงเกินห้าถึงหกร้อยคน ซึ่งในคราวนี้เพราะเวลาถูกเลื่อนมาจากกำหนดเดิมถึงสามเดือนกว่า ทางสกุ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 50

    ตอนที่ 50และแล้วพ้นผ่านไปเพียงหนึ่งวัน ข่าวจากวังหลวงก็เริ่มทยอยส่งมาให้สวีฉีเฟิ่งได้ทราบ เริ่มจากตำหนักลี่ฮวาของเฉียนเต๋อเฟยที่อยู่ ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้จนวายวอด คนเกือบทั้งตำหนักตายลงสิ้น ทั้งที่นี่คือฤดูหนาวหิมะหนาแน่น แต่ต่อให้เป็นฤดูฝนน้ำมาก แต่หากเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ อยากให้มอดม้วยมลายสิ้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น ส่วนเด็กสาวที่กวนเหยานักฆ่าสาวผู้นั้นฝากฝังเอาไว้ แน่นอนว่าต้องได้รับการช่วยเหลือตามคำพูดที่เขาได้รับปากคนตายไปแล้ว เพียงแต่ช่วยเหลือนางออกมาแล้วเขาก็จัดการส่งไปยังโรงเตี๊ยมของสกุลสวีให้นางเลือกว่าจะทำงานใดเลี้ยงชีพตนเอง แล้วลำดับต่อมาก็เป็นสกุลเฉียนที่ถูกข้อหายั่วยุองค์ชายสี่ทำการก่อกบฏคิดลอบปลงพระชนฮ่องเต้ ห้าร้อยเจ็ดสิบสามคนถูกประหารจนสิ้น ส่วนองค์ชายสี่ถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนฝั่งเยี่ยนเป่ยตลอดชีวิตมิอาจกลับมาเหยียบเมืองหลวงได้อีกต่อไป ส่วนทางด้านเหยียนเหม่ยซินนั้นได้คลอดบุตรออกมาเป็นหญิง และเพื่อความบริสุทธิ์ไร้ข้อกังขา ฮ่องเต้จึงประทานหมอหลวงให้ไปพิสูจน์สายเลือดถึงหกคนว่าที่แท้บิดาของเด็กน้อยนั้นเป็นสวีฉีเฟิ่งจริงหรือไม่ ซึ่งย่อมแน่นอนว่าไม่ใช่ แล้วความจริงที่ว่าเหยีย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 49

    ตอนที่ 49...ตำหนักฉางชุน... กายแกร่งของหนานเฉิงกั๋วกงหนุ่มก้าวผ่านโค้งประตูของตำหนักใหญ่ที่มีทหารองครักษ์ และขันทีมากมายคุ้มกันแข็งขันสมกับเป็นตำหนักของมังกรแห่งต้าเหลียง “ฝ่าบาท หนานเฉิงกั๋วกงมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีคนสนิทเร่งเข้าไปโค้งกายกระซิบกระซาบบุรุษในอาภรณ์ลำลองมิได้เต็มพิธีการเช่นในยามออกว่าราชการยังท้องพระโรงใหญ่ของมหาราชวัง “อืม…ให้เขาเข้ามาได้” ผู้กำลังเคร่งเครียดอยู่กับม้วนฎีกามากล้นเอ่ยอนุญาตโดยมิได้ละสายตาจากงานในมือแม้แต่น้อย “ฉีเฟิ่งถวายพระพรฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” กายสูงใหญ่ของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเอ็ดหนาวผู้อยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงานเงยหน้าขึ้นจากกองฏีกามากมายตรงหน้าได้ในท้ายที่สุด เมื่อคนที่เขาทราบดีอยู่แล้วว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งสวีฉีเฟิ่งนั้นจะต้องมาเข้าเฝ้าเป็นแน่ เพราะข่าวคราวการสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขไปมิใช่อันใดที่บุรุษจะยอมรับได้ “แวะมาพบข้าได้สักครานะเฟิ่งเอ๋อร์ มานั่งตรงนี้พูดจากันให้ดีเถิด” หากเรียกกันเช่นนี้ย่อมหมายความว่าฮ่องเต้มิต้องการพูดคุยกันอย่างฮ่องเต้กับขุนนาง แต่เขาคงต้องการพูดคุยกันอย่างญาติสนิทมากกว่า แต่จะฐานะใดวันนี้สวีฉีเฟิ่งจะมิอ่อนข้อเด็ดข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 48

    ตอนที่ 48พอเขาขยับกายโอบอุ้มผู้เป็นภรรยา ก็สัมผัสได้กับความเปียกชื้นบ่งบอกชัดเจนถึงของเหลวจึงยกมือขึ้นมาดู ภาพหยาดโลหิตสีเข้มพร้อมกลิ่นคาวกลับทำเอาเขาอุทานลั่นพลางหน้าตาซีดเซียว ส่วนหัวใจนั้นเจ็บปวดราวกับถูกมือขนาดยักษ์ยื่นมาบีบบี้ขยี้จนแหลกเหลวกลายเป็นน้ำเสียแล้ว …ไม่นะเจ้าก้อนขนมทังหยวน (ขนมบัวลอย) ของบิดา เจ้าอย่าเป็นอันใดไปนะ!… “นายท่านเร่งพานายหญิงไปด้านในก่อนเถิดขอรับ อาเหลียนเร่งไปตามท่านพ่อบ้านใหญ่มาเร็วเข้า” เป็นซั่วเจาที่มีสติมากกว่าผู้เป็น ‘นายท่าน’ เขาจึงร้องเตือนทางสวีฉีเฟิ่ง เสร็จแล้วหันไปร้องบอกให้ฟางปี้เหลียนเร่งไปตามผู้มีความรู้ทางการแพทย์เช่นซูจิ้งเหยามาดูอาการของจางเยว่เซียงก่อนที่ท่านหมอจะมาถึงจวน “ท่านพี่…” จางเยว่เซียงนั้นเกร็งมือกำหน้าอกเสื้อของสามีเอาไว้แน่นจนเห็นข้อนิ้วขาว พยายามกัดฟันอดทนต่อสู้กับความเจ็บปวดที่บีบรัดรุนแรงในช่องท้อง นางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วปล่อยออกสุด หวังบรรเทาอาการปวดนั้นมิให้กัดกินสติของนางจนสิ้นนั่นเอง ส่วนภายในใจนั้นจางเยว่เซียงนั้นกลับกังวลห่วงใยลูกน้อยที่นางเพิ่งทราบว่ามีเขามาอยู่ด้วยเพียงสองเดือนเท่านั้น แต่บัดนี้นางกำลัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status