“สวัสดีค่ะคุณม่าน ไม่ได้เจอตั้งหลายวันเลยนะคะ คุณหญิงบ่นหาทุกวันเลยค่ะ” เจียมจิตฟ้องม่านทิวาทันทีเพราะคุณนายสรวงสุดาบ่นคิดถึงทุกวันจริง ๆ
“แม่เจียมก็ว่าไป ฉันไม่ได้บ่นอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย”
“ม่านขอโทษนะคะคุณแม่ พอดีช่วงนี้ติดงานนิดหน่อย แล้วก็เอ่อ...ไปที่บริษัทกับคุณสองด้วยค่ะ” ม่านทิวารีบขอโทษแม่สามีทันที หลังจากล้างมือเตรียมช่วยส้มกับหวานปั้นลูกบัวลอย
“เดี๋ยวนี้ยังไงกันนะ ตาสองไม่ค่อยปล่อยหนูม่านมาหาแม่เลย” นางอดที่จะบ่นบุตรชายคนเล็กไม่ได้ที่ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสะใภ้คนเล็กมาหานาง
“หรือว่าหนูม่านกำลังเตรียมจะมีหลานให้แม่อุ้มหรือเปล่าลูก พอจะมีวี่แววบ้างหรือยัง”
นางอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนกำลังจะมีหลานตัวน้อยให้นางอุ้มอีกคนถึงไม่ค่อยมาหา ทำเอาคนถูกถามทำตัวไม่ถูก ได้แต่ส่ายศีรษะเป็นคำตอบและก้มหน้าก้มตาปั้นลูกบัวลอยต่อด้วยความเขินอาย
ท่ามกลางเสียงแซวของแม่สามีกับแม่บ้านคู่ใจที่คุยกันอย่างครึกครื้น ม่านทิวานั่งพับเพียบตั้งหน้าตั้งตาปั้นลูกบัวลอยในลักษณะรูปทรงต่าง ๆ ตามสมัยไม่ซ้ำซากจำเจ หญิงสาวเปิดดูวิธีการปั้นนานาชนิดบนอินเทอร์เน็ต อยู่ ๆ หน้าจอโทร
“งานนี้แกสองคนต้องช่วยฉันอีกแล้วล่ะ วันนี้วีวี่ไปเสนองานให้ลูกค้าอีกราย ถ้าทำคนเดียวฉันตายแน่” ปอแก้วพูดอ้อนเพื่อนทั้งสองคน หลังจากผู้ว่าจ้างหนุ่มเดินออกไปจากห้องบอลรูมขนาดใหญ่“โถแม่คุณ...มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ช่วยก็ไม่รู้จะถอนตัวยังไงแล้วยัยปอ” อัญญ์หันมาบีบแก้มยุ้ย ๆ ของเพื่อนอย่างน่ามันเขี้ยวกับสายตาและท่าทางอ้อน ๆ นั้น“แล้วแกล่ะยัยม่าน”“ช่วยอยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นเลย...จากที่ดูเนี่ย ผ้าที่เอาไว้ตกแต่งเวทีมันไม่พอหรอก”“จริงด้วย งั้นไปตลาดซื้อผ้ากัน” ปอแก้วเสนอ“นอกจากผ้าแล้วก็ไปแวะซื้อของตกแต่งเพิ่ม แล้วก็ไปเก็บเงินกับอีตาคนหน้าเลือดคนนั้นด้วย” อัญญ์อดที่จะเหน็บแนมคนที่เดินจากไปไม่นานไม่ได้เลย“รู้แล้วน่า! เขี้ยวจริง ๆ เลยเพื่อนฉันเนี่ย” อยู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าทำให้ปอแก้วหยุดสนทนากับเพื่อนมากดรับสาย ครู่หนึ่งก็วางไปด้วยสีหน้าเครียด ๆ“มีอะไรหรือเปล่าแก” ม่านทิวาถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน“แก...ฉันต้องเอางานแก้ไขไปเสนอคุณปรานต์อีกรอบอะ เลขาฯ คุณปรานต์โทร.มาคอนเฟิร์มเวลา...อีกยี่สิบนาทีถึงเวลานัดแล้ว ฉันลืมสนิทเลยทำไงดี”
สาวเจ้าบอกอย่างเร่งร้อน รีบคว้ากระเป๋าของตนแล้วออกจากบ้านไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเรียกของแม่บ้านใจดี ว่าเธอนั้นลืมกล่องขนมบัวลอยที่จะเอาไปให้รณพีร์ นางรีบเดินเอามาให้และม่านทิวาก็ออกจากบ้านไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด เพราะเพื่อนของม่านทิวาส่งข้อความมาบอกว่าต้องเข้าไปดูสถานที่จัดงานเปิดตัวเครื่องเพชรใหม่ทันทีที่ม่านทิวาไปถึงก็พบกับปัญหาสองสามอย่าง เธอไม่ได้มีประสบการณ์ในการรับจัดอีเวนต์โดยตรงและเธอก็ไม่ใช่แม่งานในโพรเจกต์นี้ด้วย ทีมงานของปอแก้วได้มาวัดสถานที่ไปแล้วเมื่อเดือนก่อน แต่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดงานกะทันหันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้สิ่งที่เตรียมเอาไว้เกิดการผิดพลาดแต่ก็ยังพอปรับแก้ได้“มีอะไรกันเหรอแก” ม่านทิวาตรงเข้ามาถามเพื่อนที่ยืนรวมทีมกันพร้อมกับผู้ว่าจ้างอย่างพชร“สวัสดีครับคุณม่าน” พชรทักทายภรรยาเพื่อนสนิท ก่อนที่เพื่อนของหญิงสาวจะตอบเสียอีก“สวัสดีค่ะคุณเพชร” คนมาใหม่ทักทายกลับก่อนหันไปถามเพื่อนที่กำลังมองพชรอย่างไม่พอใจ และอีกคนที่กำลังห้ามปรามอย่างปอแก้ว “มีอะไรกันเหรอ”“ก็…” ยังไม่ทันที่อัญญ์จะตอบกลับด้วยท่า
“สวัสดีค่ะคุณม่าน ไม่ได้เจอตั้งหลายวันเลยนะคะ คุณหญิงบ่นหาทุกวันเลยค่ะ” เจียมจิตฟ้องม่านทิวาทันทีเพราะคุณนายสรวงสุดาบ่นคิดถึงทุกวันจริง ๆ“แม่เจียมก็ว่าไป ฉันไม่ได้บ่นอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย”“ม่านขอโทษนะคะคุณแม่ พอดีช่วงนี้ติดงานนิดหน่อย แล้วก็เอ่อ...ไปที่บริษัทกับคุณสองด้วยค่ะ” ม่านทิวารีบขอโทษแม่สามีทันที หลังจากล้างมือเตรียมช่วยส้มกับหวานปั้นลูกบัวลอย“เดี๋ยวนี้ยังไงกันนะ ตาสองไม่ค่อยปล่อยหนูม่านมาหาแม่เลย” นางอดที่จะบ่นบุตรชายคนเล็กไม่ได้ที่ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสะใภ้คนเล็กมาหานาง“หรือว่าหนูม่านกำลังเตรียมจะมีหลานให้แม่อุ้มหรือเปล่าลูก พอจะมีวี่แววบ้างหรือยัง”นางอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนกำลังจะมีหลานตัวน้อยให้นางอุ้มอีกคนถึงไม่ค่อยมาหา ทำเอาคนถูกถามทำตัวไม่ถูก ได้แต่ส่ายศีรษะเป็นคำตอบและก้มหน้าก้มตาปั้นลูกบัวลอยต่อด้วยความเขินอายท่ามกลางเสียงแซวของแม่สามีกับแม่บ้านคู่ใจที่คุยกันอย่างครึกครื้น ม่านทิวานั่งพับเพียบตั้งหน้าตั้งตาปั้นลูกบัวลอยในลักษณะรูปทรงต่าง ๆ ตามสมัยไม่ซ้ำซากจำเจ หญิงสาวเปิดดูวิธีการปั้นนานาชนิดบนอินเทอร์เน็ต อยู่ ๆ หน้าจอโทร
เช้าที่แสนสดใส...ม่านทิวาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้สามีที่ยังคงนอนไม่ตื่น หญิงสาวจึงลุกขึ้นมาก่อนเดินตรงไปยังห้องครัวทันที ลงมือเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบปรุงอาหารให้รณพีร์รับประทานก่อนจะไปทำงานในวันนี้ คนตัวเล็กลงมือทำอาหารอย่างตั้งใจใส่ใจทุกรายละเอียดในแต่ละเมนูที่ตนลงมือทำไม่นานกลิ่นหอม ๆ ของแกงจืดเต้าหู้หมูสับที่เธอต้มกระดูกหมูไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นก็หอมกรุ่นไปทั่วห้อง ก่อนจะลงมือทำเมนูต่อไปที่ชายหนุ่มบ่นอยากกินมาหลายวัน แต่ยังไม่ได้ทานเสียทีเพราะเขานั้นงานยุ่งมาก เธอจึงทำให้กินเช้านี้เลย“อุ๊ย” คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดคลุมสีชมพูอ่อนต้องสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง“ทำไมไม่นอนต่อ รีบตื่นทำไมหือ?” รณพีร์ถามเสียงนุ่ม สวมกอดคนตัวเล็กพลางเอาคางเกยไหล่มน สูดดมกลิ่นหอมจากกายของภรรยาสาว“ม่านก็ตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้พี่สองไงคะ เห็นบ่นว่าอยากกินแกงจืดกับผัดผักนี่คะ” ม่านทิวาตอบกลับสามีเสียงหวาน ทั้งที่มือบางยังคงเตรียมอาหารอยู่“เมียใครเนี่ย…น่ารักที่สุด” ชายหนุ่มเอ่ยชมหญิงสาว“ผัดผักหอมไหมคะ” คนตัวเล็กเอียงหน้ามาเอ่ยถามสามีท
"เหนื่อยแล้วเหรอเด็กดี" เขาพูดพลางลูบศีรษะชื้นเหงื่ออย่างแผ่วเบา และหญิงสาวก็พยักหน้ารับนอนหอบหายใจหนัก ๆ บนตัวเขา“แต่ฉันยังไม่เสร็จเลยนะ" รณพีร์บอกเสียงทุ้มแตกพร่าแฝงไปด้วยมนต์สะกดล่อลวงคนใต้ร่างให้ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่ไหวแล้วค่ะ”"ไม่เป็นไร…ฉันทำเอง"เขาเล่นตอบเองเออเองโดยไม่ฟังคำคัดค้านของคนเหนื่อยอ่อนที่ถูกพลิกกายให้กลับมานอนอยู่ใต้ร่างสูงโปร่งอีกครั้ง และเริ่มจังหวะรักเร่าร้อนเพื่อสนองทั้งตัวเองและหญิงสาว ท่ามกลางเสียงเนินเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง"อ๊า...แน่นดีเป็นบ้าเลย!" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาคำรามลั่นสุดความปรารถนา ทำเอาม่านทิวาปลดปล่อยเสียงครางรัญจวนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หลังจากที่กักเก็บเอาไว้อย่างสุดตัวไม่นานเสียงคำรามลั่นอย่างสุขสมของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ไปถึงดินแดนปรารถนาพร้อม ๆ กันก็ดังกระเส่าลั่นห้องร่างสูงเปลือยเปล่าอุ้มร่างเล็กมานอนบนเตียงแล้วทิ้งตัวนอนข้าง ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนที่อยู่ข้าง ๆ อดอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ ไม่คิดว่าคนเมาจะใจกล้าทำให้เขาสุขสมได้มากเช่นนี้ แขนแกร่งกำยำสอดเข้า
"กินได้สิ จับมันแล้วเลียเหมือนเธอกินไอติมแท่งน่ะ" ร่างสูงบอกเสียงพร่ารอดูการกระทำกล้า ๆ กลัว ๆ ของหญิงสาว ไม่รู้ว่าเขาจะล่อลวงเธอได้มากเพียงใดแก่นกายแข็งขึงอยู่ในมือน้อยของหญิงสาว ลูบไล้มันอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะทำเจ้าของนั้นเจ็บ คนตัวเล็กมองมันอย่างไม่แน่ใจก่อนจะค่อย ๆ ทำตามคำบอกของชายหนุ่มริมฝีปากบางกระจับครอบครองตัวตนของเขาเอาไว้ มือบอบบางลูบขึ้นลงเบา ๆ ก่อนใช้ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลาย พยายามทำตามสิ่งที่ชายหนุ่มบอก กอปรกับสิ่งที่ตนเคยดูหนังเอวีกับเพื่อนมาบ้างแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ถูกใจเขาหรือไม่ ไม่นานม่านทิวาก็ทำใจกล้าอ้าปากรับแก่นกายแข็งขึงของชายหนุ่มเข้ามาในโพรงปากนุ่ม ขยับเข้าออกช้า ๆ ทำท่าทางเลียนแบบนางเอกเอวีที่เคยดูมา หญิงสาวค่อย ๆ ไล้เลียขึ้นลงอีกครั้งพร้อมกับดูดดุนเบา ๆ"อ๊า…" รณพีร์ครางกระเส่าอย่างพึงพอใจและรู้สึกดีไม่น้อยกับการปรนเปรอของหญิงสาว"ชอบไหมคะ"คนนั่งคุกเข่าเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามด้วยแววตาหยาดเยิ้ม หลังจากที่ดูดกลืนตัวตันของเขาด้วยโพรงปากอ่อนนุ่ม"ชอบสิ เธอทำให้ทำไมฉันจะไม่ชอบล่ะ" ชายหนุ่มบอกน้ำเส
เสียงเข้มของผู้มาใหม่อย่างรณพีร์ทำเอาสองสาวตกใจลุกลี้ลุกลนไม่น้อย ม่านทิวารีบซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ด้านหลังทันที"ปะ...เปล่าค่ะ" เสียงตะกุกตะกักของม่านทิวาตอบกลับทันทีพร้อมทั้งยัดสิ่งที่อยู่ในมือคืนให้กับธาริกา ส่วนอีกมือหนึ่งยังถือแก้วเหล้าเอาไว้"จะมาเปล่าได้ยังไง ก็เห็น ๆ อยู่" รณพีร์ค้านเสียงเข้ม เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาหวานหยาดเยิ้มเพราะพิษเหล้าที่ดื่มเข้าไป"ฉันสั่งว่ายังไง ไม่ให้กินเหล้าไม่ใช่หรือไง" ชายหนุ่มถามคาดคั้นต้องการคำตอบจากคนที่แทบจะไม่ได้สติตรงหน้า"ก็คุณสองสั่งไม่ให้ไปกินที่ร้านนี่คะ ม่านก็มาดื่มกับเพื่อนที่ห้อง…ไม่เห็นผิดตรงไหนเลย" ม่านทิวามุ่ยหน้าน้อย ๆ เถียงกลับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม"ไอ้ที…เลขาฯ มึงใช่ไหมวะ มาพากลับบ้านทีสิ" เจ้าของบ้านเรียกเพื่อนสนิทที่ตามมาด้วยความบังเอิญให้เข้ามาเอาตัวหญิงสาวไปเขาจำได้ว่าเพื่อนสนิทของม่านทิวาคนนี้เป็นเลขานุการของนที…"เออ" นทีตอบกลับเพียงแค่นั้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาธาริกาที่นั่งหลับคอพับไม่ได้สติบนโซฟาสีเข้มทันทีไม่คิดเลยว่าเธอจะมานั่งเมาอยู่ที่น
ม่านทิวาถามด้วยความสงสัย หากเป็นเจ้าของเดียวกันน่าจะจัดพร้อมกันและเอาคอนเซปต์ทั้งหมดมามิกซ์รวมกันเป็นงานเดียวคงเพอร์เฟกต์ไม่น้อย"เจ้าของคนละคนแหละ งานเดินแบบเครื่องเพชรเป็นของคุณพชร ส่วนคอนโดมิเนียมเป็นของคุณปรานต์""อือ ๆ งานที่จะให้ช่วยมีแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้กลับเลย""อื้อ...แค่นี้แหละ ขอบใจมาก...ถ้างานผ่านฉันจะนัดเลี้ยงข้าวแก แต่แกต้องไปช่วยงานฉันนะ ฉันจะชวนยัยอัญญ์มาช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย""ได้เสมอแหละ เมื่อก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ฉันไปซื้อของเข้าบ้านก่อนนะ" คนตัวเล็กยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วส่งยิ้มให้เพื่อน ๆ"เดี๋ยว...นี่แกขับรถมาเองเลยเหรอ" วีรพลถามด้วยแปลกประหลาดใจ ไม่เคยเห็นเพื่อนขับรถเองมาก่อนเลย“อื้อ”"รถใครอะ" วีรพลถามหยั่งเชิงคนที่เพิ่งได้รถยนต์คันใหม่มาใช้เอง"รถคุณสองเขาน่ะ ไปแล้วนะ " ว่าแล้วก็เดินออกจากร้านตรงไปที่รถ ขับรถไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าในโซนซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่าง เธอเลือกซื้อของตามรายการที่จดเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ ม่านทิวาเดินซื้อของได้เพียงไม่กี่รายการเท่านั้น มีของใช้ส่วนตัว ของใช้ภ
"เปล่าสักหน่อย โจ๊กใครก็กินกับไข่ลวกทั้งนั้นแหละค่ะ" หญิงสาวรีบตอบกลับเสียงนุ่ม ก่อนเอ่ยเร่งเร้า "รีบกินเร็วเข้า ม่านจะได้ไปหาเพื่อนเสียที""ขับรถไปเองหรือให้ฉันไปส่ง""ไปเองค่ะ ม่านว่าจะนั่งแท็กซี่ไป" ตอบพลางตักอาหารเช้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย"ทำไมไม่ขับรถไปเอง นั่งแท็กซี่ไปทำไม" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาค้านทันควัน “ก็ม่านเกรงใจคุณสองนั่นแหละค่ะ มันรถของคุณนี่คะ" หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบาเพราะเกรงใจสามี"ฉันซื้อให้เธอแล้ว มันเป็นของเธอ เอาไปใช้ซะ...ถ้าไม่เอาไปใช้โดนดีแน่" สั่งเสียงเข้มแก้มบังคับทำให้ม่านทิวายอมจำนน เพราะรู้ดีว่าเขาต้องทำโทษจนเธอไม่ได้นอนเป็นแน่เธอพยักหน้ารับโดยไม่โต้เถียงใด ๆ ทำเอารณพีร์พอใจไม่น้อย ไม่นานทั้งสองก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วพากันแยกย้ายไปคนละทาง คนเป็นสามีออกไปทำงานเช่นทุกวัน ส่วนตัวของเธอนั้นออกไปตามนัดของเพื่อนที่ได้ตกลงกันไว้ภายในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งคือสถานที่นัดหมายของม่านทิวากับปอแก้ว…ที่รบเร้าให้เธอมาหาให้ได้ สายตาหวานสอดส่องเข้าไปข้างในร้านพบว่าเพื่อนเธอนั้นมารออยู่ก่อนแล้ว เธอจึงรีบจอดรถแล้วลงไปหาเพื่อน