ในจดหมายที่เขียนมาให้เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น เวยเฉียงเอ่ยถึง เรื่องที่แคว้นหนานฉีเจรจาขอคูเมืองสี่แห่งกับแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นซีหนี่ว์ยังลังเลไม่ตกปากรับคำ นั่นเป็นเพราะว่าไม่อยากเพิ่มความแข็งแกร่งทางชายแดนตะวันตกให้แคว้นหนานฉีอย่างง่าย ๆนางกล่าวอย่างชัดเจน หากตนเองได้เป็นประมุขแคว้น เรื่องแรกที่จะทำ ก็คือการมอบคูเมืองสี่แห่งให้แก่แคว้นหนานฉีทันทีเมื่อเซียวอวี้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็กล่าวอย่างแฝงความนัย“น้องสาวของเจ้า ตั้งแต่ได้ความทรงจำคืนกลับมา ก็ดูฉลาดขึ้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คัดค้าน“พรสวรรค์ในการเป็นฮองเฮาที่ตระกูลเฟิ่งปลูกฝังไว้ แน่นอนว่าต้องมีสมองด้วย มิเช่นนั้นจะมีจุดยืนในพระราชวังต้องห้ามได้อย่างไร?“เวยเฉียงมีความเฉลี่ยวฉลาดบ้าง หม่อมฉันกลับอุ่นใจ นั่นหมายความว่านางสามารถปกป้องตัวเองได้”นัยน์ตาของเซียวอวี้ลุ่มลึก “แม้ว่าจะคิดประสงค์ร้ายมาถึงเจ้า ก็ไม่ถือสาหรือ? เหตุใดนางต้องการพาเฉียวเอ๋อร์ไปด้วยให้ได้ คงไม่มีทางที่เจ้าจะเดาสาเหตุไม่ได้ นางต้องการ แต่กลับอยากให้เจ้าขจัดอุปสรรคให้นาง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักอึ้งนางมองมาที่เซียวอวี้ตรง ๆ“เป็นพี่น้องแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้อง
เพียงประโยคสั้น ๆ ของเฟิ่งหมิงเซวียน ทำให้นายท่านเฟิ่งเบี่ยงเบนเพลิงโทสะได้สำเร็จ จากการเปรียบเทียบแล้ว รู้สึกว่าบุตรชายคนโตยังพอใช้ได้ทว่า จำต้องยอมให้แก่ความชราอายุของนายท่านเฟิ่งในตอนนี้ แทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อของเฟิ่งหมิงเซวียนเลยเฟิ่งหมิงเซวียนทำงานโม่เต้าหู้จนเกิดพละกำลังมหาศาล จับกุมนายท่านเฟิ่งไว้อย่างแน่นหนานายท่านเฟิ่งถูกบุตรชายจับแขนไขว้หลังกดไว้กับกำแพง ด้วยท่วงท่าแสนอัปยศ“สารเลว! ข้าเป็นบิดาของเจ้านะ! นี่เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไร!” นายหญิงเฟิ่งไม่คาดหวังว่านายท่านเฟิ่งจะสั่งสอนบุตรได้ จึงรีบผลักเฟิ่งเหยียนเฉินกลับเข้าไปในบ้านรอจนนายท่านเฟิ่งสงบลง เฟิ่งหมิงเซวียนถึงได้ปล่อยเขาออกนายท่านเฟิ่งกลับมาในครั้งนี้ นอกจากสั่งสอนบุตรชายคนโตที่กระทำผิดแล้ว ยังเพื่อมาขอโทษตระกูลโจวด้วยเขาอบรมสั่งสอนบุตรได้ไม่ดี จึงต้องมีคำอธิบายแก่ตระกูลโจวอย่างไรย่อมต้องนึกใจเขาใจเรา หากเปลี่ยนเป็นบุตรสาวของเขาถูกครอบครัวสามีทำร้ายจนตาย เขาคงไม่ยอมจบง่าย ๆ เด็ดขาดดังนั้น นายท่านเฟิ่งจึงแวะไปยังจวนตระกูลโจวก่อนคนตระกูลโจวคาดการณ์ไว้ว่านายท่านเฟิ่งจ
นายหญิงเฟิ่งรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเฉียวเอ๋อร์ หลานสาวของนางจริง ๆทันทีที่นางเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียน นางก็พูดขอร้องทันที“ฮองเฮา เฉียวเอ๋อร์เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของเหยียนเฉิน เหยียนเฉินเสียภรรยาไปแล้ว ฮองเฮาจะทรงทำใจพรากบุตรสาวจากเขาไปอีกได้อย่างไรเพคะ“ขอฮองเฮาและฝ่าบาทโปรดถอนคำสั่งด้วยเพคะ!”ขณะที่นายหญิงเฟิ่งกำลังจะคารวะ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ห้ามนางเอาไว้“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ที่เวยเฉียงรับเฉียวเอ๋อร์เป็นบุตรบุญธรรม ไม่ใช่คำสั่งของข้าหรือฝ่าบาท แต่เป็นคำขอของพี่ใหญ่ต่างหาก”“เป็นไปไม่ได้! เหยียนเฉินจะ...” นายหญิงเฟิ่งไม่อยากจะเชื่อทว่าจิ่วเหยียนไม่มีทางโกหกนางใจนางเต็มไปด้วยความกังวล“ฮองเฮา หากนี่เป็นการตัดสินใจของเหยียนเฉินจริง ๆ หม่อมฉันกังวลว่าเขาจะคิดสั้นเพคะ!”ไม่มีใครเข้าใจบุตรชายไปมากกว่ามารดาความกังวลของนายหญิงเฟิ่งนั้นมิได้เกินจริงเลยเฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้คนไปที่จวนพลทหารทันทีสุดท้ายเป็นอย่างที่นายหญิงเฟิ่งคิดจริง ๆเมื่อพวกอู๋ไป๋ไปถึง เฟิ่งเหยียนเฉินก็กินยาพิษไปแล้วโชคดีที่ไปทันเวลา ท่านหมอทำให้เฟิ่งเหยียนเฉินอาเจียนออกมา และให้เขากินยา ทำให้เขากลับจากประตูผีมาได้น
เหตุผลที่เฟิ่งเวยเฉียงอยากจะพาเฉียวเอ๋อร์ไปด้วยนั้นเรียบง่ายมาก“พี่หญิง พี่ใหญ่ไม่มีทางดูแลเฉียวเอ๋อร์ได้แน่“ข้าเป็นอาแท้ ๆ ของเฉียวเอ๋อร์ ย่อมต้องดีต่อนาง“อีกทั้งข้ากับท่านพี่ไม่อาจมีลูกได้ ข้าเองก็อยากมีลูกซักคนเช่นกัน”เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม“เฟิ่งเหยียนเฉินว่าอย่างไร เขาเห็นด้วยหรือไม่”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฟิ่งเวยเฉียงก็โมโห“หลายวันมานี้เขาเอาแต่เหม่อลอย ยังคิดจะส่งเฉียวเอ๋อร์ให้ตระกูลโจวอีกด้วย“นายหญิงโจวผู้นั้นเต็มใจรับหลานนอกไปเลี้ยง ทว่าใต้เท้าโจวกับคนตระกูลโจวกลับต่อต้าน“วันนั้นเฉียวเอ๋อร์ถูกพวกเขา ‘ผลักไปผลักมา’ ข้ามองแล้วสงสารยิ่ง“ดังนั้นข้าจึงบอกพี่ใหญ่ไปเลยว่า ให้เขายกเฉียวเอ๋อร์ให้ข้าไปเลี้ยง“เขาตอบตกลงทันที แทบจะอยากให้ข้าพาเฉียวเอ๋อร์ไปเดี๋ยวนั้นด้วยซ้ำ”เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าดำคล้ำทว่านางยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมอยู่ดี“ให้ข้าคิดดูก่อน”เฟิ่งเวยเฉียงพยักหน้าเบา ๆวันนั้นนางจึงเรียกเฟิ่งเหยียนเฉินเข้าวังเฟิ่งเหยียนเฉินผอมไปมาก ดูซีดเซียวความรักที่เขามีต่อโจวซื่อไม่ใช่แบบชั่วฟ้าดินสลาย กลับเหมือนมิตรสหายที่อยู่เคียงข้างกันมากกว่
เฟิ่งเวยเฉียงอยากไปยังแคว้นซีหนี่ว์ เพราะมีเพียงแคว้นซีหนี่ว์ ที่ทำให้นางรู้สึกเป็นอิสระ ปราศจากการถูกพันธนาการจากอดีตอันเจ็บปวดอยู่แคว้นซีหนี่ว์ ต่อให้นางถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ก็แทบไม่มีใครตำหนินางทว่าอยู่แคว้นหนานฉี แทบทุกคนคิดว่านางเป็นฝ่ายผิดนางบอกความคิดนี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้าใจได้ และหวังว่าเวยเฉียงจะได้พบที่พักพิงอันสงบสุข เยียวยาบาดแผลในใจอย่างช้า ๆด้วยเหตุนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเห็นด้วยกับการที่นางจะไปแคว้นซีหนี่ว์แต่ก็ได้เตือนนาง ให้ปรึกษากับซ่งหลีให้ดีเสียก่อนในวันเดียวเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนอ่อนล้าทั้งกายและใจเซียวอวี้จึงพานางกลับวังก่อนเมื่อเห็นลูกชายที่ยังคงเฝ้ารอนางอยู่ นางรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกอุ้มลูกชายตัวน้อยทั้งที่ง่วงแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่ยังฝืนลืมตาโตคอยนางอยู่ เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มลงจูบที่ผมของเขาเบา ๆเซียวอวี้ยืนอยู่ด้านข้างนาง พร้อมพูดปลอบ“อาการของเฟิ่งเวยเฉียงไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น อีกอย่างก็ยังมีซ่งหลีอยู่กับนาง”เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกศีรษะอีกด้านจวนตระกูลเฟิ่งเมื่อรู้ว่าเวยเฉียงจะไปแคว้นซีหนี่ว์ แม้นซ่งหลีจ
การเตะครั้งนี้ของเฟิ่งจิ่วเหยียน กลับปลุกสติของเฟิ่งเหยียนเฉินให้ตื่นขึ้นมาได้โดยพลันเขาคุกเข่าอยู่บนพื้น เก็บสมุดบันทึกที่โจวซื่อเขียนตอนยังมีชีวิตอยู่ พลางเก็บ พลางหลั่งน้ำตา“เป็นความผิดของข้า...ล้วนเป็นความผิดของข้า”เขาเก็บสมุดบันทึกนั้นจนหมด ด้วยมือสั่นเทา เมื่อเงยศีรษะขึ้นมา ก็เห็นลูกสาวยืนอยู่ตรงข้างประตู มองเขาด้วยสีหน้าโศกเศร้า“ท่านพ่อ...ท่านแม่ล่ะ?”เฟิ่งเหยียนเฉินยกมือกุมหน้า หัวไหล่สั่นสะท้านเขาไม่รู้จะสู้หน้าลูกสาวอย่างไรเขาจะมีหน้าบอกลูกสาวได้อย่างไร เป็นเพราะเขาเลอะเลือน ทำให้แม่ของนางต้องตาย...เฟิ่งจิ่วเหยียนหันตัวไป อุ้มเด็กน้อยวัยสี่ห้าขวบขึ้นมาด้วยตนเอง แล้วก้าวตรงไปยังร่างของโจวซื่อ“เฉียวเอ๋อร์ ท่านแม่ของเจ้านอนหลับแล้ว และจะหลับยาวนานมาก”เฉียวเอ๋อร์มองท่านแม่ที่มิไหวติงอย่างนิ่งงัน ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงร่ำไห้ระงมออกมานางยังเด็กนัก มิเข้าใจวัฏฏะแห่งความเป็นความตาย ทว่าคำลวงของผู้ใหญ่ ก็มิอาจตบตานางได้นางพอเข้าใจ ท่านแม่จะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกแล้วเสียงร่ำไห้ของลูก ยิ่งทำให้เฟิ่งเหยียนเฉินใจสลายมากขึ้นเขากับโจวซื่อ แต่งงานกันด้วยความเห็นช
จวนพลตรีทหารฮองเฮาเสด็จมาด้วยพระองค์เอง บรรดาบ่าวรับใช้คุกเข่าบนพื้นต้อนรับเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินตรงไปยังเรือนหลัก นายหญิงเฟิ่งยืนคอยอยู่หน้าประตู ประหนึ่งรู้ล่วงหน้าว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจักมา จึงเตรียมตัวรอตั้งแต่แรก“ฮองเฮา...”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่พูดอะไรมาก “ให้หมอหลวงตรวจอาการพี่สะใภ้ก่อน”นางพาหมอหลวงมาด้วยนายหญิงเฟิ่งดั่งได้พบที่พึ่ง ผงกศีรษะต่อเนื่อง “ดี ดี ควรให้หมอหลวงตรวจดู หมอที่มาก่อนหน้านี้บอกว่า พี่สะใภ้ของเจ้าไม่มีทางรักษาแล้ว...”หลังจากหมอหลวงเข้าไปแล้ว นายหญิงเฟิ่งพาเฟิ่งจิ่วเหยียนไปยังห้องด้านข้าง หลังจากปิดประตู นายหญิงเฟิ่งค่อยบอกนาง“ขณะเกิดเหตุ เวยเฉียงเห็นกับตา ได้รับความสะเทือนใจ ตอนนี้หมดสติยังไม่ฟื้นเลย ซ่งหลีเฝ้าอยู่ข้างกายนาง เขาบอกว่าเวยเฉียงไม่เป็นอะไรมาก ให้ข้ามายังจวนพลตรีทหารก่อน”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว มิได้แสดงความโกรธ ทว่าเปล่งรัศมีองอาจ หลังจากนั้น อู๋ไป๋ก้าวเข้ามารายงาน“ฮองเฮา กระหม่อมได้สืบทราบกระจ่างแล้ว คนร้ายคือภรรยาน้อยของใต้เท้าพลทหาร กล่าวกันว่านางเคียดแค้นที่ถูกใต้เท้าพลทหารทอดทิ้ง ทิ้งแม่เอาแต่ลูก ด้วยความจนตรอก จึงล้าง
ตามด้วยเสียงร้องเรียกของอิงเอ๋อร์ดังขึ้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งออกมาด้วยเหงื่อไหลท่วมกาย อาภรณ์เก่าเกรอะกรัง เปื้อนไปด้วยรอยน้ำเต้าหู้เขาก็คือเฟิ่งหมิงเซวียนบ่าวรับใช้เห็นร่างกายซูบผอมของคุณชายรอง แทบจะจำไม่ได้“ดึกดื่นเช่นนี้ มีเรื่องอันใด? หรือเกิดเรื่องกับท่านพ่อของข้าที่อยู่เจียงโจว?”เฟิ่งหมิงเซวียนพูดเช่นนี้ หาได้มีความกังวลแม้แต่น้อยเขาคาดการณ์ไว้แล้ว หากมิใช่เพราะความเป็นความตาย คนตระกูลเฟิ่งคงมิคิดมาหาเขาแน่ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็เคยแข็งกร้าวมาก่อน เพื่อขับไล่บ่าวรับใช้ที่ท่านแม่ส่งมา เขาจึงเอ่ยตรง ๆ...“หากมิใช่ท่านพ่อสิ้นชีพ อย่าได้มารบกวนข้า!”บ่าวรับใช้พูดอย่างยิ้มแย้ม “คุณชายรอง อี๋เหนียงให้ข้ามาแจ้งท่าน คุณหนูเวยเฉียงกลับมาแล้ว ในจวนจักจัดงานเลี้ยง หวังอยากให้ท่านกลับไปร่วมงานเลี้ยง”เฟิ่งหมิงเซวียนแค่นเสียงเย้ยหยัน“เฟิ่งเวยเฉียงกลับมาแล้ว? เกี่ยวข้องอันใดกับข้า! ไป ไปไป! วันพรุ่งนี้ข้ายังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขายเต้าหู้!”ครั้นสิ้นถ้อยคำ เขาก็ดึงมือภรรยาให้เข้ารั้วเรือน พร้อมปิดประตูเสียงดังโครมบ่าวรับใช้ถูกปฏิเสธ ได้แต่ตะโกนผ่านประตู“คุณชายรอง คุณหนู
หลังจากเวยเฉียงออกจากวัง ก็กลับไปพักที่จวนตระกูลเฟิ่งชั่วคราวพร้อมกับซ่งหลี นางล่วงรู้เหตุการณ์ที่เคยถูกลักพาตัวเมื่อปีนั้นแล้ว จึงไม่หวาดกลัวการเผชิญหน้าอีกดังนั้น ซ่งหลีไม่ได้ห้ามนางทว่านายหญิงเฟิ่งหย่าร้างไปนานแล้ว ไม่สะดวกที่จะไปยังจวนตระกูลเฟิ่ง จึงไปพักที่จวนพลตรีทหาร อยู่กับบุตรชาย จะได้ใช้โอกาสนี้กล่อมบุตรชาย มิควรหมางเมินภรรยาหลวงเพื่อหญิงที่อยู่ข้างนอกหากแต่ ถ้อยคำพร่ำบ่นของนายหญิงเฟิ่ง ทำให้เฟิ่งเหยียนเฉินรำคาญใจนักเขาพูดตามตรง “ท่านแม่ พูดไปแล้ว ข้าก็เพียงอยากมีบุตรชายสักคนหนึ่ง “สายโลหิตตระกูลเฟิ่งต้องสืบทอดต่อไป” นายหญิงเฟิ่งย้อนถามทันควัน “เจ้าอยากได้บุตรชาย แล้วลูกสะใภ้ไม่อาจให้กำเนิดได้หรือ? ไยต้องไปหาหญิงอื่นข้างนอก” เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงข้ออ้างในการเสพสุขของเขาเท่านั้นเฟิ่งเหยียนเฉินนิ่งเงียบไปนาน แล้วตอบอย่างจนใจ “ตลอดหลายปีมานี้ นางตั้งครรภ์ยากมาตลอด หาหมอตรวจก็แล้ว และได้จ่ายใบสั่งยาให้นางมากมาย แม้นกระทั่งข้าเองก็ดื่มยากับนางด้วย ล้วนไร้ผล “หากมิใช่เพราะเหตุนี้ ข้าจักเก็บหญิงข้างนอกคนนั้นไว้ได้อย่างไร? “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าหญิงข้างนอ