“ปราง ได้ยินไหม ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอไม่มาเปิดประตู ฉันจะเคาะให้ยายเธอตื่นเลย”มือบางกำแน่นจนสั่น กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากตนเองไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มก็กลัว กลัวว่าเขาจะทำเสียงดังจนยายได้ยินก็กลัว ทั้งที่ยังไม่รู้จะทำอย่างไรแต่พอได้ยินเสียงอีกฝ่ายนับหนึ่ง ร่างแบบบางก็รีบเปิดประตูห้องตัวเองออกไปอย่างแผ่วเบา“สอง...”สาวน้อยเหงื่อซึมไปทั่วทั้งตัว หวาดกลัวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ หากก็ไม่สามารถขัดคำสั่งชายหนุ่มได้“สาม”เสียงนับดังพร้อมกับประตูบ้านเปิดออก ก่อนคนตัวเล็กจะรีบถอยหนีทันทีเมื่อชายหนุ่มเข้ามาด้านใน“เชื่อฟังดี”เขาบอกแล้วเดินนำตรงไปทางห้องของเธอ พิมพ์ปรางเลิ่กลั่กหากก็รีบปิดประตู จำใจก้าวตามอีกฝ่าย ก้าวแต่ละก้าวหนักอึ้งเหลือเกินแต่จะยืนคุยข้างนอกก็กลัวว่าเสียงจะไปถึงในห้องยายหลังจากมาอยู่ในห้องกันทั้งคู่แล้วกิตติกรก็ก้าวเข้ามาใกล้ร่างเล็ก แต่พิมพ์ปรางรีบทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ายกเมือไหว้เขาทันที“อย่าทำปรางเลยนะคะคุณกลาง”สิ่งที่เห็นทำให้กิตติกรถึงกับชะงัก ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำถึงขนาดนี้ ใบหน้าเล็กที่เงยมองเขามีหยาดน้ำตาค่อยๆ รินไหลโดยไม่ได้บีบน้ำตาแม้แต่น้อย มันไหลออกมา
“ออกไปจากบ้านนี้ซะ”พิมพ์ปรางตาโตหลังได้ยินประโยคนี้ก่อนจะทรุดลงกับพื้น เธอเปิดประตูออกมาเจอยายยืนอยู่หลังจากเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียนเรียบร้อย และคำแรกที่ยายพูดก็ทำเอาหัวใจสาวน้อยสลาย“ยาย”“ไปจากที่นี่ซะ ยายทนให้แกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาคุณชายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”เมื่อคืนยายจันทร์ออกมาเข้าห้องน้ำแล้วก็ได้ยินเสียงคุยกันในห้องหลานสาว ด้วยความที่กิตติกรเป็นลูกท่านทำให้ยายจันทร์ไม่กล้าหักหาญแตกหัก จึงได้แต่เดินกลับห้องน้ำตานองหน้า แล้วก็หลับไม่ลงทั้งคืนด้วยความปวดใจในสิ่งที่หลานสาวตัวเองทำ ก่อนจะตัดสินใจในที่สุดว่าต้องจัดการให้เด็ดขาด“ยายจ๋า”พิมพ์ปรางขยับเข้าไปจับมือยายอย่างขอร้อง เธอรู้สึกผิด กลัว รวมทั้งเจ็บปวดเสียใจในคราวเดียว น้ำตายายที่เอ่อคลอทำเอาคนเป็นหลานรู้สึกอกอัดแน่นหายใจแทบไม่ออก“แกมันอกตัญญูจริงๆ ที่ยายสอนไปไม่จำเลยหรือไง ทำไมยังทำอีก แบบนี้ยายจะมีหน้าที่ไหนไปมองคุณชายท่าน เรามันก็แค่ขี้ข้า แกทำแบบนี้ได้ยังไง”คนเป็นยายสะบัดมือหลานสาวทิ้ง อีกฝ่ายจึงรีบกอดขาทันที“ปรางขอโทษจ้ะยาย”น้ำตาสาวน้อยไหลพราก เธอพูดอะไรไม่ออก ถึงจะอธิบายยายก็คงไม่ฟัง เพราะยังไงเรื่องระหว่างเธอกับคุณ
“อะไรนะคะ ปรางจะออกไปอยู่หอที่โรงเรียนเหรอ”กัญญานันตกใจกับคำบอกของยายจันทร์ เพราะเห็นเพื่อนและยายช่วยกันถือกระเป๋าเสื้อผ้ามาสองใบด้วยความแปลกใจจึงถามแล้วก็ต้องตกใจกับคำตอบที่ได้“ใช่ค่ะ”เป็นยายจันทร์ที่เป็นคนตอบ ขณะเดียวกันก็หันไปกวักมือเรียกให้คนขับรถมาเอากระเป๋าของหลานสาวไปใส่ท้ายรถ“ทำไมอยู่ๆ ปรางก็จะไปอยู่หอล่ะ ไม่เห็นเคยบอกอะไรก้อยเลย”พิมพ์ปรางอึกอัก เธอไม่ใช่คนที่โกหกหรือพลิกแพลงเก่ง พอถูกถามกะทันหันก็ไม่รู้จะตอบคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งเจ้านายอย่างไร“ยายอยากให้ปรางมีเวลาอ่านหนังสือเยอะๆ น่ะค่ะคุณก้อย ตั้งแต่ขึ้นมอปลายก็ต้องซ้อมรำ ต้องออกงานบ่อยๆ ยายเห็นว่าพักที่หอของโรงเรียนน่าจะสะดวกกว่ากลับมาบ้านทุกวันแบบนี้”“ก้อยก็ทำเหมือนกัน ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนี่นา ปรางไปกลับกับก้อยทุกวันสะดวกออกค่ะ”“โถ คุณก้อยฉลาด แต่ปรางน่ะต้องอ่านหลังสือตั้งหลายรอบกว่าจะเข้าหัว ยายไม่ห้ามถ้าอยากเรียนรำเรียนฟ้อน แต่ยายก็ไม่อยากให้เสียการเรียนเหมือนกัน มีวิชาติดตัวจะได้เอาตัวรอดได้”ยายจันทร์อธิบายเป็นเรื่องเป็นราวจนพิมพ์ปรางเองยังทึ่ง ตาแดงๆ หันมองยายตัวเองสลับกับกัญญานันไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก พอเธอรั
พิมพ์ปรางถึงกับตัวแข็งเมื่อเห็นคนคนหนึ่งเดินตรงมาหาพร้อมกับลุงพลคนขับรถของบ้านอรรถพันธ์พงศ์“พี่กลาง”กัญญานันทักทายพี่ชายพร้อมรอยยิ้ม สองสาวเก็บของเสร็จแล้วออกมาจากห้องแต่งตัวหลังจบการแสดงของตัวเองพร้อมกระเป๋าใบย่อม“มารอนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วครับ พี่ได้ดูที่น้องก้อยแสดงด้วย ใครๆ ก็ชมว่าบุษบาสวยกันทั้งนั้น”“ปรางก็สวยค่ะ เนอะ”สาวน้อยบอกพี่ชายแล้วกระแทกไหล่บางของเพื่อนเบาๆ เพราะนางจินตะหราที่พิมพ์ปรางแสดงนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบไม่น้อยเลย ถือว่าประสบความสำเร็จในการแสดงละครรำครั้งแรกของพวกเธอ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไร เพียงแค่ยกมือไหว้กิตติกรกับคนขับรถเท่านั้นกิตติกรเองก็ไม่แสดงสีหน้าใดๆ แม้จะนึกขุ่นเคืองกับคำชมแสนปลาบปลื้มนางจินตะหราที่เขาได้ยินจากบรรดานักเรียนวัยรุ่นที่นั่งใกล้ๆ ก็ตาม พอได้เห็นหน้าพิมพ์ปรางอาการหวงของของเขาก็กลับมาอีกครั้งแน่นอนว่าสาวน้อยใบหน้าผ่องใสในตอนนี้ขณะที่อยู่บนเวทีและแต่งหน้าจัดเต็มกลับกลายเป็นสาวสวยหมดจดตรึงตาตรึงใจจนใครๆ ก็ต้องจดจ้องไม่วางตา รวมทั้งเขาเองด้วย“ขึ้นรถเถอะ จะได้ไปรับเพื่อนๆ พี่ต่อ นัดพวกเขาเอาไว้บ่ายโมง”เมื่อชายหนุ่มบอก คนขับรถจึงเดินมาช่วย
ช่วงมื้อเย็นจัดเป็นสองโต๊ะ กัญญานันกับพิมพ์ปรางร่วมโต๊ะเดียวกันกับกิตติกรโดยมีเพื่อนที่ชื่อต่อของเขารวมด้วย นั่นทำให้พิมพ์ปรางมักจะตัวเกร็งเสมอเวลาที่ต่อหันมาคุยกับเธอ กระทั่งเลยสี่ทุ่มมาแล้วสองสาวน้อยจึงชวนกันกลับห้องพัก“ก้อยกับปรางกลับห้องก่อนนะคะพี่กลาง”“ครับ”ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะตอบรับเมื่อสองสาวคล้อยหลัง กลุ่มหนุ่มสาวก็ยังนั่งดื่มนั่งคุยกันอย่างออกรสจนถึงเที่ยงคืนจึงค่อยๆ แยกย้ายไปทีละคนสองคนสักพักกิตติกรก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทำให้สาวร่างอวบอิ่มลุกตามด้วย กระทั่งกำลังจะเข้าไปในบ้านพักชายหนุ่มจึงพูดขึ้น“แอนเดรียนอนที่นี่คนเดียวก็แล้วกันนะ”“ทำไม”แอนเดรียขยับตัวเข้ามาเบียดหน้าอกหน้าใจกับต้นแขนเขาแต่กิตติกรไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย วันนี้สาวสวยดื่มหนักเกินไป เขาไม่ชอบกลิ่นเบียร์จากปากผู้หญิงที่จูบ แม้กลิ่นจางๆ อาจจะดูเย้ายวนแต่พอดื่มจนเมาแล้วมันกลายเป็นคนละเรื่องสำหรับเขาไปเลย กิตติกรมักจะนอนไม่หลับถ้าได้กลิ่นฉุนแอลกอฮอล์เพราะนิสัยตัวเองก็ไม่ค่อยดื่มจนเมาหัวราน้ำ เขามีลิมิตในการดื่ม ถ้าตัวมีกลิ่นฉุนติดจมูกยังอาบน้ำก่อนนอนด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ คือไม่ชอบนอนกับคนเมา“วันนี้เหนื่อยน่ะ
สาวน้อยเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น ขณะที่ชายหนุ่มกวาดมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ“ทำไมมาช้า”“รอคุณก้อยหลับค่ะ”คำตอบแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่กิตติกรก็พอใจ อย่างน้อยพิมพ์ปรางก็ยังฟังคำสั่งเขา ชายหนุ่มดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวแต่มือบางรีบดันอกเขาเอาไว้ ดวงหน้าเล็กซีดลงจนหน้าใจหาย“เอ่อ คุณกลางคะ”“เธอผิดสัญญา”“ไม่มีใครมายุ่งกับปราง...”สาวน้อยมีสีหน้าทั้งงงทั้งกลัวระคนกัน“ก็ไอ้ต่อไง”“เราแค่คุยกัน เขาเก็บของคุณก้อยได้ แล้วคิดว่าเป็นของปรางก็เลยเอามาคืน”เธอรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ“อย่าบอกนะว่าเธอดูไม่ออกว่าไอ้ต่อมันคิดจะทำอะไร”คนตัวเล็กตรงหน้ามีสีหน้าไม่เข้าใจ และมันยิ่งทำให้กิตติกรหงุดหงิด“นี่ฟังนะ มันจะจีบเธอ ไม่งั้นมันไม่ชวนคุย ไม่ช่วยแกะกุ้งแกะปู ตักนั่นนี่ให้หรอก”พิมพ์ปรางอ้าปากค้าง คาดไม่ถึง เธอเข้าใจว่าเพื่อนของเขาเป็นคนใจดีมากกว่าจะมาสนใจเด็กอย่างเธอ“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องเตือนความจำเจอเธอไง”พอพูดจบกิตติกรก็โน้มหน้าลงมาหาแต่พิมพ์ปรางรีบหลบ อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนไปหอมแก้มแล้วระเรื่อยลงไปยังลำคอแทน ร่างเล็กตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที“อย่านะคะ อย่าทำแบบนี้ค่ะ”“ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าไ
พิมพ์ปรางไม่เคยดำโผขึ้นลงอยู่ในน้ำเป็นเวลานานขนาดนี้ แม้จะเป็นครั้งแรกที่มาดำน้ำและเรียนรู้การดำน้ำตื้นแต่สาวน้อยก็สามารถทำได้ดี และโลกใต้ทะเลทำให้ตื่นตาตื่นใจแต่ก็เพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่คนที่สอนเธอดำน้ำทั้งยังอยู่ข้างๆ ตลอดเวลานั่นเองต่อเพื่อนของกิตติกรเกาะติดเธอจนสาวน้อยอดวิตกไม่ได้ รู้ตัวดีว่าถูกหม่อมหลวงหนุ่มจับตามองอยู่แม้จะไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายก็ตาม ไม่อยากนึกเลยว่าเธอต้องเจอกับอะไรสุดท้ายแล้วการดำผุดดำว่ายนานกว่าปกติโดยร่างกายยังไม่ชินเท่าไรนักก็ทำให้พิมพ์ปรางมึนหัวจนต้องขอขึ้นมาก่อน ทว่าต่อก็ยังตามมาดูแลอีกด้วย แม้จะรู้สึกขอบคุณแต่มันกลับทำให้เธอกดดันจนทำตัวไม่ถูก“ขอบคุณค่ะ”ชายหนุ่มพยุงร่างเล็กให้ขึ้นมาบนเรือและยังพามานั่งพัก“พักสักหน่อยนะ หรือว่าจะเอายาดมหรืออะไรไหม เดี๋ยวพี่หาให้”ต่อถามด้วยความหวังดีแต่พิมพ์ปรางยิ้มแหย ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย หรือเป็นภาระของเขาไปมากกว่านี้เพราะคนที่จะเดือดร้อนก็คือเธอเอง“ปรางเป็นอะไร”กัญญานันรีบตามมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนมีชายหนุ่มพยุงขึ้นมา“มึนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”“เหรอ งั้นเดี๋ยวก้อยหายาดมให้นะ”เมื
เมื่อเย็นวานพิมพ์ปรางกับกัญญานันขอเป็นข้าวต้มมาทานในห้องพักแทนเพราะพิมพ์ปรางไข้ขึ้น ซึ่งกัญญานันก็บอกพี่ชายตัวเองไปแล้ว ทว่าทั้งที่รู้ว่าป่วยพิมพ์ปรางก็ยังถูกเรียกออกมากลางดึก แต่อาจจะเพราะไม่สบายชายหนุ่มจึงไม่ได้แตะต้องเธอ พอใกล้รุ่งสางยังปลุกให้สาวน้อยตื่นกลับห้องพัก แถมยังเดินมาเป็นเพื่อนเธอต่างจากวันแรกอีกด้วยทริปวันนี้เป็นพักผ่อนสบายๆ ชมวิว ไปเที่ยวจุดต่างๆ ได้ตามใจชอบ พิมพ์ปรางกับกัญญานันเลือกที่จะอยู่ที่พักในตอนเช้า เพื่อให้อาการพิมพ์ปรางดีขึ้นแล้วช่วงบ่ายแก่ก็ออกไปไหว้พระจากนั้นก็กลับมาเดินเล่นใกล้ๆ รอจนพระอาทิตย์ตกดินแล้วจึงเดินกลับมายังที่พัก กิตติกรกับเพื่อนๆ ของเขาเองก็กลับมาแล้วพร้อมอาหารและเริ่มจับกลุ่มดื่มกันตามประสากัญญานันเหนียวตัวขอไปอาบน้ำก่อนพิมพ์ปรางจึงนั่งเล่นอยู่ด้านนอกมองบรรยากาศไปเรื่อยๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว“มานั่งรอคิดเหรอ”คำถามเป็นภาษาอังกฤษทำให้พิมพ์ปรางหันไปมอง เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไรแม้จะไม่เก่งภาษามากก็ตาม“เปล่า”สาวน้อยตอบสั้นๆ“เชอะ อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันรู้นะเขาไปนอนกับเธอ”พิมพ์ปรางตาโต ตกใจหน้าซีด ทั้งที่พยายามจะปรับสีหน้าให้ปกติแต่แ
เมื่อเย็นวานพิมพ์ปรางกับกัญญานันขอเป็นข้าวต้มมาทานในห้องพักแทนเพราะพิมพ์ปรางไข้ขึ้น ซึ่งกัญญานันก็บอกพี่ชายตัวเองไปแล้ว ทว่าทั้งที่รู้ว่าป่วยพิมพ์ปรางก็ยังถูกเรียกออกมากลางดึก แต่อาจจะเพราะไม่สบายชายหนุ่มจึงไม่ได้แตะต้องเธอ พอใกล้รุ่งสางยังปลุกให้สาวน้อยตื่นกลับห้องพัก แถมยังเดินมาเป็นเพื่อนเธอต่างจากวันแรกอีกด้วยทริปวันนี้เป็นพักผ่อนสบายๆ ชมวิว ไปเที่ยวจุดต่างๆ ได้ตามใจชอบ พิมพ์ปรางกับกัญญานันเลือกที่จะอยู่ที่พักในตอนเช้า เพื่อให้อาการพิมพ์ปรางดีขึ้นแล้วช่วงบ่ายแก่ก็ออกไปไหว้พระจากนั้นก็กลับมาเดินเล่นใกล้ๆ รอจนพระอาทิตย์ตกดินแล้วจึงเดินกลับมายังที่พัก กิตติกรกับเพื่อนๆ ของเขาเองก็กลับมาแล้วพร้อมอาหารและเริ่มจับกลุ่มดื่มกันตามประสากัญญานันเหนียวตัวขอไปอาบน้ำก่อนพิมพ์ปรางจึงนั่งเล่นอยู่ด้านนอกมองบรรยากาศไปเรื่อยๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว“มานั่งรอคิดเหรอ”คำถามเป็นภาษาอังกฤษทำให้พิมพ์ปรางหันไปมอง เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไรแม้จะไม่เก่งภาษามากก็ตาม“เปล่า”สาวน้อยตอบสั้นๆ“เชอะ อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันรู้นะเขาไปนอนกับเธอ”พิมพ์ปรางตาโต ตกใจหน้าซีด ทั้งที่พยายามจะปรับสีหน้าให้ปกติแต่แ
พิมพ์ปรางไม่เคยดำโผขึ้นลงอยู่ในน้ำเป็นเวลานานขนาดนี้ แม้จะเป็นครั้งแรกที่มาดำน้ำและเรียนรู้การดำน้ำตื้นแต่สาวน้อยก็สามารถทำได้ดี และโลกใต้ทะเลทำให้ตื่นตาตื่นใจแต่ก็เพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่คนที่สอนเธอดำน้ำทั้งยังอยู่ข้างๆ ตลอดเวลานั่นเองต่อเพื่อนของกิตติกรเกาะติดเธอจนสาวน้อยอดวิตกไม่ได้ รู้ตัวดีว่าถูกหม่อมหลวงหนุ่มจับตามองอยู่แม้จะไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายก็ตาม ไม่อยากนึกเลยว่าเธอต้องเจอกับอะไรสุดท้ายแล้วการดำผุดดำว่ายนานกว่าปกติโดยร่างกายยังไม่ชินเท่าไรนักก็ทำให้พิมพ์ปรางมึนหัวจนต้องขอขึ้นมาก่อน ทว่าต่อก็ยังตามมาดูแลอีกด้วย แม้จะรู้สึกขอบคุณแต่มันกลับทำให้เธอกดดันจนทำตัวไม่ถูก“ขอบคุณค่ะ”ชายหนุ่มพยุงร่างเล็กให้ขึ้นมาบนเรือและยังพามานั่งพัก“พักสักหน่อยนะ หรือว่าจะเอายาดมหรืออะไรไหม เดี๋ยวพี่หาให้”ต่อถามด้วยความหวังดีแต่พิมพ์ปรางยิ้มแหย ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย หรือเป็นภาระของเขาไปมากกว่านี้เพราะคนที่จะเดือดร้อนก็คือเธอเอง“ปรางเป็นอะไร”กัญญานันรีบตามมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนมีชายหนุ่มพยุงขึ้นมา“มึนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”“เหรอ งั้นเดี๋ยวก้อยหายาดมให้นะ”เมื
สาวน้อยเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น ขณะที่ชายหนุ่มกวาดมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ“ทำไมมาช้า”“รอคุณก้อยหลับค่ะ”คำตอบแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่กิตติกรก็พอใจ อย่างน้อยพิมพ์ปรางก็ยังฟังคำสั่งเขา ชายหนุ่มดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวแต่มือบางรีบดันอกเขาเอาไว้ ดวงหน้าเล็กซีดลงจนหน้าใจหาย“เอ่อ คุณกลางคะ”“เธอผิดสัญญา”“ไม่มีใครมายุ่งกับปราง...”สาวน้อยมีสีหน้าทั้งงงทั้งกลัวระคนกัน“ก็ไอ้ต่อไง”“เราแค่คุยกัน เขาเก็บของคุณก้อยได้ แล้วคิดว่าเป็นของปรางก็เลยเอามาคืน”เธอรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ“อย่าบอกนะว่าเธอดูไม่ออกว่าไอ้ต่อมันคิดจะทำอะไร”คนตัวเล็กตรงหน้ามีสีหน้าไม่เข้าใจ และมันยิ่งทำให้กิตติกรหงุดหงิด“นี่ฟังนะ มันจะจีบเธอ ไม่งั้นมันไม่ชวนคุย ไม่ช่วยแกะกุ้งแกะปู ตักนั่นนี่ให้หรอก”พิมพ์ปรางอ้าปากค้าง คาดไม่ถึง เธอเข้าใจว่าเพื่อนของเขาเป็นคนใจดีมากกว่าจะมาสนใจเด็กอย่างเธอ“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องเตือนความจำเจอเธอไง”พอพูดจบกิตติกรก็โน้มหน้าลงมาหาแต่พิมพ์ปรางรีบหลบ อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนไปหอมแก้มแล้วระเรื่อยลงไปยังลำคอแทน ร่างเล็กตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที“อย่านะคะ อย่าทำแบบนี้ค่ะ”“ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าไ
ช่วงมื้อเย็นจัดเป็นสองโต๊ะ กัญญานันกับพิมพ์ปรางร่วมโต๊ะเดียวกันกับกิตติกรโดยมีเพื่อนที่ชื่อต่อของเขารวมด้วย นั่นทำให้พิมพ์ปรางมักจะตัวเกร็งเสมอเวลาที่ต่อหันมาคุยกับเธอ กระทั่งเลยสี่ทุ่มมาแล้วสองสาวน้อยจึงชวนกันกลับห้องพัก“ก้อยกับปรางกลับห้องก่อนนะคะพี่กลาง”“ครับ”ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะตอบรับเมื่อสองสาวคล้อยหลัง กลุ่มหนุ่มสาวก็ยังนั่งดื่มนั่งคุยกันอย่างออกรสจนถึงเที่ยงคืนจึงค่อยๆ แยกย้ายไปทีละคนสองคนสักพักกิตติกรก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทำให้สาวร่างอวบอิ่มลุกตามด้วย กระทั่งกำลังจะเข้าไปในบ้านพักชายหนุ่มจึงพูดขึ้น“แอนเดรียนอนที่นี่คนเดียวก็แล้วกันนะ”“ทำไม”แอนเดรียขยับตัวเข้ามาเบียดหน้าอกหน้าใจกับต้นแขนเขาแต่กิตติกรไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย วันนี้สาวสวยดื่มหนักเกินไป เขาไม่ชอบกลิ่นเบียร์จากปากผู้หญิงที่จูบ แม้กลิ่นจางๆ อาจจะดูเย้ายวนแต่พอดื่มจนเมาแล้วมันกลายเป็นคนละเรื่องสำหรับเขาไปเลย กิตติกรมักจะนอนไม่หลับถ้าได้กลิ่นฉุนแอลกอฮอล์เพราะนิสัยตัวเองก็ไม่ค่อยดื่มจนเมาหัวราน้ำ เขามีลิมิตในการดื่ม ถ้าตัวมีกลิ่นฉุนติดจมูกยังอาบน้ำก่อนนอนด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ คือไม่ชอบนอนกับคนเมา“วันนี้เหนื่อยน่ะ
พิมพ์ปรางถึงกับตัวแข็งเมื่อเห็นคนคนหนึ่งเดินตรงมาหาพร้อมกับลุงพลคนขับรถของบ้านอรรถพันธ์พงศ์“พี่กลาง”กัญญานันทักทายพี่ชายพร้อมรอยยิ้ม สองสาวเก็บของเสร็จแล้วออกมาจากห้องแต่งตัวหลังจบการแสดงของตัวเองพร้อมกระเป๋าใบย่อม“มารอนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วครับ พี่ได้ดูที่น้องก้อยแสดงด้วย ใครๆ ก็ชมว่าบุษบาสวยกันทั้งนั้น”“ปรางก็สวยค่ะ เนอะ”สาวน้อยบอกพี่ชายแล้วกระแทกไหล่บางของเพื่อนเบาๆ เพราะนางจินตะหราที่พิมพ์ปรางแสดงนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบไม่น้อยเลย ถือว่าประสบความสำเร็จในการแสดงละครรำครั้งแรกของพวกเธอ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไร เพียงแค่ยกมือไหว้กิตติกรกับคนขับรถเท่านั้นกิตติกรเองก็ไม่แสดงสีหน้าใดๆ แม้จะนึกขุ่นเคืองกับคำชมแสนปลาบปลื้มนางจินตะหราที่เขาได้ยินจากบรรดานักเรียนวัยรุ่นที่นั่งใกล้ๆ ก็ตาม พอได้เห็นหน้าพิมพ์ปรางอาการหวงของของเขาก็กลับมาอีกครั้งแน่นอนว่าสาวน้อยใบหน้าผ่องใสในตอนนี้ขณะที่อยู่บนเวทีและแต่งหน้าจัดเต็มกลับกลายเป็นสาวสวยหมดจดตรึงตาตรึงใจจนใครๆ ก็ต้องจดจ้องไม่วางตา รวมทั้งเขาเองด้วย“ขึ้นรถเถอะ จะได้ไปรับเพื่อนๆ พี่ต่อ นัดพวกเขาเอาไว้บ่ายโมง”เมื่อชายหนุ่มบอก คนขับรถจึงเดินมาช่วย
“อะไรนะคะ ปรางจะออกไปอยู่หอที่โรงเรียนเหรอ”กัญญานันตกใจกับคำบอกของยายจันทร์ เพราะเห็นเพื่อนและยายช่วยกันถือกระเป๋าเสื้อผ้ามาสองใบด้วยความแปลกใจจึงถามแล้วก็ต้องตกใจกับคำตอบที่ได้“ใช่ค่ะ”เป็นยายจันทร์ที่เป็นคนตอบ ขณะเดียวกันก็หันไปกวักมือเรียกให้คนขับรถมาเอากระเป๋าของหลานสาวไปใส่ท้ายรถ“ทำไมอยู่ๆ ปรางก็จะไปอยู่หอล่ะ ไม่เห็นเคยบอกอะไรก้อยเลย”พิมพ์ปรางอึกอัก เธอไม่ใช่คนที่โกหกหรือพลิกแพลงเก่ง พอถูกถามกะทันหันก็ไม่รู้จะตอบคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งเจ้านายอย่างไร“ยายอยากให้ปรางมีเวลาอ่านหนังสือเยอะๆ น่ะค่ะคุณก้อย ตั้งแต่ขึ้นมอปลายก็ต้องซ้อมรำ ต้องออกงานบ่อยๆ ยายเห็นว่าพักที่หอของโรงเรียนน่าจะสะดวกกว่ากลับมาบ้านทุกวันแบบนี้”“ก้อยก็ทำเหมือนกัน ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนี่นา ปรางไปกลับกับก้อยทุกวันสะดวกออกค่ะ”“โถ คุณก้อยฉลาด แต่ปรางน่ะต้องอ่านหลังสือตั้งหลายรอบกว่าจะเข้าหัว ยายไม่ห้ามถ้าอยากเรียนรำเรียนฟ้อน แต่ยายก็ไม่อยากให้เสียการเรียนเหมือนกัน มีวิชาติดตัวจะได้เอาตัวรอดได้”ยายจันทร์อธิบายเป็นเรื่องเป็นราวจนพิมพ์ปรางเองยังทึ่ง ตาแดงๆ หันมองยายตัวเองสลับกับกัญญานันไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก พอเธอรั
“ออกไปจากบ้านนี้ซะ”พิมพ์ปรางตาโตหลังได้ยินประโยคนี้ก่อนจะทรุดลงกับพื้น เธอเปิดประตูออกมาเจอยายยืนอยู่หลังจากเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียนเรียบร้อย และคำแรกที่ยายพูดก็ทำเอาหัวใจสาวน้อยสลาย“ยาย”“ไปจากที่นี่ซะ ยายทนให้แกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาคุณชายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”เมื่อคืนยายจันทร์ออกมาเข้าห้องน้ำแล้วก็ได้ยินเสียงคุยกันในห้องหลานสาว ด้วยความที่กิตติกรเป็นลูกท่านทำให้ยายจันทร์ไม่กล้าหักหาญแตกหัก จึงได้แต่เดินกลับห้องน้ำตานองหน้า แล้วก็หลับไม่ลงทั้งคืนด้วยความปวดใจในสิ่งที่หลานสาวตัวเองทำ ก่อนจะตัดสินใจในที่สุดว่าต้องจัดการให้เด็ดขาด“ยายจ๋า”พิมพ์ปรางขยับเข้าไปจับมือยายอย่างขอร้อง เธอรู้สึกผิด กลัว รวมทั้งเจ็บปวดเสียใจในคราวเดียว น้ำตายายที่เอ่อคลอทำเอาคนเป็นหลานรู้สึกอกอัดแน่นหายใจแทบไม่ออก“แกมันอกตัญญูจริงๆ ที่ยายสอนไปไม่จำเลยหรือไง ทำไมยังทำอีก แบบนี้ยายจะมีหน้าที่ไหนไปมองคุณชายท่าน เรามันก็แค่ขี้ข้า แกทำแบบนี้ได้ยังไง”คนเป็นยายสะบัดมือหลานสาวทิ้ง อีกฝ่ายจึงรีบกอดขาทันที“ปรางขอโทษจ้ะยาย”น้ำตาสาวน้อยไหลพราก เธอพูดอะไรไม่ออก ถึงจะอธิบายยายก็คงไม่ฟัง เพราะยังไงเรื่องระหว่างเธอกับคุณ
“ปราง ได้ยินไหม ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอไม่มาเปิดประตู ฉันจะเคาะให้ยายเธอตื่นเลย”มือบางกำแน่นจนสั่น กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากตนเองไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มก็กลัว กลัวว่าเขาจะทำเสียงดังจนยายได้ยินก็กลัว ทั้งที่ยังไม่รู้จะทำอย่างไรแต่พอได้ยินเสียงอีกฝ่ายนับหนึ่ง ร่างแบบบางก็รีบเปิดประตูห้องตัวเองออกไปอย่างแผ่วเบา“สอง...”สาวน้อยเหงื่อซึมไปทั่วทั้งตัว หวาดกลัวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ หากก็ไม่สามารถขัดคำสั่งชายหนุ่มได้“สาม”เสียงนับดังพร้อมกับประตูบ้านเปิดออก ก่อนคนตัวเล็กจะรีบถอยหนีทันทีเมื่อชายหนุ่มเข้ามาด้านใน“เชื่อฟังดี”เขาบอกแล้วเดินนำตรงไปทางห้องของเธอ พิมพ์ปรางเลิ่กลั่กหากก็รีบปิดประตู จำใจก้าวตามอีกฝ่าย ก้าวแต่ละก้าวหนักอึ้งเหลือเกินแต่จะยืนคุยข้างนอกก็กลัวว่าเสียงจะไปถึงในห้องยายหลังจากมาอยู่ในห้องกันทั้งคู่แล้วกิตติกรก็ก้าวเข้ามาใกล้ร่างเล็ก แต่พิมพ์ปรางรีบทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ายกเมือไหว้เขาทันที“อย่าทำปรางเลยนะคะคุณกลาง”สิ่งที่เห็นทำให้กิตติกรถึงกับชะงัก ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำถึงขนาดนี้ ใบหน้าเล็กที่เงยมองเขามีหยาดน้ำตาค่อยๆ รินไหลโดยไม่ได้บีบน้ำตาแม้แต่น้อย มันไหลออกมา
กิตติกรต้องเดินทางในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มต้องเตรียมหลายอย่างทำให้ค่อนข้างยุ่ง ทั้งเรื่องเอกสาร ที่พัก และของบางส่วนที่ส่งไปก่อนจนตอนนี้เรียบร้อยแล้วถึงมีเวลาพักไม่กี่วันก่อนเดินทาง จึงตัดสินใจมาหายายจันทร์เพื่อกราบลา อย่างน้อยท่านก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เมตตาและดูแลเขาอย่างดีรองจากพ่อแม่บ่ายแก่เป็นเวลาที่ยายจันทร์ดูแลเรื่องอาหารว่างเสร็จเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าเรือนหัวใจก็กระตุก แต่พยายามสงบจิตใจ ทำใจให้เย็นเข้าไว้ คิดเพียงว่าอีกไม่กี่วันคุณกิตติกรก็จะไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้ว ไม่ต้องมาคอยระแวงหรือห่วงอะไรเกี่ยวกับหลานสาวอีก เพราะนับตั้งแต่เช้าวันนั้นกว่ายายจันทร์จะหลับก็เลยค่อนคืนไปแล้วทุกที ท่านคอยเงี่ยหูฟังว่าจะมีเสียงอะไรหรือมีใครมากลางดึกหรือไม่ แถมยังตื่นก่อนหลานสาวและไปแนบหูฟังหน้าประตูทุกวัน แต่ทุกอย่างก็เงียบเชียบไม่มีอะไร ยังดีที่ไม่มีเรื่องบัดสีเกิดขึ้นซ้ำ ทว่าคนเป็นยายได้แต่พยายามทำใจและเก็บความทุกข์ใจไว้เพียงลำพัง หาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไม่ได้“อ้าว คุณกลาง ใกล้เวลาอาหารว่างนะคะ ทำไมมานั่งอยู่หน้าเรือนยายล่ะคะ”ยายจันทร์ทักไปด้วยสีหน้าฝืนยิ้มให้เป็น