Share

บทที่ 6 ตบหน้าฉาดใหญ่

Penulis: Luffy.g
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-23 17:18:41

หลังจากวันนั้นจางหมินเย่วก็ยังคงไม่ลดละความพยายาม ในเมื่อนางได้ปักใจกับซ่งฟู่หลงแล้ว นางย่อมไม่มีวันเปลี่ยนใจง่ายๆ เป็นแน่ ความมุ่งมั่นที่มีกับความรู้สึกที่ลึกซึ้งเบ่งบานในใจทำให้นางสลัดความเศร้าที่มีในหนก่อน และเดินหน้าเพื่อความรักของนางต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้

จางหมินเย่วจัดเตรียมตะกร้าอีกครั้งโดยนางเปลี่ยนจากขนมหวานเป็นอาหารคาวแบบง่ายๆ ด้วยตนเอง

แต่เมื่อไปถึงหน้าจวน พ่อบ้านคนเดิมได้แต่ทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อยใจ เขาปฏิเสธจางหมินเย่วออกไปอย่างไม่ไว้หน้า

“คุณหนู โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย นายท่านไม่ประสงค์ให้คุณหนูเข้าพบ หวังว่าคุณหนูจะตัดใจโดยเร็ว”

จางหมินเย่วยิ้มหน้าเจื่อนไม่เสียทุกรอบ แต่นางก็ยังคงหวังว่าสักวันซ่งฟู่หลงจะใจอ่อนให้นางอยู่บ้าง ผิดกับเล่อจิ้นที่เอาแต่หงุดหงิดฉุนเฉียวไปเสียทุกครั้งไป ใต้เท้าซ่งผู้นั้นมีตาหามีแววไม่ นายหญิงลดตัวลงมาหาเขาเช่นนี้ แต่เขากลับแสดงความหยาบคายอย่างไม่ไว้หน้าทีเดียว

หลังจากจางหมินเย่วถูกปฏิเสธอยู่หลายหน นางก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ท่าทางร่าเริงแปรเปลี่ยนเป็นเซื่องซึมและดูเหม่อลอย แม้เล่อจิ้นจะพยายามปลอบขวัญนางเช่นใดก็มิอาจทำให้จางหมินเย่วกลับมาสดใสได้อีกครั้ง

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่จางหมินเย่วตั้งใจไปที่จวนสกุลซ่ง คราวนี้จางหมินเย่วมิได้ให้เล่อจิ้นเคาะประตูจวนอย่างที่เคย นางเพียงยืนหลบมุมอยู่บริเวณรูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ที่หน้าจวน สายตาชะเง้อมองไปยังประตูจวนอยู่หลายหน หวังเพียงให้ได้พบหน้าซ่งฟู่หลงสักครั้งหนึ่งก็เพียงพอ

ไม่นานประตูจวนก็เปิดออก ซ่งฟู่หลงก้าวเท้าออกจากจวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จางหมินเย่วเห็นเขาก็ได้แต่ใจเต้นรัวแรง ร่างกายร้อนผ่าวพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอาย นางยังคงแอบมองซ่งฟู่หลงอยู่เช่นนั้นโดยไม่ปรากฏตัวให้รบกวนเขาอย่างเช่นเคย

ซ่งฟู่หลงก้าวเดินออกมาจากจวน สัญชาตญาณของเขาทำให้ซ่งฟู่หลงปรายสายตามองไปยังรูปปั้นตรงด้านข้าง จางหมินเย่วเห็นเช่นนั้นก็รีบหันหลังหลบตัวแอบอยู่ด้านหลังอย่างกลัวว่าเขาจะนึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอีก

ซ่งฟู่หลงที่เห็นร่างบางรำไรก็อดนึกขบขันอย่างเสียมิได้ นี่นางคิดว่าการหันหลังเข้ากำแพงจะทำให้หลบพ้นสายตาของเขาไปได้หรอกหรือ แค่เพียงชายกระโปรงที่สะบัดพริ้วก็เพียงพอจะทำให้เขาจับสังเกตได้แล้ว เขายกยิ้มขึ้นมุมปากอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะปรับสีหน้าปรับมาเป็นปกติอีกครั้ง แล้วจึงหันหลังเดินจากไปโดยไม่คิดจะทำให้นางได้รู้ตัวว่าถูกจับได้เสียแล้ว

          หลังจากฝ่าบาททรงว่าราชการเสร็จสิ้น ซ่งฟู่หลงก็เดินออกจากท้องพระโรงเพื่อกลับมายังจวน โดยปกติเขามักไม่ค่อยสุงสิงกับใต้เท้าคนใดมากนัก และด้วยตำแหน่งขุนนางขั้นเจ็ดของเขาทำให้ขุนนางทั้งหลายก็ไม่คิดจะเหลือบแลเขาเช่นเดียวกัน

         แต่ในระหว่างที่ซ่งฟู่หลงกำลังก้าวเท้าลงบันได จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นมา

          “ใต้เท้าซ่ง...โปรดรอสักครู่”

          ซ่งฟู่หลงชะงักเท้าก่อนจะหันหลังกลับไปตามเสียงเรียก จางเหวิ่นชิงสาวเท้าเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางอย่างต้องการหยั่งเชิง

          “คารวะใต้ท้าจาง ไม่ทราบว่าใต้เท้ามีธุระอันใดกับข้าหรือ”

          “ใต้เท้าซ่ง หากท่านว่างเชิญไปดื่มน้ำชาเป็นเพื่อนข้าสักหน่อย”

          “ใต้เท้าจางเกรงใจข้าแล้ว...เชิญ” ซ่งฟู่หลงผายมือเชิญจางเหวิ่นชิงให้เดินนำหน้าด้วยความนอบน้อม

          ภายในห้องรับรองจางเหวิ่นชิงนั่งเผชิญหน้ากับซ่งฟู่หลง สายตาของชายวัยกลางคนจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณา ในขณะที่ซ่งฟู่หลงยังคงนั่งนิ่งอย่างสงบ ดวงตาจ้องมองกลับอย่างไม่หวาดหวั่น บรรยากาศภายในห้องชวนให้อึดอัดและอึมครึม

          จางเหวิ่นชิงยกจอกน้ำชาขึ้นจิบ พร้อมกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ใต้เท้าซ่ง...ข้าต้องการรู้ความสัมพันธ์ของท่านกับเย่วเอ๋อร์ บุตรสาวคนรองของข้า”

          ซ่งฟู่หลงขมวดคิ้วจนเป็นปมอย่างนึกแปลกใจ เขาขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงฉุกคิดถึงหญิงสาวที่มาดักพบเขาที่ด้านหน้าจวนอยู่บ่อยครั้ง นางเคยกล่าวกับเขาว่านางเป็นบุตรสาวคนรองสกุลจาง

          “ใต้เท้าจางคงมีเรื่องเข้าใจผิดเป็นแน่ ข้ากับคุณหนูรองมิได้มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบออกมาตามความจริง

          จางเหวิ่นชิงได้ยินเช่นนั้นก็นึกโกรธเคืองขึ้นมา เขาถึงกับตบโต๊ะ สายตาจับจ้องซ่งฟู่หลงจนแทบถลนออกมาจากเบ้า “บังอาจนัก...เจ้าเป็นลูกผู้ชายกล้าทำแต่มิกล้ารับ...คิดจะทำให้บุตรสาวของข้าเสื่อมเสียหรือ”

          ซ่งฟู่หลงมิได้แสดงท่าทีที่เกรงกลัวออกมาแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับจางเหวิ่นชิงพร้อมยกมือไขว้ไปด้านหลังอย่างผ่อนคลาย “ใต้เท้าจาง...ท่านควรไปสอบถามบุตรสาวของท่านเองจะดีกว่า...เพราะข้ากับนางมิเคยมีความสัมพันธ์อันใด” ซ่งฟู่หลงย้ำความจริงอีกครั้ง “ข้าขอยืนยันกับท่าน...ข้ามิเคยคิดผูกสัมพันธ์กับนาง และฝากใต้เท้าจางกลับไปบอกบุตรสาวของท่าน...อย่าได้สนใจเรื่องในจวนของข้าอีกเลย”

          คำปฏิเสธที่กล่าวออกจากปากซ่งฟู่หลงด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่จริงจัง ไม่ต่างกับการตบหน้าจางเหวิ่นชิงฉาดใหญ่ คำพูดที่แม้จะดูไม่มีสิ่งใดเคลือบแคลงแต่คล้ายกับการประกาศให้เขารู้ว่าบุตรสาวของตนต่างหากที่เอาแต่ตามตอแยชายหนุ่มตรงหน้าไม่หยุด

          “เจ้า...หากเจ้าไม่มีความสัมพันธ์ใดกับนาง...เหตุใดนางจึงร้องขอแต่งงานกับเจ้าด้วย” จางเหวิ่นชิงตะคอกออกมาเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง ร่างหนาสั่นเทิ้มด้วยโทสะที่มี

          “แต่งงาน...” ซ่งฟู่หลงอุทานออกมาอย่างนึกขบขัน พลางยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างน่าหมั่นไส้ เขากับนางยังไม่เคยได้พูดจาอันใดกันแม้แต่น้อย เขากลับต้องมานั่งรับฟังว่านางคิดเพ้อถึงขั้นแต่งงานกับตน ช่างเป็นเรื่องน่าสนใจยิ่งนัก “ใต้เท้าจาง...ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น...นางก็ไม่ควรคิดเช่นกัน”

         ซ่งฟู่หลงพูดจบก็โค้งตัวคำนับลาก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจจางเหวิ่นชิงที่ยืนเต้นผางด้วยความโกรธกริ้วอย่างแรง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน

    บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิด

    บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีก

    บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจ

    บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 64 ทวงสัญญา

    บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 63 จนมุม

    บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status