จางเหวิ่นชิงกลับจวนด้วยโทสะที่อัดแน่น เสนาบดีเช่นเขากลับถูกขุนนางขั้นเจ็ดหักหน้าจนไม่เหลือชิ้นดี จางเหวิ่นชิงกระแทกเท้าเดินเข้ามาภายในห้องโถงพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น “เย่วเอ๋อร์...ไปตามเย่วเอ๋อร์มาเดี๋ยวนี้”
สาวใช้ต่างพากันลนลาน พ่อบ้านถึงกับเหงื่อตก เขารีบเดินกึ่งวิ่งออกไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
เล่อจิ้นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาจางหมินเย่วที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในศาลากลางน้ำ กลิ่นหอมของดอกบัวที่บานสะพรั่งที่ทั่วผืนน้ำมิอาจข่มความว้าวุ่นภายในใจที่มีลงไปได้ ภาพซ่งฟู่หลงที่แลดูเฉยชาและไม่แยแสนางแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้ใบหน้าหวานแลดูเศร้าสร้อยไปถนัดตา
“คุณหนู...แย่แล้วเจ้าค่ะ...คุณหนู”
เสียงร้องเรียกของเล่อจิ้นทำให้จางหมินเย่วหลุดออกจากภวังค์ นางหันกลับไปมองสาวใช้ที่หน้าตาที่ตระหนกราวกับเห็นผี
“เล่อจิ้น...มีเรื่องอันใดกันหรือ”
“นายท่านเจ้าค่ะ...” เล่อจิ้นพูดไปพลางหอบเหนื่อยไปในที “นายท่านเรียกหาคุณหนูเจ้าค่ะ พ่อบ้านบอกว่านายท่านมีท่าทางโกรธมาก”
จางหมินเย่วเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพยักหน้ารับ ช่วงนี้เรื่องที่ท่านพ่อโกรธนางก็คงมีแต่เรื่องของซ่งฟู่หลงเป็นแน่ หรือท่านพ่อของนางรู้เรื่องที่นางตามตอแยใต้เท้าซ่งถึงที่จวนไม่เว้นแต่ละวันกันแน่นะ
“เจ้าไปตามท่านแม่ให้ข้าที” จางหมินเย่วพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปยังห้องโถงทันที ความกังวลใจฉายอยู่บนใบหน้าหวานอย่างไม่อาจปกปิด
จางหมินเย่วยืนอยู่หน้าห้องโถงด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ นางหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทำใจก่อนจะเผชิญหน้าบิดา จางหมินเย่วสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปภายในห้องโถงที่บัดนี้จางเหวิ่นชิงกำลังยืนเท้าสะเอวพร้อมใบหน้าเคร่งเครียด สายตาจับจ้องจางหมินเย่วตาเขม็งราวกับจะแผดเผานางให้เป็นจุณ
“คำนับท่านพ่อ” จางหมินเย่วย่อกายคำนับพร้อมรอยยิ้มหวาน นางรีบปรี่เข้าไปคล้องแขนบิดาอย่างเอาใจ “พ่อบ้านบอกว่าท่านพ่อต้องการพบข้ามีเรื่องร้อนใจอันใดหรือเจ้าคะ”
น้ำเสียงที่ออดอ้อนพร้อมสายตาที่เว้าวอน รวมถึงใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของบุตรสาว ส่งให้จางเหวิ่นชิงมีท่าทีอ่อนลงไปอยู่บ้าง เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักพร้อมมองหน้าบุตรสาวอย่างอ่อนใจ
“เย่วเอ๋อร์...เจ้าเคยมาขอร้องข้า...บอกข้าว่าต้องการแต่งงานกับซ่งฟู่หลง...ข้าขอถามเจ้า...เจ้ากับบุรุษผู้นั้นมีความสัมพันธ์กันเช่นใด”
คำถามที่จี้แทงใจทำเอาจางหมินเย่วถึงกับชะงักค้าง หลายวันมานี้จางหมินเย่วได้แต่กลัดกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องซ่งฟู่หลงมาโดยตลอด ครั้นพอเจอการคาดคั้นจากบิดาก็ทำเอาให้นางสุดจะกลั้นเอาไว้ได้อีก ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อคลอออกมาพร้อมหยดลงอาบแก้มในทันที
จางหมินเย่วยกมือขึ้นปิดหน้าพร้อมร้องไห้ออกมาเสียงดัง ร่างบางสะอื้นไห้จนตัวโยนไปหมด จางเหวิ่นชิงที่เดิมทีตั้งใจระบายโทสะกับนางถึงกับตกตะลึง ความรักและความห่วงใยเข้ามาแทนที่ความโกรธของตนจนสิ้น
“เย่วเอ๋อร์...เจ้าเป็นอันใด...ใครรังแกเจ้า”
จางหมินเย่วไม่ได้ตอบคำถามของบิดาแต่กลับโผเข้ากอดพร้อมร้องไห้กับบ่ากว้าง น้ำตาหยดนองไหลซึมเข้าปกเสื้อทำเอาจางเหวิ่นชิงถึงกับหัวใจกระตุกวูบราวกับหัวใจถูกบีบเคล้นอย่างหนัก สองมือยกขึ้นลูบหลังบุตรสาวสุดที่รักด้วยความเป็นห่วงใย
“เย่วเอ๋อร์...บอกข้ามาเดี๋ยวนี้...ใครกล้าทำเจ้าร้องไห้เช่นนี้...ซ่งฟู่หลงใช่หรือไม่...ข้าจะไปเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
“อย่านะท่านพ่อ...เป็นข้าเอง...ข้าไม่ดีเอง” เสียงสะอึกสะอื้นของจางหมินเย่วทำให้จางเหวิ่นชิงปวดใจยิ่งนัก
เซี่ยเหมยที่เพิ่งก้าวเข้ามาภายในห้องโถง เมื่อเห็นสภาพจางหมินเย่วที่ร้องไห้จนตัวโยน นางก็รีบปรี่เข้ามายังสองพ่อลูกในทันที
เซี่ยเหมยดึงจางหมินเย่วเข้ามาไว้ในอ้อมแขน พร้อมมองหน้าจางเหวิ่นชิงด้วยสายตาตำหนิ “ท่านพี่...ท่านทำอะไรเย่วเอ๋อร์...นางถึงได้ร้องไห้หนักเช่นนี้”
จางเหวิ่นชิงได้ยินคำกล่าวโทษเช่นนั้นถึงกับอ้าปากค้าง เขามองหน้าฮูหยินของตนอย่างงุนงง “ข้ายังไม่ทันกล่าวอันใด...เย่วเอ๋อร์ก็ร้องไห้เสียห่าใหญ่...ข้ากำลังถามความเอากับนาง เจ้าก็เข้ามาพอดี” จางเหวิ่นชิงรีบแก้ต่างให้ตนเองอย่างตะกุกตะกัก
เซี่ยเหมยเขม่นมองสามีอย่างนึกจับผิด ก่อนจะเบนความสนใจกลับมาที่จางหมินเย่วอีกครั้ง “เย่วเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่มาว่าใครทำเจ้าร้องไห้เช่นนี้”
จางหมินเย่วเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเหมยด้วยแววตาโศกเศร้า ความน้อยใจพรั่งพรูขึ้นมา นางโผเข้ากอดเซี่ยเหมยอย่างต้องการพึ่งพิง “ท่านแม่...ข้ารักใต้เท้าซ่ง...ข้ารักเขาด้วยใจจริง...แต่ข้า...ข้าคงมิอาจสมหวังได้”
จางเหวิ่นชิงปะติดปะต่อเรื่องราวได้โดยทันที เขานึกถึงท่าทางและคำพูดอันหยิ่งยโสของซ่งฟู่หลงขึ้นมา ความโกรธที่มียิ่งเพิ่มขึ้นเท่าทวี แค่เพียงซ่งฟู่หลงผูกสัมพันธ์กับบุตรสาวของตนก็ทำเขานึกดูแคลนในความต่ำต้อยของฝ่ายชายที่ไม่คู่ควรกับบุตรสาวสุดที่รักของตนแม้แต่น้อย แต่นี่ซ่งฟู่หลงถึงกับปฏิเสธสัมพันธ์กับนางนั่นยิ่งทำให้จางเหวิ่นชิงนึกเคืองแค้นมากขึ้นไปอีก
“ท่านพี่...ดูท่าทางเย่วเอ๋อร์ชอบพอใต้เท้าซ่งยิ่งนัก...ท่านจะทนดูลูกของเราผิดหวังได้หรือเจ้าคะ...เป็นข้า...ข้ามิอาจทนได้” เซี่ยเหมยหันไปกล่าวกับจางเหวิ่นชิงพร้อมทั้งยั่วยุเขาไปในที
จางเหวิ่นชิงที่เลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห อีกทั้งคำยั่วยุที่ฮูหยินของตนกล่าวออกมา ทำให้จางเหวิ่นชิงลืมเลือนความตั้งใจเดิมไปจนสิ้น เดิมทีจางเหวิ่นชิงตั้งใจจะตำหนิบุตรสาวเรื่องที่ทำให้เขาเสียหน้าครั้งใหญ่ พร้อมทั้งสั่งห้ามนางมิให้คบค้ากับคนผู้นั้นอีก
จางเหวิ่นชิงถึงกับคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงอันดุดัน “หากเย่วเอ๋อร์ต้องการแต่งงาน...พ่ออย่างข้าย่อมต้องจัดการให้เจ้าเอง”
บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ
บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั
บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี
บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง
บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห
บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ