เสี่ยวจิ่วนักฆ่าระดับเพชร เธอมักจะฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ จนวันที่เธอทะลุมิติไปอยู่ในยุคโบราณ จึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องของเธอเมื่อภพก่อน
Lihat lebih banyak“เจ้าทำจริงหรือไม่ อวี้เออร์” เสียงเหยียบเย็นของผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรสาวที่คุกเข่าร้องไห้ แทบขาดใจอยู่ที่พื้น
นางเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเม้มปากแน่น ทั้งส่ายหน้าจนเส้นผมหลุดลุ่ยอย่างน่าสงสาร
“ลูกไม่เคยคิดจะทำ และไม่ได้ทำสิ่งใดผิด” นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
ผู้เป็นมารดาเมื่อรู้ข่าวว่าบุตรสาวถูกจับตัวไปสอบสวนที่ห้องโถงเรือนหลักก็รีบวิ่งมาหาอย่างร้อนใจ
“ท่านพี่ ได้โปรดเมตตาอวี้เออร์ด้วย บุตรสาวข้านางไม่มีทางทำเด็ดขาด” นางกอดบุตรสาวไว้แน่น พร้อมทั้งมองผู้เป็นสามีอย่างขอความเห็นใจ
“เหอะ ไม่เคยทำ มิใช่ว่าจะไม่ทำ เจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่น้องสาว” ฮูหยินเอก ที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงก็เอ่ยถากถางออกมา
“น้องสาว หากเจ้าอยากได้ของหมั้นของข้าเหตุใดถึงไม่ขอข้าดีๆ ถึงแม้เป็นของหมั้นพี่สาวเช่นข้าก็ยกให้เจ้าได้” เซี่ยหรันเซียนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ยิ่งรวมกับท่าทางที่ชดช้อยของแม่ดอกบัวขาวด้วยแล้ว ทำให้ผู้คนที่พบเห็นนางต่างสงสารจับใจ
“เซียนเซียนเจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ของหมั้นที่ข้ายกให้เจ้า จะมอบให้ผู้อื่นได้อย่างไร” กงจวิ้นปลอบใจคู่หมั้นของตนทันที
เซี่ยหรันเซียนยิ้มมองคู่หมั้นอย่างเขินอาย นางลอบยิ้มเย้ยเซี่ยหรูอวี้ที่นั่งอยู่ที่พื้นโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เซี่ยหรูอวี้ได้แต่ยกยิ้มเยาะตนเอง นางจะอยากได้ของหมั้นของพี่สาวไปเพื่ออันใด ในเมื่อนางไม่เคยมีใจให้กงจวิ้นมาก่อนเลย
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเข้าหานางอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นนางที่คอยหลบเลี่ยงอยู่ตลอด ด้วยรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาพึงใจในตัวเขา นางจึงไม่คิดจะเพิ่มปัญหาให้มารดาและพี่ชายถูกรังแกเพิ่ม
“มาถึงขั้นนี้แล้ว อาอวี้เจ้ายอมรับผิดเสียเถิด” กงจวิ้นเอ่ยเสียงแข็งออกมาเพื่อเอาใจสวีเหมยลี่
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพึงใจเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย แต่นางเป็นเพียงบุตรอนุ ไม่อาจช่วยในหน้าที่การงานของเขาได้ ต่างจากเซี่ยหรันเซียนที่ท่านตาของนางเป็นถึงเสนาบดี หนทางขุนนางของเขาย่อมจะก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด
เขาคิดจะรับนางเข้าจวนเพื่อเป็นอนุหลังจากแต่งกับเซี่ยหรันเซียนแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้เข้าเสียก่อน แม้นางจะไม่ได้ทำ อย่างไรเขาก็ต้องเข้าข้างคู่หมั้นของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าไม่ได้ทำ เหตุใดข้าต้องยอมรับ” นางเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม
ในเมื่อทุกคนคิดว่านางร้ายกาจมาโดยตลอด เหตุใดนางจะต้องยอมถอยเพื่อยอมรับการถูกใส่ร้ายในครั้งนี้ด้วย
พี่สาวของนางมักจะบอกใครต่อใครว่าถูกนางรังแกมากเพียงใดเมื่ออยู่ที่จวน ทั้งที่นางเป็นเพียงบุตรอนุ แต่ของทุกอย่างล้วนแต่ต้องให้นางเป็นผู้เลือกก่อน เพราะบิดาโปรดปรานมารดาของนางไม่น้อย
วันที่นางรู้เรื่องทั้งหมด คงเป็นเมื่อสามเดือนก่อนที่พี่สาวแสนดีของนาง ชวนนางไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนตระกูลกง คุณหนูที่มาร่วมงานต่างถากถางนางที่แต่งกายงดงามเกินหน้าบุตรสาวฮูหยินเอก
ทั้งที่ความจริง ชุดที่นางสวมใส่ เครื่องประดับบนตัวของนาง ก็มาจากพี่สาวและฮูหยินเอกจัดการให้นางก่อนวันจะเข้ารวมงานทั้งสิ้น นางเพิ่งจะได้รู้ว่าความหวังดีที่สองแม่ลูกมอบให้คือต้องการให้นางถูกประณามเช่นนี้เอง
“หึ บุตรสาวอนุเช่นเจ้า ร้ายกาจเช่นมารดาไม่มีผิด” สวีเหมยลี่ รู้จุดอ่อนของเซี่ยหรูอวี้ดี หากเมื่อใดที่กล่าวหามารดาของนาง นางจะต้องโวยวายอย่างไม่ยอมแน่นอน
“อย่าได้กล่าวหามารดาข้าเช่นนี้ ผู้ใดกันแน่ที่ร้ายกาจกล้าวางแผนสกปรกเช่นนี้กับข้า”
เพียะ!!! เสียงฝ่ามือของเซี่ยถงวู่ที่ตบลงบนใบหน้าของเซี่ยหรูอวี้ดังจนแม้แต่บ่าวที่อยู่ด้านนอกยังสะดุ้งตกใจ
“เจ้ากล้าดีเช่นใด!!! ถึงได้กล้าพูดกับแม่ใหญ่เจ้าเช่นนี้” เซี่ยถงวู่ตวาดกร้าวออกมาเสียงดัง สองแม่ลูกลอบยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ
“ท่านพี่!!!” ตู้เหลียนกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ นางไม่คิดว่าสามีจะลงมือทำร้ายบุตรสาวรุนแรงถึงเพียงนี้
เซี่ยถงวู่ก็ดูเหมือนจะเพิ่งรู้ตัว แต่เพราะมีคนตระกูลกงเข้ามารวมฟังคำตัดสินในครั้งนี้ด้วย เขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปประคองบุตรสาวที่ล้มไปกองกับพื้นให้ลุกขึ้น
“สมควรแล้ว ทำผิดยังไม่ยอมรับ ยังจะปากกล้าใส่ผู้อาวุโสในจวน” เขาสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง โดยไม่คิดอยากจะมองสายตาของสองแม่ลูกที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวดใจ
“น้องสาว!!! เจ้าเจ็บมากหรือไม่” เซี่ยหยวน ที่เพิ่งกลับมาจากสำนักศึกษาก็รีบวิ่งเข้ามาดูน้องสาวทันที เมื่อทราบเรื่องจากบ่าวในจวน
“ไม่เจ้าค่ะ “นางบีบมือพี่ชายแน่น เพื่อไม่ให้กังวลเรื่องของนาง กลัวว่าจะกวนใจเขาเพราะใกล้จะสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ท่านพ่อ เหตุใดถึงได้ลงมือกับน้องเช่นนี้ขอรับ” เซี่ยหยวนลุกขึ้นหันไปสอบถามผู้เป็นบิดา
“มิใช่เรื่องของเจ้า ถอยออกไป” เซี่ยถงวู่ไม่ต้องการให้บุตรชายเพียงคนเดียวของเขา เข้ามายุ่งในเรื่องนี้
“แต่ว่า...”
“ท่านพี่ ท่านถอยออกไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ผิด หากจะถูกตีจนตายข้าก็ไม่ยอมรับ” เซี่ยหรูอวี้ลุกขึ้นยืน สายตาของนางเย็นชาจ้องมองไปที่ทุกคน ที่รวมหัวกันใส่ร้ายนางในครั้งนี้
เรื่องเกิดจากกงจวิ้นที่ยังอาลัยอาวรณ์นาง จนดักพบนางระหว่างที่ออกไปซื้อของนอกจวน เพียงเพื่อจะบอกนางว่า เมื่อแต่งเซี่ยหรันเซียนเข้าจวนแล้ว เขาจะมารับนางเข้าจวนด้วยอีกคน เรื่องนี้นางปฏิเสธเขาไปแล้ว
นางไม่รู้ว่าผู้ใดนำเรื่องนี้มาบอกพี่สาวนาง เพียงวันเดียวก็เกิดเรื่องกับนางได้ วันต่อมาจวนของนางก็ถูกค้นและพบกำไลหยกเนื้องามหนึ่งคู่ ที่เป็นหนึ่งในของหมั้นที่กงจวิ้นสวมให้เซี่ยหรันเซียนในวันหมั้นหมาย
นางจึงได้ถูกลากมาให้ผู้เป็นบิดาสอบสวนที่ห้องโถงในยามนี้ คนตระกูลกงถูกเรียกตัวเพื่อมายืนยันว่ากำไลหยกคู่นั้นใช่ของหมั้นหรือไม่
แต่ความจริงสองแม่ลูกเรียกตระกูลกงให้มารับรู้ด้วย เพื่อต่อไปจะได้ตัดหนทางที่จะรับเซี่ยหรูอวี้เข้าไปเป็นอนุในจวน คอยเป็นหนามแทงใจเซี่ยหรันเซียนเช่นที่สวีเหมยลี่นางถูกตู้เหลียนกระทำเช่นกัน
“ผู้ตรวจการเซี่ย ข้าขอพูดหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อหลักฐานก็เห็นเต็มตาเช่นนี้ ต่อให้นางไม่ยอมรับก็ควรจะส่งนางให้ทางการ หรือไม่ก็...” เขาปรายตามองสวีเหมยลี่เล็กน้อย เมื่อเห็นนางพยักหน้าจึงได้เอ่ยต่อ “ตัดขาดนางออกจากตระกูลเสีย” นายท่านกงพูดคุยเรื่องนี้กับสวีเหมยลี่ก่อนจะเดินทางมาที่จวนตระกูลเซี่ยแล้ว โดยนางต้องการกำจัดสามคนแม่ลูกออกไปให้พ้นสายตา
เพราะขอเสนอที่นางยื่นให้ เขาจึงยอมร่วมมือกับนาง เพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลกง โดยจะได้ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักให้กับกงจวิ้น เขาจึงยอมร่วมมือ โดยไม่มีขอแม้
เซี่ยถงวู่เม้มปากแน่น เขาไม่ได้อยากส่งบุตรสาวคนรองให้ทางการ หรือไม่ต้องการจะตัดขาดนางออกจากตระกูล
“ท่านพี่ อย่าได้ส่งนางให้ทางการเลยเจ้าค่ะ จะทำให้ชื่อเสียงตระกูลด่างพล่อยไปด้วย ตัดขาดนางออกไปจากตระกูลก็พอ” สวีเหมยลี่เดินเข้ามาจับแขนผู้เป็นสามี แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเห็นใจ
“แต่ว่า...”
“ตัดข้าเลยเจ้าค่ะ” เซี่ยหรูอวี้เอ่ยขึ้นอย่างใจกล้า หากต้องทนอยู่ให้คนทั้งเมืองหลวงถากถาง เยาะเย้ย สู่นางออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเดิมของมารดาไปเริ่มชีวิตใหม่ยังดีเสียกว่า
“ไม่ได้!!! ท่านพ่อจะทำเช่นนี้กับน้องไม่ได้ หากจะตัดน้อง ท่านพ่อก็ต้องตัดข้าด้วย” เซี่ยหยวนเอ่ยออกมาอย่างไม่ยอม พร้อมทั้งดันน้องสาวไปอยู่ด้านหลัง
ด้วยรู้ว่าน้องสาวคงหมดความอดทนที่นางกับมารดาถูกรังแกมาเนิ่นนานพอแล้ว
“หากท่านพี่จะตัดอวี้เออร์ ก็ตัดข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเดินเข้ามาขวางหน้าเซี่ยหรูอวี้ด้วยอีกคน
นางอดทนมามากพอแล้ว สามีที่สัญญาก่อนจะรับนางเข้าจวนก็ไม่อาจจะช่วยเหลือสามแม่ลูกได้เลย เมื่อถูกสวีเหมยลี่รังแก ทั้งยังเชื่อคำพูดคนอื่นจะไม่สนใจสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ดีเสียก่อน
“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็จะตัดพวกเจ้าทั้งสามคนเสีย” เซี่ยถงวู่ที่เสียหน้าต่อหน้าคนตระกูลกงก็เอ่ยออกมาอย่างมีโทสะ
สวีเหมยลี่ที่เห็นว่าแผนการของนางสำเร็จแล้ว ก็เอ่ยทำทีขอร้องสามีแทนสามแม่ลูกอย่างขอไปที ก่อนจะบอกว่าจะมอบเงินให้ทั้งสามติดตัวไปเล็กน้อย เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
“ไม่ต้อง เงินของพวกท่านข้าไม่ต้องการ” ตู้เหลียนเอ่ยออกมา นางมีสินเดิมติดตัวมาไม่น้อย เพียงพอให้พาลูกทั้งสองกลับบ้านเดิม เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
“ดี ดี” เซี่ยถงวู่คำรามออกมา เมื่อเห็นว่าตู้เหลียนไม่ได้อาลัยอาวรณ์ตนสักนิด เขาให้พ่อบ้านไปนำกระดาษพู่กันมา ก่อนจะร่างหนังสือตัดขาดต่อหน้าคนตระกูลกง
สามแม่ลูกพากันกลับไปเก็บข้าวของของตนเองเพื่อออกจากจวน มีเพียงสาวใช้สองคนที่ตามาจากบ้านเดิมของตู้เหลียนที่ติดตามผู้เป็นนายกลับไปด้วย
เซี่ยถงวู่ไม่ได้ออกมามองทั้งสามแม่ลูกออกจากจวนในวันนั้น มีเพียงสวีเหมยลี่และเซี่ยหรันเซียนที่มองจะออกมาส่ง แต่มาเยาะเย้ยเสียมากกว่า
“อย่างไรเล่า เห็นหรือไม่สุดท้ายแล้วท่านพี่ก็ต้องเลือกเชื่อข้าผู้เป็นภรรยาเอก ตู้เหลียนเจ้าแพ้ข้าแล้ว” สวีเหมยลี่กระซิบบอกตู้เหลียน สตรีที่นางเกลียดมานับสิบกว่าปี
“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่ต้องการแข่งกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะมีบุตรชายให้ท่านพี่ได้สืบสกุล มิเช่นนั้น เจ้าก็ต้องรับสตรีเข้าจวนมาให้เขาเพิ่มไม่รู้จบ” ตู้เหลียนยกยิ้มที่มุมปาก
ที่เซี่ยถงวู่ไม่รับสตรีเข้าจวนเพิ่ม เพราะนางมีบุตรชายให้เขาแล้ว แตกต่างจากสวีเหมยลี่ที่นางมีเพียงเซี่ยหรันเซียนเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว
“จะ เจ้า” สวีเหมยลี่กัดฟันแน่น นางทำสิ่งใดไม่ได้ เมื่อมีคนตระกูลกงมองมาที่พวกนางอยู่ แต่ไม่ใช่ว่านอกจวนหลังจากนี้นางจะทำสิ่งใดไม่ได้
นางทำเป็นใจดีให้พ่อบ้านเซี่ยไปส่งสามแม่ลูกถึงที่เมืองเป่ยหาน ทางตอนเหนือของแคว้น แต่ความจริงนางสั่งการให้พ่อบ้านจัดการสามแม่ลูกเรียบร้อยแล้ว
รถม้าที่ทั้งสามนั่งไป เดินทางออกจากเมืองหลวงได้เพียงสามวัน ก็ถูกโจรป่าเข้าดักปล้น คนทั้งขบวนนอกจากพ่อบ้านเซี่ยตกตายทั้งหมด
“ฝันบ้าอะไรแบบนี้” เสี่ยวจิ่วลุกขึ้นนั่งกุมหัวอยู่บนที่นอน
“อาจิ่ว ไปเตรียมตัวได้แล้ว ภารกิจจะเริ่มแล้ว”
“อืม เธอไปก่อนเลย” เสี่ยวจิ่วไม่มีเวลาได้คิดเรื่องความฝันที่เธอฝันเช่นเดิมซ้ำๆ มาหลายปี
เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทางองค์กรพาตัวเข้ามาเลี้ยงดู ในตอนแรกเธอก็คิดว่าจะเลี้ยงดูเพื่อให้เข้ามาช่วยทำงาน แต่ไม่ใช่เธอถูกเลี้ยงดูเพื่อให้เป็นนักฆ่า ตั้งแต่เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น
ตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าแล้ว เป็นถึงนักฆ่าระดับเพชร ที่ทางองค์กรมอบหมายงานชิ้นใหญ่ให้เธอทำเกือบจะทุกงาน ที่เรียกได้ว่าเสี่ยงตายทั้งสิ้น
อันอ๋อง ยอมเข้าไปอยู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวลู่ฉือตั้งแต่วัยสิบสองหนาว แม้เขาจะมิได้แสดงออกว่าพึงใจในตัวของซูซินมากนัก แต่ก็ลอบหาทางพบนางอยู่เสมอ“หึ อันอ๋องร้ายนัก ข้ารึก็มัวแต่ระวังเจ้าลูกเต่าจวนอื่น” จ้าวลู่ฉือสบถออกอย่างหัวเสียเมื่อเขารู้เรื่องจากหรูอวี้ว่า ทั้งสองเหมือนจะมีใจให้กัน“ท่านพี่ ซินซินนางถึงวัยออกเรือนแล้ว อันอ๋องเองก็อยู่ในสายตาของท่านมาตลอด ท่านยังมิวางใจอีกรึ”“พี่ยังอยากให้ซินซินอยู่กับพี่และเจ้าไปอีกหลายปี”“เหอะ ท่านจะให้นางแก่ตายคาจวนหรืออย่างไร ข้าตัดสินใจแล้ว หากซินซินนางเลือกอันอ๋องข้าก็ไม่ขัดขวาง ท่านก็ปล่อยวางได้แล้ว” หรูอวี้มองสามีที่ผมเริ่มจะขาว ของนางอย่างมีโทสะนางอยากจะถามเขาเสียเหลือเกินว่าจะต้องรอให้เขาลงหลุมก่อนรึ ถึงจะยอมให้บุตรสาวออกเรือนได้เมื่อคำเด็ดขาดหลุดออกมาจากปากของหรูอวี้ จ้าวลู่ฉือก็ไม่อาจเอ่ยแย้งได้ พออันอ๋องมาเอ่ยเรื่องทาบทามที่จวน จ้าวลู่ฉือจึงบังคับให้เขาสาบานต่อฟ้าดินว่าจะมีเพียงบุตรสาวของตนเพียงหนึ่งเดียวในตำหนัก“เปิ่นหวางสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงซินซินหนึ่งเดียว และจะไม่ทำให้นางต้องช้ำใจเป็นอันขาด”สามเดือนต
หรูอวี้นางคิดว่า มีเพียงฝาแฝดทั้งสองเป็นบุตรก็เพียงพอแล้ว เพียงเลี้ยงเขาน้องก็ไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอันใดได้ จึงมิได้คิดเรื่องที่จะมีบุตรอีกเลย“ท่านแม่จะมีน้องสาวให้ข้ารึขอรับ” จ้าวหลิงฮุ่ยเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่ใสซื่อจ้าวหลิงเทียนก็มองมาทางหรูอวี้ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย แม้ไม่ได้พูดออกมา ก็รู้ว่าเขาอยากจะมีน้องสาวตัวน้อยเช่นเดียวกัน“ใช่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย” นางลูบหัวบุตรทั้งสองอย่างรักใคร่“มีน้องชายก็ได้ขอรับ ข้าชอบทั้งหมดที่เป็นน้องของข้า” จ้าวหลิงฮุ่ยฉีกยิ้มกว้างอย่างน่าเอ็นดู“ยินดีด้วยขอรับท่านแม่ทัพ” ตลอดทางนับตั้งแต่เดินเข้าจวนมา เขาอดจะสงสัยไม่น้อยที่บ่าวไพร่ ต่างเข้ามาแสดงความยินดี ราวกับว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งเสียอย่างงั้นแต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยามนี้เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ที่ไม่อาจจะมีตำแหน่งใดสูงได้มากกว่านี้อีกแล้ว“เกิดเรื่องใดขึ้น” เขาเอ่ยถามบ่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ได้แต่บอกให้เขากลับไปฟังเรื่องราวที่เรือนของฮูหยินเองเสียงพูดคุยหัวเราะของคนในเรือนของหรูอวี้ ทำให้จ้าวลู่ฉือที่เดินทางกลับมาจากค่ายทหารนอกเมืองยืนยิ้มตามไปด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ของเขา ม
เรื่องนี้ทำให้ตู้เหลี่ยงพอใจอยู่ไม่น้อย ด้วยตัวเขาเองก็เตรียมชื่อไว้ให้เหลนชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจ้าวลู่ฉืออยากจะตั้งเองหรือไม่“จ้าวหลิงเทียน จ้าวหลิงฮุ่ย ชอบหรือไม่เล่า” เขาเอ่ยเรียกเหลนชายทั้งสอง พร้อมทั้งมองอย่างรักใคร่จ้าวหลิงเทียนผู้พี่ จ้าวหลิงฮุ่ยผู้น้อง หัวเราะจนเห็นเหงือกของตน สร้างความอิ่มเอมใจให้กับทุกคนในห้องโถงจนมีรอยยิ้มไปตามๆ กันแต่แล้วความครื้นเครงก็หยุดลง เมื่อพ่อบ้านจ้าว เข้ามาแจ้งเรื่องที่เซี่ยถงวู่มาขอพบตู้เหลี่ยงและตู้เหลียนที่หน้าจวนตู้เหลี่ยงส่งฝาแฝดให้แม่นมพาออกไปด้านนอกทันที ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังอย่างมีโทสะ“เดรัจฉาน!!! ยังมีหน้ามาขอพบข้าอีกรึ”“ท่านตา อย่าได้มีโทสะเจ้าค่ะ หากท่านไม่ต้องการพบหน้าก็เพียงแค่ให้บ่าวหน้าจวนไล่ไปก็เท่านั้น ไยจะต้องทำให้ตนเองขุ่นใจด้วย” หรูอวี้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางเหลือบมองมารดาก่อนจะพูด ก็เห็นว่านางไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจที่เซี่ยถงวู่มาขอพบ จึงได้เบาใจลง“เป็นเช่นที่อวี้เออร์นางว่า หากท่านอาจารย์ไม่ต้องการจะพบ ข้าจะออกไปจัดการให้ท่านเองขอรับ”“อืม...ลำบากเจ้าแล้ว” เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าตู้เหลี่
“สวรรค์” บ่าวไพร่และเสี่ยวฟ่านที่ได้พบเห็นคุณชายน้อยของตนก็ได้แต่อุทานออกมาอย่างแปลกใจนี่มันเด็กเพียงคลอดเสียที่ไหน ทั้งสองราวกับเด็กครบเดือนแล้ว ดวงตาที่กวาดมองไปทั่ว ราวกับรู้เรื่องราวและรับรู้สิ่งที่พวกเขาเอ่ยพูดกัน“พาไปให้อวี้เออร์นางดูก่อนเถิด” จ้าวลู่ฉือเขี่ยแก้มบุตรชายทั้งสอง ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในห้อง ที่สาวใช้ทำความสะอาดร่างกายของหรูอวี้เรียบร้อยแล้ว“ฮูหยินช่างมีบุญนัก แม้แต่กลิ่นน้ำคลอดของนางก็ไม่เหม็นเช่นที่ข้าเคยพบเจอ ดูเหมือนว่าจะคลายกลิ่นดอกบัวเสียด้วยซ้ำ” หมอตำแยเอ่ยพูดคุยถึงเรื่องความน่าอัศจรรย์นี้กันจ้าวลู่ฉือ เห็นหรูอวี้นั่งพิงหัวเตียงชะเง้อคอมองมาทางประตูก็อมยิ้มมองนาง“เจ้าอยากเห็นลูกใช่หรือไม่” เขารับเด็กทั้งสองคนมาจากป้าจิ้นและเสี่ยวซี ก่อนจะเดินเข้าไปหาหรูอวี้ที่เตียงหรูอวี้เม้มปากแน่น มองเด็กน้อยที่อยู่ในห่อผ้าที่แขนของจ้าวลู่ฉือ“ลูกข้า...ช่างตัวเล็กนัก” นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรไม่คิดด้วยว่าในชีวิตนางจะให้กำเนิดเด็กน้อยออกมาได้ หรูอวี้มองเด็กทั้งสองด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำ ความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นกับนาง จนนางไม่อาจจะอธิบายได้ความรัก ความหวงแหน ห
“อันใดกัน มีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ด้วยรึ” ฮ่องเต้ไม่อยากจะเชื่อ ว่าสหายรักจะจัดการเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ไม่ได้“มีเพียงเรื่องของนางที่ไม่อาจจัดการได้” เขาไม่เคยเอาชนะนางได้เลย นับตั้งแต่ที่พบเจอนางในครั้งแรก“เพ้ย สตรี อย่างไรก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของสามี เจ้าตามใจนางเกินไปแล้ว”“พูดไป พระองค์ก็ไม่เข้าพระทัย กระหม่อมกลับจวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวลู่ฉือลุกขึ้นจะเดินออกจากวังหลวง“ให้เจิ้นช่วยพูดดีหรือไม่” สตรีในวังนับร้อย เขายังจัดการได้“นางไม่ได้อยู่ให้พระองค์พูด พระองค์จะช่วยได้อย่างไร”“ห๊ะ!!! ถึงกลับหนีไปเลยรึ”จ้าวลู่ฉือส่ายหัวอย่างปลงตก แล้วเดินออกจากห้องตำราของฮ่องเต้กลับจวน หากนางหนีไปเช่นผู้อื่น เขายังตามกลับมาได้ แต่นี่ นางเล่นหายไปในมิติ เขาจะตามนางได้อย่างไรหรูอวี้ที่เก็บน้ำหวานจากดอกบัวจนเบื่อแล้ว นางจึงได้ออกมาด้านนอก พอออกมาถึงก็ถูกจ้าวลู่ฉือที่นั่งรอนางอยู่รวบตัวกอดรัดไว้แน่น“อวี้เออร์ อย่าได้ทำกับข้าเช่นนี้อีก อย่าได้หายไปโดยไม่บอกข้า เรื่องคุณหนูที่มากวนใจเจ้าวันนั้นข้าจัดการให้ตระกูลของพวกนางจับนางแต่งออกไปแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามากวนใจเจ้าอีกแล้ว” เขาซุกใบหน้าลงก
หรูอวี้ตบไปที่ใบหน้าของคุณหนูหั่วเต็มแรง มีดสั้นถูกวางจ่ออยู่ที่คอของคุณหนูหั่ว หากนางขยับตัวเล็กน้อยคงได้เห็นเลือดอย่างแน่นอน“ข้าไม่ถือ หากเจ้าจะใช้มารยาเพื่อได้เข้าตระกูลจ้าว แต่ในเมื่อเจ้าปากกล้ากับข้าเช่นนี้ ข้าคงต้องทำให้เจ้ารู้เสียแล้วว่าข้าเป็นเช่นไร” หรูอวี้ขยับข้อมือเพียงเล็กน้อย คมมีดก็บาดเข้าคอของนางจนเลือดซึมออกมา“ขะ ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขอร้องอย่างลนลาน“อวี้เออร์ ข้าจัดการเอง” จ้าวลู่ฉือเดินเข้ามาจับข้อมือของนางไว้“หึ” นางสะบัดมือของเขาออก ก่อนจะปามีดสั้นไปตรงกลางโต๊ะที่พวกคุณหนูคนอื่นนั่งอยู่ แล้วเดินออกจากห้องโถงไปอย่างไม่สบอารมณ์จะเรียกว่านางหึงหวงเขาเสียจนหน้ามืดก็ได้ที่ลงมือเช่นนั้น แต่คุณหนูหั่วก็ปากดีเสียจนนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หรูอวี้ไล่ป้าจิ้นกับเสี่ยวซีที่ตามนางมาที่เรือนอย่างเป็นห่วงออกไป ก่อนจะเข้าไปสงบอารมณ์ในมิติของนางจ้าวลู่ฉือยืนมองคุณหนูที่รอพบเขาที่ละคน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา“เป็นบิดาของพวกเจ้า หรือตัวพวกเจ้าที่ใจกล้าทาเยือนจวนของข้ากัน” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเหยียบเย็นบางคนที่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็โยนเรื่องราวทั้งหมดไปให้ผู้เป
Komen