เสี่ยวจิ่วนักฆ่าระดับเพชร เธอมักจะฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ จนวันที่เธอทะลุมิติไปอยู่ในยุคโบราณ จึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องของเธอเมื่อภพก่อน
View More“เจ้าทำจริงหรือไม่ อวี้เออร์” เสียงเหยียบเย็นของผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรสาวที่คุกเข่าร้องไห้ แทบขาดใจอยู่ที่พื้น
นางเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเม้มปากแน่น ทั้งส่ายหน้าจนเส้นผมหลุดลุ่ยอย่างน่าสงสาร
“ลูกไม่เคยคิดจะทำ และไม่ได้ทำสิ่งใดผิด” นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
ผู้เป็นมารดาเมื่อรู้ข่าวว่าบุตรสาวถูกจับตัวไปสอบสวนที่ห้องโถงเรือนหลักก็รีบวิ่งมาหาอย่างร้อนใจ
“ท่านพี่ ได้โปรดเมตตาอวี้เออร์ด้วย บุตรสาวข้านางไม่มีทางทำเด็ดขาด” นางกอดบุตรสาวไว้แน่น พร้อมทั้งมองผู้เป็นสามีอย่างขอความเห็นใจ
“เหอะ ไม่เคยทำ มิใช่ว่าจะไม่ทำ เจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่น้องสาว” ฮูหยินเอก ที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงก็เอ่ยถากถางออกมา
“น้องสาว หากเจ้าอยากได้ของหมั้นของข้าเหตุใดถึงไม่ขอข้าดีๆ ถึงแม้เป็นของหมั้นพี่สาวเช่นข้าก็ยกให้เจ้าได้” เซี่ยหรันเซียนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ยิ่งรวมกับท่าทางที่ชดช้อยของแม่ดอกบัวขาวด้วยแล้ว ทำให้ผู้คนที่พบเห็นนางต่างสงสารจับใจ
“เซียนเซียนเจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ของหมั้นที่ข้ายกให้เจ้า จะมอบให้ผู้อื่นได้อย่างไร” กงจวิ้นปลอบใจคู่หมั้นของตนทันที
เซี่ยหรันเซียนยิ้มมองคู่หมั้นอย่างเขินอาย นางลอบยิ้มเย้ยเซี่ยหรูอวี้ที่นั่งอยู่ที่พื้นโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
เซี่ยหรูอวี้ได้แต่ยกยิ้มเยาะตนเอง นางจะอยากได้ของหมั้นของพี่สาวไปเพื่ออันใด ในเมื่อนางไม่เคยมีใจให้กงจวิ้นมาก่อนเลย
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเข้าหานางอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นนางที่คอยหลบเลี่ยงอยู่ตลอด ด้วยรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาพึงใจในตัวเขา นางจึงไม่คิดจะเพิ่มปัญหาให้มารดาและพี่ชายถูกรังแกเพิ่ม
“มาถึงขั้นนี้แล้ว อาอวี้เจ้ายอมรับผิดเสียเถิด” กงจวิ้นเอ่ยเสียงแข็งออกมาเพื่อเอาใจสวีเหมยลี่
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพึงใจเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย แต่นางเป็นเพียงบุตรอนุ ไม่อาจช่วยในหน้าที่การงานของเขาได้ ต่างจากเซี่ยหรันเซียนที่ท่านตาของนางเป็นถึงเสนาบดี หนทางขุนนางของเขาย่อมจะก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด
เขาคิดจะรับนางเข้าจวนเพื่อเป็นอนุหลังจากแต่งกับเซี่ยหรันเซียนแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้เข้าเสียก่อน แม้นางจะไม่ได้ทำ อย่างไรเขาก็ต้องเข้าข้างคู่หมั้นของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าไม่ได้ทำ เหตุใดข้าต้องยอมรับ” นางเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม
ในเมื่อทุกคนคิดว่านางร้ายกาจมาโดยตลอด เหตุใดนางจะต้องยอมถอยเพื่อยอมรับการถูกใส่ร้ายในครั้งนี้ด้วย
พี่สาวของนางมักจะบอกใครต่อใครว่าถูกนางรังแกมากเพียงใดเมื่ออยู่ที่จวน ทั้งที่นางเป็นเพียงบุตรอนุ แต่ของทุกอย่างล้วนแต่ต้องให้นางเป็นผู้เลือกก่อน เพราะบิดาโปรดปรานมารดาของนางไม่น้อย
วันที่นางรู้เรื่องทั้งหมด คงเป็นเมื่อสามเดือนก่อนที่พี่สาวแสนดีของนาง ชวนนางไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนตระกูลกง คุณหนูที่มาร่วมงานต่างถากถางนางที่แต่งกายงดงามเกินหน้าบุตรสาวฮูหยินเอก
ทั้งที่ความจริง ชุดที่นางสวมใส่ เครื่องประดับบนตัวของนาง ก็มาจากพี่สาวและฮูหยินเอกจัดการให้นางก่อนวันจะเข้ารวมงานทั้งสิ้น นางเพิ่งจะได้รู้ว่าความหวังดีที่สองแม่ลูกมอบให้คือต้องการให้นางถูกประณามเช่นนี้เอง
“หึ บุตรสาวอนุเช่นเจ้า ร้ายกาจเช่นมารดาไม่มีผิด” สวีเหมยลี่ รู้จุดอ่อนของเซี่ยหรูอวี้ดี หากเมื่อใดที่กล่าวหามารดาของนาง นางจะต้องโวยวายอย่างไม่ยอมแน่นอน
“อย่าได้กล่าวหามารดาข้าเช่นนี้ ผู้ใดกันแน่ที่ร้ายกาจกล้าวางแผนสกปรกเช่นนี้กับข้า”
เพียะ!!! เสียงฝ่ามือของเซี่ยถงวู่ที่ตบลงบนใบหน้าของเซี่ยหรูอวี้ดังจนแม้แต่บ่าวที่อยู่ด้านนอกยังสะดุ้งตกใจ
“เจ้ากล้าดีเช่นใด!!! ถึงได้กล้าพูดกับแม่ใหญ่เจ้าเช่นนี้” เซี่ยถงวู่ตวาดกร้าวออกมาเสียงดัง สองแม่ลูกลอบยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ
“ท่านพี่!!!” ตู้เหลียนกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ นางไม่คิดว่าสามีจะลงมือทำร้ายบุตรสาวรุนแรงถึงเพียงนี้
เซี่ยถงวู่ก็ดูเหมือนจะเพิ่งรู้ตัว แต่เพราะมีคนตระกูลกงเข้ามารวมฟังคำตัดสินในครั้งนี้ด้วย เขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปประคองบุตรสาวที่ล้มไปกองกับพื้นให้ลุกขึ้น
“สมควรแล้ว ทำผิดยังไม่ยอมรับ ยังจะปากกล้าใส่ผู้อาวุโสในจวน” เขาสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง โดยไม่คิดอยากจะมองสายตาของสองแม่ลูกที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวดใจ
“น้องสาว!!! เจ้าเจ็บมากหรือไม่” เซี่ยหยวน ที่เพิ่งกลับมาจากสำนักศึกษาก็รีบวิ่งเข้ามาดูน้องสาวทันที เมื่อทราบเรื่องจากบ่าวในจวน
“ไม่เจ้าค่ะ “นางบีบมือพี่ชายแน่น เพื่อไม่ให้กังวลเรื่องของนาง กลัวว่าจะกวนใจเขาเพราะใกล้จะสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ท่านพ่อ เหตุใดถึงได้ลงมือกับน้องเช่นนี้ขอรับ” เซี่ยหยวนลุกขึ้นหันไปสอบถามผู้เป็นบิดา
“มิใช่เรื่องของเจ้า ถอยออกไป” เซี่ยถงวู่ไม่ต้องการให้บุตรชายเพียงคนเดียวของเขา เข้ามายุ่งในเรื่องนี้
“แต่ว่า...”
“ท่านพี่ ท่านถอยออกไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ผิด หากจะถูกตีจนตายข้าก็ไม่ยอมรับ” เซี่ยหรูอวี้ลุกขึ้นยืน สายตาของนางเย็นชาจ้องมองไปที่ทุกคน ที่รวมหัวกันใส่ร้ายนางในครั้งนี้
เรื่องเกิดจากกงจวิ้นที่ยังอาลัยอาวรณ์นาง จนดักพบนางระหว่างที่ออกไปซื้อของนอกจวน เพียงเพื่อจะบอกนางว่า เมื่อแต่งเซี่ยหรันเซียนเข้าจวนแล้ว เขาจะมารับนางเข้าจวนด้วยอีกคน เรื่องนี้นางปฏิเสธเขาไปแล้ว
นางไม่รู้ว่าผู้ใดนำเรื่องนี้มาบอกพี่สาวนาง เพียงวันเดียวก็เกิดเรื่องกับนางได้ วันต่อมาจวนของนางก็ถูกค้นและพบกำไลหยกเนื้องามหนึ่งคู่ ที่เป็นหนึ่งในของหมั้นที่กงจวิ้นสวมให้เซี่ยหรันเซียนในวันหมั้นหมาย
นางจึงได้ถูกลากมาให้ผู้เป็นบิดาสอบสวนที่ห้องโถงในยามนี้ คนตระกูลกงถูกเรียกตัวเพื่อมายืนยันว่ากำไลหยกคู่นั้นใช่ของหมั้นหรือไม่
แต่ความจริงสองแม่ลูกเรียกตระกูลกงให้มารับรู้ด้วย เพื่อต่อไปจะได้ตัดหนทางที่จะรับเซี่ยหรูอวี้เข้าไปเป็นอนุในจวน คอยเป็นหนามแทงใจเซี่ยหรันเซียนเช่นที่สวีเหมยลี่นางถูกตู้เหลียนกระทำเช่นกัน
“ผู้ตรวจการเซี่ย ข้าขอพูดหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อหลักฐานก็เห็นเต็มตาเช่นนี้ ต่อให้นางไม่ยอมรับก็ควรจะส่งนางให้ทางการ หรือไม่ก็...” เขาปรายตามองสวีเหมยลี่เล็กน้อย เมื่อเห็นนางพยักหน้าจึงได้เอ่ยต่อ “ตัดขาดนางออกจากตระกูลเสีย” นายท่านกงพูดคุยเรื่องนี้กับสวีเหมยลี่ก่อนจะเดินทางมาที่จวนตระกูลเซี่ยแล้ว โดยนางต้องการกำจัดสามคนแม่ลูกออกไปให้พ้นสายตา
เพราะขอเสนอที่นางยื่นให้ เขาจึงยอมร่วมมือกับนาง เพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลกง โดยจะได้ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักให้กับกงจวิ้น เขาจึงยอมร่วมมือ โดยไม่มีขอแม้
เซี่ยถงวู่เม้มปากแน่น เขาไม่ได้อยากส่งบุตรสาวคนรองให้ทางการ หรือไม่ต้องการจะตัดขาดนางออกจากตระกูล
“ท่านพี่ อย่าได้ส่งนางให้ทางการเลยเจ้าค่ะ จะทำให้ชื่อเสียงตระกูลด่างพล่อยไปด้วย ตัดขาดนางออกไปจากตระกูลก็พอ” สวีเหมยลี่เดินเข้ามาจับแขนผู้เป็นสามี แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเห็นใจ
“แต่ว่า...”
“ตัดข้าเลยเจ้าค่ะ” เซี่ยหรูอวี้เอ่ยขึ้นอย่างใจกล้า หากต้องทนอยู่ให้คนทั้งเมืองหลวงถากถาง เยาะเย้ย สู่นางออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเดิมของมารดาไปเริ่มชีวิตใหม่ยังดีเสียกว่า
“ไม่ได้!!! ท่านพ่อจะทำเช่นนี้กับน้องไม่ได้ หากจะตัดน้อง ท่านพ่อก็ต้องตัดข้าด้วย” เซี่ยหยวนเอ่ยออกมาอย่างไม่ยอม พร้อมทั้งดันน้องสาวไปอยู่ด้านหลัง
ด้วยรู้ว่าน้องสาวคงหมดความอดทนที่นางกับมารดาถูกรังแกมาเนิ่นนานพอแล้ว
“หากท่านพี่จะตัดอวี้เออร์ ก็ตัดข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเดินเข้ามาขวางหน้าเซี่ยหรูอวี้ด้วยอีกคน
นางอดทนมามากพอแล้ว สามีที่สัญญาก่อนจะรับนางเข้าจวนก็ไม่อาจจะช่วยเหลือสามแม่ลูกได้เลย เมื่อถูกสวีเหมยลี่รังแก ทั้งยังเชื่อคำพูดคนอื่นจะไม่สนใจสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ดีเสียก่อน
“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็จะตัดพวกเจ้าทั้งสามคนเสีย” เซี่ยถงวู่ที่เสียหน้าต่อหน้าคนตระกูลกงก็เอ่ยออกมาอย่างมีโทสะ
สวีเหมยลี่ที่เห็นว่าแผนการของนางสำเร็จแล้ว ก็เอ่ยทำทีขอร้องสามีแทนสามแม่ลูกอย่างขอไปที ก่อนจะบอกว่าจะมอบเงินให้ทั้งสามติดตัวไปเล็กน้อย เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
“ไม่ต้อง เงินของพวกท่านข้าไม่ต้องการ” ตู้เหลียนเอ่ยออกมา นางมีสินเดิมติดตัวมาไม่น้อย เพียงพอให้พาลูกทั้งสองกลับบ้านเดิม เพื่อเริ่มชีวิตใหม่
“ดี ดี” เซี่ยถงวู่คำรามออกมา เมื่อเห็นว่าตู้เหลียนไม่ได้อาลัยอาวรณ์ตนสักนิด เขาให้พ่อบ้านไปนำกระดาษพู่กันมา ก่อนจะร่างหนังสือตัดขาดต่อหน้าคนตระกูลกง
สามแม่ลูกพากันกลับไปเก็บข้าวของของตนเองเพื่อออกจากจวน มีเพียงสาวใช้สองคนที่ตามาจากบ้านเดิมของตู้เหลียนที่ติดตามผู้เป็นนายกลับไปด้วย
เซี่ยถงวู่ไม่ได้ออกมามองทั้งสามแม่ลูกออกจากจวนในวันนั้น มีเพียงสวีเหมยลี่และเซี่ยหรันเซียนที่มองจะออกมาส่ง แต่มาเยาะเย้ยเสียมากกว่า
“อย่างไรเล่า เห็นหรือไม่สุดท้ายแล้วท่านพี่ก็ต้องเลือกเชื่อข้าผู้เป็นภรรยาเอก ตู้เหลียนเจ้าแพ้ข้าแล้ว” สวีเหมยลี่กระซิบบอกตู้เหลียน สตรีที่นางเกลียดมานับสิบกว่าปี
“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่ต้องการแข่งกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะมีบุตรชายให้ท่านพี่ได้สืบสกุล มิเช่นนั้น เจ้าก็ต้องรับสตรีเข้าจวนมาให้เขาเพิ่มไม่รู้จบ” ตู้เหลียนยกยิ้มที่มุมปาก
ที่เซี่ยถงวู่ไม่รับสตรีเข้าจวนเพิ่ม เพราะนางมีบุตรชายให้เขาแล้ว แตกต่างจากสวีเหมยลี่ที่นางมีเพียงเซี่ยหรันเซียนเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว
“จะ เจ้า” สวีเหมยลี่กัดฟันแน่น นางทำสิ่งใดไม่ได้ เมื่อมีคนตระกูลกงมองมาที่พวกนางอยู่ แต่ไม่ใช่ว่านอกจวนหลังจากนี้นางจะทำสิ่งใดไม่ได้
นางทำเป็นใจดีให้พ่อบ้านเซี่ยไปส่งสามแม่ลูกถึงที่เมืองเป่ยหาน ทางตอนเหนือของแคว้น แต่ความจริงนางสั่งการให้พ่อบ้านจัดการสามแม่ลูกเรียบร้อยแล้ว
รถม้าที่ทั้งสามนั่งไป เดินทางออกจากเมืองหลวงได้เพียงสามวัน ก็ถูกโจรป่าเข้าดักปล้น คนทั้งขบวนนอกจากพ่อบ้านเซี่ยตกตายทั้งหมด
“ฝันบ้าอะไรแบบนี้” เสี่ยวจิ่วลุกขึ้นนั่งกุมหัวอยู่บนที่นอน
“อาจิ่ว ไปเตรียมตัวได้แล้ว ภารกิจจะเริ่มแล้ว”
“อืม เธอไปก่อนเลย” เสี่ยวจิ่วไม่มีเวลาได้คิดเรื่องความฝันที่เธอฝันเช่นเดิมซ้ำๆ มาหลายปี
เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทางองค์กรพาตัวเข้ามาเลี้ยงดู ในตอนแรกเธอก็คิดว่าจะเลี้ยงดูเพื่อให้เข้ามาช่วยทำงาน แต่ไม่ใช่เธอถูกเลี้ยงดูเพื่อให้เป็นนักฆ่า ตั้งแต่เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น
ตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าแล้ว เป็นถึงนักฆ่าระดับเพชร ที่ทางองค์กรมอบหมายงานชิ้นใหญ่ให้เธอทำเกือบจะทุกงาน ที่เรียกได้ว่าเสี่ยงตายทั้งสิ้น
ตู้หยวนที่ยืนรอน้องสาวอยู่ภายในโรงพักม้า พอเห็นนางเดินเข้ามาจึงได้เอ่ยถามนางเรื่องที่เหตุใดถึงไม่ยอมเข้ามาเสียที“เจ้าทำสิ่งใดอยู่”“ข้าเอ่ยถามทหารเรื่องจะกลับเข้าเมืองเจ้าค่ะ”“เจ้าจะเข้าเมืองไปเพื่ออันใดอวี้เออร์!!!” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจด้วยเรื่องภายในจวนตระกูลเซี่ยที่เกิดขึ้น หากพิจารณาดีๆ แล้ว คงไม่แคล้วน้องสาวตัวดีของตนเป็นแน่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายไว้"ข้าจะกลับไปเอาของอย่างไรเล่าท่านพี่”“เจ้าลืมสิ่งใด” ตู้หยวนมองน้องสาวอย่างระแวง“ข้าลืมของไว้ที่จวนตระกูลสวี” นางกระซิบบอกที่ข้างหูของตู้หยวน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินขึ้นที่พักไปจ้าวลู่ฉือที่เดินมาทันเห็นแผ่นหลังของหรูอวี้เพิ่งจากไป พอเห็นใบหน้าที่ยังตกตะลึงของตู้หยวน เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา“น้องสาวเจ้าจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่ออันใด”“เอ่อ...นางลืมของขอรับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าของที่นางลืมไว้ อยู่ที่จวนตระกูลสวี“เตือนนางด้วย ว่าอย่าได้กลับไป มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ในยามนี้ภายในเมืองหลวงวุ่นวายไม่น้อยจ้าวลู่ฉือรู้มาจากเจ้าหน้าที่ทางการ จวนตระกูลเซี่ยโดนโจรเข้าปล้นคลังเก็บสมบัติ ทั้งฮูหยินและบุตรสา
คำถามของจ้าวลู่ฉือ ทำให้ตู้เหลียนใบหน้าหมองเศร้าลง นางยังไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาได้รู้ นับตั้งแต่ออกเรือนก็ไม่เคยได้รับข่าวจากผู้เป็นบิดามารดาอีกเลย แม้จะส่งจดหมายไปขอขมาหลายครั้งแล้วก็ตาม“ยังเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ตอบจดหมายข้าเลยสักครั้ง” นางเอ่ยเสียงเบาราวกับยุงบินผ่านออกมา“เจ้าอย่าได้กังวล ท่านอาจารย์ตู้มิได้โกรธเคืองเจ้าแล้ว”“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ตู้เหลียนเงยหน้าขึ้นมองจ้าวลู่ฉืออย่างสงสัย“ข้าหาเวลาแวะไปดูพวกท่านเสมอ เจ้าควรจะเขียนจดหมายส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวพวกท่านเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” นางมองเขาอย่างซาบซึ้งใจหรูอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักล้วนได้ยินทุกสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน หากมารดานางจะเปิดใจให้ท่านแม่ทัพจ้าวอีกครั้ง นางก็ไม่ขัดข้องด้วยเขาดูจะปักใจกับมารดาของนางไม่น้อย ถึงขั้นยังมิได้แต่งฮูหยินเข้าจวน“เอ่อ...ข้าเสียมารยาทแล้ว นี่บุตรสาวของข้าหรูอวี้ ส่วนนั้นบุตรชายข้าอาหยวนเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเห็นสายตาของจ้าวลู่ฉือที่มองไปทางหรูอวี้หลายหนจึงได้เอ่ยแนะนำนางขึ้นมา“คารวะท่านแม่ทัพจ้าวเจ้าค่ะ” นางย่อกายเล็กน้อย“อืม ไม่ต้องมากพิธี ข้าก็เหมือนกับพี่ชายของแม่เจ้า เรีย
ชาวบ้านที่เห็นต่างมองดูด้วยความสงสาร หรูอวี้เห็นเช่นนั้น นางก็ร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม“ทะ ท่านดู สินเดิมของท่านแม่เหลือติดตัวไปเพียงน้อยนิด ที่ผ่านมาข้ากับท่านพี่ล้มป่วยก็เป็นท่านแม่ที่นำสินเดิมออกมาใช้จ่าย เงินเดือนที่สมควรได้ก็มิได้เช่นผู้อื่น แล้วพวกข้าจะขโมยของท่านได้อย่างไร”“ท่านตรองดูสักนิดเถิด ข้าถูกสั่งให้อยู่แต่ภายในจวน เหตุใดเรื่องความร้ายกาจของข้าและท่านแม่ถึงได้ถูกชาวเมืองเอาไปนินทากันจนสนุกปาก ข้ากับท่านแม่เคยร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่”“วันนี้ที่ต้องออกจากจวนตระกูลเซี่ย กลับเข้าตระกูลตู้ ก็ด้วยข้าถูกรังแกจนเกือบจะรักษาชีวิตไม่ได้ ท่านแม่เห็นใจข้า กลัวว่าหากมีครั้งหน้าข้าคงต้องกลายเป็นวิญญาณจึงได้ขอร้องท่านให้ปล่อยพวกเราสามแม่ลูกไป” หรูอวี้ยังเล่นงิ้วของนางไม่เลิก ยิ่งมีคนเพิ่มขึ้น นางก็ยิ่งพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเซี่ยหรูอวี้คนเดิมออกมาทั้งหมดภายในของหรูอวี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นางไม่เคยแสดงด้านนี้ออกมาให้ผู้ใดได้เห็น เมื่อลองทำแล้วจึงรู้สึกแปลกใหม่และสนุกไม่น้อยเซี่ยหยวนแทบจะไปดึงน้องสาวกลับขึ้นรถม้า แม้รู้ดีว่านางกำลังเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมทั้งทิ้งปัญหาก้อ
หลังจากที่กลับมาจากเรือนของเซี่ยหรันเซียนแล้ว นางก็มิได้กลับเข้าเรือนในทันที หรูอวี้กระโดดออกจากกำแพงจวน มุ่งหน้าไปยังจวนของบรรดาคุณหนูที่มาร่วมงานกันในวันนั้นตามความทรงจำเดิมของนาง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเซี่ยหรันเซียนผลักเซี่ยหรูอวี้ตกน้ำ นางเพียงแค่คิดจะไปเอาคืนให้เซี่ยหรันเซียนเล็กๆ น้อยๆ พอให้หายแค้นใจบ้างจวนทั้งสามแม้มีองครักษ์เช่นจวนตระกูลเซี่ยแต่ก็มิได้มีมากมายเท่า ทำให้นางเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวก แต่กว่าจะหาเรือนของคุณหนูแต่ละคนพบก็เล่นเอาเวลาของหรูอวี้ไปไม่น้อยภายในห้องพักล้วนมีสาวใช้เข้ามานอนเฝ้าคุณหนูด้วย หรูอวี้กลัวว่าพวกนางจะตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน จึงได้ทำเพียงใส่ยาเสียโฉม ที่นางมีในห้องเก็บของของนาง โรยไปที่ใบหน้าเท่านั้นยาตัวนี้มิได้รุนแรงมากนัก เพียงจะทำให้เกิดสิวหนองบนใบหน้า นางขอให้ห้องทดลองทำขึ้น เพื่อไว้เปลี่ยนรูปลักษณ์ยามที่ออกไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้จึงไม่รู้ว่าจะเกิดสิวหนองเพิ่มมากเพียงใดกว่าจะจัดการคุณหนูทั้งสามเสร็จ หรูอวี้ก็ไม่อาจไปที่จวนตระกูลสวีได้ แต่ละจวนมิได้อยู่ใกล้กัน ร่างกายของนางในร่างนี้ก็เพิ่งจะฟื้นตัว นางยังหมดเรี่ยวแรงที
หรูอวี้นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของมารดา เพราะนางหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทเสียแล้ว“คุณหนูท่านตื่นแล้ว รับอาหารเลยดีหรือไม่เจ้าคะ” หรูอวี้มองสาวใช้ที่ดวงตาบวมเบ่ง เหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาอย่างสงสัยแต่เมื่อนางเห็นหีบของที่อยู่ภายในห้องนอนของนาง จึงได้รู้ทันทีว่ามารดาตัดสินใจเช่นใด“ท่านแม่ จะออกเดินทางเมื่อใด” นางยังไม่ได้จัดการเรื่องของนางเลย“พรุ่งนี้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่” เสี่ยวซีเอ่ยถามอย่างคาดหวัง แต่นางเป็นบ่าวของตระกูลเซี่ยจึงไม่รู้ว่าจะติดตามเซี่ยหรูอวี้ไปได้หรือไม่“เจ้าอยากไปกับข้ารึ รู้หรือไม่ข้าอาจจะพาเจ้าไปลำบากก็ได้” นางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย“บ่าวไม่กลัวเจ้าค่ะ บ่าวยินดีติดตามคุณหนู ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากเพียงใด” เสี่ยวซีคุกเข่าลงอย่างอ้อนวอน“ได้ เจ้าพูดเอง ต่อไปหากลำบากเจ้าจะกล่าวโทษข้าไม่ได้เล่า” จากความทรงจำเดิมเสี่ยวซีซื่อสัตย์กับเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย มีเพียงนางที่ออกรับหน้าแทนแทบจะทุกเรื่อง แม้จะถูกเฆี่ยนตีนางก็ไม่ปริปากตำหนิเซี่ยหรูอวี้เลยสักครั้ง“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” ที่นางร้องไห้จนตาปูดบวม
“ตามที่ท่านเขียนไว้ ข้าขอชีวิตข้าคืน ในเมื่อท่านมิอาจปกป้องข้ากับลูกตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้” เซี่ยถงวู่สะดุ้งตกใจกับแววตาของตู้เหลียนไม่น้อย ครั้งนี้ดูนางมิได้พูดเล่นเสียแล้ว ด้วยนางไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้ง“อาเหลียน เจ้าใจเย็นก่อนดีหรือไม่” เขาเดินเข้ามาจะจับแขนของนางไว้ แต่ก็ถูกนางเบี่ยงตัวหนี“ไม่ ข้าเกือบเสียอวี้เออร์ไปแล้ว!!! ผู้ใดจะบอกได้ว่าครั้งหน้านางจะยังอยู่เป็นบุตรของข้าได้อีกหรือไม่” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งร่ำไห้ออกมาอย่างปวดใจแม้จะรักผู้เป็นสามีมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเท่ากับความรักที่มีให้กับบุตรไปได้ หากนางต้องเลือกเสียใครไป ขอเลือกเสียผู้เป็นสามีเสียยังจะดีกว่า“แต่อวี้เออร์ก็ปลอดภัยแล้วมิใช่รึ” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ทุกครั้งนางจะยอมอยู่เงียบๆ แต่เหตุใดครั้งนี้ถึงได้คิดจะพาบุตรออกจากตระกูลเขาไปได้“ท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” นางเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วยิ้มเยาะความโง่เขลาของตนที่เลือกบุรุษเช่นเซี่ยถงวู่“เกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นที่หน้าประตูห้องโถงเรือนของตู้เหลียน เป็นสวีเหมยลี่ที่รู้เรื่องว่าทั้งสองคนมีปากเสียงกันจากบ่าวก
Comments