Home / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 5  ป้าข้างบ้านทั้งหลาย

Share

บทที่ 5  ป้าข้างบ้านทั้งหลาย

last update Last Updated: 2025-01-02 20:39:03

บทที่ 5  ป้าข้างบ้านทั้งหลาย

นับเป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ คิดถึงบ้าน คิดถึงคลินิก คิดถึงอากง อาม่าทั้งหลายที่เป็นคนไข้ของเธอ คิดถึงพี่เหมยผู้ช่วยที่แสนดีที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง  

เยว่หรูคนนี้อยากบอกพี่เหมยเหลือเกินว่า... อย่าอ่านนิยายก่อนนอน ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ลุ้นไปลุ้นมาได้เข้ามาอยู่ในนิยายเองเลย... และที่เสียดายมากกว่าอย่างอื่นคือ สิ่งของที่มือลั่นซื้อตอน 8 เดือน 8 ก็ยังไม่ได้เห็นเลยว่าตัวเองมือลั่นซื้ออะไรมาบ้าง ไหนจะของที่สั่งพี่เหมยซื้ออีก มาอยู่ที่แบบนี้น่าจะมีมิติมาให้บ้าง... หรือว่านักเขียนลืมเขียนให้เยว่หรูคนนี้...

เยว่หรูทำงานบ้านเรียบร้อยแล้ว เดินไปดูกระถางผักที่แขวนอยู่... ที่พ่อทำให้เธอลองปลูกผักจำนวนห้ากระถาง และสิ่งที่เธอลองปลูกคือผักบุ้ง เพราะเป็นผักที่ปลูกง่ายโตเร็ว จะได้มีผักกินเร็ว ๆ และสถานที่ปลูกผักของเธอก็ในครัวที่มีหลังคาคลุมเพียงเท่านั้น

เมื่อรดน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าไปต้มน้ำขิงและใส่น้ำตาลกรวดนิดหนึ่ง สิ่งนี้เธอจะเอาไปส่งให้พ่อกับแม่เธอที่ฝ่ายผลิต ตอนนี้ในบ้านพอที่จะมีเครื่องปรุงบ้างแล้ว จากเงินในกระปุกที่เธอบอกให้พ่อผ่ามันออกมาแล้วนำไปซื้อข้าวสารและธัญพืชมาไว้  หากเธอไม่อ้างว่าซื้อของเกี่ยวกับเรื่องเรียน พ่อก็คงไม่ยอมผ่ากระปุกไม้แน่ ๆ

ถึงบ้านจะจนแต่เธอก็ได้เรียนหนังสือ มันเป็นข้อตกลงที่แม่กับพ่อตกลงร่วมกันว่าต้องให้เธอได้เรียนหนังสือ ค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนทั้งหมดคือทางพ่อเป็นคนออก แต่เธอรู้ว่าจริง ๆ แล้วเป็นคุณปู่ของเธอต่างหากที่ส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ พ่อจริง ๆ ไม่ได้ออกให้เธอสักหยวน แต่อย่างว่าเพราะไม่มีใครพูดและคนที่ส่งเงินมาก็เป็นชื่อพ่อของเยว่หรู ทุกคนเลยคิดว่าพ่อนั้นแสนดี หย่ากันไปก็ยังส่งเสียลูกเรียนทั้งที่เป็นลูกสาว

ไหนเลยจะรู้ว่าค่าเรียนที่ได้มานั้นแทบไม่พอ ทั้งที่คุณปู่ส่งให้ปีละ 30 หยวน แต่เงินตกมาที่แม่เพียง 15 หยวน ในส่วนที่ขาด พ่อเลี้ยงของเธอคือคนที่หามาให้ ไม่แปลกที่เยว่หรูคนเก่าไม่รู้เพราะไม่มีคนพูดถึงเลย และนี่คือปัญหาของครอบครัวนี้ มีอะไรแล้วไม่พูด ต่างคนต่างเข้าใจกันไปคนละอย่าง...

ช่วงนี้เยว่หรูสามารถช่วยทำงานบ้านได้หลายอย่าง แต่พอเปิดเรียน เธอต้องไปเรียน ตอนนี้เธอวางแผนทำอะไรมากไม่ได้เพราะไม่มีเงิน ถึงมีเงินก็ค้าขายไม่ได้ มีกฎข้อห้ามมากมาย ที่ทำได้คือเรียนหาความรู้และมองหาโอกาสให้ตัวเอง ช่วยตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก 

โรงเรียนที่เยว่หรูไปเรียนนั้น ส่วนมากจะมีแต่เด็กนักเรียนชาย แทบไม่มีนักเรียนหญิงเลย เพราะที่นี่เน้นว่าต้องให้ผู้ชายเรียน ผู้หญิงเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ พอถึงเวลาก็แต่งออกไปอยู่ดี นี่แหละอีกหนึ่งเหตุผลที่จะขยับทางซ้ายก็กลัวผิด จะหันทางขวาก็กลัวทำไม่ถูกต้อง จนกว่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับที่นี่ให้มากกว่านี้ เธอก็ทำได้แค่ช่วยงานในบ้านเพียงเท่านั้น

สองขาเรียวเล็กรีบย่างก้าวไปตามทางเดิน เพื่อให้ถึงที่หมายก่อนเวลาพักของพ่อแม่ ปกติแล้วเยว่หรูไม่มีเพื่อน ไม่ชอบคบหรือคุยกับคนอื่นมากนัก ต้องบอกว่าเธอไม่คบใครมากกว่า เพราะเธอคิดว่าคนที่นี่ยากจนเลยไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับใคร

"ดูลูกสาวบ้านจางสิ เดี๋ยวนี้รู้จักลงมาที่ฝ่ายผลิตแล้วรึ แต่ก่อนไม่เห็นมาเหยียบที่นี่เลย" เสียงพูดเหมือนจะถาม... แต่เหมือนจะต่อว่ามากกว่า และเสียงซุบซิบของชาวบ้านนั้นไม่ได้เบาเลย เหมือนต้องการให้เธอได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดมากกว่า

เยว่หรูไม่ได้สนใจคนพวกนี้  ถึงเธอจะไม่ชอบนิสัยร่างเดิม แต่หากเปรียบเทียบแล้ว คนพวกนี้โตแล้ว ไม่น่าจะว่าร้ายหรือพูดจาแบบนี้กับเด็ก อยากบอกว่าเด็ก 14 ปีที่โลกเดิมยังพากันไปเที่ยวเล่นและเรียนอยู่เลย ไม่ได้โตขนาดนั้น... ถึงจะบอกว่ายุคจีนสมัยโบราณพวกเขาโตแล้ว แต่คงไม่ใช่กับทุกคน อย่าเอาพื้นฐานของตัวเองไปวัดกับพื้นฐานของคนอื่น เพราะมาตรฐานของคนเราไม่เท่ากัน...

"อย่าพูดถึงมาก เดี๋ยวก็ไม่กล้ามา เดี๋ยวก็ไปอาละวาดใส่พ่อแม่ก็ได้ใครจะไปรู้" ยังคงมีเสียงตะโกนดังมาให้ได้ยิน

"หุบปาก!! ใครมันเป็นคนพูด" จางหยวนที่เดินมารอลูกสาวได้ยินเข้าพอดี วันนี้ลูกสาวขอมาส่งอาหารเอง เขาก็เป็นห่วงเพราะลูกไม่เคยมา เลยเดินมาดู แต่สิ่งที่เห็นคือชาวบ้านพูดจาไม่ดีใส่ลูกสาวของเขา... มันเลยทำให้เขาโมโห

"มีลูกหลานกันทุกคนไม่ใช่รึ... ไปคุยกับลูกหลานของตัวเองโน่น ไม่ต้องมายุ่งกับลูกคนอื่น" จางหยวนไม่ไว้หน้าใครสักคน หากไม่ใช่ครอบครัวของเขา เขาก็ไม่สนใจคนที่พูดจาไม่ดีด้วย เพราะแบบนี้หรือเปล่า ลูกสาวเขาถึงไม่ชอบมาที่นี่ พอมาก็เจอกับอะไรแบบนี้ 

"พ่อคะ... ไปเถอะค่ะ" เยว่หรูเรียกพ่อให้เดินออกจากจุดนั้นทันที อย่าประสาทแดกกับคุณป้าข้างบ้าน เยว่หรูคนนี้ยังทนได้ แต่หากทนไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ เยว่หรูคนนี้จะอาสาถอนหงอกให้ป้าด้วยตัวเอง...

"ลูกทำเองทั้งหมดเลยเหรอ" ลู่หลินมองอาหารที่ลูกสาวเอามาให้

"ลูกสาวพ่อโตแล้ว ฮ่า ๆ " จางหยวนที่มองอาหารและมองลูกสาวก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข 

"กินข้าวกันก่อนค่ะ เดี๋ยวหนูช่วยถอนหญ้า" เยว่หรูเอาอาหารออกมายื่นให้พ่อกับแม่ แล้วรีบเร่งให้พ่อกับแม่รีบกินจะได้มีเวลาพัก

"ไม่ต้องหรอกลูก พ่อกับแม่ทำเอง แค่นี้ก็ดีมากแล้ว" จางหยวนไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาลงงานถอนหญ้าแบบนี้

"พ่อคะ... ให้หนูช่วยเถอะ... ให้หนูทำแค่ตอนที่พ่อกับแม่พักกินข้าวก็ยังดี" เยว่หรูพูดพร้อมกับเดินเข้าไปที่หน้างานที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก และค่อย ๆ ถอนหญ้าทีละนิด ในหัวก็คิดว่าพวกเขาเลี้ยงลูกตามใจ ห้ามทำงาน เหมือนพวกเขาคิดว่าเธอเหมือนเด็กยังไม่โต นี่หรือเปล่าที่เขาบอกรักแบบผิด ๆ ทั้งที่จะไม่มีข้าวกิน ยังไม่คิดที่จะให้ลูกทำงานเลย...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status