บทที่ 6 ครอบครัวของพ่อเลี้ยง
เยว่หรูมองบริเวณรอบ ๆ ใช้ความคิดว่าเธอจะสามารถทำงานหาเงินอะไรได้บ้าง จะเอาอาชีพเดิมมาใช้ก็ยังไม่ได้ ทุกอย่างจะต้องศึกษาและหาทางก่อน และยังมีพ่อแม่ที่รักจนไม่ให้ทำงานอีกด้วย ปัญหานี้ก็ต้องแก้ด้วยเช่นกัน...
"ตาย ๆ รู้จักมาช่วยงานพ่อแม่แล้วเหรอเยว่หรู" กำลังถอนหญ้าไปด้วยใช้ความคิดไปด้วย ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ แหลม ๆ ดังอยู่ไม่ไกล
"แม่อย่าพูดแบบนั้น" จางหยวนพูดเสียงเบา
"ทำไม!! มันวิเศษมาจากไหน แกก็แค่พ่อเลี้ยง โง่ดักดาน มันก็แค่ลูกติดเมีย แค่มันเอาข้าวมาส่งหน่อยนี่ออกรับแทนทุกอย่าง เป็นขี้ข้ามันไปเถอะ ไอ้ลูกเนรคุณ!! " ประโยคนี้ไม่ใช่เบา ๆ คนที่อยู่ทั่วบริเวณนั้นได้ยินกันหมด ต่างพากันลอบมองว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นไหม
เยว่หรูหันไปมอง แต่ไม่ได้ปริปากพูด เพราะตอนนี้มีสายตาหลายคู่มองมาที่ครอบครัวของเธอ หากพูดหรือแสดงท่าทางอะไรไป อาจทำให้พ่อแม่ของเธอเดือดร้อน เธอจึงได้แต่เงียบและก้มหน้าถอนหญ้าต่ออย่างไม่สนใจ
"ดูสายตาลูกเลี้ยงของแก ดูที่มันมองฉันสิ!! " เมื่อเห็นว่านังเด็กกาฝากมันไม่มีท่าทีจะตอบโต้เหมือนแต่เก่าก็เริ่มจะโวยวายอีกรอบ หากเป็นแต่ก่อน ทุกครั้งที่พูดแบบนี้ นังเด็กกาฝากก็จะมองลูกชายของเธอด้วยแววตารังเกียจ มันยิ่งทำให้เธอสะใจยิ่งนัก!!
"เยว่หรูคือลูกของผม แม่อย่าพูดแบบนั้น" จางหยวนคิดแบบนั้นจริง ๆ เพราะก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับภรรยา เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นยังไง ในเมื่อเขาเลือกลู่หลินมาเป็นภรรยาแล้วก็ต้องยอมรับลูกของเธอมาเป็นลูกของเขาด้วยเช่นกัน
"จะหลอกอะไรลูกฉันอีกล่ะ เลวทั้งแม่ทั้งลูก" หลิวเจียอิง หรือ นางหลิว ก็ยังไม่หยุดพูด ทั้งที่มีลูกชายมาดึงให้เดินออกไปแล้ว แต่เสียงด่าทอก็ยังมีให้ได้ยินอยู่
"พ่อคะ... กินข้าวก่อนเดี๋ยวหมดเวลาพัก" เยว่หรูไม่ได้สนใจสิ่งที่ยัยป้านี่พูดแม้แต่นิดเดียว พยายามมองข้ามไปก่อน แล้วเก็บไว้ในใจ... ว่ายัยป้านี่ทำอะไรพูดอะไรไว้บ้างเท่านั้นเอง
"ลูกอย่าคิดมาก... " จางหยวนพูดพร้อมกับชำเลืองมองหน้าแม่ของเขา ไม่อยากให้ลูกใส่ใจและก็ไม่อยากพูดถึงแม่ด้วยเช่นกัน
"หนูรู้ค่ะพ่อ พ่อรีบกินก่อน" เยว่หรูบอกพร้อมกับดึงมือพ่อให้ลงมากินข้าวต่อ เยว่หรูยื่นมือไปบีบมือของมารดาเบา ๆ เพื่อบอกว่าเธอไม่ได้สนใจอะไร
ต้องบอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับครอบครัวนี้ แม่ที่แต่งงานใหม่ที่มีลูกติดมาด้วย ครอบครัวของพ่อเลี้ยงไม่ต้อนรับ ให้ออกมาอยู่กันเอง ตัดขาดเลยก็ว่าได้ เจอที่ไหนดุด่าต่อว่าที่นั่น พูดจากระทบกระทั่ง ยิ่งตอนที่เจอครอบครัวเธออยู่พร้อมหน้ากัน ยัยป้านี่ก็จะพูดจาแบบนี้ตลอด แล้วเยว่หรูคนเก่าก็บ้าจี้ตาม พาลพูดจาไม่ดีกับพ่อแม่ไปอีก เพราะตัวเองก็ไม่ชอบที่พ่อเลี้ยงจนอยู่แล้ว ไม่ชอบที่แม่ไม่ยอมไปอยู่กับพ่อ
แต่จากที่ได้อ่านนิยายมา จะโทษเยว่หรูก็ไม่ได้เพราะเธอไม่เคยรู้เลยว่าพ่อเธอมีเมียใหม่ เพราะสร้างภาพมาดี พูดจาดี เยว่หรูที่เป็นเด็กก็เชื่อทุกอย่างที่พ่อตัวเองพูด มันเลยออกมาแบบนี้
ชาวบ้านเริ่มแยกย้ายกัน เพราะดูแล้วว่าไม่น่าจะมีอะไรให้ดู เนื่องจากเยว่หรูไม่ต่อปากต่อคำ ไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจอะไรเลย ไม่ต่อว่ากระทบกระทั่งพ่อแม่เหมือนแต่ก่อน ทุกคนเลยแยกย้ายกันไปพักก่อนที่จะถึงเวลาลงงาน หากเป็นแต่ก่อน คนพวกนี้คิดว่าจะมีคนมาเล่นงิ้วให้เขาได้ดูในเวลาพักเท่านั้นเอง สนุกพวกเขาแต่พ่อแม่ของเธอนั้นทุกข์ใจ
"พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูไม่สนใจสิ่งที่ย่าพูดหรอก หนูบอกแล้วว่าหนูจะทำตัวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ " แต่อย่าให้เจอตอนอยู่ตัวต่อตัวนะ... ขอหยุมหัว... สักที สองที ตอนนี้ต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีก่อน อาจดูปลอม แต่ในเมื่อมันก็ไม่ต่างกับสังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ก็ไม่จำเป็นที่ต้องดีกับทุกคน ใครดีด้วยก็ดีกลับ ใครร้ายด้วยตอนนี้เยว่หรูเก็บไว้ในใจก่อน... ถึงเวลาค่อยเอาคืนทีหลังก็ยังไม่สายเกินไป
"กลับบ้านดี ๆ " ลู่หลินบอกลูกสาว พร้อมกับความรู้สึกที่ตื้นตันใจ ที่ลูกสาวเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดี เหมือนลูกสาวเธอโตขึ้น หากเป็นก่อนหน้านี้มีเรื่องกัน ลูกสาวของเธอจะไม่ยอมคุยด้วยหลายวันเลยแหละ
"ผมไปส่งลูกดีกว่า" จางหยวนไม่ไว้ใจ ด้วยความเป็นห่วงกลัวไปเจอแม่ของตัวเองขึ้นมาแล้วจะมีปัญหากันอีก ตอนนี้ลูกสาวเขาน่าปกป้องมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก ตัวยิ่งเล็ก ๆ อีกด้วย
"พ่อคะ... หนูกลับได้ไม่ต้องห่วงนะคะ เย็นนี้หนูจะทำอาหารรอ" เยว่หรูยิ้มกับท่าทางของพ่อที่ดูเป็นห่วงกังวลจนเกิดเหตุ เธอยิ้มและหัวเราะได้กับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เสมอ
"หากเจอให้รีบเดินหนีเข้าใจไหมลูก" เมื่อรู้ว่าลูกสาวอยากกลับเองก็ไม่อยากขัดใจ แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
"ค่ะ... หนูกลับก่อนนะคะ" เยว่หรูบอกลาแล้วเดินกลับออกไปทันที ไม่อย่างนั้นพ่อเธอต้องอยากเดินมาส่งแน่ ๆ
เยว่หรูคิดว่านางเอกปลอม ๆ เรื่องนี้ยังโชคดีที่มีพ่อกับแม่ที่รักและตามใจยิ่งกว่าเจ้าหญิง ต้องเปรียบเป็นเจ้าหญิงเลย เพราะแทบจะไม่ให้เยว่หรูหยิบจับอะไรทั้งที่ครอบครัวยากจน และที่สำคัญในหนังสือนิยายบอกว่าพ่อเลี้ยงของเธอรักเธอมากกว่าพ่อจริง ๆ ที่หวังเพียงใช้เธอให้เป็นประโยชน์เพื่อตัวเองเท่านั้น
เวลามาหาเธอจะชอบพูดเปรียบเทียบ ทำให้เธอมองว่าพ่อที่แท้จริงนั้นดีแสนดี เพราะพ่อส่งลูกสาวเรียนทั้งที่ไม่ค่อยมีลูกสาวบ้านไหนได้เรียนเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นคำสั่งปู่ของเธอที่อยากให้เธอได้เรียน แต่ความดีทุกอย่าง พ่อก็พูดให้ตัวเองดูดีอยู่คนเดียว
ในหนังสือนิยายไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวของพ่อเลี้ยงมากนัก บอกเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าทุกคนไม่ชอบครอบครัวของเธอ และไม่ชอบพ่อเลี้ยงของเธอด้วย เนื่องจากพ่อของเธอก็คือลูกติดพ่อมา อาจเพราะแบบนี้พ่อเลี้ยงถึงให้ความรักเธอมากมาย เขาอาจเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นลูกติดว่าเป็นยังไง...
บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ
บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส
บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่
บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค
บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได
บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร