Share

บทที่ 10

หลังจากที่หลินไท่หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว เขาก็อ้ำ ๆ อึ้งสีหน้าบ่งบอกความลำบากใจ

“สหายไท่ นายมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ” ซานเป่าถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของสหาย

“ฉันเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะ คือว่าที่ฉันมาหานายวันนี้เป็นเพราะฉันต้องการจะว่าจ้างนายให้ไปเฝ้าร้านและขายสินค้าที่ตัวมณฑลรวมถึงในเรื่องที่ต้องการให้นายขับรถบรรทุกรับซื้อสินค้าด้วย” หลินไท่พูดวัตถุประสงค์ของตนพลางสังเกตสีหน้าสหายไปด้วย

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีนี่ นายจะทำสีหน้าอึดอัดไปทำไม” ซานเป่าหลังฟังสิ่งที่สหายกล่าวออกมาก็ผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งใจที่ไม่มีเรื่องร้ายอย่างที่นึกกลัว

“ก็ฉันกลัวว่านายจะคิดว่าฉันดูถูกนะสิ” หลินไท่กล่าวตรงไปตรงมาสีหน้าผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าสหายไม่ได้คิดอย่างเช่นที่ตนคิด

“สหายไท่นายหวังดีกับฉันทำไมฉันต้องโกรธนายกัน เรื่องนี้ฉันยินดีทำนายไม่ต้องให้เงินฉันก็ได้ เพราะยังไงซะฉันก็ยังติดหนี้นายอยู่” ซานเป่าพูดขึ้นอย่างที่ใจคิด

“ไม่ได้หรอก นายยังมีป้ากุ้ยและอาจื้อยังต้องเรียนหนังสือ นายจะไม่รับเงินไม่ได้ ส่วนเรื่องหนี้ก็ถือว่าเป็นค่าจ้างล่วงหน้า หากนายไม่สบายใจฉันจะค่อย ๆ ทยอยหักจากเงินเดือนที่ให้นายก็แล้วกัน หากนายยังไม่ตกลงอีกฉันเกรงว่าคงจะต้องหาคนอื่น หรือไม่ก็ต้องปล่อยเช่าเพราะหาคนไว้ใจไม่ได้” หลินไท่กล่าวขึ้นเสียงดังก่อนที่สีหน้าของเขาจะหมองลง

“เจ้าลูกบ้านี่ จะปล่อยให้อาไท่ลำบากได้หรือ หากเขาต้องเสียรายได้ตรงนั้นไป อีกอย่างในเมื่อเขาไว้ใจพวกเราแล้วเราก็ต้องทำให้เต็มที่ถึงจะถูก” หญิงชรากล่าวกับบุตรชายสีหน้าไม่พอใจ

“ผมก็ไม่ได้ว่าจะไม่ทำนี่ครับ เพียงแต่ว่าเราจะไม่เอาเปรียบนายเกินไปหรอกหรือ ให้อยู่อาศัยโดยเปล่าอีกทั้งยังให้เงินเดือนอีก” ซานเป่าพูดกับแม่ก่อนหันหน้ามาทางสหายพูดขึ้นอย่างลังเล

“นายอย่าคิดมากได้ไหม เราเป็นสหายกันมาแทบจะตลอดชีวิตอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องที่อยู่ก็ถือว่าเป็นสวัสดิการที่ทางร้านมอบให้ก็แล้วกัน”

“พ่อครับ รับปากอาไท่เถอะครับ” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นหลังจากนั่งฟังในเรื่องนี้ด้วย

“ก็ได้ ฉันยินดีทำงานให้นาย” ซานเป่ากล่าวขึ้นสีหน้าจริงจัง พร้อมตั้งมั่นว่าจะดูแลร้านของสหายให้ดี

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเอาไว้อีกสามวันฉันจะมารับ ส่วนเรื่องโรงเรียนเสี่ยวจื้อจะย้ายไปตัวมณฑลหรือจะเรียนอยู่ที่เดิมดีล่ะ แต่ที่เดิมค่อนข้างไกลนะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถสาธารณะมาเรียน” หลินไท่ตบบ่าสหายอย่างรู้สึกยินดีในคำตอบที่ได้ยิน ก่อนถามเด็กหนุ่มผู้อยู่ในวัยเดียวกับบุตรชายฝาแฝดของตน

“ผมขอเรียนที่เดิมไปก่อนครับ ยังไงซะปีหน้าก็ต้องสอบเข้าเรียนมัธยมปลายอยู่ดี เอาไว้ตอนนั้นค่อยเลือกโรงเรียนมัธยมปลายในมณฑล” เด็กหนุ่มตอบตามที่คิด เรื่องการตื่นเช้าไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา

“ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันกลับก่อนก็แล้วกันอีกสามวันจะมารับ” หลินไท่กล่าวออกมาพร้อมกับจะลุกขึ้นยืน

ทว่าได้ถูกเสียงของแม่ของสหายห้ามเอาไว้ก่อน “อาไท่รอพวกเราอยู่นี่แหละ เราจะกลับไปกับเธอเลย”

“คุณป้าจะไม่เก็บสิ่งของก่อนหรือครับ” หลินไท่เอ่ยถามหญิงชราออกมาอย่างสงสัย

“ไม่ต้องหรอก สิ่งของพวกเราได้เก็บกันหมดแล้ว เธอก็เห็นข้าวของของพวกเรามีไม่มาก ส่วนบ้านหลังนี้ก็ได้กรรมสิทธิ์คืนมาแล้วดังนั้นก็แค่ปิดไว้ก็พอ” กุ้ยฮวากล่าวตามจริง เนื่องจากพวกเธอโดนบังคับให้ย้ายออกจากหญิงคนนั้นก็เลยจำต้องเก็บข้าวของ

“อย่างที่แม่ฉันบอกนั่นแหละ พวกเราพร้อมจะไปกับนายเลย อีกอย่างจะได้เริ่มงานได้เร็วขึ้นด้วย” ซานเป่าไม่ค้านความเห็นของมารดา

“ถ้าอย่างนั้นไปที่บ้านของฉันก่อนก็แล้วกันรถบรรทุกจอดอยู่ที่นั่น จากนั้นฉันจะให้นายเอารถไปใช้” หลินไท่พูดขึ้น

ดังนั้นรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของบ้านหลินจึงได้พาคนอีกสามกลับมายังบ้านของตน

“ทุกคนเข้าบ้านก่อนเลยครับ” หลินไท่กล่าวเชิญ

“พ่อคะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ” หลินซีฉีกยิ้มกล่าวต้อนรับพ่อของตนเสียงใสโดยไม่รู้ว่าพ่อพาแขกมาด้วย

“เสี่ยวซี พี่ชายของลูกไปไหน มารู้จักสหายของพ่อก่อน” หลินไท่บอกบุตรสาวผู้ที่หน้าตามอมแมมจากฝุ่นแป้งสีขาว ซึ่งเขาคิดว่าเจ้าตัวคงจะกำลังทำอาหารอะไรอยู่เป็นแน่

“หนูจะไปตามพี่ใหญ่ พี่รองให้ค่ะ” หลินซีพูดพร้อมกับวิ่งหายลับไปเมื่อเห็นแขกเดินเข้ามา

“ปู่คะ ย่าคะ พี่ใหญ่ พี่รอง พ่อให้มาตามไปรับแขกค่ะ” หลินซีกล่าวกับคนทั้งสี่ที่กำลังช่วยกันห่อเกี๊ยวอย่างตั้งใจ

“ไปสิ คงจะเป็นครอบครัวของอาเป่าละมั้ง” ชายชราจับจีบเกี๊ยวในมือเสร็จพอดีพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปล้างมือกันเถอะ หลานสองคนนำน้ำไปต้อนรับแขกด้วย” หญิงชราวางงานในมือกล่าวกับหลานชายทั้งสอง

จากนั้นหล่อนก็หันหน้าไปทางหลานสาวก่อนพูดขึ้นน้ำเสียงแตกต่างจากพูดกับหลานชายลิบลับ

“เสี่ยวซี หลานไปล้างมือแล้วออกไปพร้อมย่าเถอะ” หญิงชราบอกหลานสาวน้ำเสียงผิดกับหลานชายลิบลับ

“พี่ใหญ่ ใครว่าหลานชายมักเป็นใหญ่ มาดูบ้านเรานี่ หลานสาวใหญ่ที่สุดต่างหาก” หลินชิวกระซิบพูดข้างหูผู้เป็นพี่เสียงเบา

“นายไม่รักน้องหรือไง ถึงได้พูดคล้ายอิจฉาแบบนี้” หลินชุนมองหน้าน้องชายสายตาขุ่นมัวกล่าวเสียงดุ

“พี่อย่ามาใส่ร้ายผม ผมรักน้องสาวที่สุดอยู่แล้ว ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะดีมากกว่าผู้หญิงสามคนในบ้านของเราแล้วละ” ผู้เป็นน้องแย้งขึ้นทันทีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้

“ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้า ฉันได้ยินนายพูดแบบนั้นก็คิดว่านายไม่รักน้องนะสิ” พี่ใหญ่ของน้องกล่าวอย่างรู้สึกผิด

“ผมแค่ล้อเล่น พี่เข้าใจไหม” หลินชิวกล่าวหน้ามุ่ย

“พี่ขอโทษนายก็แล้วกัน เอาละรีบไปยกน้ำต้อนรับแขกกันเถอะ” หลินชุนกล่าวอย่างสำนึกผิดจริงตามที่พูด

“ผมไม่โกรธพี่แล้วก็ได้ หากมีคราวหน้าพี่กล่าวหาผมแบบนี้อีกผมจะไม่พูดกับพี่สักสามวัน” ผู้เป็นน้องกล่าวพร้อมเดินไปหยิบแก้ว

หลินชุนได้แต่ส่ายหน้าระอาให้กับน้องชายผู้ที่มักทำตัวเป็นเด็กกับตนทั้งที่เขาเกิดก่อนแค่ไม่กี่นาที

ภายในห้องโถงของบ้านหลิน หลังจากที่คนในครอบครัวเดินออกมาพร้อมหน้ากันแล้วการทักทายกันก็เกิดขึ้นและก็เป็นเรื่องบังเอิญที่บุตรชายของซานเป่าเป็นเพื่อนร่วมห้องของสองแฝด

หลังจากที่สองพี่น้องนำน้ำออกมาหลินชิวจึงได้เรียกชื่อของเด็กหนุ่มผู้อยู่ในวัยเดียวกันอย่างประหลาดใจ “อาจื้อ!”

ฝ่ายผู้เป็นเจ้าของชื่อเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เพราะคาดไม่ถึงว่าสหายร่วมห้องจะเป็นบุตรชายของผู้มีคุณ

“อาชุน อาชิว นายเป็นลูกของอาไท่อย่างนั้นหรือ” ซานจื้อ ถามคนทั้งสองสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน

“ใช่” หลินชุนตอบรับ

“ช่างเป็นโชคชะตาของพวกเรานะที่เด็ก ๆ ก็เป็นเพื่อนกันด้วย” หลินไท่ยกยิ้มกล่าวกับสหายผู้นั่งอยู่ข้างกัน

“นั่นสิ” ซานเป่าเองก็กล่าวอย่างเห็นด้วย

“วันนี้พวกนายก็กินข้าวที่นี่แหละ รอฉันก่อนก็แล้วกันฉันขอไปรับอาเหมยก่อน” หลินไท่บอกกับสหายหลังดูนาฬิกาที่ข้อมือ

“แต่ว่า มันจะไม่รบกวนเกินไปหรอกหรือ” ซานเป่ากล่าวอย่างเกรงใจเนื่องจากคิดว่าเขารบกวนสหายมากจนเกินไปแล้ว

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก วันนี้พวกเราทำเกี๊ยวไว้เยอะทีเดียว เพราะเสี่ยวซีต้องการจะทำขายเลยฝึกทำไว้มาก มีคนช่วยกินก็ดีเหมือนกัน” ชายชรากล่าวขึ้นเป็นการตัดสินแทน

“ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ผมกับครอบครัวคงต้องรบกวนแล้วครับ” ซานเป่าไม่สามารถปฏิเสธผู้สูงวัยได้กล่าวขึ้นอย่างสุภาพ

และมื้อเย็นของบ้านหลินก็ต่างเป็นที่ถูกปากของทุกคนอีกเช่นเคย

“ฉันไม่คิดเลยว่าเด็กอายุน้อยขนาดเสี่ยวซีจะทำอาหารออกมาได้อร่อยมากขนาดนี้” กุ้ยฮวากล่าวชมจากใจ

“ย่ากุ้ยชมหนูเกินไปแล้วค่ะ หนูเพิ่งจะหัดทำเป็นครั้งแรก ยังกลัวว่าจะไม่ถูกปากทุกคนอยู่เลย” เด็กหญิงกล่าวถ่อมตน

“จะไม่ถูกปากได้ยังไง ย่ากินเข้าไปตั้งหลายตัว จะว่าไปหากหนูทำขายรับรองว่าขายดิบขายดีแน่” หญิงชรากล่าวออกมาอีกครั้งอย่างไม่หวงคำชม

“อากุ้ย เธอก็อย่าชมหลานฉันเกินไปนักเดี๋ยวหล่อนจะเหลิงเสียก่อนแม้จะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ” กู้หนิงกล่าวใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างพอใจที่มีคนชื่นชมหลานสาว

“แม่ครับ ผมฟังคำของแม่แล้วมันดูแปลก ๆ นะครับ” หลินไท่กล่าวหยอกแม่เลี้ยงของตนสีหน้าล้อเลียน

“หรือแกจะเถียงว่าไม่จริงล่ะ ลูกสาวเก่งแบบนี้จะต้องถนอมให้ดี” กู้หนิงโต้กลับลูกเลี้ยงก่อนพูดออกมาเสียงดังทำให้ทุกคนยิ้มขำให้กับคนหลงหลาน

“อย่างที่แม่แกพูดนั่นแหละ ฉันเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้” ชายชราผู้รักหลานสาวกล่าวเสริม

“ครับผมเองก็เห็นด้วย” หลินไท่ฉีกยิ้มกว้างกล่าวออกมาบ้างทำให้หลินซีรู้สึกตื้นตันในคำกล่าวนี้เป็นอย่างมาก ส่วนแขกทั้งสามก็ยิ้มให้กับการแสดงออกของคนในบ้านนี้เช่นเดียวกัน

สำหรับซานจื้อนั้นเขากลับคิดว่าข่าวลือที่ได้ยินมาจากโรงเรียนนั้นไม่มีอะไรน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย

‘ใครบอกว่าหลินซีเอาแต่ใจเจ้าอารมณ์ทำอะไรไม่เป็นกัน ต่อไปนี้หากจะเชื่อสิ่งใดคงต้องสืบให้ถ่องแท้เสียก่อนไม่อย่างนั้นอาจเกิดการตัดสินที่ผิดพลาดได้’ เด็กหนุ่มครุ่นคิด

หลังจากกินอาหารเย็นที่บ้านหลินเรียบร้อย หลินไท่ก็ให้ครอบครัวซานพักที่บ้านเพราะตอนเช้าจะได้แนะนำให้ซานเป่ารู้จักกับชาวบ้านและนำสินค้ากลับไปขายที่ร้าน
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 114

    ภายในสนามเด็กเล่นประจำชุมชนของหมู่บ้านได้มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังนั่งใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าอยู่บนชิงช้า เขาไม่ได้แกว่งไกวเก้าอี้เหมือนเด็กอีกสองสามคนที่เล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน จู่ ๆ ด้านหน้าของเด็กชายก็ถูกเด็กวัยเดียวกันห้อมล้อมถึงสามคน หนึ่งในนั้นกำลังกระชากแขนของเขาเพื่อให้ลงจากเก้าอี

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 113

    หญิงสาวตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกับคุณย่าผู้อายุมากแต่ยังคงแข็งแรง “ย่าหาคู่ดูตัวมาให้หลานเลือกตั้งหลายคน หลานไม่รู้สึกถูกใจใครบ้างเลยเหรอ ลองดูคนสุดท้ายก่อนดีไหม หากหลานไม่พอใจย่าจะไม่หาให้อีกแล้ว” ผู้เป็นย่าบอกกับหลานสาวอย่างอ่อนใจ “ฉันไปตามนัดก็ได้ค่ะ แต่ย่าต้องอย่า

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 112

    “เอาไว้ฉันจะลองคิดดูอีกที ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเธอจะต้องเตรียมตัวแล้ว ไม่อย่างนั้นสามีของคุณ ๆ ทั้งหลายอาจจะมากล่าวโทษฉันที่รั้งตัวเจ้าสาวแสนสวยให้อยู่ตรงนี้” ซุนเหมียวตอบแบ่งรับแบ่งสู้ในขณะเดียวกันก็กล่าวล้อเลียนสหายไปด้วย เสียงเพลงบรรเลงทำนองแว่วหวานดังขึ้น จากนั้นพิธีการต่าง ๆ ก็ดำเนินไ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 111

    คำตอบของหลินซีนำพาให้ลู่หยางรู้สึกดีใจแทนสหายของตนเป็นอย่างมาก “เราไปบอกเขากันครับ” ลู่หยางจับมือหญิงคนรักเพื่อให้เดินเข้าไปด้วยกัน อู๋ท่งหันมาตามเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ลู่หยางจึงได้ปล่อยมือจากหลินซีกวักมือให้เขาเดินเข้ามาหา “ใครมาเหรอคะ” ฟางเซียนเอ่ยถามเสียงอ่อนห

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 110

    ความโกลาหลได้เกิดขึ้นภายในห้องอีกครั้ง หลินชิวรีบวิ่งย้อนกลับออกไปเพื่อตามหมอ หลินชุนรีบเดินกลับไปโทรบอกทางบ้าน ส่วนลู่หยางไม่สนใจสภาพของตนอีก เขารีบสาวเท้าเดินมาข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ฟู่ซินอี๋เองก็เดินมายืนอีกฝั่งเช่นเดียวกัน หลินซีฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มทั้งสองคนก่อนจะมาหยุ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 109

    แม้ใจจะห่วงเพื่อนทว่าแพทย์ที่มาด้วยกันนั้นมีเฉพาะทาง ที่เก่งกว่าเธอหลายคน แต่สำหรับลู่หยางมีเธอเพียงเท่านั้น ‘เซียนเซียนฉันผิดต่อเธอแล้ว หากช่วยเขาให้ปลอดภัยได้ฉันยินดีให้เธอลงโทษ’ชะตาของคนก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ เธอเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเพียงเท่านั้น หากตัดสินใจเลือกคนที่รั

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status