共有

บทที่ 9

“ใช่แล้วละ ซานเป่าได้รับบาดเจ็บจากการไปกู้ภัยเขาก็เลยขอลาออกทำให้ตอนนี้ค่อนข้างลำบาก วันนั้นพ่อจะให้เงินเขามากขึ้นกว่าที่เขาต้องการเขาก็ไม่ยอมรับ พ่อก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง ว่าแต่ลูกรู้เรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ” หลินไท่เล่าเรื่องของสหายออกมาตามตรงพลางถามลูกสาวอย่างสงสัย

“ในเมื่อตอนนี้พวกเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกคนแล้ว หนูมีเรื่องจะเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ ในขณะที่เล่าออกมาทุกคนอย่าเพิ่งถามอะไรจนกว่าหนูจะเล่าจนจบนะคะ หลังจากนั้นทุกคนค่อยตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่” เด็กหญิงพูดขึ้นสีหน้าจริงจังแต่ทว่าแววตากลับมีความลังเลระคนหวาดหวั่นพาดผ่าน

“พวกเราจะตั้งใจฟัง” เสียงแหบพร่าจากชายชรากล่าวแทนคนในครอบครัว

“หนูจะเริ่มเล่าเลยนะคะ ในตอนที่หนูไม่สบายอยู่หนูได้ฝันค่ะ ฝันว่าครอบครัวของพวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนกับตอนนี้ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะหนูเองที่หลงเชื่อผู้หญิงคนนั้น เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ.....” หลินซีเล่าเรื่องราวในอดีตออกมาทั้งหมดด้วยเสียงอันสั่นเครือจากการร้องไห้ ไหล่ของหล่อนสั่นสะท้านยามนึกถึงเรื่องในอดีตอันเลวร้ายเหล่านั้น

“ลูกสาวแม่ หยุดร้องเถอะนะ ตอนนี้พวกเราก็ยังสบายดีใช่ไหมจ๊ะ หนูอย่าโทษตัวเองเลย” จิวเหมยโอบกอดเด็กหญิงกล่าวปลอบโยนด้วยสีหน้าแสดงความเจ็บปวดด้วยความสงสารบุตรสาว

“แม่คะ ฮือ ๆ หนูขอโทษ ทุกคนคะหนูขอโทษ” หลินซีกล่าวออกมาพลางสะอื้นไห้อย่างน่าสงสารโอบกอดเอวของแม่แน่น

“ไม่ต้องร้องนะหลานปู่ พวกเราไม่มีใครโกรธหลานหรอก” ชายชราปลอบโยนคนเป็นหลานเช่นเดียวกับลูกสะใภ้

แม้ว่าเรื่องที่หลานสาวเล่าออกมาจะฟังดูน่าเหลือเชื่อก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยรู้จักนิสัยของผู้หญิงที่เคยชื่อว่าเป็นภรรยาเก่าของตนดี

“ย่าเองก็ไม่เคยถือโทษโกรธหนูเช่นกัน หยุดร้องเถอะนะ” หญิงชราแม้จะตกใจในเรื่องที่ได้ยินแต่เธอคิดว่าไม่มีเหตุผลที่หลานสาวจะต้องโกหก อีกอย่างการที่หลานสาวรู้เรื่องหรือทำในสิ่งที่ไม่เคยรู้ก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องที่หลานสาวพูดออกมาน่าจะเป็นเรื่องจริง

“ลูกสาวหนูไม่ต้องกลัวนะ พวกเราก็แค่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น เหตุการณ์ที่ลูกกลัวก็จะไม่เกิดลูกคิดว่ายังไง” หลินไท่เอามือลูบหัวบุตรสาวกล่าวอย่างอ่อนโยน

“พ่อคะ แม้ว่าเราจะไม่ยุ่งกับเขาแต่หนูกลัวว่าเขาจะไม่หยุด เราวางใจเขาไม่ได้หรอกค่ะ ดังนั้นเราจะต้องเตรียมรับมือให้ดี” หลินซีผู้รู้จักธาตุแท้ของหญิงคนนั้นกล่าวออกมาทั้งเสียงสะอื้น

“ผมเห็นด้วยกับน้องสาว อย่างน้อยในตอนนี้เรื่องราวเลวร้ายที่น้องฝันยังไม่เกิด อีกทั้งน้องยังรู้จักชื่อคนเหล่านั้นด้วย ผมว่าควรใช้จุดนี้ให้เกิดประโยชน์กับทางเราให้มากที่สุด” หลินชุนกล่าวคล้อยตามผู้เป็นน้อง

“ใช่ครับ ผมเองก็เห็นด้วย นับตั้งแต่นี้ไปผมจะตั้งใจเรียนทุกอย่างรวมถึงศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงด้วย” หลินชิวกล่าวอย่างมุ่งมั่น

เพราะเขาคิดว่าคนในฝันของน้องสาวนั้นเป็นเขาแน่หรือ ทำไมไม่เก่งกาจเอาซะเลย

เช่นเดียวกับหลินชุนต่อไปนี้ก่อนที่จะทำอะไรเขาจะต้องระแวดระวังเอาไว้ทุกฝีก้าวไม่หลงเชื่อใครง่าย ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงยกเว้น ย่า แม่ และน้องสาว เพราะคนในฝันของน้องนั้นเป็นเพราะใจอ่อนช่วยเหลือผู้หญิงที่เป็นนางนกต่อนั่นเอง

หลินซีเมื่อได้ฟังสิ่งที่คนในครอบครัวกล่าวออกมา เธอก็ปล่อยอ้อมแขนจากเอวบางของแม่ก่อนกวาดตามองทุกคนที่มองมาทางตนด้วยดวงตาแดงก่ำคล้ายกระต่าย

“ทุกคนเชื่อเรื่องที่หนูเล่าออกมาหรือคะ” เด็กหญิงถามคนในครอบครัวน้ำเสียงแหบแห้ง

“เชื่อสิครับ/สิจ๊ะ” คนในครอบครัวตอบออกมาพร้อมเพรียง

“ขอบคุณนะคะ ทุกคนรู้ไหมคะว่าหนูกังวลมากเลย กลัวไปสารพัด หนูไม่อยากเสียทุกคนไปอีกแล้วไม่อยาก” เด็กหญิงร้องไห้ออกมาอีกครั้งทำให้คนในครอบครัวต่างสลับเข้ามากอดปลอบกันวุ่นวาย

“พ่อว่าดีแล้วที่ลูกเล่าเรื่องนี้ออกมา ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันมีหลายคนช่วยคิดดีกว่าให้ลูกเผชิญความทุกข์ตามลำพัง” หลินไท่บอกลูกสาวตามตรง

“ใช่แล้วละ ตอนนี้หนูก็เลิกร้องเถอะนะ ปู่เห็นแล้วใจคอไม่ดี” ชายชราปลอบหลานสาวพลางเอามือเต็มไปด้วยริ้วรอยลูบหัวเล็กของเด็กหญิงอย่างสงสาร

“หนูจะไม่ร้องไห้แล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะ ต่อไปนี้หนูจะไม่ดื้อรั้นเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว” หลินซีกล่าวพลางสูดน้ำมูกของตน

“เช็ดหน้าก่อนครับ” หลินชุนผู้ไปนำผ้าชุบน้ำอุ่นมากล่าวพร้อมยื่นผ้าสีขาวสะอาดส่งให้น้องน้อย

“ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่” หลินซีรับผ้ามาเช็ดหน้าของตนกล่าวเสียงเครือ

“ไม่ต้องร้องแล้วนะครับ ต่อไปนี้พวกเรามาทำให้ตัวเองแข็งแกร่งกันเถอะจะได้ไม่มีคนมารังแกครอบครัวของเราได้” หลิน ชิวกล่าวอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับชูมือขึ้นสูง

ทำให้หลินซีหัวเราะทั้งน้ำตาให้กับพี่รองของตน ‘โชคดีที่ได้กลับมา โชคดีที่ตัดสินใจเล่าความจริง’ เด็กหญิงคิด

“เรามาเปลี่ยนเรื่องสนทนากันเถอะ เรื่องของร้านในมณฑลพ่อจะทำตามความเห็นของลูกก็แล้วกัน และอีกอย่างอาเป่าขับรถบรรทุกได้ดังนั้นเรื่องการขนส่งไม่มีปัญหา” หลินไท่กล่าวเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าลูกสาวระงับอารมณ์ของตนได้แล้ว

“ดีค่ะ เรื่องนี้หนูเห็นด้วย” หลินซีรีบกล่าวสนับสนุน

ดังนั้นเช้าวันต่อมาหลินไท่จึงได้ขับรถของตนไปยังบ้านของสหายที่อยู่กันคนละหมู่บ้าน เมื่อไปถึงหน้าบ้านหลังที่ตนจำได้แม่นยำว่าต้องเป็นบ้านของสหายอย่างแน่นอน

“พวกแกรีบไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้กันได้แล้ว ไม่มีเงินมาใช้คืนฉันก็ต้องยึดที่ดินก็ถูกแล้ว” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นจากด้านในทำให้หลินไท่ผู้กำลังเดินลงจากรถวิ่งไปยังต้นเสียงทันที

“ผมขอเวลาอีกสักหน่อยไม่ได้หรือครับ หากว่าคุณไล่ผมไปตอนนี้ แม่กับลูกของผมจะไปอยู่ที่ไหน” ชายวัยกลางคนร่างซูบผอมใบหน้าตอบกล่าวอ้อนวอน

“นั่นมันเป็นปัญหาของแกไม่ใช่ปัญหาของฉัน รีบไสหัวออกไปกันได้แล้ว” หญิงชราผู้นั้นยังคงกล่าวไล่โดยไม่สนใจคำอ้อนวอนของชายผู้ที่นั่งคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอรวมถึงน้ำตาของหญิงชราและเด็กหนุ่มเลยสักนิดเดียว

หลินไท่ผู้อดรนทนรออยู่นานแล้วส่งเสียงถามออกมาอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกคุณเป็นใคร”

“อาไท่!” ซานเป่าส่งเสียงเรียกชื่อสหายอย่างตกใจ

“นายไม่เป็นอะไรนะ คุณป้าครับลุกขึ้นมาก่อน เสี่ยวจื้อ ด้วย” หลินไท่พยุงหญิงสูงวัยกล่าวอย่างเป็นห่วง

“คุณเป็นใคร คนบ้านนี้ติดหนี้ฉันไว้ หากอยากช่วยเขาก็นำเงินมาให้ฉันซะ หากไม่มีก็พากันไสหัวไป” หญิงวัยเดียวกับเจ้าบ้านกล่าวเสียงดังพลางแบมือของตนออกมา

“พวกเขาติดหนี้คุณเท่าไหร่ มีหนังสือกู้ยืมไหม” หลินไท่ถามออกมาเสียงดังไม่แพ้กัน

“มี เอาไปดูซะ” หญิงคนนั้นตอบหลินไท่ก่อนบ่ายหน้าไปทางลูกน้องของตน

“ดูให้เต็มตา” ลูกน้องคนนั้นกล่าวเสียงเยาะ

“สองร้อยหยวน อาเป่านายติดหนี้จำนวนนี้จริงหรือเปล่า” หลินไท่หันไปถามเพื่อนผู้ก้มหน้าอย่างรู้สึกละอายใจที่สหายได้มาเห็นภาพความอัปยศของตน

“หนี้พวกนี้เป็นผู้หญิงคนนั้นสร้างไว้ต่างหาก ไม่เกี่ยวกับพวกเราด้วยซ้ำ” เสียงของเด็กหนุ่มกล่าวออกมาอย่างเคียดแค้นแววตาชิงชังยามนึกถึงผู้ให้กำเนิด

“อาจื้อ! ผู้หญิงคนนั้นยังไงก็เป็นแม่ของหลานอย่าก้าวร้าว” หญิงชราส่งเสียงปรามหลานสีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์

เด็กหนุ่มยังคงมีท่าทางฮึดฮัดคล้ายไม่ยินยอม หลินไท่มองหน้าสหายที่เอาแต่ก้มหน้าสลับกับหญิงชราและเด็กหนุ่มก็ถอนใจออกมาอย่างอึดอัด

“ผมจะใช้หนี้แทนเอง และต่อไปนี้พวกคุณก็อย่ามาที่นี่อีก” หลินไท่ตัดสินใจพูดออกไป

“อาไท่ หนี้พวกนี้เป็นของบ้านเราฉันจะให้นายมารับผิดชอบใช้หนี้แทนได้ยังไงไม่ได้หรอก” ซานเป่าเรียกชื่อของสหายพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างยืดยาว

“มีคนจะใช้หนี้แทนพวกแกก็ดีแล้วนี่ จนก็จนยังจะเรื่องมากอีกถุย!” หญิงผู้นั้นถ่มน้ำลายลงพื้นหลังจากพ่นคำพูดไม่น่าฟัง

“คุณช่วยคืนหนังสือสัญญาการเป็นหนี้มาด้วย จากนี้หากมีคนไปยืมเงินของคุณโดยไม่ใช่คนในครอบครัวของสหายผมสามคนนี้อีก ผมจะแจ้งทางการมาจับคุณข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกและปล่อยเงินกู้” หลินไท่แสร้งข่มขู่คนเหล่านี้ที่เขามองแล้วว่าน่าจะใช้แต่กำลังเป็นอย่างเดียว

“ดะ.. ได้ นี่หนังสือสัญญาเอาเงินมาสิ” หญิงวัยกลางคนกล่าวเสียงสั่น หลินไท่อ่านหนังสือสัญญาที่ได้รับมาอย่างละเอียดก่อนจะส่งให้สหายที่ยืนมองเขาอยู่

“ไปได้แล้วอย่าให้ผมเห็นพวกคุณอีก” หลินไท่กล่าวไล่หลังจากที่เขาส่งเงินให้ตามจำนวนที่พวกนั้นต้องการ

“อาไท่ขอบใจมาก หากไม่ได้นายวันนี้ฉะ..” ซานเป่ากล่าวเสียงเครือยังไม่ทันจบหลินไท่ก็ขัดขึ้นเสียก่อน “ไม่เป็นไร เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันภายหลัง”

“เสี่ยวไท่ ป้าขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือเราเอาไว้” หญิงชรากำลังจะก้มหัวขอบคุณชายรุ่นลูกทว่าได้ถูกหลินไท่กล่าวห้ามไว้เอาไว้

“อาไท่ครับ ผมขอขอบคุณอามาก หากอามีเรื่องอะไรต้องการให้ผมช่วยเหลือได้โปรดบอกออกมาได้เลย แม้ว่าผมในตอนนี้อาจจะไม่สามารถช่วยได้มากนักก็ตาม” ซานจื้อคุกเข่าลงคำนับให้กับชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ

เนื่องจากชายวัยกลางคนผู้นี้ช่างเป็นผู้ส่งถ่านกลางหิมะ[1]ให้กับครอบครัวของเขาได้ทันพอดี

“ลุกขึ้นเถอะ พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในดีกว่า” หลินไท่เอามือจับบ่าเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวออกมา

“ได้สิ” ซานเป่าเดินเข้าไปพยุงมารดารับปากสหายอย่างไม่ลังเล

[1] หยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ลำบากได้ทันกาล
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 113

    หญิงสาวตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกับคุณย่าผู้อายุมากแต่ยังคงแข็งแรง “ย่าหาคู่ดูตัวมาให้หลานเลือกตั้งหลายคน หลานไม่รู้สึกถูกใจใครบ้างเลยเหรอ ลองดูคนสุดท้ายก่อนดีไหม หากหลานไม่พอใจย่าจะไม่หาให้อีกแล้ว” ผู้เป็นย่าบอกกับหลานสาวอย่างอ่อนใจ “ฉันไปตามนัดก็ได้ค่ะ แต่ย่าต้องอย่า

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 112

    “เอาไว้ฉันจะลองคิดดูอีกที ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเธอจะต้องเตรียมตัวแล้ว ไม่อย่างนั้นสามีของคุณ ๆ ทั้งหลายอาจจะมากล่าวโทษฉันที่รั้งตัวเจ้าสาวแสนสวยให้อยู่ตรงนี้” ซุนเหมียวตอบแบ่งรับแบ่งสู้ในขณะเดียวกันก็กล่าวล้อเลียนสหายไปด้วย เสียงเพลงบรรเลงทำนองแว่วหวานดังขึ้น จากนั้นพิธีการต่าง ๆ ก็ดำเนินไ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 111

    คำตอบของหลินซีนำพาให้ลู่หยางรู้สึกดีใจแทนสหายของตนเป็นอย่างมาก “เราไปบอกเขากันครับ” ลู่หยางจับมือหญิงคนรักเพื่อให้เดินเข้าไปด้วยกัน อู๋ท่งหันมาตามเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ลู่หยางจึงได้ปล่อยมือจากหลินซีกวักมือให้เขาเดินเข้ามาหา “ใครมาเหรอคะ” ฟางเซียนเอ่ยถามเสียงอ่อนห

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 110

    ความโกลาหลได้เกิดขึ้นภายในห้องอีกครั้ง หลินชิวรีบวิ่งย้อนกลับออกไปเพื่อตามหมอ หลินชุนรีบเดินกลับไปโทรบอกทางบ้าน ส่วนลู่หยางไม่สนใจสภาพของตนอีก เขารีบสาวเท้าเดินมาข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ฟู่ซินอี๋เองก็เดินมายืนอีกฝั่งเช่นเดียวกัน หลินซีฉีกยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มทั้งสองคนก่อนจะมาหยุ

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 109

    แม้ใจจะห่วงเพื่อนทว่าแพทย์ที่มาด้วยกันนั้นมีเฉพาะทาง ที่เก่งกว่าเธอหลายคน แต่สำหรับลู่หยางมีเธอเพียงเท่านั้น ‘เซียนเซียนฉันผิดต่อเธอแล้ว หากช่วยเขาให้ปลอดภัยได้ฉันยินดีให้เธอลงโทษ’ชะตาของคนก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ เธอเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเพียงเท่านั้น หากตัดสินใจเลือกคนที่รั

  • 1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย   บทที่ 108

    “เจอแล้ว!” หลินซีอุทานเสียงดัง “หล่อนอยู่ตรงไหน” ชุนรีบถามน้องสาวน้ำเสียงแฝงความยินดีไม่ต่างกัน “ฉันจะพาไปค่ะ” หลินซีออกตัววิ่งนำพี่ชายไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายท่ง มาทางนี้ค่ะ” หลินซีป้องปากตะโกนเรียกชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเมื่อเธอวิ่งมาถึงบริเวณที่เพื่อนของตนติด

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status