1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย

1989 เปลียนรัก (ยัย) ตัวร้าย

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-05-28
ภาษา: Thai
goodnovel16goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
105บท
881views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ผลงานเรื่องใหม่ของเฟยเทียนในเรื่องนี้เป็นเรื่องราวคู่ขนานคาบเกี่ยวตั้งแต่ปี ค.ศ.1983 ซึ่งเป็นเรื่องราวย้อนหลังในจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในปี 1989 ของนางเอกที่ได้พบกับช่วงชีวิตอันเลวร้าย เริ่มจากพ่อแม่ถูกจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุจนตาย พี่ชายคนโตถูกใส่ร้ายจนทนรับแรงกดดันไม่ไหวทำให้ตกตายในคุก พี่ชายคนรองตายเพราะปกป้องน้องสาวที่ถูกสามีผู้ที่เธอจำต้องแต่งจากการบังคับของคนเป็นย่า เรื่องราวของหลินซีจะเป็นอย่างไรเมื่อเธอได้มีโอกาสย้อนกลับมาตอนวัยสิบสามปีอีกครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ดังนั้นหากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ ด้วยรัก...เฟยเทียน

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1

หน้าหลุมศพของสถานที่อันเป็นแหล่งพำนักสุดท้ายของผู้ที่เคยมีชีวิตท่ามกลางสายฝนโปรยปราย

ได้มีหญิงสาวรูปร่างผอมบางสวมชุดเดรสสีขาว สภาพผมของหล่อนกับชุดแนบลู่ติดกับร่างกายเนื่องจากฝนที่ตกลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ใบหน้าของหญิงสาวขาวซีดดวงตาบอบช้ำมีหยาดน้ำไหลอาบร่องแก้ม ซึ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นหยาดน้ำตาของเจ้าตัวหรือเป็นหยาดน้ำจากฝนที่กำลังโปรยปรายกันแน่

“พ่อ แม่ พี่ใหญ่ พี่รอง ทุกคนเจอกันหรือยังคะ ตอนนี้ทุกคนสบายดีไหม” หญิงสาวยืนกล่าวกับหลุมศพที่เรียงกันอยู่ด้านหน้าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้า

“วันนี้ฉันมาลาทุกคนนะคะ ฉันกำลังจะไปจากเมืองนี้ค่ะ ไปให้ไกลจากคนชั่วพวกนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นย่าตามสายเลือด

ทว่าหญิงคนนั้นกลับใจร้ายกับพวกเราเสียเหลือเกิน พ่อคะ แม่คะ พี่ใหญ่ พี่รอง ทุกคนจะอภัยให้ฉันไหม แม้ในตอนนี้ฉันจะรู้ดีว่าการตายของทุกคนเกี่ยวข้องกับใคร

ตะ...แต่ฉันก็ไม่อาจที่จะแก้แค้นคนเหล่านั้นได้ ไม่อาจที่จะนำของที่เป็นของครอบครัวเรากลับคืนมา พ่อคะ พ่อจะโทษฉันไหม ที่ฉันเป็นคนขี้ขลาด” หญิงสาวไหล่ไหวสะท้านขึ้นลงกล่าวออกมาอีกครั้งอย่างเจ็บปวด

หล่อนยืนนิ่งไปเนิ่นนานก่อนจะกล่าวออกมาอีก “ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้เลย ไม่เลยจริง ๆ ฉันต้องการแก้แค้นให้กับทุกคนฉันต้องการให้คนเหล่านั้นชดใช้ให้พวกเรา

แต่ว่าฉันรู้ดีหากอยู่ที่เมืองนี้ต่อไป ยังไงซะฉันก็ไม่สามารถแก้แค้นได้ ดังนั้นฉันจำเป็นต้องไป เพื่อวันหนึ่งฉันจะมีกำลังมากพอมาจัดการพวกชั่วนั่น

พ่อคะ ฉันรู้ว่าพ่อเป็นคนกตัญญูและรักหญิงคนนั้นมาก แต่ฉันอยากจะบอกพ่อหากมีโอกาสพ่ออย่าได้หลงเชื่อน้ำคำของหล่อนอีกนะคะ หญิงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่แท้ ๆ ของพ่อ เป็นย่าของฉัน พ่อรู้ไหมคะ หลังจากที่พ่อกับแม่ไม่อยู่หล่อนก็ยึดกิจการของเราไปทั้งหมด เอาไปให้คนพวกนั้น คนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเราเลย อีกทั้งหล่อนยังบังคับให้ฉันแต่งงานกับคนชั่วอีกด้วย พอฉันจะหนีหล่อนก็เอาพี่ใหญ่พี่รองมาข่มขู่ ฉันจึงต้องยอมแต่ง

ที่ไหนได้สุดท้ายแล้วพี่ใหญ่พี่รองก็ต้องมาตกตาย ฉันขอโทษ หากฉันไม่สนใจคำขู่ของหล่อนในวันนั้นบางทีพวกเราสามคนพี่น้องอาจจะยังได้อยู่ด้วยกัน

พี่ใหญ่ พี่รอง น้องโง่มากใช่ไหม น้องโง่ที่เชื่อคำขู่พวกนั้นโดยที่ไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม

แต่พี่ทั้งสองไม่ต้องห่วงนะ ต่อจากนี้ฉันจะพยายามเข้มแข็งแม้ว่ามันอาจจะยากไปสักหน่อยก็ตาม

พี่ใหญ่คะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกพี่ด้วย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคนที่มันใส่ร้ายพี่เป็นใคร เมื่อถึงเวลาฉันจะกลับมาจัดการพวกมันให้สาสมอย่างแน่นอน

ส่วนพี่รองฉันขอโทษ ถ้าในวันนั้นฉันไม่ตัดสินใจหนีออกไปกับพี่ พี่ก็ไม่ต้องมาตายเพราะฉัน ฉันขอโทษ” หญิงสาวกล่าวโทษตัวเองถึงในเรื่องที่ผ่านมาแม้มันจะไม่ใช่ความผิดของตนก็ตาม

เสียงฟ้าร้องผสานกับแสงฟ้าแลบทำให้สุสานช่วงหัวค่ำแลดูน่ากลัว ทว่าหญิงสาวผู้นี้ก็ยังคงมองป้ายหน้าหลุมศพนิ่งไม่ไหวติงและนำพาต่อสิ่งรอบตัวของหล่อน

“ทุกคนคะ ฉันต้องไปแล้ว หากเมื่อไหร่ที่ฉันได้มีโอกาสกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง วันนั้นก็คือวันที่ฉันได้ทวงความเป็นธรรมให้กับทุกคน ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะคะ ฉันจะไปอยู่กับคุณปู่ค่ะ” หญิงสาวร่างผอมผมเปียกแนบลู่ไปกับศีรษะกล่าวออกมาอีกครั้ง

ก่อนที่หล่อนจะเดินอย่างเชื่องช้าออกไปจากหน้าหลุมศพของคนในครอบครัวที่พากันทอดกายอยู่ใต้ดิน

หลังหญิงสาวเดินจากไปไม่นานก็ได้มีชายหนุ่มร่างกาย สมส่วนรูปร่างสูงยืนอยู่ภายใต้ร่มคันสีดำตัดกับเครื่องแบบที่เขาสวม ชายหนุ่มเดินเข้ามาประตูคนละฝั่งกับที่หญิงสาวเดินจากไป

“ชุน ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันได้หลักฐานเกี่ยวกับการใส่ร้ายนายมาด้วย และขอโทษที่ฉันกลับมาช้าเกินไป เรื่องของน้องสาวนายต่อจากนี้ฉันจะคอยช่วยดูแลให้ ดังนั้นนายจงหลับให้สบายไม่ต้องห่วงเรื่องจากนี้อีก” เสียงห้าวทุ้มแฝงไว้ด้วยความเศร้ากล่าวกับหลุมศพชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อยใบหน้าเศร้าหมอง

โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าผู้ที่เขาได้เอ่ยปากออกไปว่าจะดูแลนั้นตอนนี้กำลังจะเกิดเรื่องร้ายกับเจ้าตัวในไม่ช้า

ด้านหน้าสุสานสายฝนยังคงโปรยปราย หญิงสาวในชุดขาวหลังจากที่เธอเดินผ่านหน้าประตูออกมา

ในขณะที่หล่อนกำลังเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งเพื่อรอรถลงจากเขา จู่ ๆ ก็ได้มีรถยนต์สีดำคันหนึ่งขับมาทางเธอด้วยความเร็ว

โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างผอมบางของหล่อนก็ลอยคว้างกลางอากาศเพียงเสี้ยวขณะ ก่อนที่ร่างกายอันบอบช้ำนั้นจะหล่นลงมากระแทกพื้นถนนสีดำอย่างรุนแรง

“ไม่!” เสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากปากชายในชุดสีเขียวทหารผู้กำลังจะเดินมาเรียกเธอเนื่องจากว่าเขาจำได้ดีว่าหญิงสาวผู้เดินอยู่เบื้องหน้าคือใคร

ชายหนุ่มทิ้งร่มในมือวิ่งมาหาหญิงสาวที่นอนรวยรินลมหายใจเริ่มขาดห้วงทอดกายอยู่บนพื้นอันเย็นเยียบของถนน เลือดสีแดงฉานจากร่างกายของเธอไหลปนอยู่กับน้ำฝน

“เสี่ยวซี เธอจะต้องไม่เป็นอะไร พี่ขอโทษที่กลับมาช้า ขอโทษที่ไม่สามารถช่วยเธอได้ เสี่ยวซีอย่าหลับตานะได้โปรด” ชายหนุ่มหลั่งน้ำตาตะโกนจนสุดเสียง

หลินซีผู้เหมือนตกอยู่ในความฝัน ร่างกายของเธอชาหนึบเธอพยายามจะเอื้อนเอ่ยถามชายหนุ่มว่าเขาเป็นใครแต่ก็จนใจเนื่องจากภายในปากของเธอได้มีก้อนเลือดกระอักออกมาทำให้เธอไม่อาจพูดออกมาได้ ท้ายที่สุดหญิงสาวจึงได้แต่ปิดเปลือกตาของตนลงตลอดกาล

“ทุกคนคะ ฉันขอโทษ สุดท้ายฉันก็ไม่อาจแก้แค้นได้ ให้อภัยฉันด้วย หากว่าชาติหน้ามีจริงฉันหลินซีขอกลับไปพบทุกคนอีกครั้งนะคะ”

ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบตระกองกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของตนแน่น หยาดน้ำหลั่งรินหยดใส่ใบหน้าอันซีดขาวของหญิงสาวที่บัดนี้นอนทอดกายแน่นิ่ง ไร้ซึ่งลมหายใจไปตลอดกาล

เฮือก!! ผู้ที่กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงเตาสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าทั้งที่เวลานี้เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ

“แม่ครับ เสี่ยวซีเป็นยังไงบ้างอาการดีขึ้นหรือยัง” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยถามคนเป็นแม่เลี้ยงผู้เลี้ยงตนมาตั้งแต่ห้าขวบด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว

“ตอนแม่เข้าไปดูในห้องยังเห็นว่าหลับอยู่แต่อาการไข้ลดลงแล้วลูกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ว่าแต่วันนี้ไม่ไปเปิดร้านเหรอ” หญิงผู้อายุวัยห้าสิบถามขึ้นอย่างสงสัย

“ไม่ครับ ผมเป็นห่วงลูกก็เลยปิดสักวัน” ชายผู้เป็นลูกกล่าวตอบโดยไม่รู้ว่าในอนาคตนั้นเขากำลังมีสิ่งอื่นให้ทำรออยู่

การสนทนาของบุคคลทั้งสองได้ดังเข้ามาถึงในห้องนอนของเจ้าของชื่อที่กำลังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

‘เราถูกรถชนไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นจำได้ว่าเหมือนมีใครสักคนเรียกชื่อเราด้วย แต่ทำไมถึงนึกไม่ออกกันล่ะว่าเขาคือใคร เอ๊ะเดี๋ยวสิไม่ถูกแหละ รถชนแล้วทำไมถึงไม่เจ็บเลยล่ะ’

หญิงสาวคิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตน ดังนั้นในระหว่างที่เธอกำลังคิดอย่างวนเวียนอยู่ภายในหัว

จากนั้นเธอก็พยายามลุกขึ้นและภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอนิ่งค้างด้วยความตกตะลึง ปฏิทินเก่าที่แขวนอยู่บนผนังห้องโต๊ะไม้เก่าขาไม่เท่ากัน

“28 มีนาคม 1983! มันจะเป็นไปได้ยังไง นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฉันอายุสิบสามปีหรอกเหรอ” หลินซีมองตัวเลขในกระดาษที่แขวนอยู่บนผนังเก่า ๆ ไม่อยากเชื่อสายตา

“เสี่ยวซีลูกตื่นแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า หิวไหมแม่เขากำลังต้มโจ๊กให้ลูกอยู่” ชายอายุสามสิบกลางเดินเข้ามาในห้องบุตรสาวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นลูกกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกชื่อตนก่อนที่เธอจะตะโกนเรียกชายคนนั้นเสียงสั่นเครือ “พ่อ”

“ลูกพ่อ ร้องไห้ทำไมเจ็บตรงไหนรีบบอกพ่อมาเร็วเข้า” ชายคนนั้นรีบเดินไปโอบกอดลูกสาวถามขึ้นอย่างห่วงใย

‘หากนี่เป็นความฝันฉันขอไม่ลืมตาตื่นอีกเลยจะได้ไหม’ หลินซีผู้ยังไม่รู้ว่าตนเองได้ย้อนกลับมายังอดีตคิดอยู่ในใจพลางกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่น

“คุณคะ ลูกสาวเป็นอะไร” ผู้มาใหม่รีบวางถ้วยโจ๊กบนโต๊ะก่อนเดินมาทางสองคนพ่อลูกสีหน้ากังวล

“แม่” หลินซีตะโกนเรียกหญิงคนนั้นเสียงดังดวงตาเบิกกว้าง ‘ฝันในตอนนี้ช่างดีเสียจริงเจอทั้งพ่อทั้งแม่’
แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
105
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status