หน้าหลุมศพของสถานที่อันเป็นแหล่งพำนักสุดท้ายของผู้ที่เคยมีชีวิตท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
ได้มีหญิงสาวรูปร่างผอมบางสวมชุดเดรสสีขาว สภาพผมของหล่อนกับชุดแนบลู่ติดกับร่างกายเนื่องจากฝนที่ตกลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ใบหน้าของหญิงสาวขาวซีดดวงตาบอบช้ำมีหยาดน้ำไหลอาบร่องแก้ม ซึ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นหยาดน้ำตาของเจ้าตัวหรือเป็นหยาดน้ำจากฝนที่กำลังโปรยปรายกันแน่
“พ่อ แม่ พี่ใหญ่ พี่รอง ทุกคนเจอกันหรือยังคะ ตอนนี้ทุกคนสบายดีไหม” หญิงสาวยืนกล่าวกับหลุมศพที่เรียงกันอยู่ด้านหน้าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้า
“วันนี้ฉันมาลาทุกคนนะคะ ฉันกำลังจะไปจากเมืองนี้ค่ะ ไปให้ไกลจากคนชั่วพวกนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นย่าตามสายเลือด
ทว่าหญิงคนนั้นกลับใจร้ายกับพวกเราเสียเหลือเกิน พ่อคะ แม่คะ พี่ใหญ่ พี่รอง ทุกคนจะอภัยให้ฉันไหม แม้ในตอนนี้ฉันจะรู้ดีว่าการตายของทุกคนเกี่ยวข้องกับใคร
ตะ...แต่ฉันก็ไม่อาจที่จะแก้แค้นคนเหล่านั้นได้ ไม่อาจที่จะนำของที่เป็นของครอบครัวเรากลับคืนมา พ่อคะ พ่อจะโทษฉันไหม ที่ฉันเป็นคนขี้ขลาด” หญิงสาวไหล่ไหวสะท้านขึ้นลงกล่าวออกมาอีกครั้งอย่างเจ็บปวด
หล่อนยืนนิ่งไปเนิ่นนานก่อนจะกล่าวออกมาอีก “ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้เลย ไม่เลยจริง ๆ ฉันต้องการแก้แค้นให้กับทุกคนฉันต้องการให้คนเหล่านั้นชดใช้ให้พวกเรา
แต่ว่าฉันรู้ดีหากอยู่ที่เมืองนี้ต่อไป ยังไงซะฉันก็ไม่สามารถแก้แค้นได้ ดังนั้นฉันจำเป็นต้องไป เพื่อวันหนึ่งฉันจะมีกำลังมากพอมาจัดการพวกชั่วนั่น
พ่อคะ ฉันรู้ว่าพ่อเป็นคนกตัญญูและรักหญิงคนนั้นมาก แต่ฉันอยากจะบอกพ่อหากมีโอกาสพ่ออย่าได้หลงเชื่อน้ำคำของหล่อนอีกนะคะ หญิงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่แท้ ๆ ของพ่อ เป็นย่าของฉัน พ่อรู้ไหมคะ หลังจากที่พ่อกับแม่ไม่อยู่หล่อนก็ยึดกิจการของเราไปทั้งหมด เอาไปให้คนพวกนั้น คนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเราเลย อีกทั้งหล่อนยังบังคับให้ฉันแต่งงานกับคนชั่วอีกด้วย พอฉันจะหนีหล่อนก็เอาพี่ใหญ่พี่รองมาข่มขู่ ฉันจึงต้องยอมแต่ง
ที่ไหนได้สุดท้ายแล้วพี่ใหญ่พี่รองก็ต้องมาตกตาย ฉันขอโทษ หากฉันไม่สนใจคำขู่ของหล่อนในวันนั้นบางทีพวกเราสามคนพี่น้องอาจจะยังได้อยู่ด้วยกัน
พี่ใหญ่ พี่รอง น้องโง่มากใช่ไหม น้องโง่ที่เชื่อคำขู่พวกนั้นโดยที่ไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม
แต่พี่ทั้งสองไม่ต้องห่วงนะ ต่อจากนี้ฉันจะพยายามเข้มแข็งแม้ว่ามันอาจจะยากไปสักหน่อยก็ตาม
พี่ใหญ่คะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกพี่ด้วย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคนที่มันใส่ร้ายพี่เป็นใคร เมื่อถึงเวลาฉันจะกลับมาจัดการพวกมันให้สาสมอย่างแน่นอน
ส่วนพี่รองฉันขอโทษ ถ้าในวันนั้นฉันไม่ตัดสินใจหนีออกไปกับพี่ พี่ก็ไม่ต้องมาตายเพราะฉัน ฉันขอโทษ” หญิงสาวกล่าวโทษตัวเองถึงในเรื่องที่ผ่านมาแม้มันจะไม่ใช่ความผิดของตนก็ตาม
เสียงฟ้าร้องผสานกับแสงฟ้าแลบทำให้สุสานช่วงหัวค่ำแลดูน่ากลัว ทว่าหญิงสาวผู้นี้ก็ยังคงมองป้ายหน้าหลุมศพนิ่งไม่ไหวติงและนำพาต่อสิ่งรอบตัวของหล่อน
“ทุกคนคะ ฉันต้องไปแล้ว หากเมื่อไหร่ที่ฉันได้มีโอกาสกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง วันนั้นก็คือวันที่ฉันได้ทวงความเป็นธรรมให้กับทุกคน ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะคะ ฉันจะไปอยู่กับคุณปู่ค่ะ” หญิงสาวร่างผอมผมเปียกแนบลู่ไปกับศีรษะกล่าวออกมาอีกครั้ง
ก่อนที่หล่อนจะเดินอย่างเชื่องช้าออกไปจากหน้าหลุมศพของคนในครอบครัวที่พากันทอดกายอยู่ใต้ดิน
หลังหญิงสาวเดินจากไปไม่นานก็ได้มีชายหนุ่มร่างกาย สมส่วนรูปร่างสูงยืนอยู่ภายใต้ร่มคันสีดำตัดกับเครื่องแบบที่เขาสวม ชายหนุ่มเดินเข้ามาประตูคนละฝั่งกับที่หญิงสาวเดินจากไป
“ชุน ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันได้หลักฐานเกี่ยวกับการใส่ร้ายนายมาด้วย และขอโทษที่ฉันกลับมาช้าเกินไป เรื่องของน้องสาวนายต่อจากนี้ฉันจะคอยช่วยดูแลให้ ดังนั้นนายจงหลับให้สบายไม่ต้องห่วงเรื่องจากนี้อีก” เสียงห้าวทุ้มแฝงไว้ด้วยความเศร้ากล่าวกับหลุมศพชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อยใบหน้าเศร้าหมอง
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าผู้ที่เขาได้เอ่ยปากออกไปว่าจะดูแลนั้นตอนนี้กำลังจะเกิดเรื่องร้ายกับเจ้าตัวในไม่ช้า
ด้านหน้าสุสานสายฝนยังคงโปรยปราย หญิงสาวในชุดขาวหลังจากที่เธอเดินผ่านหน้าประตูออกมา
ในขณะที่หล่อนกำลังเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งเพื่อรอรถลงจากเขา จู่ ๆ ก็ได้มีรถยนต์สีดำคันหนึ่งขับมาทางเธอด้วยความเร็ว
โดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างผอมบางของหล่อนก็ลอยคว้างกลางอากาศเพียงเสี้ยวขณะ ก่อนที่ร่างกายอันบอบช้ำนั้นจะหล่นลงมากระแทกพื้นถนนสีดำอย่างรุนแรง
“ไม่!” เสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากปากชายในชุดสีเขียวทหารผู้กำลังจะเดินมาเรียกเธอเนื่องจากว่าเขาจำได้ดีว่าหญิงสาวผู้เดินอยู่เบื้องหน้าคือใคร
ชายหนุ่มทิ้งร่มในมือวิ่งมาหาหญิงสาวที่นอนรวยรินลมหายใจเริ่มขาดห้วงทอดกายอยู่บนพื้นอันเย็นเยียบของถนน เลือดสีแดงฉานจากร่างกายของเธอไหลปนอยู่กับน้ำฝน
“เสี่ยวซี เธอจะต้องไม่เป็นอะไร พี่ขอโทษที่กลับมาช้า ขอโทษที่ไม่สามารถช่วยเธอได้ เสี่ยวซีอย่าหลับตานะได้โปรด” ชายหนุ่มหลั่งน้ำตาตะโกนจนสุดเสียง
หลินซีผู้เหมือนตกอยู่ในความฝัน ร่างกายของเธอชาหนึบเธอพยายามจะเอื้อนเอ่ยถามชายหนุ่มว่าเขาเป็นใครแต่ก็จนใจเนื่องจากภายในปากของเธอได้มีก้อนเลือดกระอักออกมาทำให้เธอไม่อาจพูดออกมาได้ ท้ายที่สุดหญิงสาวจึงได้แต่ปิดเปลือกตาของตนลงตลอดกาล
“ทุกคนคะ ฉันขอโทษ สุดท้ายฉันก็ไม่อาจแก้แค้นได้ ให้อภัยฉันด้วย หากว่าชาติหน้ามีจริงฉันหลินซีขอกลับไปพบทุกคนอีกครั้งนะคะ”
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบตระกองกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของตนแน่น หยาดน้ำหลั่งรินหยดใส่ใบหน้าอันซีดขาวของหญิงสาวที่บัดนี้นอนทอดกายแน่นิ่ง ไร้ซึ่งลมหายใจไปตลอดกาล
เฮือก!! ผู้ที่กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงเตาสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าทั้งที่เวลานี้เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
“แม่ครับ เสี่ยวซีเป็นยังไงบ้างอาการดีขึ้นหรือยัง” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยถามคนเป็นแม่เลี้ยงผู้เลี้ยงตนมาตั้งแต่ห้าขวบด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว
“ตอนแม่เข้าไปดูในห้องยังเห็นว่าหลับอยู่แต่อาการไข้ลดลงแล้วลูกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ว่าแต่วันนี้ไม่ไปเปิดร้านเหรอ” หญิงผู้อายุวัยห้าสิบถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่ครับ ผมเป็นห่วงลูกก็เลยปิดสักวัน” ชายผู้เป็นลูกกล่าวตอบโดยไม่รู้ว่าในอนาคตนั้นเขากำลังมีสิ่งอื่นให้ทำรออยู่
การสนทนาของบุคคลทั้งสองได้ดังเข้ามาถึงในห้องนอนของเจ้าของชื่อที่กำลังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
‘เราถูกรถชนไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นจำได้ว่าเหมือนมีใครสักคนเรียกชื่อเราด้วย แต่ทำไมถึงนึกไม่ออกกันล่ะว่าเขาคือใคร เอ๊ะเดี๋ยวสิไม่ถูกแหละ รถชนแล้วทำไมถึงไม่เจ็บเลยล่ะ’
หญิงสาวคิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตน ดังนั้นในระหว่างที่เธอกำลังคิดอย่างวนเวียนอยู่ภายในหัว
จากนั้นเธอก็พยายามลุกขึ้นและภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอนิ่งค้างด้วยความตกตะลึง ปฏิทินเก่าที่แขวนอยู่บนผนังห้องโต๊ะไม้เก่าขาไม่เท่ากัน
“28 มีนาคม 1983! มันจะเป็นไปได้ยังไง นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฉันอายุสิบสามปีหรอกเหรอ” หลินซีมองตัวเลขในกระดาษที่แขวนอยู่บนผนังเก่า ๆ ไม่อยากเชื่อสายตา
“เสี่ยวซีลูกตื่นแล้วนี่ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า หิวไหมแม่เขากำลังต้มโจ๊กให้ลูกอยู่” ชายอายุสามสิบกลางเดินเข้ามาในห้องบุตรสาวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นลูกกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกชื่อตนก่อนที่เธอจะตะโกนเรียกชายคนนั้นเสียงสั่นเครือ “พ่อ”
“ลูกพ่อ ร้องไห้ทำไมเจ็บตรงไหนรีบบอกพ่อมาเร็วเข้า” ชายคนนั้นรีบเดินไปโอบกอดลูกสาวถามขึ้นอย่างห่วงใย
‘หากนี่เป็นความฝันฉันขอไม่ลืมตาตื่นอีกเลยจะได้ไหม’ หลินซีผู้ยังไม่รู้ว่าตนเองได้ย้อนกลับมายังอดีตคิดอยู่ในใจพลางกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่น
“คุณคะ ลูกสาวเป็นอะไร” ผู้มาใหม่รีบวางถ้วยโจ๊กบนโต๊ะก่อนเดินมาทางสองคนพ่อลูกสีหน้ากังวล
“แม่” หลินซีตะโกนเรียกหญิงคนนั้นเสียงดังดวงตาเบิกกว้าง ‘ฝันในตอนนี้ช่างดีเสียจริงเจอทั้งพ่อทั้งแม่’
ความคิดเห็น