LOGINทันทีที่บาระและมาวินก้าวเข้ามาในอาณาเขตซ่อนตัว พวกเขาก็ทรุดตัวลงด้วยความอ่อนล้าจากการต่อสู้อันดุเดือดกลางทางเดิน ทั้งคู่มองไปที่เร็นที่ยังคงนอนหลับอยู่กลางวงชอล์กอาคม
"เร็น... เร็น ตื่นได้แล้ว" บาระเขย่าแขนเร็นเบา ๆ เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาดูดีขึ้นมาก และรอยแผลภายนอกก็จางลงตามที่เธอใช้คาถารักษา เร็นค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของเขา เขาจ้องมองบาระด้วยความสับสนเล็กน้อย ก่อนที่ความทรงจำสุดท้ายของการต่อสู้กับขุนพลเงาจะย้อนกลับมา "บาระ... ฉัน... ฉันเอาชนะมันได้ไหม?" เร็นถามเสียงแหบพร่า "ใช่! เราทำได้ เร็น! ผ้ายันต์ช่วยเราไว้" บาระยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยื่นเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวที่เธอได้มาจากห้องของมาวินให้เขา "นี่... ชุดนายเต็มไปด้วยเลือดและฝุ่นแล้ว เปลี่ยนชุดเถอะนะ" เร็นรับเสื้อมา แต่สายตาของเขาก็พลันไปสะดุดกับชายสูงโปร่งที่นั่งสงบอยู่ข้างบาระ "บาระ... ใครน่ะ?" เร็นถามด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง เขายกตัวขึ้นพิงกำแพงอย่างรวดเร็ว แม้จะยังรู้สึกเจ็บแปลบที่ซี่โครง "สวัสดี เร็น" มาวินยิ้มอย่างสุภาพ "เร็น! อย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น!" บาระรีบตัดบท เธอกลัวว่าการโต้ตอบกันจะดึงดูดความสนใจจากด้านนอก "รีบเปลี่ยนชุดซะ เร็น! ชุดนายเต็มไปด้วยเลือด พวกปีศาจมันได้กลิ่น! เราไม่ปลอดภัยที่นี่แล้ว" เร็นมองบาระและมาวินสลับกัน เขาเห็นถึงความตึงเครียดในดวงตาของบาระ และความเหนื่อยล้าที่ฉายชัดบนใบหน้าของมาวิน เขาจึงตัดสินใจเชื่อใจบาระและไม่ซักถามต่อ เร็นรีบถอดชุดนักเรียนที่เปื้อนเลือดและฉีกขาดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นรอยช้ำจาง ๆ บนผิวหนังที่บ่งบอกถึงบาดแผลภายในที่รุนแรง เขาเปลี่ยนมาสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวของมาวินที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายและสะอาด เมื่อเร็นเปลี่ยนชุดเสร็จ มาวินก็ลุกขึ้นยืน "เอาล่ะ... พวกเจ้าไม่ปลอดภัยที่นี่อีกต่อไปแล้ว" มาวินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "หลังจากที่พวกเจ้ากำจัดขุนพลเงาได้ พลังงานมืดมิดในปราสาทเริ่มปั่นป่วน พวกมันจะส่ง นักล่าชั้นสูง มาตามล่าพวกเจ้าในไม่ช้า" "นักล่าชั้นสูง?" บาระขมวดคิ้วด้วยความกังวล "ใช่... แต่ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ และข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้" มาวินเดินไปที่กำแพงหินด้านหลังพวกเขา "ตามข้ามา... ข้าจะพาไปที่ ห้องโถงแห่งความลับ" มาวินแตะกำแพงหินเบา ๆ ด้วยมือข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือดาบอยู่ เขาเริ่มร่ายคาถาโบราณด้วยภาษาที่บาระไม่เคยได้ยินมาก่อน และทันใดนั้นเอง กำแพงหินที่ดูทึบตันก็พลัน เลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นช่องทางเดินแคบ ๆ ที่มืดมิดยิ่งกว่าเดิม แต่มีอากาศบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่ภายใน "ไปกันเถอะ... พยายามอย่าส่งเสียงดัง และจับมือกันไว้" มาวินนำทาง บทที่ 2: เจ็ดอสุรกายแห่งทางลับ เร็นและบาระลุกขึ้นยืน ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจกับการมีอยู่ของทางลับนี้ เร็นเดินเข้าไปใกล้บาระและคว้ามือเธอไว้แน่น "ระวังนะบาระ" เขากระซิบ มาวินนำทางเข้าไปในทางเดินลับที่มืดมิด บาระเดินอยู่ตรงกลาง ส่วนเร็นปิดท้าย ทางเดินเต็มไปด้วยฝุ่นผงและกลิ่นอับชื้นที่น่าสะอิดสะเอียน เพียงไม่นานนักพวกเขาก็ถูกโจมตี เสียง กรีดร้อง แหลมสูงดังขึ้นจากด้านหน้าของพวกเขา และทันใดนั้นเอง เงาปีศาจเจ็ดตัว ก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันไม่ได้มีรูปร่างเหมือนเงาปีศาจทั่วไป แต่มีรูปร่างและพลังที่แตกต่างกันอย่างน่าขนลุก "แย่แล้ว! นักล่าชั้นสูง!" มาวินอุทานอย่างตกใจ "ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะถูกส่งมาเร็วขนาดนี้!" มาวินชักดาบสีฟ้าอ่อนออกมาอย่างรวดเร็ว และยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อปกป้องบาระและเร็น "บาระ! เร็น! พวกเจ้าต้องผ่านไปให้ได้! พวกมันคือ เจ็ดอสุรกายแห่งทางลับ พวกมันแต่ละตัวมีพลังงานเฉพาะตัว!" 1. อสุรกายคลื่นเสียง (The Sonic Abomination) ปีศาจตัวแรกดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกพันด้วยเส้นเอ็นที่ตึงเครียด มันไม่มีปาก แต่มีช่องว่างขนาดใหญ่ที่เปล่งเสียง คลื่นเสียงความถี่สูง ออกมาทันทีที่มันปรากฏตัว คลื่นเสียงนั้นรุนแรงจนทำให้ผนังหินรอบ ๆ สั่นสะเทือน * "อ๊าาาา!" บาระกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด คลื่นเสียงนั้นพุ่งเข้าใส่โสตประสาทของเธออย่างรุนแรง * "ทนไว้บาระ!" เร็นตะโกน เขาพยายามใช้แขนปิดหูบาระ แต่คลื่นเสียงก็ทะลุผ่านทุกสิ่ง * มาวิน กัดฟันแน่นและใช้ดาบของเขาฟันเข้าใส่แหล่งกำเนิดคลื่นเสียงอย่างรวดเร็ว "นี่คือตัวที่โจมตีด้วยเสียง! โจมตีที่ 'ปาก' ของมัน!" ดาบของมาวินแทงเข้าที่ช่องว่างขนาดใหญ่นั้น เสียงคลื่นเสียงพลันหยุดลงทันที และปีศาจตัวนั้นก็สลายไป 2. อสุรกายหนามพิษ (The Venom Thorn) ทันทีที่ตัวแรกหายไป ปีศาจตัวที่สอง ก็กระโดดลงมาจากเพดาน รูปร่างของมันคล้ายแมงมุมขนาดใหญ่ที่มีหนามแหลมคมนับไม่ถ้วน มันไม่ได้โจมตีด้วยกำลัง แต่ พ่นหนามสีเขียวเรืองแสง เข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว * "พิษ! หนามพวกนี้มีพิษ!" มาวินเตือน * เร็น ไม่รอช้า เขารีบกาง ผ้ายันต์ผืนที่ 1 (การปกป้อง) ขึ้นทันที คลื่นพลังงานสีทองพุ่งออกมาเป็นกำแพงป้องกัน หนามพิษที่พุ่งเข้ามากระทบกับกำแพงก็ สลายตัว กลายเป็นไอสีเขียวที่ harmless * บาระ ใช้จังหวะนั้นร่ายคาถาเล็ก ๆ "คาถาผนึกพลัง! ที่ดวงตา!" คาถาของเธอพุ่งตรงไปยังดวงตาของปีศาจตัวนั้น ทำให้มันตาบอดชั่วขณะ มาวินใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปและฟันตัดขาของมันจนขาด ปีศาจพิษล้มลง และมาวินก็จัดการแทงมันอย่างรวดเร็ว 3. อสุรกายความมืดบอด (The Blinding Void) ปีศาจตัวที่สาม เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด รูปร่างของมันคล้ายเมฆหมอกสีดำหนาทึบที่ลอยเข้ามาในทางเดินทันทีที่มันปรากฏตัว มันดูดซับแสง ทำให้ทางเดินลับนั้นมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไรเลย * "มองไม่เห็น! ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย!" เร็นรู้สึกตื่นตระหนก ความมืดมิดทำให้เขาไม่สามารถใช้ทักษะการต่อสู้ได้ * "ข้าก็มองไม่เห็นเหมือนกัน! บาระ! ใช้ผ้ายันต์!" มาวินตะโกน * บาระคว้าผ้ายันต์แห่งการปกป้องจากมือเร็น และตัดสินใจใช้ คาถาแสงสว่าง ที่อ่อนแอที่สุดของเธอ ควบคู่กับผ้ายันต์ "ผ้ายันต์แห่งแสง! จงนำทาง!" แสงสีทองจากผ้ายันต์ผืนที่ 1 ทำปฏิกิริยากับคาถาของเธอ ทำให้เกิด แสงสว่างสีเหลืองเข้ม ที่เจาะทะลุความมืดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น * แต่แสงนั้นก็เพียงพอ! มาวิน ที่สามารถมองเห็นเงาได้ในความสว่างริบหรี่นั้น รีบใช้ดาบแทงเข้าสู่ใจกลางของหมอกดำนั้นทันที หมอกดำสลายไปพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน 4. อสุรกายแห่งความเกลียดชัง (The Hate Conduit) ปีศาจตัวที่สี่ เป็นเงาสีแดงเข้มที่พุ่งเข้าใส่ จิตใจ ของพวกเขาโดยตรง มันไม่ได้โจมตีด้วยร่างกาย แต่ส่ง คลื่นความเกลียดชังและความสิ้นหวัง เข้ามาในจิตใจของบาระและเร็น * "ฉัน... ฉันทำไม่ได้หรอก! เราจะตายที่นี่!" เสียงความสิ้นหวังดังขึ้นในหัวของเร็น * "ฉัน... ฉันมันไม่มีค่า! ฉันรักษานายไม่ได้หรอก เร็น!" บาระรู้สึกถึงความเกลียดชังตัวเองที่พุ่งขึ้นมา * มาวิน ซึ่งดูเหมือนจะเคยเผชิญหน้ากับปีศาจประเภทนี้มาก่อน "มันคือปีศาจแห่งจิตใจ! อย่าฟังมัน! จำไว้ว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร!" มาวินใช้ดาบฟันเข้าใส่ปีศาจสีแดงเข้มทันที * บาระ รวบรวมสติ เธอใช้ผ้ายันต์ผืนที่ 1 แปะไว้ที่หน้าผากของเร็น และของเธอเอง พลังงานการปกป้องของผ้ายันต์ได้ ชำระล้างคลื่นความเกลียดชัง ออกไปจากจิตใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาฟื้นคืนสติได้ทันเวลา มาวินจัดการสังหารมันได้ในที่สุด 5. อสุรกายแห่งแรงโน้มถ่วง (The Gravity Shifter) ปีศาจตัวที่ห้า มีรูปร่างคล้ายก้อนหินที่ลอยอยู่เหนือพื้น มันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ การบิดเบือนแรงโน้มถ่วง ในทางเดินลับ ทำให้ร่างกายของพวกเขาทั้งสามหนักอึ้งขึ้นเป็นสิบเท่า * "หนัก! ทำไมตัวฉันถึงหนักขนาดนี้!" เร็นล้มลงกับพื้นด้วยความลำบาก * บาระ ไม่สามารถขยับตัวได้ เธอจึงตัดสินใจร่ายคาถาที่ต้องการแค่การใช้จิต "คาถาแห่งแรงต้านทาน!" * บาระรวบรวมพลังงานอาคมทั้งหมดที่มี และส่งมันไป ต้านทานแรงโน้มถ่วง ที่ถูกบิดเบือนนั้น ทำให้เธอและเร็นสามารถยกตัวขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก ส่วนมาวินซึ่งมีร่างกายที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ใช้กำลังมหาศาลพุ่งตัวเข้าไปใกล้ปีศาจ * มาวินใช้ดาบฟันเข้าที่แกนกลางของปีศาจก้อนหินนั้นจนมันแตกสลาย แรงโน้มถ่วงกลับคืนสู่ปกติ ทำให้พวกเขาแทบจะลอยขึ้นจากพื้นด้วยความโล่ง 6. อสุรกายแห่งความเร็ว (The Velocity Horror) ปีศาจตัวที่หก เป็นเงาปีศาจที่เพรียวบาง มันเคลื่อนที่ด้วย ความเร็วเหนือเสียง มันพุ่งเข้ามาและโจมตีมาวินอย่างรวดเร็วจนมาวินแทบจะมองไม่เห็น * ฟุ่บ! ฟุ่บ! เงาปีศาจเคลื่อนไหวเร็วเกินไป มันข่วนเข้าที่แขนของมาวินจนเกิดรอยเลือด * มาวิน รู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะความเร็วได้ เขาจึงต้องใช้ ประสบการณ์ "เร็น! เข้าโจมตีทางซ้าย! บาระ! ใช้คาถาหยุดเวลาชั่วคราว!" * บาระ รู้ดีว่าเธอไม่สามารถหยุดเวลาได้จริง ๆ แต่เธอร่ายคาถาที่เธอรู้ "คาถาแห่งความช้า! จงทำให้มันช้าลง!" คลื่นพลังงานสีเขียวอ่อนถูกส่งออกไปรอบตัวปีศาจ ทำให้การเคลื่อนที่ของมัน ช้าลง เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็เพียงพอ * เร็น ใช้ทักษะการต่อสู้ที่รวดเร็วของเขา คว้าจังหวะที่ปีศาจช้าลงและบิดตัวหลบมีดของมาวิน พุ่งเข้าใส่และใช้ มีดอาคม ที่กลับมาอยู่ในมือ แทงเข้าที่จุดที่บาระใช้คาถาทำให้มันช้าลง ปีศาจแห่งความเร็วสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว 7. อสุรกายแห่งพันธนาการ (The Binding Spectre) ปีศาจตัวสุดท้าย เป็นเงาที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลังของพวกเขา มันไม่ได้โจมตีด้วยกำลัง แต่ ปล่อยใยสีดำ ออกมาพันธนาการแขนขาของพวกเขาทั้งสาม * "อ๊า! ขยับไม่ได้!" เร็นพยายามดึงใยสีดำออก แต่มันกลับรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ * มาวิน ใช้ดาบฟันใยนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ใยสีดำก็งอกขึ้นมาใหม่ทันที * บาระ รู้ว่าต้องใช้พลังงานอาคมเท่านั้นในการตัดพันธนาการนี้ เธอจึงตัดสินใจใช้ ผ้ายันต์ผืนที่ 1 อีกครั้ง เธอแปะผ้ายันต์ไว้ที่ใยที่พันแขนเธอไว้ และร่ายคาถาสั้น ๆ "คาถาแห่งการปลดปล่อย!" * พลังงานสีทองจากผ้ายันต์พลันพุ่งออกมา และ เผาไหม้ ใยสีดำที่พันธนาการพวกเขาอยู่จนหมดสิ้น ทันทีที่ใยหายไป มาวินก็ใช้ดาบสังหารปีศาจตัวสุดท้ายนี้ได้ในที่สุด บทที่ 3: เส้นชัยและพันธะสัญญา พวกเขายืนหอบหายใจในทางเดินลับที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่เกิดจากการต่อสู้ เร็นและบาระมองไปที่มาวินด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเประหว่างความนับถือและความประหลาดใจ "พวกเรา... พวกเราทำได้แล้ว" บาระพูดเสียงสั่น "ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะรับมือกับพวกมันได้ขนาดนี้" มาวินพูด ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดของปีศาจและบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการต่อสู้ "พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก" "ท่านเองก็เหมือนกัน... ท่านมาวิน" เร็นพูด เขาเดินไปเก็บมีดอาคมของเขาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง "ขอบคุณที่ช่วยพวกเราไว้" "อย่าเพิ่งขอบคุณ" มาวินหันไปมองบาระอย่างจริงจัง "เจ้าใช้พลังอาคมในการต่อสู้มากเกินไปแล้วบาระ เจ้าต้องรีบไปพักฟื้น" มาวินไม่รอช้า เขาเดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปลายทางลับ มันเป็นบานประตูโลหะขนาดใหญ่ที่ถูกซ่อนไว้หลังม่านผ้าสีดำหนาทึบ มาวินแตะมือที่ประตู และบานประตูโลหะก็พลันเปิดออก เผยให้เห็น ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยกองตำราโบราณและแผนที่ที่เต็มไปด้วยอักขระลึกลับ "ที่นี่แหละ... ห้องโถงแห่งพันธะ" มาวินกล่าวอย่างเคร่งขรึม "เราปลอดภัยที่นี่... และถึงเวลาแล้วที่ข้าจะบอกความจริงทั้งหมด... รวมถึงเรื่องของเพื่อนพวกเจ้าด้วย" เร็นและบาระมองหน้ากัน พวกเขาก้าวเข้าไปในห้องโถงแห่งความลับด้วยความระแวดระวัง แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังที่จะได้รับคำตอบหลังจากที่เร็นช่วยบาระออกมาจากกับดักที่ปีกทิศใต้ได้สำเร็จ ทั้งคู่รีบออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ หอสังเกตการณ์ทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ซ่อนของผ้ายันต์ผืนสุดท้าย พวกเขาใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์เป็นเครื่องนำทาง"แผนที่บอกว่าเราต้องผ่านซากปรักหักพังเก่า ๆ ทางทิศใต้ไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง" บาระกล่าวขณะที่ใช้แท่นแก้วใส (กุญแจอาคม) ชี้ทิศทางเร็นพยักหน้า "ต้องระวังให้มาก บาระ พวกเงาปีศาจรู้แล้วว่าเรากำลังจะถึงจุดสุดท้ายของการรวบรวมผ้ายันต์ พวกมันจะส่งทุกอย่างที่มีมาขวางทางเราแน่"เมื่อพวกเขาเดินเข้าสู่บริเวณที่เป็นซากปรักหักพังที่มีกำแพงหินสูงใหญ่เรียงรายอยู่มากมาย ทันใดนั้น แสงรอบตัวก็พลันบิดเบือน พวกเขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว"เร็น! นี่มันไม่ใช่แค่ซากปรักหักพัง!" บาระอุทานด้วยความตื่นตระหนก "กำแพงมันเปลี่ยนทิศทาง! เราถูกดึงเข้ามาในอาณาเขตอาคม!"พวกเขาพบว่าตัวเองยืนอยู่กลาง เขาวงกตที่ไร้จุดสิ้นสุด ที่ทำจากกำแพงหินสีดำขัดเงาสูงเสียดฟ้า กำแพงเหล่านี้ไม่ได้อยู่นิ่ง แต่ เลื่อนและเปลี่ยนตำแหน่ง ได้เองตามความตั้งใจของพลังงานมืดมิด"เขาวงกต! นี่คือ เขาวงกตแห
เร็นและบาระใช้ กุญแจอาคม ที่ได้มาจากบาลาซาร์ในการเปิดประตูมิติที่นำไปสู่ สวนต้องห้าม (The Forbidden Gardens) สวนแห่งนี้ไม่ได้มืดมิดเหมือนปราสาท แต่กลับสวยงามอย่างน่าขนลุก ทุกอย่างเป็นสีเขียวมรกตและมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมพวกเขาต้องฝ่าฟันกับ กับดักแห่งชีวิต ที่ซับซ้อน: พืชกินคน ที่มีพลังอาคม, ภูติพฤกษา ที่โจมตีด้วยภาพลวงตาแห่งความอุดมสมบูรณ์, และ ทางเดินที่บิดเบือน กาลเวลาในที่สุด พวกเขาก็มาถึงแท่นบูชาที่อยู่ใจกลางสวน ที่นั่น ผ้ายันต์ผืนที่ 4 (ผ้ายันต์แห่งการฟื้นฟูชีวิต) เรืองแสงสีทองอร่ามอยู่"เราทำได้แล้วเร็น!" บาระเอื้อมมือไปเก็บผ้ายันต์ไว้ในทันที พลังงานฟื้นฟู ที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์ผืนนั้น ทำให้ความอ่อนล้าของพวกเขาบรรเทาลงทันที"ผืนที่สี่แล้วบาระ" เร็นยิ้มอย่างโล่งอก "เหลืออีกแค่ผืนเดียวเท่านั้น... ผ้ายันต์แห่งการหยุดยั้ง!"บทที่ 2: กับดักมรณะและการถูกจับกุมพวกเขาใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อยในสวนต้องห้าม และใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์นำทาง พวกเขาต้องเดินทางผ่าน ปีกทางทิศใต้ของปราสาท เพื่อไปยังผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่เชื่อว่าถูกซ่อนอยู่ในหอสังเกตการณ์ทิศใต้เมื่อ
เร็นและบาระปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยหลักของปราสาทอย่างทุลักทุเล หลังจากเอาชนะผู้บัญชาการเงา 10 ตนมาได้ พวกเขาทั้งเหนื่อยล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ที่นั่นเป็นห้องขนาดใหญ่ มี คริสตัลเงาสีดำ ขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ มันคือแหล่งพลังงานหลักที่แผ่ความมืดมิดไปทั่วปราสาทเมื่อพวกเขาเตรียมตัวที่จะใช้ ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ ทำลายคริสตัล ทันใดนั้น แสงสีทองอร่าม ก็พลันสาดส่องลงมาจากเพดานผู้พิทักษ์ ตนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น! เขาไม่ได้ดูเหมือนปีศาจเงาหรือภูตน้ำแข็ง แต่มีรูปลักษณ์ที่สง่างามราวกับ นักปราชญ์โบราณ ที่ล้อมรอบด้วยอักษรรูนสีทอง"จงหยุด ณ ที่แห่งนี้ ผู้ถูกเลือก" ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจแต่แฝงไว้ด้วยความเมตตา "ข้าคือ 'บาลาซาร์' ผู้พิทักษ์แห่งความสมดุลและหอคอย! ข้ารู้ถึงเจตนาของพวกเจ้า... แต่การทำลายนั้นง่ายเกินไป""เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับท่าน บาลาซาร์" บาระกล่าวอย่างระมัดระวัง "เรามาเพื่อหา ผ้ายันต์ผืนที่ 4 และทำลายแหล่งพลังงานที่ชั่วร้ายนี้!"บาลาซาร์ยิ้มอย่างขมขื่น "ผ้ายันต์ผืนที่ 4 ไม่ได้อยู่ที่นี่... แต่มันถูกซ่อนอยู่ใน สวนต้องห้าม และมี กุญแจอาคม ที่จำเป็นในการเปิ
เร็นและบาระไม่ได้มุ่งหน้าสู่ สวนต้องห้าม ทันทีตามที่มาวินสั่ง หลังจากเดินทางผ่านอุโมงค์ลับและออกมาสู่ทางเดินหลักของปราสาท บาระหยุดชะงัก"เร็น... ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปสวนต้องห้ามตอนนี้" บาระกล่าวขณะที่มองไปยังยอด หอคอยหลัก ที่สูงเสียดฟ้าของปราสาทที่ปกคลุมด้วยเงามืด"ทำไมล่ะบาระ? มาวินสั่งให้เราไป..." เร็นถามด้วยความแปลกใจ"พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากหอคอยนั้น รุนแรงกว่าเดิมมาก" บาระอธิบาย "ฉันสัมผัสได้ว่าพวกมันกำลังใช้หอคอยนี้เป็น ศูนย์กลางพลัง ในการควบคุมปีศาจทั้งหมด! ถ้าเราไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4 ทันที โดยที่ปล่อยให้แหล่งพลังงานนี้ทำงานต่อไป... การต่อสู้ของเราก็จะไม่มีวันสิ้นสุด! เราต้องทำลายมันก่อน!"เร็นมองไปยังดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ในมือของเขา ดาบนั้นเรืองแสงสีม่วงอ่อน ๆ ราวกับตอบรับกับความมุ่งมั่นของบาระ"ถูกต้อง! เรามีอาวุธใหม่และทักษะใหม่ที่เพิ่งฝึกมา! เราจะทำลายแหล่งกำเนิดพลังงานนี้ก่อน แล้วค่อยไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4! ไปกันเถอะ... สู่หอคอย!"พวกเขาปีนขึ้นไปยังบันไดวนที่ทอดสู่ด้านบนของหอคอย แต่เมื่อพวกเขาเดินมาถึง ชั้นที่สาม ของหอคอย ทางเดินแคบ ๆ ก็พลันถูกสกัดกั้นด้วย ปีศาจเงา ถึง 10 ตน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากการลงอาคมดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เสร็จสิ้น มาวินได้เรียก จอมทัพเกรย์ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์ที่เหลือรอดเพียงไม่กี่คน และ อดีตองครักษ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธมาเข้าพบ"จอมทัพเกรย์!" มาวินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นแล้ว! แต่ดาบที่ทรงพลังนี้จะเป็นเพียงเหล็กไร้ค่า หากผู้ใช้ไม่เชี่ยวชาญ! เจ้าจงใช้เวลา 5 วันเต็ม ในการฝึกฝนเร็นและบาระให้สามารถใช้ดาบนี้ได้อย่างคล่องแคล่วและรู้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของมัน!"จอมทัพเกรย์เป็นชายร่างกำยำ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการสู้รบ แต่ดวงตาของเขายังคงส่องประกายด้วยความภักดีและความมุ่งมั่น เขาคุกเข่าลงต่อหน้ามาวิน"พะยะค่ะ ฝ่าบาท! ข้าน้อยจะทำการฝึกฝนพวกเขาอย่างเข้มงวดที่สุด! พวกเขาจะพร้อมออกรบภายใน 5 วัน!"การฝึกฝนถูกจัดขึ้นในบริเวณที่กว้างที่สุดของห้องโถงแห่งพันธะ ที่นี่กลายเป็น สนามฝึกซ้อมชั่วคราว ที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลและความมุ่งมั่นบทที่ 2: การฝึกฝน 5 วันกับดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เป้าหมายหลักของการฝึกฝน 5 วันนี้คือการทำให้เร็นสามารถใช้ดาบได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่า
มาวิน, เร็น, และบาระกลับมาถึงห้องโถงแห่งพันธะด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความสำเร็จ พวกเขามอบ แร่เหล็กแห่งเงาสะท้อน ที่มีประกายคล้ายกระจกให้แก่ไอรอนฮาร์ท ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ไอรอนฮาร์ทรับแร่เหล็กนั้นไว้ด้วยความเคารพ เขาใช้มือที่หยาบกร้านสัมผัสผิวของแร่เหล็กราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด"แร่นี้... เป็นเพียงชิ้นส่วนสุดท้ายที่ขาดหายไป" ไอรอนฮาร์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ข้าขอรับรองต่อหน้าเจ้าชายมาวินและผู้ถูกเลือกทั้งสอง... ข้าจะใช้เวลา 3 วันเต็มในการตีเหล็กให้ได้รูปทรง และอีก 1 วันเต็มในการลงอาคมแห่งพันธะสมบูรณ์!"มาวินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ข้าฝากความหวังของอาณาจักรไว้ที่ท่านไอรอนฮาร์ท!""แล้วเราจะทำยังไงในช่วงสี่วันนี้คะ? เราควรไปหาผ้ายันต์ผืนต่อไปเลยไหม?" บาระถามด้วยความกระตือรือร้นมาวินส่ายศีรษะ "ไม่ได้บาระ... การบุกเข้าไปใน สวนต้องห้าม โดยไม่มีอาวุธที่สามารถผนึกพลังมืดมิดได้สมบูรณ์เป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป"เอเลน่า ผู้อาวุโสแห่งอาคมก้าวเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "พวกเจ้ายังไม่ได้ใช้เวลาที่นี่อย่างคุ้มค่าเลย... พวกเจ้าอาจได้อาวุธ แต่ คาถาอาค







