LOGINเร็นและบาระก้าวตามเจ้าชายมาวินเข้าไปใน ห้องโถงแห่งพันธะ (The Pact Hall) ที่อยู่ลึกเข้าไปในทางลับใต้ดินของปราสาท ห้องโถงนี้แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ของปราสาทอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้มืดมิดหรือสกปรก แต่กลับสว่างไสวด้วยแสงจากตะเกียงหลายสิบดวงที่แขวนอยู่ตามเสาหินขนาดใหญ่
บรรยากาศในห้องโถงนั้นดูสงบและเงียบสงบ แต่สิ่งที่ทำให้เร็นและบาระต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงคือ จำนวนผู้คน ที่อยู่ภายใน ไม่ใช่แค่มาวินเท่านั้นที่รอดชีวิต! มีผู้คนประมาณสามสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็ก ๆ นั่งรวมกลุ่มกันอย่างเงียบ ๆ อยู่กลางห้องโถง พวกเขาทุกคนสวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าและสกปรก แต่ดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวังและความสิ้นหวังที่ปะปนกันไป ทันทีที่มาวินปรากฏตัวพร้อมกับคนแปลกหน้าสองคน เสียงกระซิบก็ดังขึ้นเบา ๆ ทั่วห้องโถง เด็ก ๆ บางคนมองพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนก็มองด้วยความหวาดระแวง มาวินก้าวไปยืนอยู่บนแท่นหินเล็ก ๆ ที่อยู่กลางห้อง และชูดาบสีฟ้าอ่อนของเขาขึ้น "ทุกคน!" เสียงของมาวินดังกังวานและทรงอำนาจ "เงียบก่อน! ข้ามีข่าวสำคัญจะบอก" ทุกคนในห้องโถงพลันเงียบสงัดและหันมามองมาวินด้วยความตั้งใจ มาวินวางดาบลงข้างตัว แล้วชี้ไปที่เร็นและบาระ "นี่คือ ผู้ถูกเลือก ที่ถูกกลืนเข้ามาในมิตินี้ตามคำทำนาย! พวกเขาเพิ่งกำจัดขุนพลเงาที่ทรงพลังที่สุดได้ และได้นำ ผ้ายันต์แห่งการปกป้อง กลับมาสู่พวกเรา! พวกเขาคือความหวังสุดท้ายของเรา!" เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ บาระและเร็นรู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่ความตื้นตันใจที่พวกเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวก็ทำให้ความรู้สึกนั้นจางหายไป บาระเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย "สวัสดีค่ะทุกคน ดิฉันชื่อบาระ และนี่เพื่อนของดิฉัน เร็น" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง "เรามาที่นี่เพื่อกำจัดเงาปีศาจทั้งหมด และหาทางพาพวกเราทุกคนกลับไปที่โลกของเราค่ะ" เร็นโค้งคำนับเล็กน้อยให้กับกลุ่มผู้รอดชีวิต เขาเห็นแววตาของผู้คนเหล่านั้น และรู้สึกถึงภาระความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หลังจากที่ฝูงชนสงบลง มาวินก็ผายมือเชิญให้เร็นและบาระไปนั่งที่โต๊ะหินขนาดใหญ่ที่อยู่มุมหนึ่งของห้องโถง มีน้ำดื่มและขนมปังแห้งวางอยู่ "นั่งก่อนเถอะ" มาวินพูด "พวกเจ้าต้องเหนื่อยมาก" เร็นรับน้ำมาดื่มอย่างรวดเร็วเพื่อดับความกระหาย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ "ท่านมาวิน... ผมอยากจะถามว่า... ทำไมถึงมีปีศาจมากมายขนาดนี้ที่นี่? และทำไมพวกมันถึงครอบงำปราสาทได้ง่ายดายขนาดนั้น? ที่สำคัญที่สุด... พวกคุณรอดมาจากการจู่โจมของพวกมันได้ยังไง?" เร็นถามอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจความเหนื่อยล้าของตัวเอง บาระพยักหน้าสนับสนุน "ใช่ค่ะ... แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่ถูก 'กลืน' ไปพร้อมกับพลังงานมืดมิดพวกนั้น?" มาวินถอนหายใจยาว แววตาที่ดูเศร้าสร้อยของเขากลับมาอีกครั้ง เขาประสานมือบนโต๊ะ และมองไปยังเพดานหินที่อยู่เหนือศีรษะ "เรื่องราวนี้... มันยาวนานและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด" มาวินเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความเศร้า บทที่ 2: จุดเริ่มต้นของความมืดมิด (การเล่าย้อนหลัง) "ข้าขอเริ่มจากจุดเริ่มต้น... ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้เป็นสถานที่ร้างที่ถูกสาปเสมอไป แต่เป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยความสงบสุข เราถูกปกครองด้วยกฎของ พันธะแห่งอาคม ที่บรรพบุรุษของข้าได้สร้างไว้" มาวินหยุดไปครู่หนึ่ง เขายกมือขึ้นมาสัมผัสสร้อยคอที่สวมอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตของเขา "ความสงบสุขของเราถูกทำลายเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว... จากสิ่งที่เรียกว่า การรวมร่างของเงา (The Shadow Convergence)" เหตุการณ์ที่ 1: การรั่วไหลจากมิติอื่น "วันนั้นเป็นวันที่เงียบสงบเหมือนปกติ ทันใดนั้นเอง แสงสว่างที่ปกป้องปราสาทของเราก็ ดับลง อย่างกะทันหัน เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อของข้า—กษัตริย์ในขณะนั้น—รีบเรียกประชุมขุนนางและนักบวชอาวุโส" "มีนักบวชคนหนึ่งพบว่า ประตูมิติที่ถูกผนึกไว้ใต้ปราสาท กำลังรั่วไหล พลังงานมืดมิดที่มาจากมิติที่ถูกลืมได้เริ่มซึมซับเข้ามาในโลกของเรา พลังงานนั้นไม่ได้เป็นปีศาจ แต่เป็น สารตั้งต้น ที่ทำให้จิตใจของผู้คนอ่อนแอ" เหตุการณ์ที่ 2: การก่อตัวของเงาปีศาจ "พลังงานมืดนั้นเข้าสู่ร่างกายของผู้คนอย่างช้า ๆ มันทำลายความดีงามและความหวังในจิตใจของพวกเขา ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็เริ่ม กลายร่าง พวกเขาไม่ได้ตาย แต่กลับกลายเป็น เงาปีศาจตัวเล็ก ๆ ที่พวกเจ้าเห็นในป่า" "เงาปีศาจเหล่านี้ในตอนแรกไม่ได้ทำอันตรายอะไร แต่เมื่อมันมีจำนวนมากขึ้น พวกมันก็เริ่มมีสติปัญญา... และสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวคือ ความสามารถในการรวมร่าง ที่พวกเจ้าได้เห็นแล้ว" "เงาปีศาจตัวเล็ก ๆ ที่เกิดจากชาวเมืองที่ไม่บริสุทธิ์ใจรวมร่างกันเป็น ผู้เฝ้าประตู และพวกที่เกิดจากความโลภ ความเกลียดชัง และความอิจฉาก็รวมร่างเป็น ขุนพลเงา ที่พวกเจ้าเพิ่งกำจัดไป พลังงานมืดมิดทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่มีใครสามารถต่อกรได้อีกต่อไป" เหตุการณ์ที่ 3: การยึดครองและการสาปแช่งปราสาท "ปราสาทถูกยึดครองอย่างรวดเร็ว พ่อแม่ของข้าเสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อปกป้องเรา ท่านอาวุโสและนักบวชถูกเงาปีศาจครอบงำจนหมดสิ้น ข้าเป็นเจ้าชายองค์สุดท้ายที่เหลืออยู่ และข้าทำได้เพียงพาผู้รอดชีวิตที่เหลือรอดจากการกลืนกินหนีลงมาใต้ดิน" "แต่การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เงาปีศาจครอบงำมิตินี้จนสมบูรณ์ และพวกมันก็สร้าง อาณาเขตแห่งราตรี ทำให้โลกของเราอยู่ในความมืดมิดตลอดเวลา..." มาวินพูดพลางชี้ไปที่กำแพงของห้องโถงที่เต็มไปด้วยรอยร้าวที่เคยเป็นคาถาป้องกัน "จนกระทั่ง... พวกเจ้าถูก 'ดึง' เข้ามา" บทที่ 3: ไม้เท้าแห่งพันธะและผู้ถูกเลือก "แล้วทำไมพวกท่านถึงรอดมาจากการจู่โจมของพวกมันได้ล่ะคะ? ในเมื่ออาคมป้องกันของปราสาทก็พังไปหมดแล้ว" บาระถามด้วยความสงสัย มาวินยิ้มอย่างอ่อนแรง "เราไม่ได้รอดด้วยพลังของข้า... แต่เป็นพลังของสิ่งนี้" มาวินเอื้อมมือไปหยิบ ไม้เท้า เก่าแก่ที่วางพิงอยู่ข้างโต๊ะ ไม้เท้านั้นทำจากไม้สีดำสนิท แต่มี หินแก้วใสสีรุ้ง ฝังอยู่ที่ปลายไม้เท้า หินแก้วนั้นส่องแสงสลัว ๆ อยู่ตลอดเวลา "นี่คือ ไม้เท้าแห่งพันธะ (The Scepter of the Pact)" มาวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ "ท่านปู่ของข้า—กษัตริย์ก่อนหน้า—ได้ทิ้งมันไว้ให้ข้าพร้อมกับคำเตือนสุดท้าย" เขาชูไม้เท้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ "พลังของไม้เท้านี้ได้สร้าง อาณาเขตหลบซ่อนถาวร รอบบริเวณใต้ดินนี้ มันไม่ได้ป้องกันการโจมตี แต่ทำให้เรา มองไม่เห็น และ สัมผัสไม่ได้ ต่อเงาปีศาจทั้งหมด... ตราบใดที่พวกเราไม่ออกไปจากที่นี่" เร็นจ้องมองไม้เท้าด้วยความสนใจอย่างยิ่ง "มันคือสิ่งที่ทำให้พวกคุณอยู่รอดมาได้สินะ... แต่มันไม่สามารถพาพวกคุณกลับโลกเดิมได้ใช่ไหม?" "ถูกต้อง" มาวินพยักหน้า "ไม้เท้านี้แค่ ซ่อน เราไว้เท่านั้น มันไม่สามารถทำลายพลังงานมืดมิดที่ครอบงำมิตินี้ได้ คำทำนายบอกว่า มีเพียง ผู้ที่ถูกกลืนเข้ามาจากโลกภายนอก เท่านั้น ที่จะสามารถรวบรวม ผ้ายันต์ 5 ผืน เพื่อเปิดประตูมิติและทำลายแก่นพลังงานเงาปีศาจได้อย่างถาวร" มาวินมองไปที่ผ้ายันต์ผืนที่ 1 ที่บาระเก็บไว้อย่างระมัดระวัง "นั่นคือเหตุผลที่ข้าดีใจอย่างยิ่งที่เห็นพวกเจ้า... ข้าเห็นผ้ายันต์ผืนแรกของคำทำนายในมือเจ้า" "ผ้ายันต์ 5 ผืน" เร็นย้ำ "แล้วท่านรู้ไหมว่าผ้ายันต์ที่เหลืออยู่ที่ไหนบ้าง?" "ข้ารู้คำใบ้" มาวินตอบ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง "ผ้ายันต์แต่ละผืนถูกสร้างขึ้นโดยนักบวชอาวุโสทั้งห้าคนก่อนที่พวกเขาจะถูกกลืนกิน พลังงานของพวกเขากระจายไปตามสถานที่ที่ทรงพลังที่สุดในมิตินี้" มาวินใช้มือวาดแผนที่คร่าว ๆ บนโต๊ะหิน "ผ้ายันต์แต่ละผืนควบคุมพลังที่แตกต่างกัน:" | ผ้ายันต์ผืนที่ | พลังที่ควบคุม | คำใบ้สถานที่ | |---|---|---| | 1 (เพิ่งได้มา) | การปกป้องและการเปิดเผย | (ถูกผนึกในอาวุธของผู้ถูกเลือก) | | 2 | การควบคุมสภาพอากาศ | ภูเขาน้ำแข็งแห่งความโศกเศร้า | | 3 | การผนึกวิญญาณ | ห้องสมุดแห่งกาลเวลาที่ถูกแช่แข็ง | | 4 | การฟื้นฟูชีวิต | สวนต้องห้ามที่ถูกปกคลุมด้วยเลือด | | 5 | การทำลายล้างมิติ | แท่นบูชาใต้ปราสาท (แกนกลางพลังงานมืด) | "ผ้ายันต์ผืนที่ 5 อยู่ใกล้ที่สุด... แต่มันก็ถูกล้อมรอบด้วยพลังงานมืดมิดที่หนาแน่นที่สุดเช่นกัน" มาวินอธิบาย บาระมองดูแผนที่และตารางที่มาวินวาดอย่างละเอียด "เราต้องไปเอาผ้ายันต์ผืนที่ 2, 3, และ 4 ก่อน เพื่อเสริมพลังให้เราก่อนที่จะไปถึงผืนที่ 5 เพื่อจบเรื่องทั้งหมด" "แต่ท่านบอกว่ามีพวกเราอีกสองคนถูกกลืนเข้ามาด้วยไม่ใช่เหรอคะ?" เร็นถามขึ้นอย่างกังวล "ไอโกะกับโช!" มาวินพยักหน้าด้วยใบหน้าที่หนักใจ "ใช่... พวกเขาอยู่ที่นี่... แต่พวกเขากำลังถูกข้ากักตัวไว้ชั่วคราว"หลังจากที่เร็นช่วยบาระออกมาจากกับดักที่ปีกทิศใต้ได้สำเร็จ ทั้งคู่รีบออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ หอสังเกตการณ์ทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ซ่อนของผ้ายันต์ผืนสุดท้าย พวกเขาใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์เป็นเครื่องนำทาง"แผนที่บอกว่าเราต้องผ่านซากปรักหักพังเก่า ๆ ทางทิศใต้ไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง" บาระกล่าวขณะที่ใช้แท่นแก้วใส (กุญแจอาคม) ชี้ทิศทางเร็นพยักหน้า "ต้องระวังให้มาก บาระ พวกเงาปีศาจรู้แล้วว่าเรากำลังจะถึงจุดสุดท้ายของการรวบรวมผ้ายันต์ พวกมันจะส่งทุกอย่างที่มีมาขวางทางเราแน่"เมื่อพวกเขาเดินเข้าสู่บริเวณที่เป็นซากปรักหักพังที่มีกำแพงหินสูงใหญ่เรียงรายอยู่มากมาย ทันใดนั้น แสงรอบตัวก็พลันบิดเบือน พวกเขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว"เร็น! นี่มันไม่ใช่แค่ซากปรักหักพัง!" บาระอุทานด้วยความตื่นตระหนก "กำแพงมันเปลี่ยนทิศทาง! เราถูกดึงเข้ามาในอาณาเขตอาคม!"พวกเขาพบว่าตัวเองยืนอยู่กลาง เขาวงกตที่ไร้จุดสิ้นสุด ที่ทำจากกำแพงหินสีดำขัดเงาสูงเสียดฟ้า กำแพงเหล่านี้ไม่ได้อยู่นิ่ง แต่ เลื่อนและเปลี่ยนตำแหน่ง ได้เองตามความตั้งใจของพลังงานมืดมิด"เขาวงกต! นี่คือ เขาวงกตแห
เร็นและบาระใช้ กุญแจอาคม ที่ได้มาจากบาลาซาร์ในการเปิดประตูมิติที่นำไปสู่ สวนต้องห้าม (The Forbidden Gardens) สวนแห่งนี้ไม่ได้มืดมิดเหมือนปราสาท แต่กลับสวยงามอย่างน่าขนลุก ทุกอย่างเป็นสีเขียวมรกตและมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมพวกเขาต้องฝ่าฟันกับ กับดักแห่งชีวิต ที่ซับซ้อน: พืชกินคน ที่มีพลังอาคม, ภูติพฤกษา ที่โจมตีด้วยภาพลวงตาแห่งความอุดมสมบูรณ์, และ ทางเดินที่บิดเบือน กาลเวลาในที่สุด พวกเขาก็มาถึงแท่นบูชาที่อยู่ใจกลางสวน ที่นั่น ผ้ายันต์ผืนที่ 4 (ผ้ายันต์แห่งการฟื้นฟูชีวิต) เรืองแสงสีทองอร่ามอยู่"เราทำได้แล้วเร็น!" บาระเอื้อมมือไปเก็บผ้ายันต์ไว้ในทันที พลังงานฟื้นฟู ที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์ผืนนั้น ทำให้ความอ่อนล้าของพวกเขาบรรเทาลงทันที"ผืนที่สี่แล้วบาระ" เร็นยิ้มอย่างโล่งอก "เหลืออีกแค่ผืนเดียวเท่านั้น... ผ้ายันต์แห่งการหยุดยั้ง!"บทที่ 2: กับดักมรณะและการถูกจับกุมพวกเขาใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อยในสวนต้องห้าม และใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์นำทาง พวกเขาต้องเดินทางผ่าน ปีกทางทิศใต้ของปราสาท เพื่อไปยังผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่เชื่อว่าถูกซ่อนอยู่ในหอสังเกตการณ์ทิศใต้เมื่อ
เร็นและบาระปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยหลักของปราสาทอย่างทุลักทุเล หลังจากเอาชนะผู้บัญชาการเงา 10 ตนมาได้ พวกเขาทั้งเหนื่อยล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ที่นั่นเป็นห้องขนาดใหญ่ มี คริสตัลเงาสีดำ ขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ มันคือแหล่งพลังงานหลักที่แผ่ความมืดมิดไปทั่วปราสาทเมื่อพวกเขาเตรียมตัวที่จะใช้ ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ ทำลายคริสตัล ทันใดนั้น แสงสีทองอร่าม ก็พลันสาดส่องลงมาจากเพดานผู้พิทักษ์ ตนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น! เขาไม่ได้ดูเหมือนปีศาจเงาหรือภูตน้ำแข็ง แต่มีรูปลักษณ์ที่สง่างามราวกับ นักปราชญ์โบราณ ที่ล้อมรอบด้วยอักษรรูนสีทอง"จงหยุด ณ ที่แห่งนี้ ผู้ถูกเลือก" ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจแต่แฝงไว้ด้วยความเมตตา "ข้าคือ 'บาลาซาร์' ผู้พิทักษ์แห่งความสมดุลและหอคอย! ข้ารู้ถึงเจตนาของพวกเจ้า... แต่การทำลายนั้นง่ายเกินไป""เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับท่าน บาลาซาร์" บาระกล่าวอย่างระมัดระวัง "เรามาเพื่อหา ผ้ายันต์ผืนที่ 4 และทำลายแหล่งพลังงานที่ชั่วร้ายนี้!"บาลาซาร์ยิ้มอย่างขมขื่น "ผ้ายันต์ผืนที่ 4 ไม่ได้อยู่ที่นี่... แต่มันถูกซ่อนอยู่ใน สวนต้องห้าม และมี กุญแจอาคม ที่จำเป็นในการเปิ
เร็นและบาระไม่ได้มุ่งหน้าสู่ สวนต้องห้าม ทันทีตามที่มาวินสั่ง หลังจากเดินทางผ่านอุโมงค์ลับและออกมาสู่ทางเดินหลักของปราสาท บาระหยุดชะงัก"เร็น... ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปสวนต้องห้ามตอนนี้" บาระกล่าวขณะที่มองไปยังยอด หอคอยหลัก ที่สูงเสียดฟ้าของปราสาทที่ปกคลุมด้วยเงามืด"ทำไมล่ะบาระ? มาวินสั่งให้เราไป..." เร็นถามด้วยความแปลกใจ"พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากหอคอยนั้น รุนแรงกว่าเดิมมาก" บาระอธิบาย "ฉันสัมผัสได้ว่าพวกมันกำลังใช้หอคอยนี้เป็น ศูนย์กลางพลัง ในการควบคุมปีศาจทั้งหมด! ถ้าเราไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4 ทันที โดยที่ปล่อยให้แหล่งพลังงานนี้ทำงานต่อไป... การต่อสู้ของเราก็จะไม่มีวันสิ้นสุด! เราต้องทำลายมันก่อน!"เร็นมองไปยังดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ในมือของเขา ดาบนั้นเรืองแสงสีม่วงอ่อน ๆ ราวกับตอบรับกับความมุ่งมั่นของบาระ"ถูกต้อง! เรามีอาวุธใหม่และทักษะใหม่ที่เพิ่งฝึกมา! เราจะทำลายแหล่งกำเนิดพลังงานนี้ก่อน แล้วค่อยไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4! ไปกันเถอะ... สู่หอคอย!"พวกเขาปีนขึ้นไปยังบันไดวนที่ทอดสู่ด้านบนของหอคอย แต่เมื่อพวกเขาเดินมาถึง ชั้นที่สาม ของหอคอย ทางเดินแคบ ๆ ก็พลันถูกสกัดกั้นด้วย ปีศาจเงา ถึง 10 ตน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากการลงอาคมดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เสร็จสิ้น มาวินได้เรียก จอมทัพเกรย์ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์ที่เหลือรอดเพียงไม่กี่คน และ อดีตองครักษ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธมาเข้าพบ"จอมทัพเกรย์!" มาวินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นแล้ว! แต่ดาบที่ทรงพลังนี้จะเป็นเพียงเหล็กไร้ค่า หากผู้ใช้ไม่เชี่ยวชาญ! เจ้าจงใช้เวลา 5 วันเต็ม ในการฝึกฝนเร็นและบาระให้สามารถใช้ดาบนี้ได้อย่างคล่องแคล่วและรู้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของมัน!"จอมทัพเกรย์เป็นชายร่างกำยำ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการสู้รบ แต่ดวงตาของเขายังคงส่องประกายด้วยความภักดีและความมุ่งมั่น เขาคุกเข่าลงต่อหน้ามาวิน"พะยะค่ะ ฝ่าบาท! ข้าน้อยจะทำการฝึกฝนพวกเขาอย่างเข้มงวดที่สุด! พวกเขาจะพร้อมออกรบภายใน 5 วัน!"การฝึกฝนถูกจัดขึ้นในบริเวณที่กว้างที่สุดของห้องโถงแห่งพันธะ ที่นี่กลายเป็น สนามฝึกซ้อมชั่วคราว ที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลและความมุ่งมั่นบทที่ 2: การฝึกฝน 5 วันกับดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เป้าหมายหลักของการฝึกฝน 5 วันนี้คือการทำให้เร็นสามารถใช้ดาบได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่า
มาวิน, เร็น, และบาระกลับมาถึงห้องโถงแห่งพันธะด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความสำเร็จ พวกเขามอบ แร่เหล็กแห่งเงาสะท้อน ที่มีประกายคล้ายกระจกให้แก่ไอรอนฮาร์ท ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ไอรอนฮาร์ทรับแร่เหล็กนั้นไว้ด้วยความเคารพ เขาใช้มือที่หยาบกร้านสัมผัสผิวของแร่เหล็กราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด"แร่นี้... เป็นเพียงชิ้นส่วนสุดท้ายที่ขาดหายไป" ไอรอนฮาร์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ข้าขอรับรองต่อหน้าเจ้าชายมาวินและผู้ถูกเลือกทั้งสอง... ข้าจะใช้เวลา 3 วันเต็มในการตีเหล็กให้ได้รูปทรง และอีก 1 วันเต็มในการลงอาคมแห่งพันธะสมบูรณ์!"มาวินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ข้าฝากความหวังของอาณาจักรไว้ที่ท่านไอรอนฮาร์ท!""แล้วเราจะทำยังไงในช่วงสี่วันนี้คะ? เราควรไปหาผ้ายันต์ผืนต่อไปเลยไหม?" บาระถามด้วยความกระตือรือร้นมาวินส่ายศีรษะ "ไม่ได้บาระ... การบุกเข้าไปใน สวนต้องห้าม โดยไม่มีอาวุธที่สามารถผนึกพลังมืดมิดได้สมบูรณ์เป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป"เอเลน่า ผู้อาวุโสแห่งอาคมก้าวเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "พวกเจ้ายังไม่ได้ใช้เวลาที่นี่อย่างคุ้มค่าเลย... พวกเจ้าอาจได้อาวุธ แต่ คาถาอาค







