การเผชิญหน้า และพลังที่ตื่นขึ้น
เสียงทุบผนังโบสถ์ยังคงดังสนั่นไม่หยุดหย่อน ผสมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนในห้องใต้ดินที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ ยูเมะและเทนชิสบตากันอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่เทนชิจะพยักหน้าให้ยูเมะเป็นเชิงบอกว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ด้านนอก "แม่ชีครับ! ผมขอให้แม่ชีช่วยเปิดประตูโบสถ์ได้ไหมครับ?" เทนชิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเข้าใจดีว่าการเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่รู้ที่มานั้นอันตรายเพียงใด แต่การปล่อยให้โบสถ์ถูกทำลายก็ไม่ใช่ทางเลือก แม่ชีลังเลเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล "แต่เด็กๆ...มันอันตรายเกินไปนะ! พวกมันกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ" "เราไม่มีเวลาแล้วครับแม่ชี!" ยูเมะเสริม "ถ้าผนังโบสถ์พังลงมา พวกเราทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย! เราต้องออกไปหยุดพวกมัน!" เธอชี้ไปที่คริสตัลสีมรกตที่บัดนี้เรืองแสงจ้าจนแทบจะแสบตาและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าพลังป้องกันของโบสถ์กำลังถูกทดสอบอย่างหนัก แม่ชีเห็นถึงความมุ่งมั่นในแววตาของเด็กทั้งสอง เธอรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว "ก็ได้...แต่ต้องระมัดระวังที่สุดนะ" แม่ชีเดินไปที่ประตูโบสถ์ เธอวางมือลงบนสลักประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะออกแรงดันมันให้เปิดออกช้าๆ ครืดดดด... เสียงบานประตูไม้เก่าแก่เสียดสีกับพื้นหินดังขึ้นอย่างน่าขนลุก เผยให้เห็นภาพเบื้องหน้าอันน่าสะพรึงกลัว ทันทีที่ประตูเปิดออก แสงจากคริสตัลสีมรกตที่แผ่ออกมาจากโบสถ์ก็ส่องสว่างออกไปภายนอก เผยให้เห็นกลุ่มเงาปีศาจนับร้อยตัวยืนเรียงรายอยู่รอบโบสถ์ในระยะห่างที่มันไม่สามารถเข้าถึงได้ พวกมันแต่ละตัวมีขนาดใหญ่กว่าเงาปีศาจทั่วไปที่เคยเจอมาก่อน และในมือของพวกมัน...คือท่อนซุงขนาดใหญ่ ที่พวกมันใช้เหวี่ยงเข้าใส่ผนังโบสถ์อย่างบ้าคลั่ง แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เบื้องหลังกลุ่มเงาปีศาจเหล่านั้น ยืนตระหง่านอยู่เงาที่ใหญ่ที่สุด ตัวหนึ่ง สูงเกือบสองเมตร รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่บิดเบี้ยวผิดรูป ดวงตาสีแดงฉานสองจุดเรืองแสงลึกล้ำในความมืด มันกำลังจ้องมองมาที่โบสถ์ราวกับกำลังบงการการโจมตีทั้งหมด "ให้ตายสิ...นั่นมันตัวอะไรน่ะ?" เทนชิพึมพำด้วยความตกใจ ใบหน้าเขาซีดเผือดลงทันทีเมื่อเห็นเงาขนาดยักษ์ ยูเมะแทบก้าวถอยหลัง นาฬิกาอาคมบนข้อมือของเธอส่งเสียงเตือน "ติ๊ดดดดดดดดด!" ดังยาวต่อเนื่องราวกับเสียงไซเรนเตือนภัยสูงสุด "พลังงานของมัน...รุนแรงมากค่ะเทนชิ! ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย!" "มันคือวิญญาณชั้นสูง...หรือปีศาจระดับจ่าฝูง!" แม่ชีเอ่ยเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว "มันกำลังพยายามทำลายการป้องกันของคริสตัลศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าไปในโบสถ์!" "พวกมันกำลังต้องการอะไรกันแน่คะ?" ยูเมะถาม "วิญญาณ! พวกมันต้องการวิญญาณ! โดยเฉพาะวิญญาณที่ถูกกักขังอยู่ในโบสถ์แห่งนี้!" แม่ชีตอบเสียงสั่นเครือ "และถ้าพวกมันทำสำเร็จ...พวกเราทุกคนจะถูกกัดกิน!" เทนชิกำมีดอาคมแน่น "เราต้องหยุดมัน!" เขาตัดสินใจที่จะพุ่งออกไป แต่ยูเมะคว้าแขนเขาไว้ "เดี๋ยวก่อนเทนชิ! พวกมันเยอะเกินไป! แล้วตัวใหญ่ข้างหลังนั่น...เรายังไม่รู้ว่ามันมีพลังขนาดไหน!" ยูเมะพยายามคิดหาหนทางที่ดีที่สุด "มีอะไรที่เราทำได้มากกว่าแค่ต่อสู้ตัวต่อตัวไหมคะแม่ชี?" แม่ชีมองยูเมะและเทนชิสลับกัน เธอนึกถึงตำนานเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาในโบสถ์เกี่ยวกับ "ผู้ถูกเลือก" และ "พลังที่ถูกซ่อนเร้น" ดวงตาของเธอฉายแววแห่งความหวัง "บางที...อาจจะมีทางจ้ะ" แม่ชีเดินไปยังแท่นบูชาเก่าแก่กลางโบสถ์ เธอหยิบหนังสือปกหนังเก่าๆ เล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นออกจากลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ "ในหนังสือเล่มนี้...มีบันทึกของนักเวทย์ผู้สร้างคริสตัลศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ นางทิ้งวิธีการเสริมพลังคริสตัลไว้เพื่อใช้ในยามคับขัน...แต่มันต้องใช้พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์และเข้มแข็งจากผู้ที่มีจิตวิญญาณแห่งการพิทักษ์เท่านั้น" ยูเมะและเทนชิสบตากัน พวกเขารู้สึกได้ว่าแม่ชีกำลังหมายถึงพวกเขา "พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์...และการพิทักษ์...อย่างนั้นหรือคะ?" ยูเมะเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก "ใช่จ้ะ!" แม่ชีพยักหน้า "นักเวทย์ผู้นั้นได้ทำนายไว้ว่า หากถึงกาลที่เงามืดจะกลับมาผงาดอีกครั้ง ผู้ที่เปิดประตูมิติเข้ามาในสุสาน และมีจิตใจแห่งการพิทักษ์อันแรงกล้า จะเป็นผู้ที่จะปลุกพลังที่แท้จริงของคริสตัลนี้ได้อีกครั้ง" "แล้วเราจะทำยังไงครับ?" เทนชิถามอย่างกระตือรือร้น "พวกเจ้าต้องหลอมรวมพลังวิญญาณของพวกเจ้าเข้ากับคริสตัลนี้จ้ะ" แม่ชีเปิดหนังสือไปหน้าที่มีรูปภาพประกอบเก่าๆ "ผู้หญิงจะใช้คาถาเพื่อเปิดเส้นทางพลังงานวิญญาณ และผู้ชายจะใช้ความบริสุทธิ์ของจิตใจนำทางพลังนั้นไปสู่คริสตัล" ยูเมะหันไปมองคริสตัลสีมรกตที่ยังคงสั่นสะเทือนอยู่ "แต่...ถ้าเราทำไม่ได้ล่ะคะ?" "ถ้าทำไม่สำเร็จ...พลังของคริสตัลอาจจะระเบิดและทำลายโบสถ์ทั้งหมด" แม่ชีเอ่ยเสียงเบา "แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะหยุดพวกมันได้" โครมมมมมมม! เสียงท่อนซุงขนาดยักษ์พุ่งเข้าชนผนังโบสถ์อีกครั้ง คราวนี้รุนแรงกว่าเดิมมาก ผนังโบสถ์ด้านนอกเริ่มมีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น แสงจากคริสตัลกะพริบวูบวาบราวกับจะดับลงได้ทุกเมื่อ "เราต้องลองดูยูเมะ!" เทนชิเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว "เรามาถึงขนาดนี้แล้ว เราจะยอมแพ้ไม่ได้!" ยูเมะมองเทนชิ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกล้าหาญที่ผุดขึ้นมา "ก็ได้ค่ะเทนชิ! เรามาลองดู!" เทนชิเดินไปยืนใกล้กับคริสตัลสีมรกต เขาหลับตาลงและพยายามรวบรวมสมาธิ จิตใจของเขานึกถึงเพื่อนๆ ในห้อง B ความรับผิดชอบที่เขามีต่อการปกป้องพวกเขา และความตั้งใจที่จะหยุดยั้งภัยคุกคามนี้ ยูเมะร่ายคาถาที่แม่ชีบอกในหนังสือ ท่วงทำนองของคาถาเป็นภาษาโบราณที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่คำพูดเหล่านั้นกลับไหลออกมาจากริมฝีปากของเธออย่างเป็นธรรมชาติราวกับเคยท่องจำมาตั้งแต่เกิด มือของเธอเรืองแสงสีขาวนวล และพลังงานเวทมนตร์เริ่มรวมตัวกันเป็นวงกลมเรืองแสงที่ปลายเท้าของเทนชิ "โอม...จิตแห่งอารักษ์ จงสถิตในกายา...พลังวิญญาณบริสุทธิ์ จงเป็นแสงนำพา...สู่ดวงแก้วแห่งพิทักษ์...ตื่นเถิด...พลังแห่งอดีต..." ยูเมะร่ายมนตร์ ดวงตาของเธอปิดสนิทเพื่อรวบรวมสมาธิ ทันใดนั้น แสงสีฟ้าอ่อนๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นรอบกายของเทนชิ มันคือพลังวิญญาณของเขาเองที่กำลังถูกยูเมะดึงออกมา พลังงานนั้นพุ่งตรงไปยังคริสตัลสีมรกต และเมื่อพลังงานของเทนชิสัมผัสกับคริสตัล มันก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นอย่างรุนแรง ฟู่มมมมมมมมมม! คริสตัลสีมรกตระเบิดพลังงานออกมาเป็นลำแสงสีเขียวมรกตพุ่งทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ลำแสงนั้นพุ่งทะลุผ่านหลังคาโบสถ์ที่กำลังถูกโจมตี และแตกกระจายออกเป็นคลื่นพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ขยายออกไปทั่วสุสาน เสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่าเงาปีศาจดังระงมอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างแท้จริง เมื่อคลื่นพลังงานสีเขียวมรกตปะทะเข้ากับพวกมัน ร่างของเงาปีศาจก็เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เงาปีศาจตัวยักษ์ที่กำลังบงการการโจมตีอยู่ก็ส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด ก่อนจะล่าถอยกลับเข้าไปในความมืดมิดของสุสานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเงาปีศาจบริวารที่เหลืออยู่ เสียงทุบโบสถ์เงียบลงทันที ความเงียบเข้าปกคลุมสุสานอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบา และเสียงหายใจหอบถี่ของยูเมะและเทนชิ ทั้งสองล้มลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งอก คริสตัลสีมรกตกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่บัดนี้มันเปล่งประกายระยิบระยับยิ่งกว่าเดิม ราวกับได้รับพลังงานชีวิตใหม่ "พวกเจ้า...พวกเจ้าทำได้!" แม่ชีเอ่ยเสียงสั่นด้วยความปลื้มปิติและเหลือเชื่อ "พลังของคริสตัลได้รับการเสริมแล้ว! มันจะปกป้องโบสถ์จากพวกมันได้อีกพักใหญ่" ยูเมะและเทนชิพยุงตัวขึ้น พวกเขาสบตากันด้วยความภาคภูมิใจ และในแววตาก็มีความเข้าใจบางอย่างที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นปรากฏขึ้น พลังที่พวกเขาปลุกขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน และมันคือเบาะแสสำคัญที่จะนำไปสู่การหยุดยั้งภัยคุกคามทั้งหมด แต่คำถามยังคงอยู่...เงาปีศาจยักษ์ตัวนั้นคืออะไร? และทำไมมันถึงต้องการวิญญาณที่ถูกกักเก็บอยู่ในสุสานแห่งนี้? การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น...การเผชิญหน้า และพลังที่ตื่นขึ้นเสียงทุบผนังโบสถ์ยังคงดังสนั่นไม่หยุดหย่อน ผสมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนในห้องใต้ดินที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ ยูเมะและเทนชิสบตากันอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่เทนชิจะพยักหน้าให้ยูเมะเป็นเชิงบอกว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ด้านนอก"แม่ชีครับ! ผมขอให้แม่ชีช่วยเปิดประตูโบสถ์ได้ไหมครับ?" เทนชิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเข้าใจดีว่าการเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่รู้ที่มานั้นอันตรายเพียงใด แต่การปล่อยให้โบสถ์ถูกทำลายก็ไม่ใช่ทางเลือกแม่ชีลังเลเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล "แต่เด็กๆ...มันอันตรายเกินไปนะ! พวกมันกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ""เราไม่มีเวลาแล้วครับแม่ชี!" ยูเมะเสริม "ถ้าผนังโบสถ์พังลงมา พวกเราทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย! เราต้องออกไปหยุดพวกมัน!" เธอชี้ไปที่คริสตัลสีมรกตที่บัดนี้เรืองแสงจ้าจนแทบจะแสบตาและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าพลังป้องกันของโบสถ์กำลังถูกทดสอบอย่างหนักแม่ชีเห็นถึงความมุ่งมั่นในแววตาของเด็กทั้งสอง เธอรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว "ก็ได้...แต่ต้องระมัดระวังที่สุดนะ"แม่ชีเดินไปที่ประตูโบสถ์ เธอวางมือลงบนสลักประ
แสงสลัวๆ จากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างนำทางยูเมะและเทนชิขณะก้าวลงสู่ห้องใต้ดินที่มืดมิดและชื้นแฉะ อากาศอับชื้นปะทะเข้ากับใบหน้า พร้อมกลิ่นดินและกลิ่นอับจางๆ ที่ลอยคละคลุ้ง เมื่อลงไปถึงพื้นห้องใต้ดินที่กว้างขวาง ยูเมะและเทนชิแทบหยุดหายใจ ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำเอาพวกเขาตกตะลึงห้องใต้ดินไม่ได้เป็นเพียงที่หลบภัย แต่กลับเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เบียดเสียดกันอยู่ท่ามกลางความมืดมิด พวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังสิ่งของต่างๆ เช่น กล่องไม้, ผ้าห่มเก่าๆ หรือแม้แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับจ้องมายังสองนักเรียนแปลกหน้า เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นแผ่วเบา ราวกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศแห่งความตึงเครียด"นี่คือผู้คนที่รอดชีวิตจ้ะ" แม่ชีเอ่ยเสียงอ่อนโยน ราวกับจะคลายความตึงเครียด แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย "พวกเขากลัว...กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว""มีคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?" ยูเมะพึมพำ เธอไม่เคยเห็นความหวาดกลัวที่รุนแรงถึงขนาดนี้มาก่อนเทนชิกวาดสายตาไปรอบๆ เขาเห็นเด็กเล็กๆ กอดแม่แน่น ผู้ชายวัยกลางคนตัวสั่นระริกอยู่มุมห้อง ทุกคนอยู่ในสภาพอ่อนล้าและหวาดผวา "พวกเขาอยู่ที่นี
โครม!ประตูไม้บานหนาของโบสถ์ถูกปิดลงอย่างรวดเร็วโดยแม่ชี ทันทีที่เสียงบานประตูไม้กระแทกเข้ากับวงกบดังสนั่น ราวกับม่านพลังงานที่มองไม่เห็นได้ถูกยกขึ้น แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยวิ่งผ่านพื้นโบสถ์ ทำให้ยูเมะและเทนชิต้องทรงตัว เงาปีศาจนับร้อยที่เคยโหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกพลันหยุดชะงัก พวกมันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ สลายหายไปในความมืดมิดราวกับหมอกควัน ถูกขับไล่ด้วยพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น"พวกมันหายไปหมดเลย...ทำไมล่ะคะ?" ยูเมะเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ดวงตาของเธอฉายแววไม่เข้าใจเมื่อหันไปมองหน้าเทนชิเทนชิเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามของยูเมะ เขาเองก็งุนงงไม่แพ้กันว่าพลังงานอะไรที่ทำให้เงาปีศาจจำนวนมหาศาลต้องถอยร่นไปอย่างรวดเร็วแม่ชีมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะไม้เก่าแก่กลางห้อง ยกถ้วยน้ำชาดินเผามาสองใบ รินน้ำชาอุ่นๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นให้ยูเมะและเทนชิ"พวกมันไม่กล้าเข้ามาที่นี่หรอกจ้ะ" แม่ชีเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยความมั่นใจเทนชิรับถ้วยน้ำชามาถือไว้ ความอุ่นของถ้วยช่วยให้มือที่สั่นเทาจากความตื่นเต้นและเหนื่อยล้าคลายลงเล็กน้อย "ทำไมล่ะครับ? แค่โบสถ์ธรรมดาทำไ
ยูเมะและเทนชิยืนประจันหน้ากัน กุมมือกันแน่นราวกับยึดเหนี่ยวชีวิตของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะก้าวข้ามผ่านประตูมิติที่เรืองแสงสีม่วงอย่างไม่ลังเล ทันทีที่เท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นแข็ง ร่างกายก็ถูกดึงดูดเข้าสู่สุสานต้องสาปแห่งหนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลและถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดลมเย็นยะเยือกที่พัดพามาปะทะร่าง ทำให้ขนแขนของยูเมะลุกชัน เธอกระชับมือเทนชิแน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตของเธอกวาดมองไปรอบๆ สุสานเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยหลุมศพเก่าแก่ผุพังเรียงรายเป็นทิวแถวจนสุดลูกหูลูกตา บรรจบกับป่าไม้หนาทึบที่ดูราวกับถูกกลืนกินโดยเงามืดมิด"ที่นี่มัน...หลอนชะมัด" ยูเมะเอ่ยเสียงสั่นพร่าขณะลูบแขนตัวเองเบาๆ เพื่อไล่ความรู้สึกขนลุกเทนชิไม่ตอบ แต่หยิบกล้องส่องทางไกลคู่ใจขึ้นมาแนบตา ส่องไปรอบๆ อย่างใจเย็น แม้ใจจริงเขาจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจไม่ต่างกัน "มันไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันนะ" เขาพึมพำกับตัวเอง พยายามมองหาเบาะแสของเงาปีศาจ แต่ก็ไร้วี่แวว"งั้นเราไปดูที่โบสถ์ตรงนั้นไหม? เผื่อมีคนอยู่" ยูเมะชี้ไปยังโบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนัก แสงไฟสีเหลืองนวลลิบหรี่ลอดออกมาจากหน้าต่างบานเล็กๆ อย่างน่าประหลาดใจเทน