แสงสลัวๆ จากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างนำทางยูเมะและเทนชิขณะก้าวลงสู่ห้องใต้ดินที่มืดมิดและชื้นแฉะ อากาศอับชื้นปะทะเข้ากับใบหน้า พร้อมกลิ่นดินและกลิ่นอับจางๆ ที่ลอยคละคลุ้ง เมื่อลงไปถึงพื้นห้องใต้ดินที่กว้างขวาง ยูเมะและเทนชิแทบหยุดหายใจ ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำเอาพวกเขาตกตะลึง
ห้องใต้ดินไม่ได้เป็นเพียงที่หลบภัย แต่กลับเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เบียดเสียดกันอยู่ท่ามกลางความมืดมิด พวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังสิ่งของต่างๆ เช่น กล่องไม้, ผ้าห่มเก่าๆ หรือแม้แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับจ้องมายังสองนักเรียนแปลกหน้า เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นแผ่วเบา ราวกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศแห่งความตึงเครียด "นี่คือผู้คนที่รอดชีวิตจ้ะ" แม่ชีเอ่ยเสียงอ่อนโยน ราวกับจะคลายความตึงเครียด แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย "พวกเขากลัว...กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว" "มีคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?" ยูเมะพึมพำ เธอไม่เคยเห็นความหวาดกลัวที่รุนแรงถึงขนาดนี้มาก่อน เทนชิกวาดสายตาไปรอบๆ เขาเห็นเด็กเล็กๆ กอดแม่แน่น ผู้ชายวัยกลางคนตัวสั่นระริกอยู่มุมห้อง ทุกคนอยู่ในสภาพอ่อนล้าและหวาดผวา "พวกเขาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้วครับ?" "เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วจ้ะ ตั้งแต่แสงสว่างหายไปจากหมู่บ้าน" แม่ชีตอบพร้อมถอนหายใจยาว "พวกเขากินอาหารและดื่มน้ำที่เก็บไว้จากโบสถ์ บางคนก็เริ่มป่วยจากความเครียดและความหวาดกลัว" ทันใดนั้น เสียงชายชราคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากมุมห้อง "พวกหนูเป็นใครกัน? มาจากไหน? อย่าบอกนะว่าปีศาจมันส่งพวกหนูมาล่อพวกเราออกไป!" เสียงซุบซิบดังขึ้นทันที ผู้คนเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจ และบางคนถึงกับถอยห่างจากยูเมะและเทนชิ "ใจเย็นก่อนโยม!" แม่ชีรีบพูดเสียงดัง เพื่อสงบฝูงชน "เด็กสองคนนี้ไม่ใช่ศัตรู พวกเขาผ่านพ้นเงาปีศาจข้างนอกเข้ามาได้ เป็นผู้ที่มีพลังพิเศษที่จะมาช่วยพวกเรา" คำว่า "ผู้ที่มีพลังพิเศษ" ทำให้สายตาหลายคู่เปลี่ยนจากความหวาดระแวงเป็นความหวังจางๆ แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วยความไม่เชื่อในทันที "ผู้มีพลังพิเศษงั้นเหรอ?" ชายวัยกลางคนอีกคนโพล่งขึ้น "ถ้ามีพลังจริง ทำไมถึงปล่อยให้หมู่บ้านเป็นแบบนี้? ทำไมไม่ไปปราบพวกมันซะ!" เทนชิรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เขาตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย "พวกเรามาที่นี่เพื่อหาทางหยุดพวกเงาปีศาจครับ เรากำลังสืบหาต้นตอของมัน" "ต้นตองั้นเหรอ!" ชายชราหัวเราะเยาะ "มันคือคำสาป! คำสาปของสุสานแห่งนี้! เคยมีคนพยายามเข้าไปสำรวจ แต่ก็ไม่เคยมีใครกลับออกมา!" "คำสาป?" ยูเมะเอ่ยทวนคำ เธอรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่เล็ดลอดออกมาจากพื้นดินภายใต้ห้องใต้ดิน "ใช่แล้วจ้ะ" แม่ชีพูดเสริม "คนในหมู่บ้านเชื่อกันว่าสุสานแห่งนี้ถูกสาปมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ มีตำนานเล่าขานกันว่ามีวิญญาณชั่วร้ายถูกกักขังอยู่ภายใต้พื้นดิน และจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเมื่อมีใครไปรบกวนมัน" "แล้วทำไมมันถึงตื่นขึ้นมาตอนนี้ล่ะครับ?" เทนชิถามอย่างใจเย็น "ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนานถึง 200 ปีไม่ใช่เหรอครับ?" แม่ชีถอนหายใจ "ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่หลังจากหีบปริศนาที่เคยซ่อนอยู่ในสวนผักของโรงเรียนหายไปได้ไม่นาน ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป" หีบปริศนา! คำนี้กระตุ้นความทรงจำของยูเมะและเทนชิ พวกเขาสบตากันด้วยความตกใจ นี่คือจุดเชื่อมโยงที่ชัดเจนที่สุด! "หีบปริศนาเหรอครับ? หน้าตาเป็นยังไงครับ?" เทนชิถามเสียงเข้มขึ้น แม่ชีครุ่นคิดก่อนจะตอบ "มันเป็นหีบไม้เก่าๆ มีลวดลายแปลกๆ ไม่เหมือนหีบทั่วไป ตอนแรกก็แค่เก็บไว้ในสวนผัก ไม่คิดว่าจะมีอะไร จนกระทั่งมันหายไป" "พวกเรามีเพื่อนที่เปิดหีบนั้นออกไปค่ะ" ยูเมะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เธอเล่าเรื่องราวของเก็นและการปลดปล่อยเงาดำให้แม่ชีและชาวบ้านฟังอย่างรวบรัดที่สุด ทันทีที่ยูเมะเล่าจบ เสียงซุบซิบและเสียงคร่ำครวญก็ดังขึ้นทั่วห้องใต้ดิน ความหวาดกลัวเข้าครอบงำผู้คนอีกครั้ง "ไม่จริง! นั่นมันกล่องต้องห้าม!" ชายชราคนเดิมตะโกนเสียงดัง "มันคือกล่องที่ผนึกพลังงานแห่งความมืดมิดเอาไว้! นักเวทย์ที่ปราบปีศาจได้เคยกล่าวไว้ว่า ห้ามเปิดมันเด็ดขาด! หากมันถูกเปิด โลกจะถูกกลืนกินด้วยเงามืด!" "แล้วทำไมมันถึงอยู่ในสวนผักโรงเรียน?" เทนชิถามอย่างเร่งร้อน "ใครเป็นคนเอาไปไว้ที่นั่น?" แม่ชีส่ายหน้าช้าๆ "ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนนำไปซ่อนไว้ที่นั่น แต่ที่แน่ๆ คือหลังจากมันหายไป เงาปีศาจก็ปรากฏตัวขึ้นเต็มหมู่บ้าน และผู้คนก็เริ่มหายไป" ยูเมะรู้สึกเหมือนสมองกำลังประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว "ผู้คนหายไปเหรอคะ? หายไปไหน?" ความเงียบเข้าปกคลุมห้องใต้ดินอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของยูเมะ สายตาของผู้คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง แม่ชีถอนหายใจลึกๆ ก่อนจะตอบด้วยเสียงที่เบาลง "ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหายไปไหนจ้ะ... บางคนบอกว่าเห็นเงามืดลากพวกเขาเข้าไปในสุสาน บางคนก็บอกว่าพวกเขาแค่หายไปจากบ้านตอนกลางดึก..." เทนชิรู้สึกได้ว่าข้อมูลที่ได้รับมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันเชื่อมโยงกับสิ่งที่ไอโกะและโชอาจกำลังสืบค้นอยู่ข้างนอก เขาหันไปหายูเมะ "ยูเมะ... นายคิดว่าเงาปีศาจกำลังรวบรวมวิญญาณ หรือพลังงานบางอย่างจากผู้คนที่หายไป เพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่างรึเปล่า?" ยูเมะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "เป็นไปได้ค่ะ แล้วถ้าที่นี่เป็นแหล่งรวมพลังงานวิญญาณ คำสาปโบราณ และหีบปริศนาที่ปลดปล่อยเงาออกมา...มันอาจจะไม่ใช่แค่สุสานธรรมดา แต่เป็นประตู หรือแหล่งพลังงานขนาดใหญ่ของเงาปีศาจก็ได้" ขณะที่ทั้งคู่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น เสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ดังขึ้นจากด้านนอกโบสถ์ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทรมาน ตามมาด้วยเสียง "โครม!" ที่ดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า คล้ายพื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรง "เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?!" เทนชิเตรียมชักมีดอาคมออกมา "เสียงนั่น...เหมือนอยู่ใกล้โบสถ์มากเลยค่ะ!" ยูเมะมองไปที่คริสตัลสีมรกตที่ไม้กางเขน มันเริ่มเรืองแสงสว่างจ้าขึ้นกว่าเดิม และสั่นสะเทือนเล็กน้อย แม่ชีเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กๆ ที่มองออกไปเห็นสุสาน ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด "ไม่ใช่แค่เสียงกรีดร้อง...แต่พลังงานด้านนอกกำลังรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว!" แม่ชีเอ่ยเสียงสั่น "คริสตัลกำลังตอบสนองต่ออะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม" ตึง! ตึง! ตึง! เสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นที่ผนังด้านนอกของโบสถ์ ผนังหินหนาหนักสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับถูกกระแทกด้วยค้อนยักษ์ มันไม่ใช่เสียงจากการทุบด้วยมือเปล่า แต่เป็นเสียง "โครม!" "ครืน!" ของอะไรบางอย่างที่หนักอึ้งมากพุ่งเข้าชนผนัง เสียงกรีดร้องจากภายนอกยังคงดังระงม ปะปนกับเสียงเศษหินที่ร่วงหล่นจากผนังโบสถ์ด้านนอก ผู้คนในห้องใต้ดินต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวอย่างขีดสุด "พวกมันกำลังใช้ท่อนไม้!" แม่ชีตะโกนเสียงหลง "พวกมันโยนท่อนไม้ขนาดใหญ่เข้าใส่โบสถ์! โบสถ์จะพังแน่!" ยูเมะสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่ปะทะกับโบสถ์ เธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นาฬิกาอาคมบนข้อมือของเธอส่งเสียงเตือน "ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!" อย่างต่อเนื่องราวกับจะระเบิด "เทนชิ! นี่มันไม่ใช่แค่เงาปีศาจธรรมดาแล้ว!" ยูเมะตะโกน "พลังงานมันรุนแรงมาก! เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทรงพลังกว่าเดิมกำลังบงการพวกมันอยู่! พวกมันไม่สามารถเข้าใกล้โบสถ์ได้ แต่พวกมันกำลังหาทางทำลายกำแพงป้องกัน!" "เราต้องไปดู!" เทนชิพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ โบสถ์อาจจะพัง พวกเขาจะไม่ปลอดภัย" "แต่ข้างนอกมันอันตรายนะเด็กๆ!" แม่ชีพยายามห้าม "เราเข้ามาที่นี่เพื่อหยุดเรื่องนี้ครับแม่ชี!" เทนชิหันไปมองยูเมะ "พร้อมไหมยูเมะ?" ยูเมะพยักหน้า เธอรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเบื้องหลังสุสานแห่งนี้ ไม่ว่ามันจะน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม "พร้อมค่ะ!" ทั้งคู่หันไปมองประตูโบสถ์ พวกเขาจะต้องหาทางออกไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ และสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ข้างนอก อาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของหายนะที่แท้จริง...การเผชิญหน้า และพลังที่ตื่นขึ้นเสียงทุบผนังโบสถ์ยังคงดังสนั่นไม่หยุดหย่อน ผสมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนในห้องใต้ดินที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ ยูเมะและเทนชิสบตากันอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่เทนชิจะพยักหน้าให้ยูเมะเป็นเชิงบอกว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ด้านนอก"แม่ชีครับ! ผมขอให้แม่ชีช่วยเปิดประตูโบสถ์ได้ไหมครับ?" เทนชิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเข้าใจดีว่าการเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ไม่รู้ที่มานั้นอันตรายเพียงใด แต่การปล่อยให้โบสถ์ถูกทำลายก็ไม่ใช่ทางเลือกแม่ชีลังเลเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล "แต่เด็กๆ...มันอันตรายเกินไปนะ! พวกมันกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ""เราไม่มีเวลาแล้วครับแม่ชี!" ยูเมะเสริม "ถ้าผนังโบสถ์พังลงมา พวกเราทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย! เราต้องออกไปหยุดพวกมัน!" เธอชี้ไปที่คริสตัลสีมรกตที่บัดนี้เรืองแสงจ้าจนแทบจะแสบตาและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าพลังป้องกันของโบสถ์กำลังถูกทดสอบอย่างหนักแม่ชีเห็นถึงความมุ่งมั่นในแววตาของเด็กทั้งสอง เธอรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว "ก็ได้...แต่ต้องระมัดระวังที่สุดนะ"แม่ชีเดินไปที่ประตูโบสถ์ เธอวางมือลงบนสลักประ
แสงสลัวๆ จากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างนำทางยูเมะและเทนชิขณะก้าวลงสู่ห้องใต้ดินที่มืดมิดและชื้นแฉะ อากาศอับชื้นปะทะเข้ากับใบหน้า พร้อมกลิ่นดินและกลิ่นอับจางๆ ที่ลอยคละคลุ้ง เมื่อลงไปถึงพื้นห้องใต้ดินที่กว้างขวาง ยูเมะและเทนชิแทบหยุดหายใจ ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำเอาพวกเขาตกตะลึงห้องใต้ดินไม่ได้เป็นเพียงที่หลบภัย แต่กลับเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เบียดเสียดกันอยู่ท่ามกลางความมืดมิด พวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังสิ่งของต่างๆ เช่น กล่องไม้, ผ้าห่มเก่าๆ หรือแม้แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับจ้องมายังสองนักเรียนแปลกหน้า เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นแผ่วเบา ราวกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศแห่งความตึงเครียด"นี่คือผู้คนที่รอดชีวิตจ้ะ" แม่ชีเอ่ยเสียงอ่อนโยน ราวกับจะคลายความตึงเครียด แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย "พวกเขากลัว...กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว""มีคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ?" ยูเมะพึมพำ เธอไม่เคยเห็นความหวาดกลัวที่รุนแรงถึงขนาดนี้มาก่อนเทนชิกวาดสายตาไปรอบๆ เขาเห็นเด็กเล็กๆ กอดแม่แน่น ผู้ชายวัยกลางคนตัวสั่นระริกอยู่มุมห้อง ทุกคนอยู่ในสภาพอ่อนล้าและหวาดผวา "พวกเขาอยู่ที่นี
โครม!ประตูไม้บานหนาของโบสถ์ถูกปิดลงอย่างรวดเร็วโดยแม่ชี ทันทีที่เสียงบานประตูไม้กระแทกเข้ากับวงกบดังสนั่น ราวกับม่านพลังงานที่มองไม่เห็นได้ถูกยกขึ้น แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยวิ่งผ่านพื้นโบสถ์ ทำให้ยูเมะและเทนชิต้องทรงตัว เงาปีศาจนับร้อยที่เคยโหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกพลันหยุดชะงัก พวกมันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ สลายหายไปในความมืดมิดราวกับหมอกควัน ถูกขับไล่ด้วยพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น"พวกมันหายไปหมดเลย...ทำไมล่ะคะ?" ยูเมะเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ดวงตาของเธอฉายแววไม่เข้าใจเมื่อหันไปมองหน้าเทนชิเทนชิเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามของยูเมะ เขาเองก็งุนงงไม่แพ้กันว่าพลังงานอะไรที่ทำให้เงาปีศาจจำนวนมหาศาลต้องถอยร่นไปอย่างรวดเร็วแม่ชีมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะไม้เก่าแก่กลางห้อง ยกถ้วยน้ำชาดินเผามาสองใบ รินน้ำชาอุ่นๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นให้ยูเมะและเทนชิ"พวกมันไม่กล้าเข้ามาที่นี่หรอกจ้ะ" แม่ชีเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยความมั่นใจเทนชิรับถ้วยน้ำชามาถือไว้ ความอุ่นของถ้วยช่วยให้มือที่สั่นเทาจากความตื่นเต้นและเหนื่อยล้าคลายลงเล็กน้อย "ทำไมล่ะครับ? แค่โบสถ์ธรรมดาทำไ
ยูเมะและเทนชิยืนประจันหน้ากัน กุมมือกันแน่นราวกับยึดเหนี่ยวชีวิตของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะก้าวข้ามผ่านประตูมิติที่เรืองแสงสีม่วงอย่างไม่ลังเล ทันทีที่เท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นแข็ง ร่างกายก็ถูกดึงดูดเข้าสู่สุสานต้องสาปแห่งหนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลและถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดลมเย็นยะเยือกที่พัดพามาปะทะร่าง ทำให้ขนแขนของยูเมะลุกชัน เธอกระชับมือเทนชิแน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตของเธอกวาดมองไปรอบๆ สุสานเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยหลุมศพเก่าแก่ผุพังเรียงรายเป็นทิวแถวจนสุดลูกหูลูกตา บรรจบกับป่าไม้หนาทึบที่ดูราวกับถูกกลืนกินโดยเงามืดมิด"ที่นี่มัน...หลอนชะมัด" ยูเมะเอ่ยเสียงสั่นพร่าขณะลูบแขนตัวเองเบาๆ เพื่อไล่ความรู้สึกขนลุกเทนชิไม่ตอบ แต่หยิบกล้องส่องทางไกลคู่ใจขึ้นมาแนบตา ส่องไปรอบๆ อย่างใจเย็น แม้ใจจริงเขาจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจไม่ต่างกัน "มันไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันนะ" เขาพึมพำกับตัวเอง พยายามมองหาเบาะแสของเงาปีศาจ แต่ก็ไร้วี่แวว"งั้นเราไปดูที่โบสถ์ตรงนั้นไหม? เผื่อมีคนอยู่" ยูเมะชี้ไปยังโบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนัก แสงไฟสีเหลืองนวลลิบหรี่ลอดออกมาจากหน้าต่างบานเล็กๆ อย่างน่าประหลาดใจเทน