เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ทั้งนิรมลและนรีนันท์ออกจากคอนโดฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านจังหวัดนครปฐมใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงปรากฏว่าบ้านปิดเงียบ สองคนพี่น้องลงจากรถยนต์ นิรมลพูดพึมพำ
“พ่อกับแม่ออกไปทำนาแล้วเหรอ”
นรีนันท์เปิดกระเป๋าเป้เพื่อหยิบกุญแจบ้านออกมาไขประตู ในระหว่างที่น้องสาวกำลังจะนำกุญแจมาไขประตูอยู่ ประตูกลับเปิดออกจนหญิงสาวตกใจ
“อ้าว! แม่ สวัสดีค่ะ”
นิรมลและนรีนันท์ร้องอุทานและยกมือไหว้ แม่ผู้ที่เปิดประตูออกมาเจอลูกสาวทั้งสองคนก็ตกใจเช่นเดียวกัน
“ตกใจหมดเลย แม่ก็ว่าได้ยินเสียงรถยนต์เลยเปิดมาดูนี่แหละ”
ทั้งนิรมลและนรีนันท์หยิบกระเป๋าเข้าบ้าน นรีนันท์กอดแม่ด้วยความดีใจและคิดถึง จนแม่ต้องร้องห้ามไม่อยากให้กอด
“แม่กำลังจัดของในห้องเก็บของอยู่น่ะ เหงื่อออกเหนียวตัวไปหมด”
“แล้วพ่อล่ะคะ ออกไปทำนาแล้วเหรอ”
ในระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ พ่อของเธอก็เดินลงมาจากชั้นสอง แต่งตัวพร้อมที่จะออกไปทำนาแล้ว เมื่อเขาเห็นลูกสาวทั้งสองคนก็ร้องทักทายด้วยความดีใจ
“กลับมาบ้านกันแล้วเหรอลูก”
ทั้งสองคนวิ
เช้าวันเสาร์ นิรมลลุกขึ้นมาใส่บาตรตั้งแต่เช้า ตั้งจิตอธิษฐานนึกถึงพิษณุ วิญญาณที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากเธออยู่นิวไม่รู้ว่าที่ตามสืบอยู่จะมาถูกทางหรือเปล่า แต่จะพยายามค้นหาความจริงให้ได้โดยเร็วที่สุดนะคะหลังจากใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย นิรมลเดินกลับขึ้นมาข้างบนห้อง พบว่าห้องเงียบราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ หญิงสาวจึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนของนรีนันท์ และเมื่อบิดลูกบิดประตูก็พบว่าไม่ได้ล็อก เธอจึงเปิดเข้าไป เจอน้องสาวยังคงนอนอยู่บนเตียง“นัท ตื่นเถอะ จะได้กลับบ้านนครปฐมกัน”นรีนันท์ขยับตัว ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ อยากจะนอนหลับต่อเพราะเมื่อคืนเธอเอางานกลับมานั่งทำต่อจนดึกดื่น จึงได้แต่พลิกตัวหนีพี่สาว หันไปอีกทางด้วยความง่วง“อ้าว...นัทลุกขึ้นสิ ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”“นัทไม่ไปไม่ได้เหรอ นัทง่วง...พี่นิวกลับไปคนเดียวเถอะ”“นัท...นัท”นิรมลเขย่าตัวอีกครั้ง แล้วก็หยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอเดินออกมาเข้าห้องน้ำก็ยังเห็นน้องสาวนั่งทำงานอยู่ด้านนอก หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ เดินออกมาด้านนอ
หลังจากวางสายนิรมลไปแล้ว นรีนันท์ยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ หญิงสาวมองรถและผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เกิดความคิดหนึ่งแวบขึ้นมานั่งรออยู่ตรงนี้เสียเวลาเปล่า ลองเข้าไปในซอยดีกว่านรีนันท์เดินเข้ามาในซอยสิบหก เธอมองซ้ายมองขวาเพราะไม่รู้เส้นทาง และคอยมองหาว่าร้านอาหารที่ชมพูนุทไปอยู่ตรงไหน หญิงสาวเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบสุดซอยทีเดียวจึงได้พบกับสถานที่ตามต้องการ“ร้านหรูเหมือนกันนะเนี่ย”นรีนันท์พูดกับตัวเอง เธอมองเข้าไปในร้านเห็นมีลูกค้าอยู่เพียงสองสามโต๊ะ และหนึ่งในนั้นก็มีชมพูนุทนั่งอยู่ด้วย เธอนั่งหันหน้าออกมาข้างนอก เพื่อนร่วมโต๊ะของชมพูนุทเป็นผู้ชาย น่าจะอายุมากแล้ว แต่เธอเห็นหน้าไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก“เชิญด้านในได้เลยนะคะ ในร้านมีที่นั่งว่างอยู่ค่ะ”พนักงานของร้านออกมาต้อนรับนรีนันท์ หญิงสาวเห็นเป็นโอกาสจึงรีบบอกพนักงาน“ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ แล้วก็จะขอสั่งอาหารกลับบ้านค่ะ”“ได้ค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด้านหลัง เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ”พนักงานเตรียมเปิดประตูร้านให้นร
นับตั้งแต่วันนั้น ทั้งนรีนันท์และชมพูนุทก็เป็นเหมือนคู่หูกัน ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรก็ตาม จะต้องเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันเสมอ จนรู้กันไปทั่วทั้งบริษัทว่าชมพูนุทมีเพื่อนคู่หูทำงานคนใหม่ ทั้งที่จากเดิมก่อนหน้านี้ หญิงสาวมักจะทำงานอยู่คนเดียวเสมอ จนนิรมลต้องถามเพื่อน“คนอื่นทำงานไม่ถูกใจน่ะสิ ไม่เหมือนนัท บอกอะไรก็รู้ใจฉันไปหมดทุกอย่าง ไม่ต้องปากเปียกปากแฉะพูดเยอะ”จนกระทั่งวันหนึ่ง ชมพูนุทและนรีนันท์ออกมาพบลูกค้าข้างนอกบริษัท บังเอิญว่าสถานที่มาพบกับลูกค้านั้นอยู่ใกล้กับคอนโดฯ ของชมพูนุทนั่นเอง นรีนันท์จำได้เพราะเคยมากับชมพูนุทครั้งหนึ่ง เพียงแต่ยังไม่เคยขึ้นไปข้างบนห้องและแล้ววันนี้เหมือนโชคเข้าข้างนรีนันท์ ชมพูนุทลืมของไว้ที่คอนโดฯ หญิงสาวจึงจำเป็นต้องแวะก่อนที่จะมาพบลูกค้า“พี่ขอแวะเอาสายชาร์จโทรศัพท์ก่อนนะ”นรีนันท์มองตาม อยู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบชิงพูดก่อนที่ชมพูนุทจะปิดประตูรถยนต์ขึ้นไปเสียก่อน“เอ่อ พี่ชมพูคะ นัทขอขึ้นไปข้างบนห้องด้วยได้ไหมคะ คือ...นัทปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ”ทีแรกชมพูนุทจะปฏิเสธ แต่นร
นิรมลออกมาด้านนอกห้อง เธอออกมายืนรอแม่ที่หายมาเข้าห้องน้ำเสียนาน หญิงสาวมายืนรอในห้องรับแขก แถวนั้นมีตู้โชว์อยู่เช่นกัน เธอหยิบรูปครอบครัวขึ้นมาดู รูปถ่ายนั้นถ่ายไว้ที่บ้านกรุงเทพฯ ของพิษณุ มีพ่อ แม่ ลูก และรูปคุณย่าที่นั่งอยู่ตรงกลาง“คุณป้าก็คงไม่มีความสุขใช่ไหมคะ สามีเจ้าชู้ขนาดนี้”นิรมลพูดพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นมีรูปถ่ายใบหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากกรอบรูป หญิงสาวหยิบมาดูด้วยความงุนงง แต่เมื่อเธอเห็นคนในรูปถ่ายใบนั้นกลับตกใจยิ่งกว่า“เอ๊ะ!”ในขณะที่นิรมลกำลังตกใจกับรูปถ่ายนั้น เธอได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมา หญิงสาวหยิบรูปถ่ายนั้นเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง ทำเป็นยืนมองรูปถ่ายตรงหน้า ปรากฏว่าเป็นแม่ของเธอเอง“อ้าว ทำไมออกมารอข้างนอกตรงนี้ล่ะนิว คุณย่าล่ะ”“คุณย่าได้เวลาเอนหลังแล้วค่ะ หนูเลยออกมารอแม่ตรงนี้”แม่เดินมาตรงจุดที่นิรมลยืนอยู่ มองว่าหญิงสาวยืนดูอะไร ก็เห็นเป็นรูปครอบครัวของพิษณุนั่นเอง จึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย“มายืนดูอะไรอยู่ตรงนี้ แม่ว่ากลับบ้านเถอะ ป่านนี้พ่อเขาคงใกล้กลับบ้านแล้ว”นิรมลและแม่กลับบ้า
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ทั้งนิรมลและนรีนันท์ออกจากคอนโดฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านจังหวัดนครปฐมใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงปรากฏว่าบ้านปิดเงียบ สองคนพี่น้องลงจากรถยนต์ นิรมลพูดพึมพำ“พ่อกับแม่ออกไปทำนาแล้วเหรอ”นรีนันท์เปิดกระเป๋าเป้เพื่อหยิบกุญแจบ้านออกมาไขประตู ในระหว่างที่น้องสาวกำลังจะนำกุญแจมาไขประตูอยู่ ประตูกลับเปิดออกจนหญิงสาวตกใจ“อ้าว! แม่ สวัสดีค่ะ”นิรมลและนรีนันท์ร้องอุทานและยกมือไหว้ แม่ผู้ที่เปิดประตูออกมาเจอลูกสาวทั้งสองคนก็ตกใจเช่นเดียวกัน“ตกใจหมดเลย แม่ก็ว่าได้ยินเสียงรถยนต์เลยเปิดมาดูนี่แหละ”ทั้งนิรมลและนรีนันท์หยิบกระเป๋าเข้าบ้าน นรีนันท์กอดแม่ด้วยความดีใจและคิดถึง จนแม่ต้องร้องห้ามไม่อยากให้กอด“แม่กำลังจัดของในห้องเก็บของอยู่น่ะ เหงื่อออกเหนียวตัวไปหมด”“แล้วพ่อล่ะคะ ออกไปทำนาแล้วเหรอ”ในระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ พ่อของเธอก็เดินลงมาจากชั้นสอง แต่งตัวพร้อมที่จะออกไปทำนาแล้ว เมื่อเขาเห็นลูกสาวทั้งสองคนก็ร้องทักทายด้วยความดีใจ“กลับมาบ้านกันแล้วเหรอลูก”ทั้งสองคนวิ
นิรมลและนรีนันท์มาถึงที่บริษัทตั้งแต่เช้า พร้อมๆ กับข้อความของเอกภพที่ทักมาถาม เพราะคิดว่าหญิงสาวยังอยู่ที่คอนโดฯ‘เดี๋ยวบีซื้อโจ๊กไปฝากจิ๋วกับนัทนะ ตอนนี้บีซื้อโจ๊กแล้ว กำลังไปที่คอนโดฯ นะ’‘ตอนนี้จิ๋วมาที่ทำงานแล้วละ บีมาที่บริษัทเลย’เวลาผ่านไปเพียงสิบห้านาที เอกภพมาถึงที่บริษัท เขารีบเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของนิรมล มีนรีนันท์นั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่แถวนั้น“นิวหายดีแล้วเหรอถึงได้มาทำงานได้เนี่ย”นิรมลยิ้มให้กับเอกภพ เขาเดินมาดูหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง แต่วันนี้เธอดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนทีเดียว หน้าตาของเธอดูสดชื่นขึ้น น่าจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแล้ว“พี่หนึ่งซื้ออะไรมาเยอะแยะเต็มไปหมด”นรีนันท์เดินมาดูเอกภพที่หิ้วถุงอาหารมาหลายถุง เขายกถุงอาหารขึ้นมาให้นรีนันท์เห็นอย่างชัดเจนพลางยิ้มให้“นิวกับนัทกินข้าวหรือยัง หนึ่งเดาว่าน่าจะยังไม่ได้กินแน่เลย ตู้เย็นที่คอนโดฯ ของนิวไม่มีอาหารนี่นา”นิรมลส่ายหน้าแทนคำตอบ เอกภพจึงพูดชวนทั้งสองคนไปรับประทานอาหารเช้าก่อนที่จะเริ่มงาน ทีแรกหญิงสาวลังเล หันมองงานบนโต๊ะที่วางกองเ