LOGINต๊อก ต๊อก
“ขออนุญาตอีกครั้งค่ะนายหญิง”
หญิงสาวคนเดิมเดินกลับมายังห้องทานอาหารระหว่างที่พวกเรากำลังทานข้าวเช้ากันอยู่ ในมือของเธอถือซองจดหมายเล็กๆ ไว้หนึ่งฉบับ รอบนี้เธอเดินตรงไปหาแม่ของบลูพร้อมกับยื่นจดหมายฉบับนั้นให้อย่างทะนุถนอม
...
ครั่งสีแดงที่ประทับอยู่บริเวณกลางซองจดหมายปิดผนึกมีอักษร” AC” ประทับไว้ เมื่อเฮร่าได้เห็น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ใช่ในทางไม่ดี หญิงแก่อมยิ้มบางๆ อย่างอบอุ่นจนบลูที่เห็นเอียงคอสงสัยเล็กน้อย
“อะไรหรอคะ?”
กึบ!
เธอแกะซองจดหมายออกอย่างช้าๆ พร้อมกับหยิบกระดาษที่มีเนื้อหาภายในออกมาอ่านอย่างตั้งใจ
“บัตรเชิญจากเพื่อนเก่าแม่น่ะลูก”
“...?”
หญิงแก่อ่านเนื้อหาภายในอย่างจดจ่อก่อนจะยิ้มให้เนื้อหาตรงหน้า แต่ต่อมาพอสายตาของเธอเลื่อนต่ำลง รอยยิ้มที่เคยกรุ้มกริ่มก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความหนักใจอ่อนๆ
“คุณแม่...?”
“มีอะไรหรอที่รัก?”
ทุกสายตารวมถึงเมดสาวที่ยังไม่ได้เดินออกจากห้องเองก็อยากรู้ว่าเนื้อหานั้นมีอะไรกันแน่
“บลู ...ลองอ่านดูสิ”
...
...ฉันหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกยื่นให้เข้ามาอ่านอย่างช้าๆ
“ถึงเฮร่าเพื่อนเก่า เราไม่ค่อยได้ส่งจดหมายหากันเลยนะช่วงนี้ น่าจะหนึ่งปีแล้วรึเปล่า เธอเป็นยังไงบ้าง คงทำตัวสบายๆ เหมือนเดิมแหละเนอะ ส่วนฉันที่วุ่นวายอยู่กับการรับเด็กเข้าใหม่ตอนนี้หัวจะปวดมากๆ อิจฉาเธอสุดๆ ไปเลย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ ฉันคิดถึงเธอกับโยดินมากๆ เลย เกริ่นมายาวแล้ว ขอเข้าเรื่องเลยละกัน ลูกสาวของเราอายุเท่ากันสินะ งั้นตอนนี้เธอน่าจะกำลังวุ่นอยู่กับการหาโรงเรียนให้ลูกเรียนต่อใช่ไหม ถ้าเป็นที่” อคาเดม” ล่ะ ฉันพร้อมดูแลลูกสาวของเธอให้เหมือนกับเป็นลูกของตัวเองนะ อีกอย่างลูกสาวฉันก็อยากเจอบลูด้วย ช่วงนี้แกพูดถึงบลูตลอดเลย ยังไงถ้าตัดสินใจได้แล้วก็ติดต่อกลับมานะ
ด้วยรักและคิดถึง จากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ดอริส ดิแอนเจโล่”
...ทำไมถึงดูเป็นจดหมายที่เขียนเล่นๆ แบบนี้กันนะ? มันน่าเชื่อถือแน่ใช่มั้ย ...ชื่อโรงเรียนคุ้นหูจัง
ถึงฉันจะตั้งคำถามกับตัวเองหลังอ่านจดหมาย แต่สิ่งนั้นไม่สำคัญเท่าข้อความหนึ่งที่ติดใจฉันมาตั้งแต่เมื่อครู่
“แม่คะ คนในจดหมายคือใครหรอคะ?”
“เพื่อนเก่าแม่กับพ่อตอนสมัยเป็นนักเรียนน่ะ”
“ไม่ใช่ค่ะๆ เด็กคนนั้น ...ลูกสาวของเขา”
“อ๋อๆ หนูแกรดไง”
...แกรดไหน?
ใบหน้าฉงนของบลูทำให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะออกมาก่อนจะเล่าประวัติคร่าวๆ ของดอริสให้บลูฟัง
“ดอริสเป็นเพื่อนเก่าพวกพ่อ เธอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเวทมนตร์อคาเดมอยู่ที่เมืองหลวง “เซอร์เมีย” โรงเรียนเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศน่ะ ลูกสาวเธอชื่อแกรด อายุเท่าๆ กับลูก ตอนเด็กๆ ที่พวกพ่อไปเมืองหลวงแล้วลูกไปด้วย พวกลูกก็ได้เจอกันอยู่นะ เด็กคนนั้นก็มักจะเข้ามาหาลูกตลอดเลยนะ”
“... อ๋อ”
เมื่อลองทบทวนเรื่องในอดีตฉันก็พอจำความได้รางๆ เด็กสาวผมเปียสีชมพูท่าทางร่าเริงเต็มไปด้วยพลังงานตลอดทั้งวันคนนั้นเอง
...
...ครั้งสุดท้ายก่อนที่ฉันจะกลับบ้าน ในตอนนั้น เราสัญญาอะไรกันไว้นะ
คำพูดที่เลือนรางด้วยเนื้อหา มีเพียงสายตาแห่งความหวังและปากที่ขยับไปมาเท่านั้นที่ฉันยังพอจะจำได้
เรื่องของคนที่ชื่อแกรดนั่นเอาไว้ก่อนละกัน ตอนนี้ที่ต้องให้ความสนใจคือเรื่องของบัตรเชิญในจดหมาย
“โรงเรียนนั้นเป็นที่แบบไหนหรอคะ?”
...ฉันถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัยเพราะไหนๆ เธอที่เป็นศิษย์เก่าของที่นั่นน่าจะพอบอกอะไรเราได้บ้าง
“เป็นโรงเรียนชั้นนำของประเทศเลยล่ะลูก ทุกอย่างดีหมดเลย เพียงแต่...”
....
“...อย่างที่ดอริสบอกไว้ในจดหมาย โรงเรียน ...มันตั้งอยู่ที่เมืองหลวง”
คำพูดนั้นทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ ความรู้สึกผิดหวังเริ่มก่อขึ้นอย่างช้าๆ
...ทำไมกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเสียดายโรงเรียนนั่นขนาดนั้น หรืออะไรกันแน่ที่ฉันอยากเจอที่โรงเรียนนั้น
“...หนู ...อยากลองไป...”
“บลู แน่ใจหรอ?”
ผู้เป็นพ่อรีบพูดขัดด้วยความตกอกตกใจ เหตุผลที่โรงเรียนอันดับหนึ่งของประเทศไม่อยู่ในรายชื่อที่พวกเขาแนะนำกับเด็กสาว นั่นเพราะสถานที่ตั้งที่อยู่ทางใต้สุดของประเทศเมื่อเทียบกับบ้านที่อยู่เหนือสุดของประเทศ การเดินทางไปมานั้นแสนจะยาวนาน อีกทั้ง พวกเขารู้อยู่แก่ใจว่าลูกสาวของตนนั้นมีปัญหากับการเข้าสังคม
“ลูซิลล่า” เมืองที่ฉันอาศัยอยู่ในตอนนี้ ส่วน “เซอร์เมีย” คือชื่อของเมืองหลวงซึ่งตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศ
...ระยะทางนั้นอาจไม่สำคัญเท่าเหตุผลจริงๆ ที่คนทั้งสองพยายามคัดค้านฉัน
“ที่นั่นคนเยอะนะลูก”
“...”
...มันคือเหตุผลที่พวกเขาเป็นห่วงฉัน นิสัยที่แท้จริงของฉัน คือเกลียดการเข้าสังคม ทุกแววตาที่คนรอบข้างมองมาที่ฉันล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่ว่าจะไปที่ใดในเมืองไหน สายตาทั้งหมดล้วนเป็นไปตามที่กล่าวมา พวกเขากลัวการเผชิญหน้ากับตระกูลนี้แม้เราจะไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจเลยก็ตาม
“เก็บไว้คิดอีกทีเนอะลูก แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาคุยกันใหม่”
“แล้วถ้าหนูยังยืนยันคำเดิมล่ะคะ?”
ฉันถามชายแก่ด้วยแววตาอันมุ่งมั่น
“ถ้างั้นพวกพ่อก็คงไม่ขัดลูกหรอก”
ฟึบ ฟึบ
บลูออกมายืนรับลมหนาวอยู่ในสวนหลังบ้าน เบื้องหน้าของฉันคือทะเลสาบอันกว้างใหญ่ น้ำสีฟ้าครามและเหล่าปลาน้อยใหญ่ที่ดำผุดดำว่ายไปมาใกล้ขอบสระที่ฉันยืนเหมือนเป็นสัญญาณว่าพวกมันกำลังรอบางอย่างจากฉัน
...
ปิ้ง!
ในมือของเด็กสาวถือถุงอาหารปลาห่อใหญ่อยู่ห่อหนึ่ง
...รอแป๊บนึงนะ
เธอค่อยๆ แกะซองอาหารออกอย่างละเมียดละไมก่อนจะโปรยอาหารให้กระจายออกไปรอบๆ สระ
จ๊อบ แจ๊บ จ๊อบ แจ๊บ
โดยที่ฝูงปลามากมายกรูกันเข้ามากินอาหารที่ถูกโยนให้ เด็กสาวยืนมองพวกมันอย่างมีความสุขพลางปัดมือสองสามทีเพื่อสลัดเศษอาหารบนมือออก
...ถ้าฉันไม่อยู่พวกแกคงต้องให้คนอื่นมาป้อนให้ก่อนนะ
...
...อคาเดม?
...แกรด?
...สองชื่อนี้กลายเป็นสิ่งที่หมกมุ่นอยู่ในหัวฉันทั้งวัน
...ถ้าต้องไปที่นั่นจะต้องอยู่คนเดียวสินะ แล้วฉันจะพอหาเพื่อนได้บ้างมั้ยนะ คนที่ชื่อแกรดอะไรนั่น ...ถ้าถึงตอนที่เราได้เจอกันจริงๆ เธอดันเกลียดฉันขึ้นมา เราคงต้องหาเพื่อนใหม่อีกสินะ
...เห้ออออ
ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง ความไม่แน่นอนของอนาคตสั่งให้มือของฉันขยับขึ้นมาลูบท้ายทอยทีหนึ่งพลางขมวดคิ้วตามองจ้องหมู่ปลาที่กำลังแย่งกันกินหัวอาหารด้วยความชุลมุน
ฉันทิ้งตัวลงบนผืนหญ้านั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวพลางมองออกไปข้างหน้าสุดขอบทะเลสาบอีกฟากฝั่ง หนึ่งเดือนต่อจากนี้คือตัวกำหนดอนาคตของฉันและความเป็นไปทั้งหมดของตระกูลเชอร์โนบ็อก
...บางที
“...ถ้าฉันสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลในทางที่ดี ถ้าฉันเปลี่ยนมันได้ ...ทุกคนอาจจะมองเราในแง่ที่ต่างไป มั้ย?”
...แบบนั้นจะดีต่อเรากว่านี้รึเปล่านะ
พลังเวทที่เอ่อล้นของเด็กสาวถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น ส่วนในเรื่องของผลการเรียนก่อนหน้าก็อยู่ในระดับสูงทีเดียว การเรียนรู้เนื้อหาในตำราจึงไม่ใช่อะไรที่บลูจะต้องกังวลมากนัก ที่ต้องกังวล คงมีแค่เรื่องการเข้าสังคมนี่แหละ
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
“พ่อคะ! แม่คะ! ...หนูอยากรู้ข้อมูลของโรงเรียนอคาเดมเพิ่ม”
...
หลังจากคำขอเกริ่นในคำตอบของบลูถูกส่งไปยังคนทั้งสอง สองคู่สามีภรรยามองตรงมายังแววตาอันเด็ดเดี่ยวของบลูก่อนจะหันกลับมามองหน้ากันเพื่อปรึกษา
...
สายตาพินิจพิเคราะห์สองคู่มองจ้องกันอย่างเงียบๆ อยู่ช่วงเวลาหนึ่งก่อนในท้ายที่สุดผู้เป็นพ่อจะหันหน้ากลับมาหาลูกสาวของตน
“ก็ได้...”
รอยยิ้มอย่างยอมรับผุดออกมาจากแก้มซ้ายขวาของผู้เป็นพ่อ ชายแก่ลุกขึ้นยืนพลางชวนบลูและภรรยาของตนให้เดินออกไปด้วยกัน
“ตามมาสิ”
ณ หอสมุดประจำบ้าน ห้องที่ตั้งไว้ห่างจากห้องอาหารเพียงสองช่วง
แอ๊ดดด...
ฉันเรียกที่นี่ว่าห้องสมุดประจำบ้าน สถานที่อีกแห่งซึ่งให้ความสงบและเป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้นอกห้องเรียนของฉัน ห้องสี่เหลี่ยมขนาดสูงใหญ่ ภายในเต็มไปด้วยชั้นหนังสือเรียงรายหลายพันเล่ม แสงแดดรำไรลอดผ่านกระจกหน้าต่างบริเวณกลางห้อง รอบขอบข้างห้องมีระเบียงชั้นสองให้ขึ้นไปยืนเล่นนั่งเล่นเพื่ออ่านหรือหาหนังสือจากชั้นบนได้อย่างสะดวก บริเวณกลางห้องถูกโต๊ะขนาดใหญ่วางขวางไว้พร้อมกับกองหนังสืออีกสองสามเล่มที่ฉันไม่ได้เก็บในครั้งล่าสุดที่อ่านวางกระจัดกระจายไว้อยู่เลย
บทที่ 15 : คำเฉลยฟรุบ!เช้าวันหนึ่งขณะที่ฉันกับแฟนสาวกำลังงัวเงียกันอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น จู่ๆ เมเจียร์ก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าตาเหลือกตาพอง“ข้าขอโทษ!”ทันทีที่พวกเราอยู่ในระยะสายตาของเด็กสาว เธอตะเบ็งเสียงออกมาลั่นบ้านพร้อมกับรีบขยับตัวมาใกล้ก่อนจะโค้งหัวลงขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่“อะไรหรอ?”ฉันสะดุ้งเฮือกตกใจจนต้องรีบถามไถ่เธอว่ามันเกิดอะไรขึ้น“ข้าถูกดุมาน่ะสิ”“เอ๊ะ!? จากใครหรอ? แล้วไปโดนว่ามาตอนไหน!?”“บ บลู ...ใจเย็นๆ แล้วรอเธอเล่าก่อน”“...โทษทีๆ”ฉันชวนเมเจียร์มานั่งข้างๆ เพื่อให้เธอตั้งสติก่อนจะรับฟังเรื่องเล่าของเธอ“เมื่อคืนข้าแอบออกจากบ้านแล้วไปเดินสำรวจโรงเรียนตอนกลางคืนคนเดียว ข้าตรงไปที่สวนหลังโรงเรียนก่อนจะเห็นหญิงสาวนางหนึ่งนั่งเงียบๆ อยู่บนศาลาที่ไร้ผู้คน”...ตอนกลางดึกเนี่ยนะ______ต๊อก ต๊อก ต๊อกสูดดด...เด็กสาวร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนก่อนจะสูดลมเข้าไปเต็มปอดเพื่อสัมผัสอากาศบริสุทธิ์“เป็นอีกคืนที่น่าพึงใจเช่นเคย”เมเจียร์พึมพำกับบรรยากาศขณะที่ขาของเธอก้าวต่อไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย“...งืม งืมมมม”เสียงบางอย่างสั่งให้เด็กสาวหยุดชะงักก่อนจะ
“สงสัยครับ! เธอบอกว่าเธอเป็นคทามาก่อน งั้นแสดงว่าเธออายุมากกว่าเราหรอ?”ชายหนุ่มนักเสี้ยมประจำห้องยกมือไต่ถาม“ถูกต้อง แต่ความคิดความอ่านของข้าค่อนข้างล้าหลังกว่าพวกเจ้าหลายร้อยปี”เด็กสาวก้มหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย ทว่าท่าทีแบบนั้นกลับทำให้คนในห้องเอ็นดูและสนใจตัวเธอมากขึ้นทันที หลายคนเริ่มยกมือเพื่อชวนเธอคุยหรือถามไถ่เมเจียร์ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเจอหรือเคยสัมผัสมาพรึบ พรึบ พรึบ!“นักเรียนๆ ทีละคนนะๆ เริ่มจากเธอก่อนเลย”อาจารย์ประจำวิชาค่อยๆ จัดแจงคนถามทีละคน เขาชี้ไปที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ติดประตูทางออกคนจะเปิดโอกาสให้ชายผู้นั้นถามเป็นคนแรก“ครับ! ในมุมมองของสัตว์วิเศษ มนุษย์คืออะไรสำหรับพวกเขา?”“พวกสัตว์มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พร้อมทำลายระบบนิเวศ เป็นภัยที่ควรอยู่ให้ห่างและพวกเขาระรานทุกสิ่งอย่างโดยไม่ตริตรองสิ่งใดสักอย่าง”“...”เพียงคำตอบแรกจากเด็กสาวก็สร้างความตะลึงให้เพื่อนในห้องจนทุกคนเงียบไม่กล้าถามอย่างอื่นต่อ“ต่อไปตาเธอถามมาเลย”ชายแก่ชี้ไปที่ชายหนุ่มคนที่สองก่อนจะคะยั้นคะยอให้เขาถามคำถาม“ศะ ศัตรูที่คิดว่าต่อกรด้วยยากที่สุด”“ถ้าไม่นับมังกรที่เป็นของตายอยู่แล
“ตอนนี้ไม่มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียนเลยใช่มั้ย?”“คิดว่าน่าจะมีแค่เราสองคนกั-”“ “เอ๊ะ?” ”พอกำลังจะพูดถึงอีกสองคนที่เหลือพวกเธอก็โผล่มาพอดีระหว่างที่กำลังเดินอยู่บนทางเท้า จู่ๆ ฉันก็ได้เจอกับลูอาแล้วก็อัสลินพอดี ทั้งสองดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกกัน“พอดีเมืองหลวงตอนนี้ยังไม่พร้อมสำหรับต้อนรับคนสักเท่าไหร่ พวกเราเลยว่าจะออกไปซื้อของที่หมู่บ้านเล็กๆ อีกที่แทน ทั้งสอ...สามจะไปด้วยกันมั้ย?”อัสลินเอ่ยปากชวนพวกเราโดยที่สายตาของเธอให้ความสนใจกับเด็กสาวที่ติดสายห้อยตามฉันมาเป็นพิเศษ...จะว่าไปของตู้เย็นเราก็หมดแล้วนี่ ที่มีอยู่คือข้าวสารที่พึ่งทำข้าวต้มหมดไปเมื่อเช้า“งั้น ...เราไปด้วยนะ”“โฮ้!...”เด็กสาวส่ายตามองบริเวณรอบๆ อย่างตื่นเต้นจนตาเป็นประกายขณะที่เราทั้งห้ากำลังนั่งอยู่บนเกวียนลากเล่มใหญ่เป้าหมายคือการมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านอีกแห่งที่ตั้งอยู่ทางเหนือของโรงเรียน ตามที่อัสลินเล่า ในตอนนี้มันกลายเป็นสถานที่ค้าขายชั่วคราวในช่วงที่เมืองหลวงกำลังฟื้นฟู“เข้าใจแล้ว ถึงไม่เห็นไม้คทาติดตัวบลูนี่เอง”“แล้วแบบนี้บลูจะใช้เวทมนตร์ยังไงหรอ? ต้องซื้อไม้ใหม่ ...คงต้องสร้างขึ้นมาใหม่เลยสินะ”“ฉันไ
“...?”แปลกแต่จริง เราสามคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เด็กสาวตัวเล็กนอนคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับแกรด ใบหน้าของเธอตอนหลับช่างดูจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู“รู้สึกเหมือนเรากำลังเลี้ยงเด็กอยู่เลย”แกรดซึ่งกำลังเข้าที่นอนค่อยๆ ยกหัวขึ้นมือเท้าคางก่อนจะยิ้มละมุนให้เมเจียร์และหันมาชวนฉันคุย“แต่ถ้าดูจริงๆ เด็กคนนี้แก่กว่าเราเป็นพันปีเลยเนอะ”“นั่นก็จริง ...แต่เรารู้สึกเหมือนกำลังเลี้ยงลูกอยู่เลย”“แกรดอยากมีลูกหรอ?”“ฮืม ...ไม่รู้สิ เราไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย”“...”“รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ ถ้าถึงตอนนั้นเราทั้งคู่อยากจะมีจริงๆ จะไปหาเด็กน่ารักๆ สักคนจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ไม่เสียหายนะ”“...อืม”เอาล่ะเอาล่ะ นอนกันเถอะ เรารู้สึกว่าพรุ่งนี้จะต้องเหนื่อยเป็นสองเท่าแน่กริ๊ง กริ๊งแสงแดดส่องกระทบผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมไว้ตลอดคืน ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพบผ้าห่มถูกคลี่ออกอย่างไม่เป็นระเบียบพร้อมกับร่างของเมเจียร์ที่หายไป...เมเจียร์ฉันมั่นใจว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ฝัน ขาของฉันก้าวออกมาจากเตียงนอนก่อนจะเดินสำรวจรอบบ้านเพื่อตามหาเธอแอ๊ดด...“...”“...อยู่นี่เอง”...ไม่ใช่ฝันจริงๆ ด้วยฉันเปิดประตูหน้าบ
ค่ำคืนแห่งความชื่นมื่นควรจะผ่านไปด้วยดี ทว่าหลังจากที่เราอาบน้ำกันเสร็จแล้วเตรียมตัวเข้านอน“ “?” ”ทั้งสองรับรู้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติข้างนอกบ้าน“แอ๊ดดด...”“เอ๊ะ!?”ประตูบ้านถูกเปิดอย่างระมัดระวัง...เด็กสาวในฝันหญิงวัยแรกรุ่นผมสีฟ้าสง่าผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฉันและแกรด เธอยืนรอพวกเราพลางเดินวนไปวนมาในสวนอย่างเริงร่า“อะ! กว่าจะรู้สึกตัว ทำอะไรกันอยู่หรอ?”“อ อา พวกเรากำลังจะเข้านอนน่ะค่ะ”แกรดตอบคำถามของเด็กสาวอย่างสับสน...ดาดฟ้านี่มันขึ้นมาง่ายขนาดนี้เลยรึไงกัน?“แกรด ...นี่คือเทพธิดาที่ฉันเล่าให้ฟัง”“เอ๊ะ!? ขอโทษที่เสียมารยาทไปเมื่อครู่นะคะ”“ไม่เป็นไรๆ เราโผงผางเข้ามาที่นี่เอง ...ดูท่าแผลจะใหญ่เอาการเลยนะ”เด็กสาวมองมือที่กำลังกุมท้องเอาไว้หลวมๆ ก่อนเธอจะทำบางอย่าง เทพธิดาเดินเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะขอแตะที่แผลเบาๆ เกิดแสงอ่อนบนปลายมือของเธอจู่ๆ ก็เหมือนความเจ็บปวดทั้งหมดหายไปเป็นปลิดทิ้ง ฉันลองยกเสื้อขึ้นดูก่อนจะพบว่ารอยแผลทั้งหมดได้หายไปแล้ว“ “...!?” ”“พลังของเทพธิดาน่ะ ...”“คุณมาที่นี่ทำไมหรอคะ?”...ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ใช่แค่ลงทุนมาที่นี่เพื่อแค่ทำให้แผลหายเท่านั้นแน่“ส่ง
บทที่ 14 : คำถามแอ๊ด...กลิ่นของแผ่นไม้ในห้องรับแขกที่คุ้นเคย ห้องนอนและห้องครัวซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของเราทั้งสองพวกเรากลับมาถึงบ้านบนดาดฟ้าแล้วแม้จะมากันแค่ตัวเปล่าก็ตามที เสื้อผ้าข้าวของทั้งหมดจะถูกส่งตามมาทีหลังและแน่นอนว่าความเก็บกดของเราก็พร้อมจะปะทุออกมาทันทีที่ประตูบ้านถูกปิดลงแขนของฉันถูกดึงลากเข้าไปในห้องนอนทันทีฟรุบ...แกรดถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมดตัวก่อนจะเร่งรีบทิ้งร่างอันเปลือยเปล่าลงบนเตียงเรียบ“...บลู”เธอมองมาที่ฉันด้วยแววตาอันโหยหาพร้อมกับดึงมือฉันเข้าไปแตะกับกลีบดอกกุหลาบสีสดของเธออย่างรวดเร็ว“น นี่! ใจร้อนจัง”...แต่มันก็แฉะไปหมดแล้วนี่?“ตอนอยู่ที่บ้านบลูเราก็อดทนมาตลอดเลยนะ ถึงจะมีบางครั้งที่เกือบจะเผลอลักหลับเธอก็เถอะ แฮะ แฮะ”“อะ เอิ่ม ขอบคุณที่อดทนนะคะ”“งั้นตอนนี้ก็ให้รางวัลเราหน่อยสิ”“จ้าๆ คุณหนู”นิ้วที่กำลังเล่นซุกซนอยู่กับน้องสาวของแกรดกำลังได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นฉันลูบคลำส่วนนั้นตามที่เด็กสาวเฝ้ารอพร้อมกับดึงใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มตามที่ใจของทั้งสองต้องการ“อื้มห์”เด็กสาวเงยหน้ารับจูบจากฉันก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปในช่องปากของก







