LOGIN“ทำอะไรกัน!”
“ผมแค่เอากุญแจมาให้อลิซน่ะครับ” ทีหันไปตอบด้วยรอยยิ้มไร้พิษภัย
“อือ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นายก็ไปทำงานได้แล้ว” ร็อคพยักหน้า แต่สายตากลับจ้องมาที่ฉัน
ทีเดินออกไป จนเหลือแค่ฉันกับร็อคสองคน
“เฮ้! เธอจะยุ่งกับใครฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ก็ช่วยเลือกหน่อยเถอะ” ร็อคพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไป
“อะไรของเขาน่ะ” ฉันได้แต่ยืนงงไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยสักนิด
ฉันยุ่งอะไร? กับใคร? แล้วให้เลือกอะไร?
ในเมื่อไม่เข้าใจฉันก็เลือกที่จะไม่สนใจคำพูดของเขาอีก รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งก็คือจัดโต๊ะเก็บกวาดเตรียมแก้วเครื่องดื่มอะไรประมาณนั้น
ประมาณ1ทุ่มร้านก็เปิดให้บริการ พนักงานทุกคนเตรียมตัวพร้อมกันแล้วและฉันเองก็เช่นกัน โดยหน้าที่ของฉันคือรับออร์เดอร์จากพนักงานเสิร์ฟ เพื่อจัดตามออร์เดอร์ที่ได้มา ถึงจะเหนื่อยแต่ก็เหนื่อยน้อยกว่าพวกพนักงานเสิร์ฟแหละนะ เพราะพวกเขาต้องไปผจญกับเหล่าคนเมาที่มักจะทำตัวไม่น่ารักในบางครั้ง
“อลิซ จัดมิกเซอร์ให้หน่อยครับ” พี่ทิมผู้จัดการร้านที่มักจะประจำตำแหน่งอยู่ใกล้ฉัน เพื่อตรวจสอบออร์เดอร์และออกใบเสร็จให้กับลูกค้าด้วย
“ได้ค่ะ”
ฉันก็รีบจัดทุกอย่างตามความเคยชิน และยังคงทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงพี่ทิมตะโกนเรียกฉันอีกครั้ง
“อลิซ! ออกมาช่วยเสิร์ฟหน่อยครับ”
นั่นไง! ฮือ~ นี่ก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่ฉันมักจะต้องเผชิญ ถ้าหากวันนั้นลูกค้าเยอะจนพนักงานเสิร์ฟทำงานไม่ทัน พนักงานในตำแหน่งอื่นก็ต้องมาช่วยในตำแหน่งนั้นด้วย ซึ่งฉันก็เคยออกไปเสิร์ฟอยู่หลายครั้ง จะบอกว่าเหนื่อยมากๆ เหนื่อยจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ
“ค่าาา”
พอรับคำสั่งจากพี่ทิมแล้วฉันก็ต้องหิ้วถาดที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งเหล้าโซดาเดินไปยังโต๊ะของลูกค้าด้วยความระมัดระวัง
“เครื่องดื่มที่สั่งได้แล้วค่ะ” ฉันบอกกับลูกค้าโต๊ะนั้นด้วยความสุภาพ ก่อนจะค่อยๆ วางมิกเซอร์ทั้งหมดลงบนโต๊ะ
“เฮ้ย! น้องเขาออกมาเสิร์ฟแล้วเว้ย”
ฉันได้ยินเสียงของลูกค้าโต๊ะนี้พูดขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายสองสามคนที่อยู่ตรงหน้า และยิ้มให้ไปตามมารยาท ท่าทางของฉันตอนนี้ดูเป็นมืออาชีพมากเลยใช่ไหม แต่มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองประหม่าและเกร็งแค่ไหนที่ต้องยิ้มแย้มพูดคุยกับลูกค้าแบบนี้
“เอ่อ…ขอโทษนะครับ น้องชื่ออะไรเหรอครับ” ผู้ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยถามฉันด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
“ชื่ออลิซค่ะ” ฉันตอบกลับ เพราะมีหลายครั้งที่ฉันถูกลูกค้าถามชื่อแบบนี้ แม้จะรู้เจตนาของพวกเขา แต่ฉันก็ไม่เคยใส่ใจและมุ่งแต่ทำงานของตัวเองเพียงเท่านั้น
“ชื่อน่ารักจังครับ”
ซื้อหวยไม่เคยถูกเลยนะเรา…
“ของที่สั่งได้ครบแล้วนะคะ” ฉันยิ้มให้ ก่อนจะลุกเดินออกมา
“เขายิ้มให้กูด้วยเว้ย!”
“เขาก็ยิ้มให้ลูกค้าทุกคนนั่นแหละ” เสียงโหวกเหวกจากลูกค้าโต๊ะนั้นดังไล่หลังมา แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ
หลังจากนั้นฉันก็เข้าโหมดหัวหมุนเพราะต้องเดินเสิร์ฟเดินรับออเดอร์ไม่หยุด จนเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มฉันถึงได้มีโอกาสได้นั่งพักบ้าง
“กินผลไม้นี่สิ” พี่เนตรถือจานผลไม้น่าตาน่ากินยื่นให้ฉันด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้ ก่อนยิ้มผลไม้สองสามชิ้นเข้าปาก
“เหนื่อยหน่อยนะวันนี้ ทั้งที่ไม่ใช่วันศุกร์หรือวันหยุดแท้ๆ ทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้” พี่เนตรบ่นพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ฉัน
จริงๆ พี่เนตรกับทีก็ถือว่าฮอตพอตัวเลยในร้านนี้ มีลูกค้ารู้จักทั้งสองคนค่อนข้างเยอะ ด้วยรูปร่างหน้าตาดีทั้งคู่บวกกับการบริการแบบเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าติดสองคนนี้มาก
“นั่นสิคะ หนูก็แปลกใจเหมือนกัน” ฉันพูดไปชะเง้อคอมองเหล่านักท่องราตรีไปด้วย เพราะต้องเตรียมตัวเผื่อว่าพนักงานคนอื่นต้องการให้ช่วย
“อือ พี่อยากถามอะไรอลิซหน่อย” อยู่ๆ คนข้างๆ ก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ รวมถึงน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปด้วย
“ถามอะไรเหรอคะ?”
“วันนี้ทีมาช่วยอลิซเปิดร้านเหรอ” พี่เนตรถามนิ่งๆ
“จริงๆ หนูมาพร้อมกับเจ้านายค่ะ แล้วมาเจอทีที่หน้าร้าน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันทำงานค่ะ” เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าขี้หึงขนาดไหน ฉันถึงได้ตอบคำถามอย่างระมัดระวังที่สุด
“ร็อคก็มาด้วยเหรอ” พี่เนตรถามย้ำ
“ใช่ค่ะ หนูบังเอิญเจอเจ้านายที่หน้าปากซอย ก็เลยได้ติดรถเข้ามาด้วย” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อย่างนี้นี่เอง ไม่ใช่อะไรหรอก พี่แค่อยากรู้ว่าทีโกหกพี่รึเปล่า เพราะอยู่ๆ เขาก็ออกไปทำงานก่อนเวลา พี่นึกว่าเขาจะแอบไปมีผู้หญิงอื่น แต่ได้ยินอลิซพูดแบบนี้พี่ก็สบายใจแล้วล่ะ” พี่เนตรพูดจบก็หัวเราะ ก่อนจะก้มหน้ากินผลไม้แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
“พี่เนตรอย่าคิดมากเลยนะคะ” ฉันทำได้แค่ปลอบใจ ทั้งๆ ที่รู้ถึงพฤติกรรมหลายอย่างของทีดี
อย่างที่บอกทีนั้นฮอตมาก ทำให้มีผู้หญิงเข้าหาเขาอยู่หลายครั้ง และบางครั้งฉันก็เห็นว่าเขาก็เล่นด้วย ก็คือแอบนัดเจอกันหลังเลิกงานบ้าง ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ประสีประสาว่าการที่ชายหญิงแอบไปด้วยกันแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง แล้วฉันเองก็รู้ด้วยว่าพนักงานคนอื่นๆ ก็รู้ถึงพฤติกรรมนี้ของทีด้วย เพียงแต่ไม่มีใครพูด เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว เลยไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย
“ขอบใจอลิซมากนะ” พี่เนตรยิ้มให้ฉันอีกครั้ง ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามเดิม
คราวนี้ฉันได้ถูกให้ขึ้นไปเสิร์ฟมิกเซอร์ที่โซนวีไอพี ซึ่งโต๊ะนั้นเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ฉันเองก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้และพวกเขาก็มีเรื่องที่ต้องการถามฉัน โดยเฉพาะเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ฉันเองก็ตอบไปเท่าที่รู้
“อลิเซีย นั่นชื่อคุณใช่ไหม” อยู่ๆ ลูกค้าต่างชาติคนหนึ่งซึ่งดูๆ แล้วเขาคงจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขาเอ่ยทักขึ้น ก่อนที่ฉันจะเดินออกมา
“ค่ะ”
“ผมแมทยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฝรั่งคนนั้นยื่นมือมาตรงหน้าคงขอจับมือตามธรรมเนียมของบ้านเขา ซึ่งฉันเองก็ไม่ปฏิเสธ ยื่นมือไปจับกับเขาเช่นกัน
“อลิซ!!”
เสียงตะโกนแหวกเข้ามากลางวงจนฉันตกใจรีบปล่อยมือออกทันที ก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง
“ร็อค…”
หนุ่มลูกครึ่งที่ออร่าสว่างไสวแม้กระทั่งนั่งอยู่ในที่มืดก็ยังคงเห็นความหล่อเหลาอย่างชัดเจน แต่ใครสนใจความหล่อของเขาตอนนี้กันละ สิ่งที่ฉันอยากรู้คือเขาเรียกฉันทำไมต่างหาก
“มานี่” ร็อคนั่งไขว่ห้างมือหนึ่งกำลังโอบเอวเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ ส่วนอีกมือกวักเรียกฉันให้เข้าไปหา
“มะ มีอะไรเหรอคะ” เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงโต๊ะวีไอพีของร็อค ฉันได้แต่ยืนกุมมือตัวเองไว้อย่างนอบน้อม เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
“พี่ร็อคอย่าทำหน้าดุสิคะ พี่อลิซกลัวหมดแล้ว” หญิงสาวตัวเล็กน่ารักที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของร็อคหันไปเตือน
“ไม่ให้ดุได้ไง ยัยนั่นกำลังกินแรงคนอื่นอยู่นะ” ร็อคสวนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พลางตวัดสายตามาทางฉัน
“ฉันเหรอ?” ฉันชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความงุนงง
ฉันกินแรงคนอื่นเหรอ…
“จะใครอีกล่ะ คนอื่นเขาทำงานกันหัวหมุนไปหมด แต่เธอกลับยืนคุยยืนจับมือกับลูกค้าเนี่ยนะ เห็นใจคนอื่นเขาบ้างสิ!” ร็อคต่อว่าฉันต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา ทำให้บรรยากาศภายในโต๊ะนั้นเงียบลงทันที
“ขอโทษค่ะ” ส่วนฉันได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งยอมรับผิดโดยไม่โต้แย้งอะไร
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเพียงแค่การบริการลูกค้า แต่ในเมื่อเจ้าของร้านมองว่านั่นเป็นการอู้งานเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่น ฉันก็ไม่มีอะไรจะเถียง
“พี่ร็อค…ไม่เอานะคะ อย่าโมโหเลยนะ”
“นั่นสิวะ น้องเขาก็แค่ดูแลลูกค้าเท่านั้นเอง” เพื่อนผู้ชายของเขาช่วยพูดด้วยอีกคน
“พี่อลิซไม่มีอะไรแล้วค่ะ พี่ไปทำงานเถอะค่ะ” คนพิเศษของร็อคหันมาพูดกับฉันพร้อมกับยิ้มให้อย่างเห็นใจ พร้อมกับส่งสายตาให้ฉันออกไปจากตรงนี้ก่อน
พอเห็นแบบนั้นฉันก็ค่อยๆ หันหลังเดินออกมาช้าๆ แต่ก็ยังไม่วายโดนร็อคตะโกนไล่หลังมาด้วย
“ถ้ากินแรงคนอื่นอีก ฉันตัดเงินเธอแน่!”
พอเดินมาถึงหน้าครัวฉันก็ถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจนแทบก้าวขาไม่ออกเลย หลายครั้งที่ฉันคิดจะลาออกจากที่นี่ แต่ที่ยังไม่ออกก็เพราะที่นี่ให้เงินดีและอีกอย่างฉันก็ชินกับการทำงานที่นี่แล้ว ฉันเลยไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่ที่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็คงทำงานที่นี่อีกไม่นาน ยิ่งเมื่อคลับได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่ที่ไม่ชอบขี้หน้าฉันแล้วด้วย ฉันคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วละ
“พี่อลิซ…”
“คะ…” ฉันขานรับ ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังเรียกฉัน
“ชะเอมเองค่ะ”
แฟนของร็อคนี่เอง ว้าว…ยิ่งเห็นใกล้ๆ แบบนี้เธอก็ยิ่งน่ารักจนสะกดสายตาฉันเอาไว้ได้เลย
“สวัสดีค่ะ…แล้วก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยพูดกับเจ้านายให้” ฉันยิ้มให้เธออย่างขอบคุณ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ…วันนี้พี่ร็อคอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะค่ะ ก็เลยหงุดหงิดง่ายแบบนั้น พี่อลิซอย่าคิดมากเลยนะคะ”
นางฟ้าชัดๆ เธอทั้งสวยทั้งใจดีและก็อ่อนโยน ทำไมถึงต้องไปคู่กับคนขี้โมโห ขี้หงุดหงิด จอมเผด็จการแบบนั้นด้วยนะ ฉันล่ะเสียดายแทนจริงๆ
“ค่ะ แล้วคุณลูกค้าต้องการอะไรรึเปล่าคะ”
“อย่าเรียกแบบนั้นเลยค่ะ มันยังไงก็ไม่รู้ เรียกชะเอมเฉยๆ ดีกว่าค่ะ”
“ได้ค่ะ คุณชะเอม” ฉันเอ่ยเรียกตามที่เธอขอ ก่อนที่เธอจะหลุดขำออกมาอย่างน่ารัก
“ไม่ต้องเติมคุณให้ชะเอมก็ได้ค่ะ เรียกน้องชะเอมแบบนี้ดีกว่าค่ะ”
“ฮ่าๆ น้องชะเอม” ฉันเกาหัวแก้เก้อ เมื่อตัวเองทำตัวโก๊ะๆ ให้คนอื่นหัวเราะอีกแล้ว
“แบบนั้นแหละค่ะ” น้องชะเอมหัวเราะเสียงใสดูท่าจะถูกใจที่ฉันเรียกเธออย่างถูกต้องสักที
“อลิซยืนทำอะไรอยู่ มานี่เร็ว” เสียงทุ้มนุ่มของแฟนหนุ่มร้องเรียกดังมาจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันยิ่งกระวนกระวายหนักกว่าเดิม “ค่ะๆ” ฉันหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าเดินตรงไปหาพี่ร็อคที่กำลังถือของพะรุงพะรังเต็มสองมือ “เป็นอะไรไป…กังวลเหรอ” พี่ร็อคถามและมองฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ก็นิดหน่อยค่ะ” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ในใจฉันมันร้องตะโกนว่ากังวลมากและตื่นเต้นมาก จนหัวใจฉันมันแทบจะหลุดออกมาด้านนอกแล้ว “ไม่ต้องกังวลนะ พวกท่านไม่ดุหรอก” วงแขนหนักโอบประคองฉันเอาไว้ และยิ้มให้กำลังใจอย่างอบอุ่น “โอเคค่ะ! งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับพี่ร็อคเพื่อไปเจอครอบครัวของเขา วันนี้เป็นวันรวมญาติของครอบครัวพี่ร็อค เขาก็เลยใช้โอกาสนี้ในการพาฉันมาแนะนำให้กับญาติๆ ของเขา ทำให้เมื่อคืนฉันถึงกับนอนไม่หลับ พยายามคิดคำพูดต่างๆ นาๆ เพื่อจะใช้พูดคุยกับพวกเขา ฉันกังวลว่าพวกเขาจะมองว่าฉันน่าเบื่อหรือเข้าถึงยาก เพราะส่วนตัวฉันก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร กลัวว่าตัวเองจะไปทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพวกเขา “ยิ้มหน่อยสิครับ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อย
“ช่วยอมให้พี่หน่อยครับ” ผมอยากให้ปากอุ่นๆ ของอลิซครอบครองเจ้าน้องชายไซส์ใหญ่ของผมจนแทบทนไม่ไหวแล้ว “แค่…อมเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมกับท่าทางที่ดูใสซื่อ แต่มันช่างดูเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกของผม“เธอก็รู้ว่ามันจะไม่ใช่แค่อม” ผมตอบกลับและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปที่ปากเล็กที่เลอะเทอะอย่างเบามือ ก่อนที่ผมจะจับท้ายทอยของอลิซแน่น“...อ้าปาก” ถึงอลิซจะดูมึนๆ แต่เธอก็ยอมทำตามที่ผมสั่ง และเพียงแค่ปากของเธออ้าออก ผมก็รีบกดหัวของอลิซลงแล้วส่งแก่นกายที่แข็งตั้งเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนของเธอทันที“อุก!” อลิซอึกอักพลางช้อนสายตาขึ้นมองผมด้วยความตกใจ“ซี้ดดด” ผมได้แต่ยิ้มพอใจ ผมไม่รีรอกระแทกแก่นกายเข้าใส่ปากเล็กอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมดันความแข็งตั้งลึกเข้าไปถึงคอหอย และแทงเข้าใส่ไม่มีเว้นวรรคจนทำให้อลิซหายใจลำบาก เธอกำลังส่งสัญญาณความทรมานผ่านเสียงและการทุบตีผมอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมปล่อยเธอเป็นอิสระ เพราะอลิซรู้ดีว่าเซ็กส์ของผมมันไม่เคยที่จะนุ่มนวลเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ปากเล็กๆ นี่ ทำไมถึงทำให้พี่มีความสุขได้ขนาดนี้นะ” ผมครวญครางและสวนสะโพกเข้าใส่ปากของคนตัวเล็กไม่มีหยุดพัก“อึก! อ๊
ผมตั้งตารอรางวัลจากอลิซด้วยใจจดจ่อ แม้ว่าคืนนี้จะบอกว่าตัวเองต้องการฉลองการเป็นแฟนกันวันแรก จากที่ตั้งใจจะสนุกให้สุดเหวี่ยง กินเหล้าเมาให้หัวทิ่ม แต่เมื่อนึกถึงรางวัลที่จะได้รับ ผมเลยต้องปรับแผนการใหม่ โดยการดื่มให้น้อยเพื่อที่ตัวเองจะได้มีสติและเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความเร่าร้อนของคืนนี้ให้ได้มากที่สุด“เฮ้ยไอ้ร็อค มึงเป็นคนชวนพวกกูมาฉลอง แล้วทำไมมึงแทบไม่แตะเหล้าเลยวะ” ไอ้เอที่กำลังกรึ่มได้ที่ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลง“ก็กูจะเก็บแรงไว้ฉลองกับอลิซแค่สองคนไง” พูดจบผมก็กระดกเหล้าเข้าปาก พลางชำเลืองมองคนข้างๆ ที่มองผมมาด้วยสายตางุนงง“อย่างนี้นี่เอง” ไอ้เอยิ้มกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปหาแฟนสาวหน้าเหวี่ยงของตัวเอง“...คืนนี้เรามาฉลองกันสองคนด้วยดีไหมไลลา” “ในหัวเราะมีแต่เรื่องลามกสินะ ไอ้ผู้ชายพวกนี้” ไลลาสวนกลับหน้าเหวี่ยง“อะไรนี่ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะฉลองแบบไหน ก็ว่าคนอื่นลามกซะแล้ว เธอนั่นแหละลามกคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” ตอนนี้เข้าทางไอ้เอได้เอาคืนเมียมันบ้างแล้ว“ก็ผู้ชายอย่างพวกนายไม่เคยคิดเรื่องอื่นอยู่แล้ว จะโกรธ จะโมโห จะดีใจ ก็จบลงที่เรื่องนั้นตลอด” “เอาจริงๆ ยัยแม่มดนี่ก็พูดถูกนะ
(Rocco’s talk) ผมนั่งมองสามสาวที่กำลังกอดกันร้องไห้หลังจากที่ได้ขอโทษขอโพยกันในเรื่องที่ผ่านมา การที่ชะเอมกับขิมร้องไห้เพราะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำผมก็พอเข้าใจได้ แต่อลิซนี่สิ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ แต่เธอกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นและยังขอโทษสองสาวอีกด้วยที่ทำให้ทั้งสองต้องกังวลใจในเรื่องนี้ ผมได้แต่นั่งมองการกระทำของผู้หญิงคนนี้ แล้วก็อดที่จะยิ้มภูมิใจกับความจิตใจดีขี้สงสารของเธอไม่ได้ จะมีผู้หญิงแบบนี้ที่ไหนอีกที่ร้องไห้ขอโทษคนที่ทำผิดกับตัวเอง ผมคิดว่าผู้หญิงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว “สามสาวครับ ร้องไห้กันพอแล้วก็กลับบ้านกันได้แล้วครับ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเรานั่งอยู่ในห้องอาหารนี้มาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว แล้วทั้งสามสาวก็ร้องไห้กันมาร่วมชั่วโมงแล้ว คงจะเหนื่อยกันไม่น้อยแล้ว “ขอโทษนะคะพี่ร็อค ที่ต้องให้มานั่งฟังพวกเราร้องไห้” ชะเอมที่เช็ดน้ำตาออกจากหน้าหันมายิ้มเจื่อนให้ผม “ไม่เป็นไรครับ เพราะเรื่องนี้พี่ก็มีส่วนผิดด้วย” ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรหรอก ผมแค่เป็นห่วงกลัวว่าอลิซจะเหนื่อยเกินไปเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น พี่อลิซยกโทษให้พี่ร็อคแล้วใช่ไหมคะ” ขิมที่ตาบวมแดงรีบหั
“อลิซ…แต่งงานกันเถอะ!” “เฮ้อ…” ฉันไม่ได้ตกใจอะไรเลยที่ได้ยินพี่ร็อคพูดแบบนี้ เพราะฉันชินกับความปุบปับใจร้อนของเขาแล้ว และอีกอย่างพี่ร็อคก็เคยพูดอะไรในทำนองนี้เหมือนกัน “ถอนหายใจทำไม นี่พี่ขอเราแต่งงานอยู่นะ” ร็อคหันมาเอาเรื่อง แต่ท่าทางกลับตรงกันข้าม เพราะเขายังกอดเอวฉันเอาไว้อย่างทะนุถนอม“เรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลย แล้วจะมาแต่งงานเนี่ยนะ” ฉันถามพร้อมกับส่ายหัว“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราข้ามขั้นไปเป็นสามีภรรยากันเลยทีเดียว จะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลาด้วย” เขาเริ่มพูดจาเพ้อฝันเอาแต่ใจอีกแล้ว “แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน อีกอย่างเรายังเด็กกันอยู่เลย” “ไม่เห็นจะเด็กเลย พี่ก็เรียนปี4แล้ว แถมตอนนี้ก็มีธุระกิจของตัวเองแล้วด้วย พี่ดูแลอลิซได้สบายมาก” พี่ร็อคพูดด้วยความภูมิใจ ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่ก็ภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน“เรื่องดูแล…ฉันเชื่อว่าพี่ดูแลฉันได้ แต่เราทั้งคู่ต้องใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่านี้ เรียนรู้นิสัยใจคอกันให้มากกว่านี้ เราจะใช้แค่คำว่ารักอย่างเดียวไม่ได้นะคะ” ตั้งแต่ที่เราทั้งคู่ตกลงที่จะให้โอกาสซึ่งกันและกัน ฉันก็เลือกที่จะพูดคุยและอธิบายทุกอย่างที่ฉันคิด เพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใ
จบเรื่องมรดก (เกือบ) สีเลือด ฉันก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างจากเดิมก็คือฉันได้ขึ้นมหาลัยฯชั้นปีที่3แล้ว แถมยังมีหนุ่มหล่อสุดฮอตมาตามจีบอีกด้วย หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับร็อค ฉันก็เลือกที่จะเปิดใจให้เขาอีกครั้ง และอยากลองให้โอกาสตัวเองด้วย แล้วจนถึงตอนนี้ร็อคก็ยังคงพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักว่าที่เขารักฉันนั้นเป็นเรื่องจริง“วันนี้ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ที่พี่ทำกินได้แล้ว กลับห้องเราค่อยไปกินกันนะ” หลังจากที่รถสปอร์ตสุดหรูเคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าคณะเรียนของฉัน คนขับสุดหล่อก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเอาใจ“ได้ค่ะ อีกอย่างวันนี้พี่ก็ไม่ได้ไปทำงาน เราก็มากินด้วยกันนะคะ” ฉันยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงของโปรด แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินไอศกรีมฝีมือของเขา แต่ฉันมั่นใจว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ“ได้ครับ…ไปเข้าเรียนเถอะ” ความอ่อนโยนที่ฉันเคยอยากได้จากเขา ตอนนี้ฉันกำลังได้รับมันแล้ว“ไปนะคะ” ฉันโบกมือและกำลังจะหันไปเปิดประตูรถ“เดี๋ยว! มาหอมกันก่อนสิ” พี่ร็อครีบทวงสิทธิ์ของตัวเอง เมื่อฉันแกล้งลืมว่าตัวเองต้องทำอะไร“ขอโทษค่ะ” พูดจบฉันก็หอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาของเขา แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างพอใจของ