 LOGIN
LOGIN[ เคยไหม...? รู้สึกอยากเอาชนะใครบางคนจนแทบเป็นบ้า ]
[-พาร์ทอดีต-]
สองปีก่อน...
ฮึ้มมมม…! ฮึ้ม!!!
เฟอร์รารี่สีดำทมิฬเครื่องวีหกเทอร์โบส่งเสียงทรงพลัง ราวเสือร้ายคำรามร้องขู่เมื่อเจอคู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อ อยู่กลางสนามแข่งอันเลื่องชื่อใจกลางเมืองเชียงใหม่ซึ่งสร้างมาแล้วหลากหลายตำนานจากรุ่นสู่รุ่น และออดี้เทาเข้มแต่งเต็มลูกสูบที่เพิ่งเคลื่อนเข้ามาจอดขนาบข้างก็โต้ตอบกลับไปแบบไม่มีใครยอมใคร
“ไอ้กระจอก!” ตะวัน หนุ่มวิศวะปากร้ายพ่นคำดูแคลนผ่านกระจกที่เปิดไว้ไปยังคนในรถอีกคัน ตามด้วยส่งนิ้วกลางทักทาย พร้อมใช้ลิ้นดุนดันกระพุ้งแก้มแล้วกระตุกคิ้วเข้มด้วยท่าทางยียวนกวนบาทาเบื้องล่างขั้นสุด
ทว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าทีบันดาลโทสะหรืออยากยั่วยุอารมณ์เขาเฉกเช่นแต่ก่อน เหมือนเด็กอาชีวะต่างสถาบันผู้นั้นจะจมอยู่กับอาการมึนงงหนัก อาจเพราะแรกเริ่มเดิมทีคู่ดวลในแมตช์นี้ไม่ใช่ตะวันก็เป็นได้ ดังนั้นความมั่นใจเกินร้อยที่จะคว้าเงินเดิมพันในตอนแรกลดฮวบเกือบถึงขีดต่ำสุด
ก่อนจะพากันเบนไปสนใจเรซคิงกิตติมศักดิ์ในค่ำคืนนี้
หู้วววว…หู้วว์
“เอาละ…เอาละ” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อหยุดกองเชียร์ เขาคือ พายุ เดือนเด่นของศิลปกรรมศาสตร์ “วินาทีสำคัญมาถึงแล้ว จับตาดูความเซอร์ไพรส์ในแมตช์นี้ให้ดีนะฮะ พลาดแล้วพลาดเลย ไม่มีก๊อกสองนะ ถือว่าเตือนแล้ว”
คนขี้เล่นเดินไปรอบๆ เพื่ออวดท่าทางแสนทะเล้นตามสไตล์ แล้วจบลงด้านหน้าระหว่างรถสองคัน ปืนลูกโม่ที่เหน็บข้างถูกควักออกมาชูขึ้นฟ้าจนสุดแขนหลังได้รับสัญญาณบ่งบอกถึงเวลาสนุกเป็นการตบไฟขึ้นลงจากผู้ลงแข่ง
“พร้อมนะ สาม สอง...”
ปัง!!
ฟิ้ววว์~ ฟิ้ววว~
เกิดแบคไฟร์พุ่งออกท่อไอเสียแทบจะพร้อมกัน ล้อเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอัดเต็มที่ตั้งแต่เริ่มสตาร์ท กระชากดึงแผ่นหลังกว้างแนบชิดไปกับเบาะหนังหรูหราโดยอัตโนมัติ ดวงตาเฉี่ยวคมเป็นเอกลักษณ์หลุบมองเข็มบนหน้าปัดไมล์วูบหนึ่ง แล้วกดน้ำหนักปลายเท้าลงไปอีกชนิดที่ว่าหากมีหนูสักตัววิ่งตัดเข้ามาก็คงแบนแต๊ดแต๋ติดถนน
“หึ! คิดจะสู้กับกูเหรอ ไปตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อีกสามรอบก่อนเหอะ ไอ้สัส”
จังหวะนั้นหัวเกียร์เหล็กทรงกลมถูกตบสลับเปลี่ยน ฝ่ามือหนึ่งปัดพวงมาลัยหมุนซ้ายอย่างคล่องแคล่ว ส่วนอีกข้างเอื้อมดึงเบรกมือขึ้นโดยไม่ลังเล จนเกิดเป็นท่วงท่าพาวเวอร์สไลดิ้งขณะเข้าโค้ง ซึ่งผู้เป็นเจ้าของคอนโทรลตัวรถไปตามเส้นทางได้สวยงามราวกับจับวางเสมือนนักแข่งระดับเซียนเลยทีเดียว สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในรอบหลายสิบปีที่คนเป็นพ่อเคยทำไว้ แต่ก็ไม่เพอร์เฟกต์เท่านี้...
ขนาดพวกรุ่นเก๋าที่จับตามองอยู่ด้านบนยังแสดงสีหน้าเหลือเชื่อกันเป็นแถวๆ
เสียงฮือฮาจากผู้ชมรอบด้านเป็นเครื่องการันตีว่านี่คือเซอร์ไพรส์ที่น่าตื่นเต้นมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวต่างก็ถูกเซฟลงเครื่องมือสื่อสารนับร้อยและเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ในเวลาอันรวดเร็ว
สำคัญกว่านั้นคือไม่บ่อยมากนักหรอกนะที่จะได้เห็นทายาทมาเฟียเลือดร้อนรุ่นที่สามวาดลวดลายเต็มสปริงขนาดนี้
ด้านคู่แข่งก็ใช่ย่อย บีม พาซูเปอร์คาร์คันหรูของรุ่นพี่ในกลุ่มตีขึ้นมาสูสีได้อย่างน่าทึ่ง สองหนุ่มเหลียวมองฟาดฟันกันดุเดือด สายตาเชือดเฉือนราวคมมีดสู้รบตบมือในจินตนาการเทียบเท่ากับศึกภายนอก
ตะวันเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกดคันเร่งจมตีนในเสี้ยวนาทีสุดท้าย
เฮ้!!! ยู้...ฮู้ววว์
เอี๊ยดดดดดด....
เอี๊ยดดด...!
เสียงเบรกสะบัดดังกังวานไล่เลี่ยหลังพุ่งผ่านเส้นชัยมาหมาดๆ ซึ่งคลาดกันเพียงช่วงล้อหน้าเท่านั้นเอง
ถือว่าสมศักดิ์ศรี!
“มันต้องแบบนี้ดิวะ!” ผู้ชนะตบพวงมาลัยพึงพอใจ แล้วเปิดประตูก้าวขาลงมายืนข้างรถอย่างสง่าผ่าเผย ไม่วายปรายตาเย้ยหยันผู้พ่ายแพ้เล็กน้อย ขณะที่เสียงกรี๊ดกร๊าดยังเล็ดลอดเข้าโซนประสาทจนหูแทบดับ มือหนึ่งยกขึ้นรอรับแท็กทีมจากไอ้เด็กศิลป์ที่เดินนำเข้ามาเป็นคนแรก
แปะ!
“แม่ง! โคตรสุด” ไฟ หนุ่มแว่นแห่งนิติศาสตร์อดไม่ได้ที่ยกนิ้วหัวแม่มือยอมรับความทำถึงของเพื่อนซี้ ส่วน ม่านหมอก ไปหยุดทิ้งสะโพกพิงกระโปรงหน้าแล้วยกแขนวางพาดบนไหล่เจ้าของรถ และอีกคนรั้งท้ายตลอดทุกงานก็คือ สายลม แน่นอนว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งมีชีวิตตนใดบนโลกแม้กระทั่งเพื่อนสนิททั้งสี่ แต่ปรี่ไปสำรวจยานพาหนะแทน
“มันแน่นอนอยู่แล้ว” คนถูกชื่นชมยืดตัวพองขนไหวไหล่ขึ้นอย่างชิลเหมือนกับการแสดงเมื่อครู่มันง่ายเพียงดีดนิ้วป๊อกเดียว จากนั้นก็หันไปจูบบริเวณขอบประตูด้านบนแล้วลูบเบาๆ อย่างทะนุถนอมแฝงความภาคภูมิใจ ไม่เคยผิดหวังที่ทุ่มสุดตัวในการตั้งใจเรียนเพื่อใช้เกรดท็อปวันแลกมันมาเมื่อปีที่แล้ว...
“มึงนี่มันเหี้ยมากนะ ไอ้ตะวัน!”
น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากจากคนพาลเรียกให้ทุกสายตาหันไปจับจ้องโดยพร้อมเพรียง บีมกระแทกเท้าเข้ามาหยุดในระยะประชิด พร้อมยกมือขึ้นชี้หน้าตะวันด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“แล้วกูเคยพูดว่าเป็นคนดีเหรอ” สองมือถูกส่งเข้าไปเก็บในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกตราคาแพง ขณะหย่อนก้นลงข้างๆ ม่านหมอก
“มึงก็รวยอยู่แล้ว จะมาลงแข่งทำเหี้ยอะไรวะ”
“เรื่องของกู” เดิมพันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเน้นความสะใจเป็นหลัก
“ไอ้สัส!”
“กูให้เวลามึงแค่อาทิตย์เดียว เงินเดิมพันในคืนนี้ต้องถึงมือกูครบทุกบาททุกสตางค์” ตะวันยื่นข้อเสนอที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้ามันมีคงไม่มาลงแข่งเพื่อแลกกับเงินหลักหมื่นในครั้งนี้
“...” คนฟังสูดลมหายใจเข้าไปส่วนหนึ่งพลางกำมือที่ทิ้งข้างลำตัวแน่น
“แต่ถ้ามันยากไป...” ประโยคของผู้เหนือกว่าหยุดไว้แค่นั้น เพื่อรอคนสำคัญที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาจากทางด้านหลังคู่สนทนาและเมื่อฝีเท้าเล็กหยุดลงข้างพี่ชายตัวเองในอาการเหนื่อยหอบ แววตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม แลดูชั่วร้ายราวกับปีศาจที่จ้องจับเหยื่อก็เลื่อนไปมองเหยื่อผู้นั้น “เอาน้องมึงมาแทนไหม เดี๋ยวกูจ่ายเพิ่มให้อีกเท่าหนึ่งเลย”
เพียะ!
ครืด! ครืด!
หมัดของบีมยังชะงักอยู่กลางอากาศ เพราะใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงฟาดฝ่ามือยัยน้องซะก่อน หากแต่ไม่ทันมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นต่อจากนั้น ไอโฟนในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวสวยก็สั่นเตือน หญิงสาวละทิ้งคำด่าทอไปชั่วขณะ แล้วล้วงมันออกมาเลื่อนสไลด์รับสาย
“ชู่ว์...” ปลายนิ้วเรียวยกจ่อปากพร้อมส่งเสียงให้เงียบเมื่อเห็นว่าคนถูกตบลุกพรวดขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างเอาเรื่อง ก่อนเธอจะกรอกเสียงสุภาพลงไป “สวัสดีค่ะ”
แล้วกูต้องเม้มปากตามคำสั่งเธอทำห่าอะไร!
“อะไรวะ...” ความคิดที่ทักท้วงอยู่ในใจหลุดออกมาแผ่วเบา ตัวตึงวิศวะหันมองหน้าบุคคลในแก๊งไปมา คล้ายจะขอความคิดเห็นและได้รับเป็นการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลับมา
ส่วนบีมก็เริ่มร้อนรนอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นว่าคนคุยโทรศัพท์นิ่งเงียบไปเกือบนาที แถมสีหน้าน้องก็ไม่สู้ดีนัก
“พี่บีม เราต้องรีบไปแล้ว” น้ำเสียงตื่นตระหนกร้องบอกคนเป็นพี่หลังวางหู จากนั้นทั้งคู่ก็พากันสับเท้าไปตามทาง โดยไม่แยแสคนหัวร้อนดั่งดวงอาทิตย์ที่ตะโกนว๊ากเลยสักนิด
“เห่ย!...” มือที่ยกขึ้นหวังจะโบกเรียกจำต้องเปลี่ยนมาชี้เข้าหาตัวพลางเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย “นี่คือกูโดนตบฟรี?”
“แล้วมึงได้ตังค์ไหมล่ะ” ม่านหมอกตอบกลับเป็นคำถามแบบนิ่งๆ
“ไอ้เวร...”
“มึงด่าผู้หญิง?”
“ด่ามึง! นั่นแหละ...ไอ้เหี้ย!”

สาวน้อยนางเดียวเริ่มทำอะไรไม่ถูก รูม่านตาสีเข้มขยายกว้างอย่างตื่นตระหนก แขนขาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ สติก็ลอยหายไปกับมวลชั้นบรรยากาศแทบหมด เมื่อจู่ๆ ก็ก้าวเข้าสู่สถานการณ์เสี่ยงตายแบบไม่ทันตั้งตัวเป็นจังหวะเดียวกับพวกที่เหลือเริ่มตีวงล้อม ถามว่ามีคนผ่านไปผ่านมาไหม ก็มี...แต่น้อยมาก แค่เห็นสถานการณ์ก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายแล้ว“หน้ามึง แม่ง!…วอนโดนส้นตีนฉิบหาย” เสียงจากคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาทรงตัวได้สำเร็จ มันพุ่งเข้ากระชากคอเสื้อหนุ่มวิศวะไปประจันหน้า“แต่หน้ามึง แม่ง!…เหมือนส้นตีนฉิบหาย” ตะวันสวนกลับทันควัน พลางแสยะยิ้มยียวน ครั้นจะถามหาความหวาดหวั่นจากผู้ชายที่ชื่อภูตะวัน ก็คงจะยากหน่อย จากนั้นเขาก็ปัดมือคู่อริออกแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่“ไอ้สัส-”“แถมหน้าตัวเมียด้วย มีไรก็เคลียร์แค่กับกูดิ อย่าดึงผู้หญิงมาเกี่ยว มันดูกระจอก!” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และถ้าไม่มีใบชา พวกเขาคงไม่แค่ยืนคุยกันแบบนี้แน่...“หึ…” อีกฝ่ายกระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปให้ความสนใจบุคค
[ กล้าไหม...? ที่จะต้องตัดใครบางคนออกไป ]เจ้าของใบยุ่งเหยิงราวกับมีพายุลูกใหญ่ในอกก้มมองจี้ห้อยคอแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนมือขึ้นสัมผัสแผ่วเบา ขณะก้าวเดินไปตามทางเท้าข้างมหาวิทยาลัยเป็นเวลาหลายเดือนที่คนมอบสิ่งนี้ให้ไม่ปรากฏตัวเลย การโทรก็เว้นระยะห่างไปมาก อดคิดไม่ได้ว่าเขาตั้งใจหลบเลี่ยง เช่นเดียวกับที่เธอกำลังทำกับรุ่นพี่วิศวะจอมวุ่นวายนั่น“ทานตะวัน...?” เธอหลุดพึมพำอย่างคนเลื่อนลอย มีหลายครั้งที่เธอเผลอนึกถึงเขา นายภูตะวันแน่นอนว่ามีการตั้งสมมติฐานและเขาคือหนึ่งบุคคลที่น่าสงสัย เธอพบสิ่งผิดปกติแต่ไม่พบแกทเชื่อมโยง ความเป็นได้ก็ไม่มากพอจะปักใจเชื่อ อีกอย่างความสมเหตุสมผลแทบจะเป็นศูนย์คนที่เป็นคู่อริมีความจำเป็นอะไรต้องมาให้ความช่วยเหลือครอบครัวศัตรู บ้าไปแล้ว....คิดอะไรอยู่เนี่ยแกต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ฌาริดา!กึก!ความคิดหยุดลงกะทันหัน การเคลื่อนไหวก็ด้วย เท้าเล็กเปลี่ยนเป็นขยับถอยไปทางเดิม เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่ก
ความจริงก็แค่หวังจะใช้ชีวิตแบบสงบสุขจนกว่าจะเรียนจบเท่านั้นเอง แต่ทำไมพระเจ้าต้องส่งตัวป่วนมาด้วย กลัวหนทางแห่งความสำเร็จมันจะง่ายเกินไปสินะ!คิดแล้วพ่นลมออกปากอย่างเหนื่อยหน่าย“เหรอ เข้าใจว่าไงอะ”ประโยคแรกที่เธอจงใจเน้นย้ำกลับถูกละเลย ตะวันดันไปโฟกัสเรื่องเข้าใจผิดของคนอื่นๆ แทน“ก็เข้าใจว่าพี่มาจีบฉันไง” ขณะตอบก็แอบภาวนาให้เขาร้องโวยวายว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่แสงสว่างก็ดับวูบด้วยวลียอมรับแบบอ้อมๆ โดยไร้การไตร่ตรอง“งั้นก็ไม่ผิดนะ”“ฮะ…” ใบหน้าสวยปรับเปลี่ยนเป็นเหลอหลาพูดไม่ออก ก็มีตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นความจริงไง!“ทำไมอะ เธอก็ไม่มีแฟนนิ”นายภูตะวันอาจเป็นที่หมายปองสำหรับใครหลายคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฌาริดาอย่างแน่นอน“ไม่มีแฟน ไม่ได้แปลว่าจีบได้เนอะ กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย เพราะงั้นล้มเลิกความคิดนั้นซะ เสียเวลาเปล่า”ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่ประโยคเด็ดขาดของหญิงสาวจบลง จังหวะทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญ ใ
[ กลัวไหม...? ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มันไม่เป็นอย่างใจหวัง ]ครืด! ครืด!ใบชาเคลื่อนสายตาไปดูหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง แล้วเผยเป็นยิ้มกว้าง ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาเลื่อนสไลด์แนบหูด้วยความเร่งรีบ เหมือนเธอจะไม่อยากให้คนโทรมาต้องรอเลยสักนาที สิ่งนี้ทำให้เพื่อนรวมโต๊ะซึ่งลอบสังเกตการณ์อยู่ขมวดคิ้วสงสัย สาบานได้เลยว่าหากใครเห็นเหมือนเพลงพิณในตอนนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสาวสวยตรงหน้ากำลังมีหนุ่มแหงๆและยังไม่ทันที่เจ้าของเครื่องจะได้เอ่ยทักทาย อีกฝ่ายก็รัวคำถามใส่ราวกับเป็นผู้ปกครองท่านหนึ่ง[ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ไปกับใคร แอบเกเรเหรอ]“เปล่านะคะ ไม่ได้เที่ยวเล่นซะหน่อย ใบมาอ่านหนังสือที่หอสมุดต่างหาก”[...] เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึในคอเบาๆ“คุณอยู่ที่บ้านใบเหรอ”[อือ แวะเอาของมาให้ ฝากไว้ที่แม่ละ]“ของ...อะไรคะ” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งกับการที่เขาสรรหา
รถประจำทางใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการพาใบชามาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นแหล่งอโคจรที่เธอเพิ่งมาเมื่อคืนใบหน้าสวยหันมองซ้ายทีขวาที ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผมหางม้าที่มัดไว้ลวกๆ สะบัดไปมา เธอเห็นว่าประตูทางเข้าออกหลักมีโซ่คล้องไว้อย่างดี ก็เลยเดินเลาะไปข้างตึกอย่างถือวิสาสะ“ยัยหนู!”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก พบชายสูงวัยในชุดผู้รักษาความปลอดภัยปรี่เข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง “จะไปไหนน่ะ”“อ้อ พอดีหนูจะมาสมัครงานค่ะ” ก็ไม่ได้โกหก...แค่มีความจริงอยู่นิดหน่อย“ไม่มีใครอยู่หรอก หนูต้องมาตอนคลับเปิด”“อ้าว...เหรอคะ”“ไปๆ กลับไปก่อน”ใบชาพยักหน้าเข้าใจ พร้อมกับเดินตามคุณลุงรปภ. ออกไปด้วยความเหงาหงอย ในใจก็พานตั้งคำถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่วายหันมองตึกสูงอีกครั้ง เธอกำลังข้องใจว่าข้างบนนั้นไม่มีคนอยู่จริงเหรอ เพราะมันดูเหมือนมีห้องพักสังเกตได้จากคอยล์ร้อนของแอร์ที่ติดรายล้อมนับสิบตัวสำคัญคือบางตัวมันทำงานอยู่ด้วย...ใบชาเลือกตัดสิ่งที่
[ คิดไหม...? ว่าจะให้ใจใครบางคนโดยที่ไม่รู้แม้แต่ตัวตนของเขา @คฤหาสน์เดชาพิพักษ์พรึบ!ตะวันสะดุ้งโหยงหลังย่องเบาเข้าห้องนอนตัวเองแล้วไฟทุกดวงดันสว่างโร่ราวกับติดตั้งด้วยระบบอัตโนมัติ“มี๊...”ใบหน้าหล่อเหลาถอดสีซีดเผือดเมื่อหันไปเห็นนายหญิงผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งตระกูลเดชาพิพักษ์ ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูตอนตีสองกว่าดึกขนาดนี้ยังไม่ยอมนอน คิดดูเหอะ…ชะตาขาดแน่กู!“น้องกลับมาตั้งนานแล้ว ไอ้ลูกหมาของมี๊ไปไหนมาเหรอ”สายตาคมกริบที่ตวัดมองบวกน้ำเสียงเย็นยะเยือกเสมือนธารน้ำแข็งขั้วโลกของมารดาผู้ให้กำเนิดทำลูกกระเดือกคนถูกถามกดต่ำจากการกลืนก้อนน้ำลายลงคออึกใหญ่“ก็...ไปเล่นเกมบ้านไอ้หมอก” อึกอักตอบพลางตั้งท่าก้าวถอย เพราะหญิงสูงวัยเริ่มเขยิบเข้าหา“เหรอ?”“ครับ”“ให้ตอบอีกที” แววตาคู่นั้นส่อแววจริงจัง ตะวันรู้ในทันทีว่าถูกจับโกหกได้ และเมื่อถึงคราวจนมุม นึกอะไรไม่ออกก็เบี่ยงไปเวย์ง่วงไว้ก่อน หนุ่มเจ้าเล่ห์แสร้งอ้าปากหาวหวอดๆ“หาว....ง่วงจัง ไปนอนกันเถอะ”ช่วงขายาวขยับก้าวได้เพียงไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงักเพราะคนเป็นแม่ขยับมายืนขวางหน้า“อย่ามาเนียน”เจ้าของห้องลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบไปแบ





![[Engineering] รุ่นพี่เย็นชากับรุ่นน้องหน้าใส](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


