 LOGIN
LOGIN“อยากให้ช่วยไหม”
แคว่ก…!
ชายเสื้อเชิ้ตสีเข้มตัวยาวบนเรือนร่างอรชรที่ยืนหันหน้าเข้ากำแพงห้องน้ำโดยใช้สองแขนค้ำยันเอาไว้ในอาการหอบถี่ถูกฉีกแบบลวกๆ จนได้เศษผ้ายาวตามความต้องการของชายลึกลับผู้ซึ่งสวมแมสดำสนิทและปิดคลุมอำพรางด้วยฮู้ดตัวหนาสีเดียวกัน
“คะ…คุณ” เสียงผะแผ่วติดสั่นไหวทักท้วงในตอนที่สิ่งนั้นกลาย เป็นอุปกรณ์บดบังทัศนียภาพทั้งหมดของเธอ เดิมทีฤทธิ์ยาก็ทำลายการมองเห็นลดลงไปหลายระดับแล้ว มาบัดนี้มืดมิดราวกับคนตาบอด!
“อย่าดึงออก!”
ฝ่ามือเรียวเล็กถึงกับชะงักกึก! หลังได้รับคำสั่งเด็ดขาดที่ดักขึ้นอย่างรู้ทัน ก่อนจะลดลงไปนาบผนังเย็นเฉียบไว้ตามเดิม แล้วแอบตัดพ้ออยู่ในใจลึกๆ
ในเวลาปกติมีแค่สิทธิ์ได้เห็นแค่ดวงตาฉายแววดุดันเท่านั้น แต่นี่จะไม่ให้เห็นแม้แต่เงา…ใจร้ายเกินไปหน่อยไหม
“แต่ใบอยากเห็นคุณ…” เจ้าของบ้านเอื้อนเอ่ยอย่างคนละเมอขณะเหลียวกลับมาหาร่างกำยำที่เข้าช้อนแผ่นหลังในระยะประชิด ท่อนแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบเอวบางไว้หลวมๆ
“เธอไม่อยากเห็นหน้าฉันหรอก เชื่อสิ!” เขาโน้มใบหน้าลงกระซิบข้างใบหูด้วยเสียงแหบพร่าชวนให้ขนลุกซู่ เมื่อดวงตาคู่สวยถูกปิด แมสก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป มันร่อนกลางอากาศแล้วตกลงแถวไหนสักแห่งใกล้ๆ นั่นแหละ หากแต่เขาไม่ได้ใส่ใจ…
เช่นเดียวกับเสื้อฮู้ดตัวหรู เขารูดซิปออกและถอดมันทิ้งตรงนั้น
“คุณ…”
“หืม?” เขารอฟังเธออยู่ ทว่าไม่ละทิ้งเจตนารมณ์ กลุ่มผมลอนสีน้ำตาลคาราเมลถูกรวบไปไว้ข้างเดียวกันเผยให้เห็นต้นคอขาวเนียนล่อหน้าล่อตา ก่อนริมฝีปากหยักจะไล่พรมความร้อนไปทั่วอย่างห้ามไม่อยู่
เขาทำราวกับโหยหาเธอมากเหลือเกิน…
หญิงสาวที่เพิ่งกดกามอารมณ์ไว้ได้หมาดๆ พอถูกสัมผัสโอ้โลมจากบุรุษเพศเป็นครั้งแรกถึงกับหลุดครางฮือ จุดติดง่ายจนเจ้าตัวยังตกใจ ความวาบหวามแล่นกลับคืนเข้าสู่โซนประสาทภายในเวลาอันรวดเร็ว ถึงแม้ภาพตรงหน้าจะเป็นจอดำ แต่ยังรับรู้ได้จากความรู้สึก และทุกครั้งที่ริมฝีปากหยักขบเม้มซ้ำๆ มักเกิดเอฟเฟกต์กับร่างกายจนสั่นสะท้านเธอเผลอจิกปลายเท้าไปกับพื้นกระเบื้องแน่นเพื่อกดบางอย่างที่วิ่งพล่านคล้ายกำลังหาทางออก
และเธอไม่รู้วิธีจัดการกับมัน!
“แบบนี้มัน…อึดอัด” กัดปากพูดอย่างเสียวซ่าน เพราะอีกฝ่ายเล่นเล้าโลมไม่พัก ความร้อนไหลไปรวมอยู่ทุกจุดที่ฝ่ามือหนาลากผ่าน แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นก็ไม่ช่วยให้มันทุเลาลงเลย
“ไม่ไหวแล้วเหรอ” ว่าแล้วลากปลายจมูกโด่งลงมาคลอเคลียบริเวณลาดไหล่ พร้อมกับทรวดทรงองค์เอวปรากฏเด่นชัดต่อสายตาเมื่อเขาเป็นคนปลดกระดุมเชิ้ตและดึงมันลงเองกับมือ
จังหวะนั้นคนถามยังได้คำตอบเป็นการกดค้างลงเนิบนาบ เลือดในกายสาวสูบฉีดร้อนรุ่มจวนจะหลุดควบคุมเต็มที สติอันน้อยนิดเริ่มเลือนหายแทบจะไม่เหลือ เมื่อความต้องการพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดคนสวยก็ละทิ้งซึ่งยางอาย มิหนำซ้ำยังรับรู้ถึงความแข็งขืนภายใต้กางเกงยีนส์ราคาแพง ที่เขาจงใจกดลงมาทักทายบั้นท้ายกลมกลึง
เพราะงั้นความไม่ไหวทั้งสองฝ่ายเท่าเทียม ไม่ใช่แต่เธอเพียงผู้เดียว
ชายปริศนาใช้มือประคองใบหน้าเปียกชื้นจากที่เธอประโคมน้ำล้างเพื่อเรียกสติเมื่อไม่กี่นาทีก่อนให้เอี้ยวกลับมารับจูบแสนเร่าร้อนตั้งแต่สัมผัสแรก อวัยวะอ่อนนุ่มแทรกเข้าฉกชิมความหวานล้ำที่ไม่เคยมีชายใดได้ลิ้มลองรส
ซึ่งเขาก็มั่นใจมากว่าเป็นแบบนั้น เพราะหลายปีที่แอบเฝ้ามองและทะนุถนอมมา เขาคอยกันบรรดาตัวผู้อยู่ตลอดโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลย
ท้องนิ้วโป้งถูกใช้แทนกระดาษทิชชูเพื่อปาดเช็ดน้ำลายหยาดเยิ้มบนริมฝีปากบวมเจ่อ หลังถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง
“พ้นคืนนี้ไป เธอเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ ฌาริดา”

สาวน้อยนางเดียวเริ่มทำอะไรไม่ถูก รูม่านตาสีเข้มขยายกว้างอย่างตื่นตระหนก แขนขาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ สติก็ลอยหายไปกับมวลชั้นบรรยากาศแทบหมด เมื่อจู่ๆ ก็ก้าวเข้าสู่สถานการณ์เสี่ยงตายแบบไม่ทันตั้งตัวเป็นจังหวะเดียวกับพวกที่เหลือเริ่มตีวงล้อม ถามว่ามีคนผ่านไปผ่านมาไหม ก็มี...แต่น้อยมาก แค่เห็นสถานการณ์ก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายแล้ว“หน้ามึง แม่ง!…วอนโดนส้นตีนฉิบหาย” เสียงจากคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาทรงตัวได้สำเร็จ มันพุ่งเข้ากระชากคอเสื้อหนุ่มวิศวะไปประจันหน้า“แต่หน้ามึง แม่ง!…เหมือนส้นตีนฉิบหาย” ตะวันสวนกลับทันควัน พลางแสยะยิ้มยียวน ครั้นจะถามหาความหวาดหวั่นจากผู้ชายที่ชื่อภูตะวัน ก็คงจะยากหน่อย จากนั้นเขาก็ปัดมือคู่อริออกแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่“ไอ้สัส-”“แถมหน้าตัวเมียด้วย มีไรก็เคลียร์แค่กับกูดิ อย่าดึงผู้หญิงมาเกี่ยว มันดูกระจอก!” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และถ้าไม่มีใบชา พวกเขาคงไม่แค่ยืนคุยกันแบบนี้แน่...“หึ…” อีกฝ่ายกระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปให้ความสนใจบุคค
[ กล้าไหม...? ที่จะต้องตัดใครบางคนออกไป ]เจ้าของใบยุ่งเหยิงราวกับมีพายุลูกใหญ่ในอกก้มมองจี้ห้อยคอแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนมือขึ้นสัมผัสแผ่วเบา ขณะก้าวเดินไปตามทางเท้าข้างมหาวิทยาลัยเป็นเวลาหลายเดือนที่คนมอบสิ่งนี้ให้ไม่ปรากฏตัวเลย การโทรก็เว้นระยะห่างไปมาก อดคิดไม่ได้ว่าเขาตั้งใจหลบเลี่ยง เช่นเดียวกับที่เธอกำลังทำกับรุ่นพี่วิศวะจอมวุ่นวายนั่น“ทานตะวัน...?” เธอหลุดพึมพำอย่างคนเลื่อนลอย มีหลายครั้งที่เธอเผลอนึกถึงเขา นายภูตะวันแน่นอนว่ามีการตั้งสมมติฐานและเขาคือหนึ่งบุคคลที่น่าสงสัย เธอพบสิ่งผิดปกติแต่ไม่พบแกทเชื่อมโยง ความเป็นได้ก็ไม่มากพอจะปักใจเชื่อ อีกอย่างความสมเหตุสมผลแทบจะเป็นศูนย์คนที่เป็นคู่อริมีความจำเป็นอะไรต้องมาให้ความช่วยเหลือครอบครัวศัตรู บ้าไปแล้ว....คิดอะไรอยู่เนี่ยแกต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ฌาริดา!กึก!ความคิดหยุดลงกะทันหัน การเคลื่อนไหวก็ด้วย เท้าเล็กเปลี่ยนเป็นขยับถอยไปทางเดิม เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่ก
ความจริงก็แค่หวังจะใช้ชีวิตแบบสงบสุขจนกว่าจะเรียนจบเท่านั้นเอง แต่ทำไมพระเจ้าต้องส่งตัวป่วนมาด้วย กลัวหนทางแห่งความสำเร็จมันจะง่ายเกินไปสินะ!คิดแล้วพ่นลมออกปากอย่างเหนื่อยหน่าย“เหรอ เข้าใจว่าไงอะ”ประโยคแรกที่เธอจงใจเน้นย้ำกลับถูกละเลย ตะวันดันไปโฟกัสเรื่องเข้าใจผิดของคนอื่นๆ แทน“ก็เข้าใจว่าพี่มาจีบฉันไง” ขณะตอบก็แอบภาวนาให้เขาร้องโวยวายว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่แสงสว่างก็ดับวูบด้วยวลียอมรับแบบอ้อมๆ โดยไร้การไตร่ตรอง“งั้นก็ไม่ผิดนะ”“ฮะ…” ใบหน้าสวยปรับเปลี่ยนเป็นเหลอหลาพูดไม่ออก ก็มีตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นความจริงไง!“ทำไมอะ เธอก็ไม่มีแฟนนิ”นายภูตะวันอาจเป็นที่หมายปองสำหรับใครหลายคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฌาริดาอย่างแน่นอน“ไม่มีแฟน ไม่ได้แปลว่าจีบได้เนอะ กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย เพราะงั้นล้มเลิกความคิดนั้นซะ เสียเวลาเปล่า”ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่ประโยคเด็ดขาดของหญิงสาวจบลง จังหวะทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญ ใ
[ กลัวไหม...? ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มันไม่เป็นอย่างใจหวัง ]ครืด! ครืด!ใบชาเคลื่อนสายตาไปดูหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง แล้วเผยเป็นยิ้มกว้าง ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาเลื่อนสไลด์แนบหูด้วยความเร่งรีบ เหมือนเธอจะไม่อยากให้คนโทรมาต้องรอเลยสักนาที สิ่งนี้ทำให้เพื่อนรวมโต๊ะซึ่งลอบสังเกตการณ์อยู่ขมวดคิ้วสงสัย สาบานได้เลยว่าหากใครเห็นเหมือนเพลงพิณในตอนนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสาวสวยตรงหน้ากำลังมีหนุ่มแหงๆและยังไม่ทันที่เจ้าของเครื่องจะได้เอ่ยทักทาย อีกฝ่ายก็รัวคำถามใส่ราวกับเป็นผู้ปกครองท่านหนึ่ง[ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ไปกับใคร แอบเกเรเหรอ]“เปล่านะคะ ไม่ได้เที่ยวเล่นซะหน่อย ใบมาอ่านหนังสือที่หอสมุดต่างหาก”[...] เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึในคอเบาๆ“คุณอยู่ที่บ้านใบเหรอ”[อือ แวะเอาของมาให้ ฝากไว้ที่แม่ละ]“ของ...อะไรคะ” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งกับการที่เขาสรรหา
รถประจำทางใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการพาใบชามาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นแหล่งอโคจรที่เธอเพิ่งมาเมื่อคืนใบหน้าสวยหันมองซ้ายทีขวาที ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผมหางม้าที่มัดไว้ลวกๆ สะบัดไปมา เธอเห็นว่าประตูทางเข้าออกหลักมีโซ่คล้องไว้อย่างดี ก็เลยเดินเลาะไปข้างตึกอย่างถือวิสาสะ“ยัยหนู!”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก พบชายสูงวัยในชุดผู้รักษาความปลอดภัยปรี่เข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง “จะไปไหนน่ะ”“อ้อ พอดีหนูจะมาสมัครงานค่ะ” ก็ไม่ได้โกหก...แค่มีความจริงอยู่นิดหน่อย“ไม่มีใครอยู่หรอก หนูต้องมาตอนคลับเปิด”“อ้าว...เหรอคะ”“ไปๆ กลับไปก่อน”ใบชาพยักหน้าเข้าใจ พร้อมกับเดินตามคุณลุงรปภ. ออกไปด้วยความเหงาหงอย ในใจก็พานตั้งคำถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่วายหันมองตึกสูงอีกครั้ง เธอกำลังข้องใจว่าข้างบนนั้นไม่มีคนอยู่จริงเหรอ เพราะมันดูเหมือนมีห้องพักสังเกตได้จากคอยล์ร้อนของแอร์ที่ติดรายล้อมนับสิบตัวสำคัญคือบางตัวมันทำงานอยู่ด้วย...ใบชาเลือกตัดสิ่งที่
[ คิดไหม...? ว่าจะให้ใจใครบางคนโดยที่ไม่รู้แม้แต่ตัวตนของเขา @คฤหาสน์เดชาพิพักษ์พรึบ!ตะวันสะดุ้งโหยงหลังย่องเบาเข้าห้องนอนตัวเองแล้วไฟทุกดวงดันสว่างโร่ราวกับติดตั้งด้วยระบบอัตโนมัติ“มี๊...”ใบหน้าหล่อเหลาถอดสีซีดเผือดเมื่อหันไปเห็นนายหญิงผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งตระกูลเดชาพิพักษ์ ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูตอนตีสองกว่าดึกขนาดนี้ยังไม่ยอมนอน คิดดูเหอะ…ชะตาขาดแน่กู!“น้องกลับมาตั้งนานแล้ว ไอ้ลูกหมาของมี๊ไปไหนมาเหรอ”สายตาคมกริบที่ตวัดมองบวกน้ำเสียงเย็นยะเยือกเสมือนธารน้ำแข็งขั้วโลกของมารดาผู้ให้กำเนิดทำลูกกระเดือกคนถูกถามกดต่ำจากการกลืนก้อนน้ำลายลงคออึกใหญ่“ก็...ไปเล่นเกมบ้านไอ้หมอก” อึกอักตอบพลางตั้งท่าก้าวถอย เพราะหญิงสูงวัยเริ่มเขยิบเข้าหา“เหรอ?”“ครับ”“ให้ตอบอีกที” แววตาคู่นั้นส่อแววจริงจัง ตะวันรู้ในทันทีว่าถูกจับโกหกได้ และเมื่อถึงคราวจนมุม นึกอะไรไม่ออกก็เบี่ยงไปเวย์ง่วงไว้ก่อน หนุ่มเจ้าเล่ห์แสร้งอ้าปากหาวหวอดๆ“หาว....ง่วงจัง ไปนอนกันเถอะ”ช่วงขายาวขยับก้าวได้เพียงไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงักเพราะคนเป็นแม่ขยับมายืนขวางหน้า“อย่ามาเนียน”เจ้าของห้องลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบไปแบ








