LOGINติ้งงงง~
ลิฟต์เลื่อนมาหยุดที่ชั้นสามสิบ เมื่อก้าวเท้าออกจากลิฟต์ บีลีฟก็รู้สึกวิตกกังวลว่าจะผ่านแปดชัวโมงในการทำงานนี้ไปยังไง เธอเดินออกมาแล้วมาหยุดหน้าประตูห้องทำงานของพายุ สูดใจเข้าลึกๆ เพื่อผ่อนคลายความกังวลของตัวเอง ก่อนที่มือบางจะดันประตูเข้าห้องไป เมื่อเข้ามาในห้องทำงานพายุ ภายในห้องยังมืดสนิทเครื่องปรับอากาศยังไม่ถูกเปิดใช้งานอีกทั้งพายุก็ไม่อยู่ในห้องนี้ “เอ้า ถ้ายังไม่มาแล้วโทรตามทำไมเนี่ย”บีลีฟบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เธอประหลาดใจเล็กน้อยที่มันไม่ได้ตรงกับที่เธอคิดไว้ว่าเขาจะแกล้งให้เธอรีบมาเร็วแต่เธอก็ไม่ได้สนใจนัก เดินเข้าไปเปิดไฟ เปิดเครื่องปรับอากาศ และไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั่งทำงานของตัวเองไป พายุเดินเข้าห้องทำงานมาทีหลังจากบีลีฟเข้ามาได้สิบนาที เขาเปิดประตูเข้ามาด้วยความหงุดหงิด ทันทีที่เข้าห้องมาก็พุ่งตรงมาที่โต๊ะทำงานบีลีฟ “คุณ ฉันว่าจะทำวิจัยฝึกงานเรื่อง…อื้อออ” ยังไม่ทันที่บีลีฟจะพูดอะไรต่อ มือหนาของพายุดึงตัวบีลีฟขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วก็ลากมาที่โต๊ะทำงานของเขาเอง จับให้เธอนอนราบไปกับโต๊ะ มือข้างหนึ่งบีบไหล่มนเธอไว้แน่น อีกข้างขย้ำหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอไปพร้อมๆกัน “เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ” “ใครใช้ให้เธอขัดคำสั่งฉัน ฉันบอกว่าจะไปรับเธอก็คือไปรับเธอ แล้วฉันโทรหาเธอก็ไม่รับโทรศัพท์ฉันอีก ปล่อยให้ฉันรอเธอเป็นชั่วโมง แบบนี้มันใช้ได้เหรอ แล้วยังให้คนอื่นมาส่งอีกด้วย เธอกล้าดียังไงมาขัดใจฉัน”พายุตวาดลั่นด้วยความไม่พอใจ เขาเอาแต่ใจ เขาไม่ชอบรอใครและไม่ชอบคนที่ขัดใจหรือขัดคำสั่ง ทุกคนต้องทำตามความต้องการของเขาเท่านั้น “ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่อยากมากับคุณ วันนี้ฉันให้เพื่อนมาส่ง คุณจะอะไรนักหนากับเรื่องแค่นี้ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตฉันขนาดนี้ จะให้มารับมาส่งมันก็เรื่องของฉัน ฉันไม่อยากให้คุณมารับมันก็เรื่องของฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉันอีกนั่นแหละ อย่าสาระแนให้มาก ฉันยอมทำตามคำสั่งคุณแค่ในเวลางานเท่านั้น นอกนั้นเราต่างคนต่างอยู่” “แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน!” “ไอ้บ้า ปล่อย!”บีลีฟพยายามดีดดิ้นแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ “เธอรู้อะไรไหมว่าการที่เธอทำแบบนี้ เธอขัดใจฉัน มันทำให้ฉันโมโหมาก แล้วถ้าฉันโมโหเนี่ยฉันทำให้เธอไม่ผ่านการฝึกงานได้นะ” “เหรอ คิดว่าขู่แค่นี้แล้วจะกลัวเหรอ งั้นก็ทำเลย คิดว่าฉันอยากทำงานกับคุณมากมั้ง ที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้พอใจเท่าไรหรอก ทำได้ก็ทำเลย เร็วๆด้วยนะอยากไปจากที่นี่ใจจะขาดแล้ว” “หึ”พายุครางในลำคอเบาๆ ก่อนจะปล่อยบีลีฟให้เป็นอิสระ เขาเดินมาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงานเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ บีลีฟจึงลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยและจะเดินไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง “เธอคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าจะจบแค่นี้เหรอ ฉันมีอำนาจมากพอที่จะแบนเธอได้ ถึงเธอจะไม่ได้ฝึกงานกับฉันต่อ แต่ก็จะไม่มีที่ไหนรับเธอเข้าทำงานด้วย หรือแม้แต่มหา’ลัยเธอ ถ้าฉันไม่พอใจเธอฉันสามารถยกเลิกทุนทั้งหมดที่พ่อฉันให้มหาลัยเธอได้และจะเรียกเงินคืนจากเด็กพวกนั้นด้วย บ้านเธอค่อนข้างมีฐานะ เธอคงไม่ต้องการเงินพวกนี้สินะ แต่คนที่เขาต้องการใช้เงินก็ต้องมาซวยเพราะเธอคนเดียวเนี่ยนะและอีกอย่างพ่อแม่ของเธอก็คงซวยไปอีกคน บริษัทที่พ่อเธอสร้างมามากกว่าสามสิบปี ฉันสามารถทำให้มันหายไปได้ในพริบตาเดียวเลยนะ คิดดูสิบีลีฟ เธอคนเดียวจะทำซวยทั้งจักรวาลเลยนะ” บีลีฟหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดในเชิงข่มขู่ของพายุ เธอหันมาส่งสายตาหาพายุในเชิงตำหนิ แต่ก็ได้กลับมาเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แสดงออกมา มันทำให้เธอยิ่งโกรธมากขึ้นและเดินกลับมาหาเขาที่โต๊ะ“เป็นบ้าอะไรอีก ต้องการอะไรอีก” “ไม่ได้ต้องการอะไร เป็นประโยคบอกเล่า อยากไปก็ไปซิ ไปเลย!” บีลีฟพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเคือง คำพูดของพายุในเชิงประชดประชันและคำขู่มันเป็นการบังคับเธออยู่ดีว่าเธอไม่สามารถไปไหนได้“แปลว่าฉันต้องยอมคุณสินะ คุณต้องการอะไรจากฉันก็ว่ามา” “ทำตามคำสั่งฉันทุกอย่าง เริ่มจากอมให้ฉันจนกว่าฉันจะอารมณ์ดีขึ้น” “ไม่ มันเกี่ยวอะไรกัน”บีลีฟส่ายใบหน้าไปมากับคำสั่งลามกของพายุ หากว่าแค่ทำงานหรือทำตามคำสั่งอย่างอื่นมันคงไม่ยากเท่าไร แต่เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยว่ามันจะเกิดขึ้นอีก “ก็แล้วแต่นะ ถ้าเธอเห็นแก่ตัว ที่พูดไปไม่ได้บังคับหรอกนะ มันอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้แล้วแต่อารมณ์ฉัน แต่ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีเท่าไร เธอว่าฉันจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ” “ก็ได้ ฉันยอมก็ได้”บีลีฟจำใจตอบตกลงไปเพราะไม่อยากให้ใครมาได้รับผลกระทบไปด้วย พายุแสยะยิ้มกว้างเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปตามความต้องการของเขา “ถ้าฉันเซ็นเอกสารทั้งสามที่เธอให้ฉันมาให้เธอไป เมื่อลายเซ็นฉันมันไปอยู่ในนั้นแล้ว แปลได้โดยอัตโนมัติว่าฉันเป็นหัวหน้างานเธอโดยสมบูรณ์และต่อจากนี้เธอต้องทำตามคำสั่งฉันโดยที่เธอเป็นคนเต็มใจทำมันเอง ตกลงไหม” “อือ”บีลีฟครางในลำคอแทนการลั่นวาจาพลางยกมือมาเขี่ยน้ำตาที่หางตาออกไป พายุหยิบเอกสารบันทึกการฝึกงานของบีลีฟขึ้นมาและหยิบปากการาคาแพงตวัดเขียนลายเซ็นตัวเองลงไปในเอกสารนั้น เขาวางปากกาลง ปิดเอกสารเอาไว้อย่างเดิมและเก็บมันไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะ ถอดสูท ปลดเนคไท ปลดสายเข็มขัดและค่อยๆถอดกางเกงและกางเองชั้นในออก บีลีฟลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เธอปาดน้ำตาตัวเองออกไปอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดที่ทำอะไรกับคนอย่างพายุไม่ได้ เธอค่อยๆนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเก้าอี้ที่พายุนั่งอยู่และมองไปที่กลางหว่างขาของเขา “ทำไม่เป็น”น้ำเสียงห้วนปนสะอื้นไห้บอกออกไป “ไม่เป็นไรค่อยๆเรียนรู้กันไป ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ค่อยๆทำเดี๋ยวก็ทำได้เอง ไม่งั้นมันคงไม่มีการฝึกงานที่ทำให้เธอต้องมาเรียนรู้การทำงานเพื่อไปใช้ในชีวิตจริงหรอก ทำไม่ได้ก็แค่ต้องทำบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็เป็นเอง นี่ก็เหมือนกัน”พายุแสยะยิ้มชั่วร้าย มือหนาลูบไปที่ศีรษะเธอ สางผมเธอแล้วสอดนิ้วเรียวยาวไปขยุ้มกลุ่มผมดกดำของเธอ จับให้เข้ามาใกล้ส่วนนั้นของเขามากขึ้น การเปรียบเทียบของพายุไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นสักเท่าไรแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ มีเพียงแค่ใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจออกไปเท่านั้น “เริ่มจากลองเลียมันดูก่อนสิ” บีลีฟสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง กลั้นใจขยับเข้าไปใกล้ๆมากขึ้น ก่อนที่จะค่อยๆใช้ลิ้นตวัดโลมเลียไปที่แก่นกายขนาดใหญ่สองสามครั้ง เพียงแค่นี้ก็ทำให้แก่นกายขนาดใหญ่ผงาดแข็งชันโรงพยาบาลเอกชน“ย้องหยอ (น้องเหรอ)”แพคทริคชี้ไปที่หน้าจอแสดงผลอัลตร้าซาวด์สี่มิติด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้บีน่า“ย้องดุ๊กดิ๊ก (น้องดุ๊กดิ๊ก)”น้ำเสียงดี๊ด๊าของบีน่าชวนให้บีลีฟและพายุเอ็นดู เด็กน้อยทำตามที่เห็นพัตเตอร์ดิ้น มือน้อยจับใบหน้าพายุให้ตั้งใจดูในจอมากกว่ามองหน้าเธอ“ตอนนี้น้องแข็งแรงดีครับ”นายแพทย์หนุ่มรายงานไปพลางยิ้มให้สองแฝดไปพลาง เด็กๆทั้งสองคุยกันหัวเราะคิกคัก อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามกับความน่ารัก “ท้องนี่จะผ่าหรือจะคลอดเองครับ”“ลองคลอดเองค่ะ”บีลีฟตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“จะมีอีกไหมครับเนี่ย เด็กๆน่ารักดีนะครับ”“หมออย่าชี้นำนะคะ ว่าจะปิดอู่แล้วค่ะ”“น่าเสียดาย ผมว่าน่าจะมีอีก”“เฮียซื้อหมอมาเท่าไรเนี่ย”ปรึกษาเรื่องเด็กในครรภ์จนสนิทกับนายแพทย์หนุ่ม มิวายหยอกล้อกับเขาด้วยความสนิทสนม“แหม ผมก็เชียร์เผื่อว่าจะใจอ่อน”“ห้องทำหมันไปทางไหนเหรอคะ”“แสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณพายุน่าจะหมดหวังแล้ว”นายแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น เขาเก็บเครื่องอัลตร้าซาวน์ เมื่อทุกคนดูทารกในครรภ์จนพอใจ ช่วยเดินเรื่องทำหมันให้พายุต่อไปบีลีฟลุกจากเตียงอุ้มแพคทริคกับบีน่าพร้อมกันสองคน คนเป็นแม่แข็งแรงข
วันต่อมาสนามบิน“เดินทางปลอดภัย โชคดีนะมึง ถึงแล้วก็โทรบอกด้วย”พายุตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ในวันที่ต้องจากลากันอีกครั้ง โดยพายุก็พาคนในครอบครัวมาส่งครอบครัวเดวิดตามที่เคยบอกไว้“เออ”“โจ้กดี(โชคดี)”บีลีฟจับมือบีน่าให้โบกมือลาและส่งยิ้มหวานให้ทุกคน เจนนิสจึงเข้ามาจับมือน้อยๆของบีน่าหอมส่งท้าย“เดินทางปลอดภัยนะคะพี่เจน”“จ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะ”“โตวันโตคืนนะไอ้หลานรักทั้งสอง”เดวิดลูบศีรษะบีน่าอวยพรหลานสาวก่อนจะมาลูบศีรษะแพคทริคก็เห็นว่าแพคทริคหน้าดูเศร้าๆ ไม่ต่างจากเคลีสที่ยืนคุยเล่นกับแพคทริคอยู่“แด๊ดครับเคย์จะได้เล่นกับน้องอีกไหม เคย์อยากเล่นกับน้องน่า น้องแพค เคย์ก็อยากเล่นยิงปะ….อื้อ”“เคย์ปากไปเปื้อนอะไรมาเนี่ย คราวหลังกินอะไรระวังๆนะ เราโตแล้วนะลูก”เดวิดรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาทำทีว่าเช็ดปากเคลีสพลางมองหน้าพายุอย่างเลิ่กลั่ก พายุเองก็ยิ้มแห้ง“ได้เล่นกับน้องแน่เดี๋ยวปีหน้าจะพาไปเยี่ยมให้มาเล่นกันอีก ได้เจอกันทุกปีแหละไม่ต้องห่วง”เด็กน้อยทั้งสองเมื่อได้ยินที่พายุพูดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมา“จิงหย๋อแพะจาด้ายเย่น…..(จริงหรอแพคจะได้เล่น…)”“ได้เล่นครับๆ ….มึงไปได้แล้ว โช
หลายวันต่อมา“ยุงนินมาจ๋าย” แพคทริคชะเง้อคอมองหาธนินอยู่หน้าประตูตามผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ ทำท่ามองนาฬิกาข้อมือตรงแขนซ้ายตาม ธนินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจากที่นัดกันไว้ทำพายุหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกชายมายืนรอข้างๆทำท่าทางเลียนแบบตามกลับอารมณ์ดีขึ้นมา นับวันเขายิ่งหลงลูกมากขึ้นพายุเดินจูงมือแพคทริคมานั่งเล่นของเล่นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อรอธนิน“หักเงินเดือนดีไหมครับแพค”“หะเงินเยือนคืออะไยหย๋อ(หักเงินเดือนคืออะไรเหรอ)” แพคทริคเอียงคอตาแป๋วมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย“คือถ้าลุงนินโดนหักเงินเดือนแปลว่าลุงนินก็จะไม่มีเงินไปกินขนม ไม่มีเงินไปซื้อของเล่นแบบที่หนูมี”“หย๋อ น่าจ๋งจ๋าน(เหรอ น่าสงสาร)”“แมะจูยี่ (แม่ดูนี่)”เป็นเสียงของบีน่าที่ถือตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดเดินเตาะแตะลงมาถึงสองขั้นสุดท้ายของบันไดกับบีลีฟ แล้วค่อยๆสไลด์ก้นลงบันไดมา โดยมีบีลีฟจับสองมือไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แพมเพิสเทอะทะรองรับก้นที่กระแทกพื้นได้อย่างดี เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าทำบีลีฟส่ายใบหน้าไปมากับความก๋ากั่นของลูกสาว “เจ้าแสบเล็ก ทำไมไม่ลงมาดีๆ”“เจินไม่ทาหนัด (เดินไม่ถนัด)” บีน่าลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เข้ามาปีนป่า
“เจ้นกัน~(เต้นกัน)”บีน่าชูมือขึ้นโบกไปมาเมื่อถูกบีลีฟอุ้มเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่มีเสียงดนตรีคลอเบาๆหลังจากงานตอนเช้าที่พิธีเสร็จไปโดยสมบูรณ์แบบ พายุและบีลีฟได้พักผ่อนมาเรียบร้อย ในตอนเย็นมีงานฉลองมงคลสมรสต่อที่โรงแรมเดิม“อยากเต้นเหรอคะ”บีน่าพยักหน้าและยิ้มแฉ่งเป็นคำตอบ“เดี๋ยวโตมาแม่จะสอนเต้นเวลาไปผับนะ จะสอนวิธีเอาตัวรอดจากผู้ชายแบบพ่อด้วย ฮ่าๆๆๆ”บีลีฟหัวเราะอย่างทะเล้น บีน่าถึงแม้ไม่เข้าใจความหมายที่สื่อแต่ก็หัวเราะตาม“หยุดเลยไม่ต้องพาลูกแรดนะ”“ทีเฮียยังอยากให้ลูกเป็นเหมือนเฮียเลย”“ช่าย~”แพคทริคในอ้อมแขนของพายุตอบ พลางยกมือทำเป็นสัญลักษณ์รูปปืนตามที่พายุเคยทำให้ดูทุกวัน “ปิ้วๆ~”ทั้งคู่จึงลูบศีรษะลูกน้อยด้วยเอ็นดู“ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะเหมือนเราไหม แต่เมื่อเขาโตขึ้นเราจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับลูกอีกคนหนึ่งเนอะให้เขาปรึกษาเราได้ทุกเรื่องไม่ว่าเขาจะอยากเป็นอะไร”บีลีฟสบตากับพายุด้วยความเชื่อมั่นว่าพายุสามารถทำตามที่พูดได้ซึ่งเธอก็คิดไม่ต่างจากเขา ก่อนที่บีลีฟจะเลื่อนสายตากลับมามองบีน่า“และหากบีน่าต้องต้องการเพื่อนไปแอ้วผู้แม่ก็จะไปเป็นเพื่อน โอเคไหมคะ”“ตัวแสบ!”พาย
เมื่อบทรักสุดเร่าร้อนจบลงพายุหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำรักสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนแก่นกายของตัวเองลวกๆก่อนจะเช็ดร่องสวาทและโคนขาอ่อนให้แฟนสาว “อ๊าา จะทำตัวเป็นผัวที่ดีเหรอคะ”เธอทำหน้าเหยเก กัดริมฝีปากตัวเบาๆ เมื่อพายุใช้นิ้วสอดเข้าไปทำความสะอาดข้างในให้“ผัวที่ดีเป็นอยู่แล้วและเดี๋ยวจะอาบน้ำให้ด้วย แต่เดี๋ยวขอเลียขอเอาให้สะใจก่อน”“พักก่อนได้ไหม เฮียไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลีฟพักเลย เดี๋ยวไม่มีแรงข้าวก็ไม่ได้กิน”“จะบอกว่าอาหารมาเกือบเที่ยงคืน ที่ล่อลวงลีฟให้รีบมาเร็วๆเพราะจะกินลีฟรองท้องก่อน”“เจ้าเล่ห์”ใบหน้าชายหนุ่มเหยเกเมื่อแฟนสาวหยิกแก้มเบาๆด้วยความหมั่นไส้“ระหว่างรออาหารและรอลีฟพักขอดูดนมรอนะ”ไม่รอให้บีลีฟตอบอะไรกลับก็เข้าไปสอดแขนกอดล็อกตัวเธอไว้ในท่าตะแคงข้าง ซุกไซ้กลางอกของเธอ ปลายลิ้นตวัดละเลงยอดปทุมถันที่แดงระเรื่อ “อ๊าาา ชอบจัง”ขาก่ายพายุโดยอัตโนมัติ มือบางลูบศีรษะชายหนุ่มเป็นการบอกทางร่างกายอีกอย่างว่าชอบที่เขาทำ อีกมือช่วยชักรูดแก่นกายให้เขาไปด้วย “เสียวเหมือนกัน”ว่าจบก็กลับมาดูดดึงยอดปทุมถันเสียงดัง พลิกตัวนอนหงายศีรษะพิงหมอนที่วางหนุนตรงหัวเตียง ให้บีลีฟขึ้นมาคร่อมบนตั
เมื่อด้านนอกมืดลง สองหนุ่มสาวก็เข้าบ้านพักอีกหลังมาอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ได้มาเที่ยวทั้งทีพายุก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนตอนก่อนมีลูก อยากดื่มอยากสังสรรค์กันสองคนเพราะตอนเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยได้หวานกันเท่าไร เลยถือโอกาสนี้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ เปลี่ยนสถานที่ให้ดูมีความโรแมนติกขึ้นมาเล็กน้อย โดยบนโต๊ะอาหารยังไม่มีอาหาร มีเพียงจานสองจานที่มีที่ครอบทึบครอบไว้ด้านลูกน้อยทั้งสองก็เลี้ยงง่าย อาบน้ำเสร็จก็ทานนม หลับไปเรียบร้อย จะมีก็แต่พี่เลี้ยงของเขาทั้งสามที่ยังคอยดูแลเผื่อตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วงอแง “ลีฟ เมธีไลน์มาบอกว่าลูกหลับเรียบร้อยแล้วนะ ไม่เห็นเราเขาก็ไม่งอแงด้วย”ทันทีที่บีลีฟลงมาจากชั้นสองพายุก็หยัดกายลุกจากโซฟาเข้าไปหาเธอที่โต๊ะอาหาร สำรวจการแต่งตัวแฟนสาว เธอสวมชุดเดรสสั้นสีแดงโชว์แผ่นหลังขาวเนียน มือหนาของพายุเข้าไปลูบไล้โดยอัตโนมัติ บีลีฟก็ให้ความสนใจแฟนหนุ่มที่แต่งตัวมาหล่อเนี๊ยบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองบนเม็ด แผงอกแกร่งดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก“จริงๆชวนลูกมาด้วยก็ได้ไม่เห็นเป็นไร ไม่อยากรบกวนคนอื่นตอนกลางคืนอยากนอนกอดลูก เห็นทีเฮียจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้ลูกน้องนะ ใช้

![สิงขร [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





