มือหนาคว้าหญิงสาวที่ล้มพับไปต่อหน้าต่อตาได้ทัน“หึ ก็ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไรนะ”พายุรีบช้อนตัวบีลีฟขึ้น อุ้มเธอในท่าเจ้าสาวออกไปจากห้องลับนี้และพาไปยังห้องนอนตัวเองในคาสิโน ก่อนที่เขาจะเป็นคนปฐมพยาบาลให้เธอเองปล่อยให้เธอนอนพักไป
ครืด~ ครืด~ “…” ร่างเล็กรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ปรือตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย พยายามลืมตาขึ้นแต่ลืมได้ไม่มาก เธอนวดขมับตัวเองอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าวิงเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อย เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานจนมันเงียบไป เธอกวาดสายตามองหากระเป๋าสะพายข้างก็พบว่ามันวางอยู่ตรงหัวเตียง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ามาเปิดดูปรากฏชื่อตรงหน้าจอ วิฬาร์ อาจารที่ปรึกษาของเธอ เธอจึงกดโทรกลับไป รอสายไม่นานปลายสายก็รับ (ฮัลโหล บีลีฟว่างอยู่ไหมสะดวกคุยกับอาจารย์สักครู่ไหมลูก) “สะดวกค่ะ” (อาจารย์ได้ยินมาว่าคุณพายุเรียกตัวหนูไปฝึกงานด้วยเหรอ อาจารย์จะโทรมาแสดงความยินดีกับหนูอ่ะลูก คือหนูได้ฝึกกับประธานบริษัท เก่งๆ อย่างหนูอาจารย์ว่าน่าจะมีโอกาสเข้าทำงานที่นั้น และมันยังเป็นน่าเป็นตาให้มหาลัยอย่างมากเลยนะ เพราะฉะนั้น….) “หนูขอยกเลิกการฝึกงานได้ไหมคะ” ยังไม่ทันที่วิฬาร์จะพูดอะไรต่อบีลีฟแทรกขึ้นมาเสียก่อน ไหนๆก็ได้คุยแล้วตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียยังดีกว่าปล่อยไปอย่างนี้ ยอมจบช้าไปนิดหนึ่งดีกว่าทนกับอะไรแบบนี้ทุกวัน (ทำไมล่ะลูก) “คือหนูรับแรงกดดันไม่ไหวค่ะ” บีลีฟปั้นคำโกหกไป หากพูดความจริงเรื่องวันนี้ที่เธอไปเห็นภาพสยดสยองมาอีกทั้งมันยังคงติดตาเธออยู่ ถ้าพูดออกไปก็คงไม่มีผลดีกับใครเลย (อาจารย์ว่าหนูทนหน่อยดีไหม เก่งๆอย่างหนูอาจารย์ว่าสามารถผ่านมันไปได้ ถือว่าเห็นแก่ชื่อเสียงมหา’ลัยเถอะนะ เพราะคุณภาสกรเขามอบทุนการศึกษาให้มหา’ลัยเราหลายล้านบาทด้วย เป็นผู้มีพระคุณกับนักศึกษาที่ยากจนแก่มหา’ลัยเรามากเหมือนกัน อีกอย่างคุณพายุเป็นคนเลือกหนูไปฝึกเองหากหนูขอยกเลิก อาจารย์เกรงว่าคุณพายุจะโกรธและมันจะกระทบไปหมด นะบีลีฟ ทนหน่อยนะลูก) “ค่ะ” บีลีฟกัดฟันพูดออกไปในเมื่อพูดอะไรออกไปอีกก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เธอคงต้องทนต่อไปจริงๆ จึงเสียมารยาทกดตัดสายวิฬาร์ทันที “กรี๊ดดดดดดดดด”บีลีฟปลดปล่อยความอัดอั้นข้างในออกมา สองขาสลับกันตีกับที่นอนเหมือนกับเด็กโดนขัดใจ หยิบหมอนที่หนุนอยู่ออกมาขย้ำไปมา หงุดหงิดกับทุกอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขมันได้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คงต้องทนเพราะไม่มีทางเลือกอะไรให้เธอเลย เมื่อได้ยินเสียงบีลีฟดังลั่นห้อง พายุหยุดทำอาหารเดินออกมาจากห้องครัว เขาเปิดกล่องปฐมพยาบาลที่วางอยู่บนโต๊ะหยิบสำลีมาชุบแอมโมเนีย ก่อนจะเอาไปให้เธอดมแก้วิงเวียน “เธอสลบไปแค่สิบนาทีเองนึกว่าจะนานกว่านี้ ฟื้นมาก็กรี๊ดได้เลยนะแปลว่าไม่ตายง่ายๆ” บีลีฟแย่งสำลีในมือพายุมาถือ สูดดมรับความสดชื่นเข้าไปแต่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบอะไรกลับ อีกทั้งใบหน้าของเธอยังบึ้งตึงใส่เขา พายุมาหย่อนสะโพกลงที่เตียงเดียวกันกับบีลีฟแย่งสำลีในมือบีลีฟคืนเพื่อที่จะให้เธอนอนเฉยๆ และทำให้เธอเอง “ไม่ต้องยุ่ง ทำเองได้” บีลีฟปัดมือหนาทิ้ง หยิบหมอนมาตั้งใช้รองแผ่นหลังพิงกับหัวเตียง เอาผ้าห่มที่กองอยู่เท้ามาคลุมตัวไว้ “อวดดีอย่างนี้น่าจะปล่อยให้ช็อกตายไปเลย นี่ฉันใจดีแล้วนะ จริงๆฉันจะให้เธอไปดูอีกห้องหนึ่ง ยิงกันสมองกระจุยกระจายเป็นภาพที่เห็นแล้วสยองดีนะ แต่เห็นว่าเธอยังจิตอ่อนอยู่ก็เลยปราณี” “…” บีลีฟหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา พยายามไม่สนใจในสิ่งที่พายุพูด ครั้นจะเดินออกไปจากห้องก็ยังรู้สึกไม่ดีเท่าไร ยังอยากพักอยู่ก่อน “ฉันว่าจะส่งเธอไปยิงเรียนยิงปืน ต่อไปนี้เธอต้องเรียนยิงปืนทุกวันหลังเลิกงานเพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในงานทุกอย่างมีผลต่อการประเมินของฉัน”หลังจากที่รอคำตอบจากบีลีฟอยู่นานแต่เธอก็ไม่ยอมพูดอะไรเขาจึงรีบออกคำสั่ง ลำพังแค่เรียนยิงปืนไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้นจากที่เธอเคยเรียนเทควันโดมาเพื่อใช้เป็นศิลปะป้องกันตัว หากจะแค่ยิงปืนเพื่อป้องกันตัวเหมือนกันเธอพร้อมจะทำตามคำสั่ง แต่ใจคอพายุจะให้เธอเกลือกกลั้วกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้เชียวหรือ “ไม่! เป็นบ้าอะไรฟังที่บอกไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันไม่ต้องการยุ่งกับสิ่งที่คุณทำ ให้ฉันทำอะไรก็ไม่ที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาของคุณ ฉันทำได้หมด เลิกแกล้งฉันได้แล้ว ฉันอยากทำงานในบริษัทคุณจะให้ฉันทำอะไรก็สั่งมาเลย ฉันทำได้ทุกอย่าง”บีลีฟตวาดลั่น “อย่ามาอวดดีหน่อยเลย” พายุจากที่อารมณ์ดีอยู่ตอนแรกก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อหญิงสาวตรงหน้าตะคอกใส่ “ฉันพร้อมเรียนรู้งานจากคุณมากๆแล้ว จะกัดฟันข่มความเกลียดชังไว้แปดชั่วโมงละกัน ถึงฉันจะไม่เก่งเท่าคุณแต่ฉันทำได้ก็แล้วกัน” บีลีฟพูดจบเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะออกไปจากตรงนี้เพราะทนกับพายุไม่ไหวแล้ว แต่เมื่อเท้าแตะพื้นอาการวิงเวียนก็กลับมา ทำให้เธอต้องนั่งลงบนเตียงช้าๆ เอาสำลีที่ผสมแอมมาโมเนียขึ้นมาสูดดมอีกครั้ง พายุนั่งมองอยู่อย่างนั้นไม่ได้เข้ามาช่วย อีกทั้งเขายังแสยะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเธอเดินออกไปไม่ได้ “หึ อวดดี แถมปากเก่งอีกแล้วนะ อยากรู้จังว่าจะใจกากปากเก่งเหมือนคืนนั้นไหม หวังว่าที่พูดมาว่าทำได้เวลาจริงจะไม่กระจอกนะ อยากโดนลงโทษแบบคืนนั้นไหมล่ะ” บีลีฟที่หันหลังให้คู่สนทนาอยู่รีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องแขนไว้โดยเร็ว ถึงแม้จะยังไม่หายดีแต่ก็ดีกว่าอยู่ตรงนี้ “ฉันจะกลับห้องแล้ว” “ให้ฉันไปส่งไหมล่ะ” พายุเดินปรี่เข้ามาหาบีลีฟส่งผลให้บีลีฟปลีกตัวออกห่าง “ไม่ต้อง ฉันหาทางกลับเองได้” “เดินดีๆ ล่ะ อย่าเที่ยวไปอ่อยลูกน้องฉันนะ ลูกน้องฉันไม่ใจดีไว้ชีวิตเธอแบบฉันนะบอกไว้ก่อน” บีลีฟไม่ได้ตอบอะไรกลับไปกับประโยคกระแนะกระแหนของคู่สนทนา เธอรีบเดินออกจากห้อง ปิดประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่นเพื่อเป็นการบอกว่าเธอไม่พอใจโรงพยาบาลเอกชน“ย้องหยอ (น้องเหรอ)”แพคทริคชี้ไปที่หน้าจอแสดงผลอัลตร้าซาวด์สี่มิติด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้บีน่า“ย้องดุ๊กดิ๊ก (น้องดุ๊กดิ๊ก)”น้ำเสียงดี๊ด๊าของบีน่าชวนให้บีลีฟและพายุเอ็นดู เด็กน้อยทำตามที่เห็นพัตเตอร์ดิ้น มือน้อยจับใบหน้าพายุให้ตั้งใจดูในจอมากกว่ามองหน้าเธอ“ตอนนี้น้องแข็งแรงดีครับ”นายแพทย์หนุ่มรายงานไปพลางยิ้มให้สองแฝดไปพลาง เด็กๆทั้งสองคุยกันหัวเราะคิกคัก อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามกับความน่ารัก “ท้องนี่จะผ่าหรือจะคลอดเองครับ”“ลองคลอดเองค่ะ”บีลีฟตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“จะมีอีกไหมครับเนี่ย เด็กๆน่ารักดีนะครับ”“หมออย่าชี้นำนะคะ ว่าจะปิดอู่แล้วค่ะ”“น่าเสียดาย ผมว่าน่าจะมีอีก”“เฮียซื้อหมอมาเท่าไรเนี่ย”ปรึกษาเรื่องเด็กในครรภ์จนสนิทกับนายแพทย์หนุ่ม มิวายหยอกล้อกับเขาด้วยความสนิทสนม“แหม ผมก็เชียร์เผื่อว่าจะใจอ่อน”“ห้องทำหมันไปทางไหนเหรอคะ”“แสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณพายุน่าจะหมดหวังแล้ว”นายแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น เขาเก็บเครื่องอัลตร้าซาวน์ เมื่อทุกคนดูทารกในครรภ์จนพอใจ ช่วยเดินเรื่องทำหมันให้พายุต่อไปบีลีฟลุกจากเตียงอุ้มแพคทริคกับบีน่าพร้อมกันสองคน คนเป็นแม่แข็งแรงข
วันต่อมาสนามบิน“เดินทางปลอดภัย โชคดีนะมึง ถึงแล้วก็โทรบอกด้วย”พายุตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ในวันที่ต้องจากลากันอีกครั้ง โดยพายุก็พาคนในครอบครัวมาส่งครอบครัวเดวิดตามที่เคยบอกไว้“เออ”“โจ้กดี(โชคดี)”บีลีฟจับมือบีน่าให้โบกมือลาและส่งยิ้มหวานให้ทุกคน เจนนิสจึงเข้ามาจับมือน้อยๆของบีน่าหอมส่งท้าย“เดินทางปลอดภัยนะคะพี่เจน”“จ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะ”“โตวันโตคืนนะไอ้หลานรักทั้งสอง”เดวิดลูบศีรษะบีน่าอวยพรหลานสาวก่อนจะมาลูบศีรษะแพคทริคก็เห็นว่าแพคทริคหน้าดูเศร้าๆ ไม่ต่างจากเคลีสที่ยืนคุยเล่นกับแพคทริคอยู่“แด๊ดครับเคย์จะได้เล่นกับน้องอีกไหม เคย์อยากเล่นกับน้องน่า น้องแพค เคย์ก็อยากเล่นยิงปะ….อื้อ”“เคย์ปากไปเปื้อนอะไรมาเนี่ย คราวหลังกินอะไรระวังๆนะ เราโตแล้วนะลูก”เดวิดรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาทำทีว่าเช็ดปากเคลีสพลางมองหน้าพายุอย่างเลิ่กลั่ก พายุเองก็ยิ้มแห้ง“ได้เล่นกับน้องแน่เดี๋ยวปีหน้าจะพาไปเยี่ยมให้มาเล่นกันอีก ได้เจอกันทุกปีแหละไม่ต้องห่วง”เด็กน้อยทั้งสองเมื่อได้ยินที่พายุพูดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมา“จิงหย๋อแพะจาด้ายเย่น…..(จริงหรอแพคจะได้เล่น…)”“ได้เล่นครับๆ ….มึงไปได้แล้ว โช
หลายวันต่อมา“ยุงนินมาจ๋าย” แพคทริคชะเง้อคอมองหาธนินอยู่หน้าประตูตามผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ ทำท่ามองนาฬิกาข้อมือตรงแขนซ้ายตาม ธนินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจากที่นัดกันไว้ทำพายุหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกชายมายืนรอข้างๆทำท่าทางเลียนแบบตามกลับอารมณ์ดีขึ้นมา นับวันเขายิ่งหลงลูกมากขึ้นพายุเดินจูงมือแพคทริคมานั่งเล่นของเล่นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อรอธนิน“หักเงินเดือนดีไหมครับแพค”“หะเงินเยือนคืออะไยหย๋อ(หักเงินเดือนคืออะไรเหรอ)” แพคทริคเอียงคอตาแป๋วมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย“คือถ้าลุงนินโดนหักเงินเดือนแปลว่าลุงนินก็จะไม่มีเงินไปกินขนม ไม่มีเงินไปซื้อของเล่นแบบที่หนูมี”“หย๋อ น่าจ๋งจ๋าน(เหรอ น่าสงสาร)”“แมะจูยี่ (แม่ดูนี่)”เป็นเสียงของบีน่าที่ถือตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดเดินเตาะแตะลงมาถึงสองขั้นสุดท้ายของบันไดกับบีลีฟ แล้วค่อยๆสไลด์ก้นลงบันไดมา โดยมีบีลีฟจับสองมือไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แพมเพิสเทอะทะรองรับก้นที่กระแทกพื้นได้อย่างดี เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าทำบีลีฟส่ายใบหน้าไปมากับความก๋ากั่นของลูกสาว “เจ้าแสบเล็ก ทำไมไม่ลงมาดีๆ”“เจินไม่ทาหนัด (เดินไม่ถนัด)” บีน่าลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เข้ามาปีนป่า
“เจ้นกัน~(เต้นกัน)”บีน่าชูมือขึ้นโบกไปมาเมื่อถูกบีลีฟอุ้มเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่มีเสียงดนตรีคลอเบาๆหลังจากงานตอนเช้าที่พิธีเสร็จไปโดยสมบูรณ์แบบ พายุและบีลีฟได้พักผ่อนมาเรียบร้อย ในตอนเย็นมีงานฉลองมงคลสมรสต่อที่โรงแรมเดิม“อยากเต้นเหรอคะ”บีน่าพยักหน้าและยิ้มแฉ่งเป็นคำตอบ“เดี๋ยวโตมาแม่จะสอนเต้นเวลาไปผับนะ จะสอนวิธีเอาตัวรอดจากผู้ชายแบบพ่อด้วย ฮ่าๆๆๆ”บีลีฟหัวเราะอย่างทะเล้น บีน่าถึงแม้ไม่เข้าใจความหมายที่สื่อแต่ก็หัวเราะตาม“หยุดเลยไม่ต้องพาลูกแรดนะ”“ทีเฮียยังอยากให้ลูกเป็นเหมือนเฮียเลย”“ช่าย~”แพคทริคในอ้อมแขนของพายุตอบ พลางยกมือทำเป็นสัญลักษณ์รูปปืนตามที่พายุเคยทำให้ดูทุกวัน “ปิ้วๆ~”ทั้งคู่จึงลูบศีรษะลูกน้อยด้วยเอ็นดู“ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะเหมือนเราไหม แต่เมื่อเขาโตขึ้นเราจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับลูกอีกคนหนึ่งเนอะให้เขาปรึกษาเราได้ทุกเรื่องไม่ว่าเขาจะอยากเป็นอะไร”บีลีฟสบตากับพายุด้วยความเชื่อมั่นว่าพายุสามารถทำตามที่พูดได้ซึ่งเธอก็คิดไม่ต่างจากเขา ก่อนที่บีลีฟจะเลื่อนสายตากลับมามองบีน่า“และหากบีน่าต้องต้องการเพื่อนไปแอ้วผู้แม่ก็จะไปเป็นเพื่อน โอเคไหมคะ”“ตัวแสบ!”พาย
เมื่อบทรักสุดเร่าร้อนจบลงพายุหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำรักสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนแก่นกายของตัวเองลวกๆก่อนจะเช็ดร่องสวาทและโคนขาอ่อนให้แฟนสาว “อ๊าา จะทำตัวเป็นผัวที่ดีเหรอคะ”เธอทำหน้าเหยเก กัดริมฝีปากตัวเบาๆ เมื่อพายุใช้นิ้วสอดเข้าไปทำความสะอาดข้างในให้“ผัวที่ดีเป็นอยู่แล้วและเดี๋ยวจะอาบน้ำให้ด้วย แต่เดี๋ยวขอเลียขอเอาให้สะใจก่อน”“พักก่อนได้ไหม เฮียไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลีฟพักเลย เดี๋ยวไม่มีแรงข้าวก็ไม่ได้กิน”“จะบอกว่าอาหารมาเกือบเที่ยงคืน ที่ล่อลวงลีฟให้รีบมาเร็วๆเพราะจะกินลีฟรองท้องก่อน”“เจ้าเล่ห์”ใบหน้าชายหนุ่มเหยเกเมื่อแฟนสาวหยิกแก้มเบาๆด้วยความหมั่นไส้“ระหว่างรออาหารและรอลีฟพักขอดูดนมรอนะ”ไม่รอให้บีลีฟตอบอะไรกลับก็เข้าไปสอดแขนกอดล็อกตัวเธอไว้ในท่าตะแคงข้าง ซุกไซ้กลางอกของเธอ ปลายลิ้นตวัดละเลงยอดปทุมถันที่แดงระเรื่อ “อ๊าาา ชอบจัง”ขาก่ายพายุโดยอัตโนมัติ มือบางลูบศีรษะชายหนุ่มเป็นการบอกทางร่างกายอีกอย่างว่าชอบที่เขาทำ อีกมือช่วยชักรูดแก่นกายให้เขาไปด้วย “เสียวเหมือนกัน”ว่าจบก็กลับมาดูดดึงยอดปทุมถันเสียงดัง พลิกตัวนอนหงายศีรษะพิงหมอนที่วางหนุนตรงหัวเตียง ให้บีลีฟขึ้นมาคร่อมบนตั
เมื่อด้านนอกมืดลง สองหนุ่มสาวก็เข้าบ้านพักอีกหลังมาอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ได้มาเที่ยวทั้งทีพายุก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนตอนก่อนมีลูก อยากดื่มอยากสังสรรค์กันสองคนเพราะตอนเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยได้หวานกันเท่าไร เลยถือโอกาสนี้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ เปลี่ยนสถานที่ให้ดูมีความโรแมนติกขึ้นมาเล็กน้อย โดยบนโต๊ะอาหารยังไม่มีอาหาร มีเพียงจานสองจานที่มีที่ครอบทึบครอบไว้ด้านลูกน้อยทั้งสองก็เลี้ยงง่าย อาบน้ำเสร็จก็ทานนม หลับไปเรียบร้อย จะมีก็แต่พี่เลี้ยงของเขาทั้งสามที่ยังคอยดูแลเผื่อตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วงอแง “ลีฟ เมธีไลน์มาบอกว่าลูกหลับเรียบร้อยแล้วนะ ไม่เห็นเราเขาก็ไม่งอแงด้วย”ทันทีที่บีลีฟลงมาจากชั้นสองพายุก็หยัดกายลุกจากโซฟาเข้าไปหาเธอที่โต๊ะอาหาร สำรวจการแต่งตัวแฟนสาว เธอสวมชุดเดรสสั้นสีแดงโชว์แผ่นหลังขาวเนียน มือหนาของพายุเข้าไปลูบไล้โดยอัตโนมัติ บีลีฟก็ให้ความสนใจแฟนหนุ่มที่แต่งตัวมาหล่อเนี๊ยบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองบนเม็ด แผงอกแกร่งดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก“จริงๆชวนลูกมาด้วยก็ได้ไม่เห็นเป็นไร ไม่อยากรบกวนคนอื่นตอนกลางคืนอยากนอนกอดลูก เห็นทีเฮียจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้ลูกน้องนะ ใช้