บีลีฟพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด กำหมัดแน่น หยุดฝีเท้าไว้แค่เพียงเท่านี้ รู้ว่านั้นเป็นแค่คำขู่ แต่ก็ไม่กล้าเดินออกไปอยู่ดี เธอหันกลับมาสบตากับเจ้าของคำพูด เห็นเพียงรอยยิ้มของเขาที่ยิ้มออกมาอย่างคนชนะที่สามารถกลั่นแกล้งเธอได้
เพียงแค่จินตนาการว่าแปดชั่วโมงในการทำงานต่อจากนี้ไปต้องเห็นพายุ ต้องทำตามที่เขาบอกมันก็รู้สึกปวดประสาทตามที่เขาอยากให้เป็นตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงานแล้ว “ทำแบบนี้ต้องการอะไร”น้ำเสียงห้วนๆเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเอ่ยถามออกไป เธอหงุดหงิดจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมา “ทำไมเธอพูดจาไม่เพราะเลยล่ะ ฉันเป็นผู้ใหญ่นะอายุมากกว่าตั้งหนึ่งรอบ เคารพกันบ้างก็ดีพูดจาให้มีหางเสียงบ้าง แทนตัวเองว่าหนูหรือชื่อตัวเองแบบที่เธอเคยทำก็ได้” “อยากเคารพแค่คนที่น่าเคารพ คุณเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเคารพก็ไม่อยากเคารพค่ะ”บีลีฟประชดประชันด้วยการกระแทกเสียงเน้นหนักตรงคำลงท้ายลงท้าย“ตอบคำถามด้วยนะคะว่าคุณต้องการอะไร คุณเป็นใครกันแน่คะ” “คำถามแรกฉันก็ต้องการทำให้เธอปวดประสาทเล่นไงตามที่บอกไป การที่เธอมาทำงานกับฉันเนี่ยเธอจะได้รู้จักฉันมากขึ้นในทุกอณู ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของฉัน งานที่ฉันทำหรืออะไรหลายอย่างที่เธอจำเป็นต้องรู้ ฉันขี้เกียจเล่า เรื่องราวของฉันทั้งชีวิตมันเยอะก็เลยพามาให้เห็นเอง ส่วนคำถามที่สองฉันเป็นใครกันแน่ เธอตั้งคำถามได้ดีมาก” ร่างสูงยกขาเรียวยาวที่ไขว่ห้างอยู่ออก ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมายืนข้างหน้านักศึกษาสาว แต่เธอเดินถอยหลังหนี เพื่อเป็นการเว้นระยะห่างไว้ “เบื้องหน้าฉันก็เป็นผู้บริหารที่นี่ เบื้องหลังฉันก็ค้าอาวุธเถื่อน เป็นเจ้าของบ่อน เจ้าของซ่อง” “…” “จะว่าไปฉันบอกความลับเธออีกแล้วนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เธอก็เป็นลูกน้องฉันแล้ว ฉันก็เลยอยากบอกให้เธอรู้ไว้ เธอมาฝึกงานกับฉันคิดไว้เลยนะว่าจะทำอะไรระหว่าง คุมคลังอาวุธ คุมคาสิโน”พายุหยุดพูดไปชั่วขณะพลางส่งสายตามองบีลีฟตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“หรือสวยๆอย่างเธอน่าจะเหมาะกับซ่องนะ ไปซ่องไหม” บีลีฟอ้าปากค้างกับคำถามที่เขาถามเธอมา ตกใจอย่างมากที่เขาถามอย่างนี้ เธอถอยหลังออกห่างจากเขาอีกหนึ่งก้าว เหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างไงอย่างงั้น “ฉันหมายถึงให้เธอไปเป็นแม่เล้า”เมื่อเห็นว่านักศึกษาสาวหน้าเสียไปก็รีบเฉลยความจริงให้รู้ “คุณ ฉันไม่มีเวลามาเล่นตลกอะไรกับคุณหรอกนะ คุณจะเป็นอะไรจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ฉันมาทำงานไม่ได้มาทำอะไรแบบที่คุณทำ การฝึกงานมันมีผลต่อชีวิตฉันจริงๆนะ ฉันไม่เล่น” “ใครบอกว่าฉันพูดเล่นล่ะ ก็เนี่ยฉันกำลังหางานให้เธอทำอยู่ เธอก็เลือกมาสิ มันมีผลต่อการประเมินของฉันด้วยนะว่าเธอจะผ่านหรือไม่ผ่าน” ยิ่งได้ฟังคำตอบจากพายุก็ทำให้อารมณ์เสียมากขึ้น ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาให้เธอเลือกว่ามันมาเกี่ยวกันได้ยังไง“ถ้าวันนั้นฉันพูดอะไรไม่คิดไปฉันขอโทษละกัน ขอร้องล่ะ คุณอย่ามาแกล้งฉันกลับด้วยวิธีนี้เลยนะ ในเมื่อคุณยัดเยียดตัวเองเข้ามาในชีวิตฉันแล้วแค่นี้ฉันก็ปวดประสาทมากพอแล้ว คุณเป็นคนระดับผู้บริหารคุณน่าจะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกนะ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เลยต้องทำใจยอมขอโทษเรื่องที่ทำให้เขาเสียเวลาชีวิตไปเพราะเธอ ทั้งที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ผิดอะไรขนาดนั้นและไม่ได้ต้องการให้ตัวเองเสียเวลาชีวิตเพราะเขาไม่ให้เธอผ่านการฝึกงานเหมือนกัน “โอเค เอาไว้แกล้งเธอนอกรอบก็ได้” ถึงแม้คำตอบมันจะฟังไม่ค่อยเข้าหูเท่าไรแต่เธอก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป เธอเปิดกระเป๋าสะพายข้างหยิบเอกสารบันทึกการฝึกงานขึ้นมาและยื่นให้พายุไปเพื่อให้เขาอ่านคร่าวๆ “ยังไม่เซ็นอะไรให้ทั้งนั้น จะเซ็นให้ก็ต่อเมื่ออยากเซ็นและเธอทำงานให้ฉันจนฉันพอใจมากที่สุด”พายุรับมันมาแต่ก็โยนไปที่โต๊ะอย่างไม่ใยดี ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม บีลีฟยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเอง พลางส่งสายตามองไปที่พายุแต่เขาก็เลือกที่จะนั่งทำงานต่อ แล้วเธอต้องทำอย่างไรต่อไป พายุไม่บอกอะไรเธอเลย จะให้เธอยืนอยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่“ฉันต้องทำอะไรบ้าง” “เธอเอาเอกสารตรงนี้ไปใส่แฟ้มตรงนู้นให้หมด วันนี้ฉันยุ่งที่เหลือเธออยากทำอะไรก็ทำ” บีลีฟรีบทำตามคำสั่งทันที จำนวนเอกสารที่มากมายทำให้วันนี้ทั้งวันของเธอหมดไปกับการจัดเอกสาร ในตอนเย็นบีลีฟยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่หน้าปัด เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อมันถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจึงรีบเก็บของให้เรียบร้อยและรีบไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้ตรงเก้าอี้ เมื่อพายุเห็นว่าบีลีฟจะเดินออกไปจากห้อง เขาเดินเข้ามายืนขวางประตูไว้“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอกลับ ตามฉันมานี่” รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปทันทีที่พายุเข้ามายุ่งวุ่นวาย หากจัดเอกสารตลอดการฝึกงานได้ก็อยากจะทำมันแค่นั้น“จะไปไหนอีก นี่เวลาเลิกงานแล้วนะ” “เรียนรู้นอกสถานที่” “นี่มันจะห้าโมงแล้ว จะให้เรียนรู้นอกสถานที่ก็ไปในเวลางานสิ” “ตามมาเถอะ”พายุพูดจบก็จับข้อมือบีลีฟไว้แน่นให้เดินตามมา พายุเดินออกจากห้องทำงานลงลิฟต์ผู้บริหารไป ก่อนจะพาบีลีฟขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ไปด้วยกัน จากหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายผู้คนที่เดินผ่านเมื่อสักครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่พายุเจอลูกน้องในรถตู้สองสามคน บีลีฟหย่อนสะโพกลงข้างๆพายุด้วยความหวาดระแวงกับสายตาหลายคู่ของชายฉกรรจ์เหล่านั้นที่จ้องมองเธออยู่ คาสิโนพายุ “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”เมื่อรถตู้คันหรูมาจอดในสถานที่ที่เธอไม่รู้จัก เธอก็ยิ่งหวาดกลัวไม่กล้าเดินออกจากรถ “ที่เธอเห็นอยู่เมื่อกี้มันแค่ฉากบังหน้า ตัวตนฉันจริงๆ มันอยู่ตรงนี้” เมื่อพายุยื่นมือมารับเธอให้ลงจากรถเธอจึงต้องยอมออกมา เธอหวั่นใจกับคำพูดเมื่อเช้าของพายุ กลัวว่าพายุจะให้เธอมาทำอะไรแบบที่เขาพูดจริงๆ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปแค่เดินตามเขาไปแค่นั้น เมื่อพายุเดินพาเธอเข้ามาที่ชั้นใต้ดินของคาสิโน เสียงคนกรีดร้องร้องโหยหวนก็ดังขึ้นและเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆห้องๆหนึ่งที่พายุจะพาไปดู ก็ยิ่งได้ยินเสียงนั้นชัดขึ้น“คุณจะทำอะไร ฉันกลัวนะ” “การแสดงต้อนรับ”ส่งยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของหญิงสาว มือหนาคว้าเอวเธอมาโอบไว้พร้อมกับเปิดประตูเดินเข้าห้องนั้นไป ห้องลับขนาดไม่ใหญ่นัก รายล้อมไปด้วยชายชุดดำหลายคนยืนอยู่ บนพื้นโต๊ะเจิ่งนองไปด้วยเลือดอีกทั้งยังมีเสียงคนบาดเจ็บร้องดังระงม บีลีฟอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า สำหรับเธอมันค่อนข้างสยดสยองพอสมควร ถึงแม้จะยืนอยู่ห่างๆแต่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเข้ามาตีกับจมูกเธอจนชวนให้อาเจียน “นะ…นี่คืออะไร” “นี่คือคนที่โกงพนัน โทษเบาสุดคือตัดนิ้ว โทษสูงสุดคือตาย” “ละ…แล้วพามาทำไม กะ…กลัว”บีลีฟจับมือพายุไว้แน่น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวกับภาพที่เห็นตรงหน้า หากเขาจะให้เธอมาดูอะไรแบบนี้เธอก็คงทนดูไม่ได้ “ก็ให้ดูไง”พายุพูดกับบีลีฟจบเขาก็ส่งสายตาไปส่งสัญญาณให้ลูกน้อง ฉึบ! “กรี๊ดดดด” ทั้งหญิงสาวผู้โดนกระทำและบีลีฟที่เห็นเหตุการณ์กรีดร้องออกมาพร้อมกันดังลั่นทั่วห้องลับแห่งนี้ นิ้วของหญิงสาวที่โดนตัดขาดกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทาง เลือดสีแดงสดพุ่งทะลักออกมาจากนิ้วมือหญิงสาวผู้นั้นราวกับสายน้ำที่ไหลออกจากก็อกน้ำ “เป็นไงล่ะ ได้เห็นโลกของฉัน สนุกดีไหม อยากรู้จักฉันนักหนาไม่ใช่เหรอ ชอบไหม” บีลีฟไม่ได้ให้คำตอบอะไรกลับไป เธอยกมือมาทาบอกด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เธอพยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดลึกๆ แต่รู้สึกได้เลยว่าแขนขาอ่อนแรง แล้วอยู่ๆภาพของเธอก็ตัดไปโรงพยาบาลเอกชน“ย้องหยอ (น้องเหรอ)”แพคทริคชี้ไปที่หน้าจอแสดงผลอัลตร้าซาวด์สี่มิติด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้บีน่า“ย้องดุ๊กดิ๊ก (น้องดุ๊กดิ๊ก)”น้ำเสียงดี๊ด๊าของบีน่าชวนให้บีลีฟและพายุเอ็นดู เด็กน้อยทำตามที่เห็นพัตเตอร์ดิ้น มือน้อยจับใบหน้าพายุให้ตั้งใจดูในจอมากกว่ามองหน้าเธอ“ตอนนี้น้องแข็งแรงดีครับ”นายแพทย์หนุ่มรายงานไปพลางยิ้มให้สองแฝดไปพลาง เด็กๆทั้งสองคุยกันหัวเราะคิกคัก อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามกับความน่ารัก “ท้องนี่จะผ่าหรือจะคลอดเองครับ”“ลองคลอดเองค่ะ”บีลีฟตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“จะมีอีกไหมครับเนี่ย เด็กๆน่ารักดีนะครับ”“หมออย่าชี้นำนะคะ ว่าจะปิดอู่แล้วค่ะ”“น่าเสียดาย ผมว่าน่าจะมีอีก”“เฮียซื้อหมอมาเท่าไรเนี่ย”ปรึกษาเรื่องเด็กในครรภ์จนสนิทกับนายแพทย์หนุ่ม มิวายหยอกล้อกับเขาด้วยความสนิทสนม“แหม ผมก็เชียร์เผื่อว่าจะใจอ่อน”“ห้องทำหมันไปทางไหนเหรอคะ”“แสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณพายุน่าจะหมดหวังแล้ว”นายแพทย์หนุ่มหัวเราะลั่น เขาเก็บเครื่องอัลตร้าซาวน์ เมื่อทุกคนดูทารกในครรภ์จนพอใจ ช่วยเดินเรื่องทำหมันให้พายุต่อไปบีลีฟลุกจากเตียงอุ้มแพคทริคกับบีน่าพร้อมกันสองคน คนเป็นแม่แข็งแรงข
วันต่อมาสนามบิน“เดินทางปลอดภัย โชคดีนะมึง ถึงแล้วก็โทรบอกด้วย”พายุตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ในวันที่ต้องจากลากันอีกครั้ง โดยพายุก็พาคนในครอบครัวมาส่งครอบครัวเดวิดตามที่เคยบอกไว้“เออ”“โจ้กดี(โชคดี)”บีลีฟจับมือบีน่าให้โบกมือลาและส่งยิ้มหวานให้ทุกคน เจนนิสจึงเข้ามาจับมือน้อยๆของบีน่าหอมส่งท้าย“เดินทางปลอดภัยนะคะพี่เจน”“จ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะ”“โตวันโตคืนนะไอ้หลานรักทั้งสอง”เดวิดลูบศีรษะบีน่าอวยพรหลานสาวก่อนจะมาลูบศีรษะแพคทริคก็เห็นว่าแพคทริคหน้าดูเศร้าๆ ไม่ต่างจากเคลีสที่ยืนคุยเล่นกับแพคทริคอยู่“แด๊ดครับเคย์จะได้เล่นกับน้องอีกไหม เคย์อยากเล่นกับน้องน่า น้องแพค เคย์ก็อยากเล่นยิงปะ….อื้อ”“เคย์ปากไปเปื้อนอะไรมาเนี่ย คราวหลังกินอะไรระวังๆนะ เราโตแล้วนะลูก”เดวิดรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาทำทีว่าเช็ดปากเคลีสพลางมองหน้าพายุอย่างเลิ่กลั่ก พายุเองก็ยิ้มแห้ง“ได้เล่นกับน้องแน่เดี๋ยวปีหน้าจะพาไปเยี่ยมให้มาเล่นกันอีก ได้เจอกันทุกปีแหละไม่ต้องห่วง”เด็กน้อยทั้งสองเมื่อได้ยินที่พายุพูดแบบนั้นก็ร่าเริงขึ้นมา“จิงหย๋อแพะจาด้ายเย่น…..(จริงหรอแพคจะได้เล่น…)”“ได้เล่นครับๆ ….มึงไปได้แล้ว โช
หลายวันต่อมา“ยุงนินมาจ๋าย” แพคทริคชะเง้อคอมองหาธนินอยู่หน้าประตูตามผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ ทำท่ามองนาฬิกาข้อมือตรงแขนซ้ายตาม ธนินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจากที่นัดกันไว้ทำพายุหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกชายมายืนรอข้างๆทำท่าทางเลียนแบบตามกลับอารมณ์ดีขึ้นมา นับวันเขายิ่งหลงลูกมากขึ้นพายุเดินจูงมือแพคทริคมานั่งเล่นของเล่นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อรอธนิน“หักเงินเดือนดีไหมครับแพค”“หะเงินเยือนคืออะไยหย๋อ(หักเงินเดือนคืออะไรเหรอ)” แพคทริคเอียงคอตาแป๋วมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย“คือถ้าลุงนินโดนหักเงินเดือนแปลว่าลุงนินก็จะไม่มีเงินไปกินขนม ไม่มีเงินไปซื้อของเล่นแบบที่หนูมี”“หย๋อ น่าจ๋งจ๋าน(เหรอ น่าสงสาร)”“แมะจูยี่ (แม่ดูนี่)”เป็นเสียงของบีน่าที่ถือตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดเดินเตาะแตะลงมาถึงสองขั้นสุดท้ายของบันไดกับบีลีฟ แล้วค่อยๆสไลด์ก้นลงบันไดมา โดยมีบีลีฟจับสองมือไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แพมเพิสเทอะทะรองรับก้นที่กระแทกพื้นได้อย่างดี เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าทำบีลีฟส่ายใบหน้าไปมากับความก๋ากั่นของลูกสาว “เจ้าแสบเล็ก ทำไมไม่ลงมาดีๆ”“เจินไม่ทาหนัด (เดินไม่ถนัด)” บีน่าลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เข้ามาปีนป่า
“เจ้นกัน~(เต้นกัน)”บีน่าชูมือขึ้นโบกไปมาเมื่อถูกบีลีฟอุ้มเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่มีเสียงดนตรีคลอเบาๆหลังจากงานตอนเช้าที่พิธีเสร็จไปโดยสมบูรณ์แบบ พายุและบีลีฟได้พักผ่อนมาเรียบร้อย ในตอนเย็นมีงานฉลองมงคลสมรสต่อที่โรงแรมเดิม“อยากเต้นเหรอคะ”บีน่าพยักหน้าและยิ้มแฉ่งเป็นคำตอบ“เดี๋ยวโตมาแม่จะสอนเต้นเวลาไปผับนะ จะสอนวิธีเอาตัวรอดจากผู้ชายแบบพ่อด้วย ฮ่าๆๆๆ”บีลีฟหัวเราะอย่างทะเล้น บีน่าถึงแม้ไม่เข้าใจความหมายที่สื่อแต่ก็หัวเราะตาม“หยุดเลยไม่ต้องพาลูกแรดนะ”“ทีเฮียยังอยากให้ลูกเป็นเหมือนเฮียเลย”“ช่าย~”แพคทริคในอ้อมแขนของพายุตอบ พลางยกมือทำเป็นสัญลักษณ์รูปปืนตามที่พายุเคยทำให้ดูทุกวัน “ปิ้วๆ~”ทั้งคู่จึงลูบศีรษะลูกน้อยด้วยเอ็นดู“ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะเหมือนเราไหม แต่เมื่อเขาโตขึ้นเราจะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับลูกอีกคนหนึ่งเนอะให้เขาปรึกษาเราได้ทุกเรื่องไม่ว่าเขาจะอยากเป็นอะไร”บีลีฟสบตากับพายุด้วยความเชื่อมั่นว่าพายุสามารถทำตามที่พูดได้ซึ่งเธอก็คิดไม่ต่างจากเขา ก่อนที่บีลีฟจะเลื่อนสายตากลับมามองบีน่า“และหากบีน่าต้องต้องการเพื่อนไปแอ้วผู้แม่ก็จะไปเป็นเพื่อน โอเคไหมคะ”“ตัวแสบ!”พาย
เมื่อบทรักสุดเร่าร้อนจบลงพายุหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำรักสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนแก่นกายของตัวเองลวกๆก่อนจะเช็ดร่องสวาทและโคนขาอ่อนให้แฟนสาว “อ๊าา จะทำตัวเป็นผัวที่ดีเหรอคะ”เธอทำหน้าเหยเก กัดริมฝีปากตัวเบาๆ เมื่อพายุใช้นิ้วสอดเข้าไปทำความสะอาดข้างในให้“ผัวที่ดีเป็นอยู่แล้วและเดี๋ยวจะอาบน้ำให้ด้วย แต่เดี๋ยวขอเลียขอเอาให้สะใจก่อน”“พักก่อนได้ไหม เฮียไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ลีฟพักเลย เดี๋ยวไม่มีแรงข้าวก็ไม่ได้กิน”“จะบอกว่าอาหารมาเกือบเที่ยงคืน ที่ล่อลวงลีฟให้รีบมาเร็วๆเพราะจะกินลีฟรองท้องก่อน”“เจ้าเล่ห์”ใบหน้าชายหนุ่มเหยเกเมื่อแฟนสาวหยิกแก้มเบาๆด้วยความหมั่นไส้“ระหว่างรออาหารและรอลีฟพักขอดูดนมรอนะ”ไม่รอให้บีลีฟตอบอะไรกลับก็เข้าไปสอดแขนกอดล็อกตัวเธอไว้ในท่าตะแคงข้าง ซุกไซ้กลางอกของเธอ ปลายลิ้นตวัดละเลงยอดปทุมถันที่แดงระเรื่อ “อ๊าาา ชอบจัง”ขาก่ายพายุโดยอัตโนมัติ มือบางลูบศีรษะชายหนุ่มเป็นการบอกทางร่างกายอีกอย่างว่าชอบที่เขาทำ อีกมือช่วยชักรูดแก่นกายให้เขาไปด้วย “เสียวเหมือนกัน”ว่าจบก็กลับมาดูดดึงยอดปทุมถันเสียงดัง พลิกตัวนอนหงายศีรษะพิงหมอนที่วางหนุนตรงหัวเตียง ให้บีลีฟขึ้นมาคร่อมบนตั
เมื่อด้านนอกมืดลง สองหนุ่มสาวก็เข้าบ้านพักอีกหลังมาอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ได้มาเที่ยวทั้งทีพายุก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้เหมือนตอนก่อนมีลูก อยากดื่มอยากสังสรรค์กันสองคนเพราะตอนเลี้ยงลูกก็ไม่ค่อยได้หวานกันเท่าไร เลยถือโอกาสนี้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ เปลี่ยนสถานที่ให้ดูมีความโรแมนติกขึ้นมาเล็กน้อย โดยบนโต๊ะอาหารยังไม่มีอาหาร มีเพียงจานสองจานที่มีที่ครอบทึบครอบไว้ด้านลูกน้อยทั้งสองก็เลี้ยงง่าย อาบน้ำเสร็จก็ทานนม หลับไปเรียบร้อย จะมีก็แต่พี่เลี้ยงของเขาทั้งสามที่ยังคอยดูแลเผื่อตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วงอแง “ลีฟ เมธีไลน์มาบอกว่าลูกหลับเรียบร้อยแล้วนะ ไม่เห็นเราเขาก็ไม่งอแงด้วย”ทันทีที่บีลีฟลงมาจากชั้นสองพายุก็หยัดกายลุกจากโซฟาเข้าไปหาเธอที่โต๊ะอาหาร สำรวจการแต่งตัวแฟนสาว เธอสวมชุดเดรสสั้นสีแดงโชว์แผ่นหลังขาวเนียน มือหนาของพายุเข้าไปลูบไล้โดยอัตโนมัติ บีลีฟก็ให้ความสนใจแฟนหนุ่มที่แต่งตัวมาหล่อเนี๊ยบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองบนเม็ด แผงอกแกร่งดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก“จริงๆชวนลูกมาด้วยก็ได้ไม่เห็นเป็นไร ไม่อยากรบกวนคนอื่นตอนกลางคืนอยากนอนกอดลูก เห็นทีเฮียจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้ลูกน้องนะ ใช้