หนึ่งเดือนผ่านไป…
“ติดต่อได้หรือยัง” เสียงลีโอหันถามนิวขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับไปยังตึกคณะของตัวเอง ซึ่งนิวที่ได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจตอบกลับ
“ไม่ยอมบอกเลยว่ะว่าเป็นใคร” ทันทีที่นิวพูดจบ ลีโอก็ชะงักนิ่งไปอย่างรู้สึกยังคงค้างคาอยู่ภายในใจ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นใน ‘คืนนั้น’ คืนที่เขาถูกลาเบลบอกเลิก จนทำให้เขาเมาจนขาดสติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะตื่นขึ้นมาที่ห้องโรงแรมชั้นใต้ดินด้วยความรู้สึกมึนงง ทว่าความมึนงงก็ต้องหายไป หลังจากที่ดวงตาคมของเขาเหลือบไปเห็น คราบเลือดสีสดผสมกับน้ำสีขาวขุ่นเปื้อนอยู่ไม่น้อยบนเตียงนอนด้านข้าง แน่นอนว่าลีโอพยายามอย่างมากที่จะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างมันกลับเลือนรางตัดไปตัดมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จำนวนมากที่เขาดื่มกินเข้าไป
เขาจำอะไรแทบไม่ได้เลย
รู้เพียงแค่เมื่อได้สติ เขาก็รีบโทรสอบถามนิวกับนายทันที ก่อนจะได้คำตอบว่า หญิงสาวคนนั้นเป็นเพียงคนที่มาขายบริการให้กับเขาโดยที่นิวเป็นคนซื้อมาให้ และเธอรับงานเป็นครั้งแรก
“มึงจำอะไรเขาไม่ได้เลยหรือไง เอากันทั้งที่ปิดหน้าแบบนั้นเหรอ” นิวอดไม่ได้ที่จะหันถามเพื่อนสนิท ลีโอที่ได้ยินก็มีภาพในความทรงจำผุดเข้ามา เป็นภาพของแมสก์สีดำที่ค่อย ๆ หลุดออกจากใบหน้านั้น รวมถึงภาพตอนที่เขาเป็นคนกระชากหมวกแก๊ปสีดำนั้นออก ทว่า…ภาพมันก็ยังคงเลือนรางไม่ชัดเจนในความทรงจำอยู่ดี
“…” ลีโอได้แต่เงียบไม่ตอบ ทำให้นายหันถาม
“แล้วจะตามหาไปทำไม”
“กู…เป็นคนแรกของเขา”
“แล้วยังไง มึงจะตามหาเพื่อรับผิดชอบหรือไง…ถึงจะซิงยังไงแต่เขาก็ขายตัวให้มึงแล้วปะวะ อีกอย่าง ดูตัวแทนไม่ยอมให้การติดต่ออะไรเลยแบบนี้ ก็แปลว่า เขาไม่อยากให้มึงรู้ว่าเขาเป็นใครหรือเปล่า” นิวเอ่ยตามความคิด ลีโอที่ได้ยินก็ยังคงนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ จะว่าเขาตามหาเพื่อรับผิดชอบ…มันก็ไม่เชิงหรอก เขาเพียงแค่อยากพูดคุยกับหญิงสาวในคืนนั้นก็เท่านั้น เพราะการที่เธอยังบริสุทธิ์แล้วต้องมาขายบริการแบบนี้ คิดดูยังไงก็ไม่ค่อยปกติสักเท่าไร
“หรือมึงกังวลที่ไม่ได้ป้องกัน” นายถาม ซึ่งคำถามก็ทำให้ลีโอนึกคิดถึงข้อนี้มาได้ ในคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกันเลยสักรอบ แล้วไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าทำไป…แค่ไหน
“ไม่ท้องหรอก ผู้หญิงที่เขาทำงานแบบนี้ เขาก็ต้องป้องกันตัวเองเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน มึงอย่าไปคิดมากนักเลยไอ้ลีโอ ถือว่าแจ็กพอตเลยนะเว้ย กูยังจำหุ่นเขาได้อยู่เลย โคตรดี! ถ้าคืนนั้นไม่ติดว่าสงสารสภาพมึง กูคงได้จัดแล้ว”
“ต่อไปไม่ต้องมาเสือก” ลีโอไม่รอช้าที่จะหันไปตอบกลับพูดใส่หน้านิว ที่ตอนนั้นเขารู้สึกอยากเอาเรื่องเพื่อนเหมือนกันที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ให้เขากินยาปลุกเซ็กซ์แล้วหลับนอนกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ แม้เธอจะบริสุทธิ์ก็ตาม เพราะการมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย ไม่ใช่นิสัยของลีโอ เขาจะมีอะไรกับคนที่เขารู้สึกพิเศษหรือรู้สึกดีด้วยเท่านั้น
“สัส ใจร้าย” นิวที่ถูกต่อว่ามองหน้าตอบกลับเพื่อนสนิทตัวเอง ก่อนที่ทั้งสามจะยังคงเดินตรงไปตามทางกลับคณะบริหารของตัวเอง ทว่าในตอนนั้นเอง สายตาของลีโอก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กในชุดนักศึกษาที่กำลังยืนดูมีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ กำลังก้มหน้าเหมือนนึกกลัวอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีรถมอเตอร์ไซค์กำลังขับตรงมายังหญิงสาวที่ยืนอยู่ ลีโอที่เห็นแบบนั้นจึงไม่รอช้าที่จะรีบเดินเข้าไป
บรื้นนนน
"ระวัง!" เสียงทุ้มตะโกนเอ่ยบอกคนตัวเล็กพลางเดินเข้าไปประชิดดึงร่างบางเข้าหาตัวสุดแรง ขณะที่หญิงสาวนั้นก็ได้แต่ยืนแสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมา ส่งผลให้มอเตอร์ไซค์คันนั้นรีบขับออกไปด้วยความตกใจเนื่องจากเขาทำผิดกฎจราจรขึ้นมาขับบนฟุตพาทจนเกือบชนคน
"เป็นอะไรหรือเปล่า" ลีโอไม่รอช้าที่จะก้มลงเอ่ยถามร่างเล็กที่เขาได้ช่วยเอาไว้ ซึ่งหญิงสาวตัวเล็กที่ได้ยินก็ได้สติค่อย ๆ เงยหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานสดใส
"ไม่เป็นไรค่ะ...ขอบคุณนะคะ" ทันทีที่เรียวปากสีหวานขยับเอ่ยบอก ชายหนุ่มที่ได้เห็นใบหน้าเรียวใสชัด ๆ ของคนตรงหน้าก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตากลมโตกับรอยยิ้มที่ดูเป็นเอกลักษณ์ ทว่า…
"ไอ้ลีโอ ไปได้แล้ว" เสียงนายพูดขึ้น ทำให้ลีโอที่ยืนนิ่งอยู่ได้สติ
"เดินดูทางดี ๆ พวกขับรถมักง่ายพวกนี้ มันมีเยอะ" เขามองหน้าบอกกับร่างเล็กตรงหน้า
"ค่ะ" ซึ่งร่างบางก็ยิ้มหวานตาหยีตอบกลับ ก่อนที่ลีโอจะตัดสินใจสาวเท้าเดินไปหาเพื่อนทั้งสองที่ยืนรออยู่
“ไงมึง มองตาค้างเลยนะ” เสียงนิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวหลังจากเห็นท่าทีของเพื่อน
“อะไร”
“น้องคนเมื่อกี้ไง น่ารักสัส…”
“…ตัวเล็กเหมือนลาเบลเลย” คำพูดของนิว ทำเอาลีโอที่ได้ยินชะงักนิ่ง โดยหลังจากที่เลิกรากับอดีตแฟนไป เขากับเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เนื่องจากในตอนนั้น ลาเบลน่าจะมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หน้าที่การงานของเธอ หน้าที่การงานในวงการบันเทิงที่เป็นความฝันอันสูงสุดของเธอมาโดยตลอด…
“กูไปคุยกับอาจารย์ลี่ก่อน” เสียงทุ้มบอกกับเพื่อนทั้งสองด้วยท่าทีปกติพร้อมกับสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องพักของอาจารย์สาวที่เป็นที่ปรึกษาของพวกเขา ซึ่งทันทีที่ลีโอเดินออกไป
“ปากมึงนี่นะ ไม่พูดอะไรโง่ ๆ จะตายหรือไง” นายหันถามนิวที่ยืนอยู่
“ไอ้เวร กูไม่ได้ตั้งใจ ปากกูมันไว”
“…” นายก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมากับนิสัยปากไวของเพื่อน ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินตรงไปยังห้องเรียนที่อยู่ไม่ไกล
อีกด้าน
“ทุกอย่างโอเคจริงใช่ไหมป๊า” เสียงร่างบางถามคนเป็นพ่อเกี่ยวกับการติดตามผลอาการป่วยกะทันหันของแม่เธอเมื่อเดือนก่อน
“อืม ม้าไม่เป็นอะไรแล้ว หมอบอกว่า ทุกอย่างโอเค แต่ต้องระวังเรื่องความดันกับเบาหวานเป็นพิเศษ” ทรงชัย ตอบกลับลูกสาวคนเล็กเพื่อให้อีกคนสบายใจเกี่ยวกับอาการป่วยของ บุหงา แม่ของเธอ โดยเบย์ที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ว่าแต่เพื่อนเบย์ไม่ว่าเรื่องเงินใช่ไหม ป๊ากำลังสะสมอยู่ น่าจะไม่เกินต้นเดือนหน้า” ชายวัยกลางคนเอ่ยบอกลูกสาวคนเล็กด้วยโทนเสียงมีความเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเมื่อหนึ่งเดือนก่อน อยู่ ๆ บุหงาก็ล้มป่วยกะทันหันจากโรคการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือที่คนเรียกกันว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในระดับรุนแรงพอสมควร ที่ในตอนแรกบุหงานั้นดื้อรั้นไม่ยอมบอกถึงอาการป่วยของตัวเอง จนท้ายที่สุดร่างกายเริ่มไม่ไหว ทำให้ทรงชัยรีบส่งตัวภรรยาตัวเองเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในทันที โดยที่ตัวเขาเพิ่งจะใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการซื้อของเข้ามาลงในร้านขายของชำของตัวเอง รวมถึงเพิ่งจะจ่ายค่าเทอมของลูกสาวคนเล็กไป ทำให้สถานะการเงินของทรงชัยค่อนข้างตึงเครียด แม้จะมีเงินเดือนของ บุษบา ลูกสาวคนโตเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทว่าก็ยังคงขาดอีกจำนวนมาก แต่แล้วในวันนั้น เบย์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเงินห้าหมื่นที่จะนำมาช่วยรักษาแม่ของเธอ พร้อมกับบอกว่าเป็นเงินเก็บของเธอที่ผสมกับยืมของเพื่อนมา
“ไม่เป็นไรหรอกป๊า ไม่ต้องรีบ”
“ไม่ได้หรอก เงินของคนอื่น จะคิดแบบนั้นไม่ได้ ยืมมาก็ต้องรีบหาคืน” ทรงชัยเอ่ยบอกอย่างคนที่น้อยครั้งจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่เพราะครั้งนี้ทุกอย่างมันกระชั้นชิดเกินไป ทำให้เขาจำต้องยอมรับเอาเงินจากลูกสาวทั้งสองมา ซึ่งปกติแล้วนั้น ทรงชัยจะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องแบบนี้สักเท่าไร แม้ธุรกิจการขายของชำที่บ้านของเขาจะไม่ได้ทำเงินได้มหาศาล แต่ก็ไม่เคยทำให้ต้องลำบากเลยสักครั้ง
“งั้นก็แล้วแต่ป๊าแล้วกัน” เบย์ตอบกลับอย่างไม่คิดเถียงต่อกับพ่อของตัวเอง เธอไม่ได้บอกความจริงว่าเงินที่ได้นั้น…ได้มาจากอะไร แต่ก็ไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่เสียไป เพราะไม่ว่ายังไง การรักษาอาการป่วยของแม่ของเธอนั้น สำคัญกว่าสิ่งใดอยู่แล้ว
อีกอย่างเบย์ก็ไม่ใช่พวกที่จะมานั่งใส่ใจกับอะไรพวกนี้ ที่เธอยังเก็บความบริสุทธิ์ไว้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพียงแค่ยังไม่ได้พบเจอใครที่อยากจะรู้สึกลึกซึ้งด้วยก็เท่านั้น
“งั้นเดี๋ยวป๊าไปดูหน้าร้านก่อนนะ”
“ไม่เป็นไร ป๊าไปดูม้าเถอะ เดี๋ยวเบย์ไปเฝ้าหน้าร้านให้เอง” พูดจบ ร่างบางก็สาวเท้าเดินตรงไปนั่งลงยังที่นั่งประจำของตัวเองเพื่อเฝ้าร้านขายของชำตามประสา ซึ่งในตอนนั้นเอง
“เบย์” เสียงใครบางคนดังขึ้น ทำให้เจ้าของใบหน้าเรียวที่นั่งอยู่ชะงักหันมอง
“อ้าว ว่าไงพี่หลิว” เรียวปากบางขยับเอ่ยทักคนที่มาใหม่ด้วยความสนิทสนม เพราะไผ่หลิวก็คือรุ่นพี่ข้างบ้านที่ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าเบย์รู้ว่าไผ่หลิวทำงานอะไร ในวันที่หมดหนทาง เธอจึงขอให้รุ่นพี่สาวช่วย
“น้าบุหงาโอเคขึ้นหรือยัง”
“อืม เห็นป๊าบอกว่า อาการดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“อ๋อ แบบนั้นค่อยดีหน่อย” ไผ่หลิวตอบกลับ ทว่ายังคงแสดงสีหน้าบางอย่างออกมา
“มีอะไรหรือเปล่าพี่”
“เขายังพยายามติดต่อหาแกอยู่เลย”
“หือ?”
“ผู้ชายคนนั้นไง…คนที่แกนอนด้วย” ทันทีที่ไผ่หลิวพูดจบ เบย์ที่ได้ยินก็ชะงักไปเล็กน้อย
“ตามหาทำไม”
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาให้เพื่อนเขาพยายามถามฉันว่าแกคือใคร แต่ฉันไม่ได้บอกอะไรไป” ไผ่หลิวมองหน้าเอ่ยบอกรุ่นน้องสาวคนสนิท โดยเบย์ที่ได้ยินก็นิ่งนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้น รวมถึงใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงชัดเจนในภาพความทรงจำของเธอ ทว่า…
“ดีแล้วพี่ ไม่ต้องบอกอะไรหรอก เพราะมันก็คง…แค่ครั้งนั้น” เจ้าของใบหน้าเรียวตอบกลับด้วยความเพยายามเลิกสนใจ เพราะไม่ว่ายังไง…เธอก็คงไม่กลับไปทำอะไรแบบนั้นอีก