“ยิ้มหน่อยคิรัน” คิระบอกลูกชายที่ทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่ยอมยิ้มให้กล้อง
คิรันฝืนยิ้มในที่สุด หลังจากถ่ายรูปเสร็จสรรพเจ้าบ่าวของงานก็ลุกพรวดออกไปทันที คิระและคาร์เทียร์มองหน้ากันแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างเอือมระอากับลูกชายคนนี้
“ปล่อยมันไปก่อน” คิระห้ามภรรยาที่จะตามคิรันออกไป
“หนูนาเนียร์ลูก มาถ่ายรูปกับแม่มา” คาร์เทียร์เอ่ยเรียกเสียงอ่อน ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นกว่าทุกครั้ง
“ค่ะ…” เสียงตอบรับของนาเนียร์เบาเหมือนลมพัด เธอฝืนยิ้มและเดินเข้าไปยืนข้างแม่ของเจ้าบ่าวอย่างว่าง่าย
“แม่ขอโทษแทนคิรันด้วยนะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอรู้ดีว่าที่เขาแสดงท่าทางแบบนั้นเพราะไม่อยากแต่งงาน เธอเองก็ไม่ต่างกัน
ด้านนอกงาน แสงจากโคมไฟสนามทอดยาวลงบนพื้นทางเดินหินอ่อน คิรันยืนพิงกำแพงริมสวน สูทราคาแพงถูกปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกข้างคีบบุหรี่ไว้แนบมุมปาก
ไฟแช็กถูกจุดขึ้น แชะ ไฟสว่างวูบวาบครู่หนึ่งก่อนเปลวไฟเล็กจะแตะเข้ากับปลายบุหรี่ เสียงดูดและควันแรกพ่นออกจากริมฝีปาก เขาหลับตาลงสูดลมหายใจลึกราวกับต้องการเอาความอึดอัดทั้งหมดออกจากอก
“แม่งเอ๊ย…” เขาพึมพำอย่างขุ่นเคืองกับตัวเอง เขาไม่ได้อยากแต่งงาน แล้วก็ไม่ได้อยากกลับไปนึกถึงเรื่องสมัยเด็กที่เขาเองก็จำได้ไม่หมดด้วยซ้ำว่าทำอะไรไว้กับยัยเด็กเหลือขอนั่นบ้าง
แต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาในงาน…ในชุดเจ้าสาว เขายอมรับกับตัวเองว่าเขาเผลอใจเต้นแรงอยู่เสี้ยววินาทีนึง
“เจ้าบ่าวอะไรวะ ทิ้งเจ้าสาวแล้วออกมาสูบบุหรี่” เสียงของแม็กซ์ควินเรียกสายตาคมกริบให้หันไปมองได้ทันที
“เสือก”
“ไหนมึงบอกว่าเมียมึงอ้วนเหมือนโอ่ง ฟันก็เหยิน แต่กูว่าเมียมึงก็สวยดีนิ” ไรอันพูดเสริม สิ่งที่คิรันพูดไม่เป็นความจริงสักอย่าง
“ถ้านั่นเรียกว่าไม่สวย แล้วแบบไหนของมึงถึงเรียกว่าสวย” แม็กซ์ควินพูดแล้วหันไปมองไรอัน
คิรันเหลือบสายตามองเพื่อนทั้งสอง เขาไม่ตอบทันทีแต่กลับยกบุหรี่ขึ้นสูบแล้วดีดเถ้าบุหรี่ลงกับพื้นหินอ่อน แล้วตอบเสียงเรียบ
“กูไม่ได้อยากแต่งงานกับยัยเด็กเหลือขอนั่น” ยัยนั่นสวยยอมรับ แต่สวยกับอยากแต่งงานมันคนละส่วนกัน
“แต่มึงก็แต่งไปแล้ว”
ประโยคนั้นของแม็กซ์ควินทำให้คิรันไม่สามารถเถียงกลับมาได้เพราะมันคือเรื่องจริง เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวใจเขาไปรอที่หนึ่งปีข้างหน้าแล้ว
ใครๆ ต่างบอกเขาว่าหนึ่งปีไม่นาน ไม่นานกับผีน่ะสิ สำหรับเขาแม่งโคตรนานเลย ใครบอกไม่นานลองมาโดนบังคับให้แต่งงานอย่างเขาดูสิแล้วจะรู้สึก
คิรันเดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง ชายหนุ่มในชุดสูทสีงาช้างสมัยใหม่ยืนทักทายแขกเหรื่อตามคำสั่งของพ่อ ในขณะนั้นเองน้องชายคนเล็กอย่าง ‘ครินทร์’ ก็ปรากฏตัวขึ้น
“ใส่ชุดนี้ขึ้นเหมือนกันนะเฮีย” คนเป็นน้องชายเดินเข้ามาหาพี่ชายด้วยรอยยิ้มกริ่ม
“เพิ่งมาถึงเหรอ”
“อือ ว่าแต่พี่สะใภ้ผมล่ะไปไหนแล้ว”
“ยืนยิ้มกว้างปากถึงหูอยู่นั่นไง” ยัยนั่นกำลังต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้มที่ดูจะมีความสุขซะเหลือเกิน เห็นแล้วขัดตาฉิบหาย
“นาเนียร์โตเป็นสาวแล้วสวยดีนะเฮีย ดูคนละคนกับตอนนั้นเลย แปลกใจทำไมเฮียไม่ชอบ”
“แล้วทำไมมึงถึงไม่มาแต่งเอง”
“ดวงเฮียเป็นดวงของคนมีเมีย ไม่ใช่ผม”
“ถ้าจะกวนส้นตีนกูก็กลับฝรั่งเศสไป”
ครินทร์ไม่ตอบเพียงแค่ขำเบาๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ สายตาจับจ้องไปยังนาเนียร์ที่เคยเจอกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กอ้วน ทว่าตอนนี้…โตเป็นสาวสวยสะพรั่งไปแล้ว
“แต่จะว่าไปนาเนียร์ก็มีบางมุมที่เหมือน…” ครินทร์กลืนคำพูดนั้นลงลำคอเมื่อเจอสายตาคมกริบของพี่ชายมองมาอย่างเอาเรื่อง เมื่อจะเผลอหลุดปากพูดชื่อต้องห้ามออกมา “ผมไปหาพ่อแม่ก่อนนะ”
คิรันพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวขาเดินตามนาเนียร์ไป มือหนาคว้า หมับ เข้าต้นแขนเล็กอย่างแรงจนเธอเผลอร้องอุทานเสียงหลง ร่างบางถูกจับไปแนบผนังเย็นเฉียบ
ปึก!
“โอ๊ย!” เธอหันขวับมองเจ้าของการกระทำเมื่อครู่ พอเห็นว่าเป็นคิรันหัวใจพลันไหววูบทันที แรงบีบตรงแขนทำให้เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั่วแขน
นิสัยเดิมๆ ของเขาแก้ไม่เคยหายเลยสินะ
“หนูเจ็บ…”
“วันนั้นเธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าจะได้แต่งงานกับฉัน?”
“พะ…พี่คิรันพูดเรื่องอะไร หนูไม่เข้าใจ” เธอตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขากดมือที่บีบแขนเธอลงมาอีกครั้งทวีความเจ็บให้เพิ่มมากขึ้นจนน้ำตาซึม
“หึ! ตีหน้าเศร้าเก่งเหมือนเดิม”
“ปล่อยหนู หนูเจ็บ” เธอบอกเขาพร้อมกับใช้มืออีกข้างพยายามแกะมือเขาที่บีบรัดแขนอยู่ออก แต่เหมือนยิ่งต่อต้านเขายิ่งกดแรงลงมามากขึ้นเรื่อยๆ
คิรันจ้องดวงหน้าเธอที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสั่นระริก น้ำตาเอ่อคลอริมขอบตาดำขลับ ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่เธอคุ้นเคยดีในอดีต
และใช่ เขาเป็นแบบนั้นมาตลอด…
“หนูไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าจะต้องแต่งงานกับพี่” ถ้าเธอรู้มาก่อนคงหาวิธีปฏิเสธการแต่งงานกับเขาไปนานแล้ว
“งั้นเหรอ?” เขาพูดเสียงเย็น
“พี่คิรันหนูเจ็บ…”
“ทำไมต้องเป็นเธอด้วยวะ” เขาเกลียดยัยนี่ ไม่อยากแต่งงานด้วย แต่ทำไมโชคชะตาถึงนำพาให้มาแต่งงานกันจนได้
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“คิรัน” เสียงคาร์เทียร์ที่เอ่ยเรียกเจ้าของชื่อทำให้คิรันคลายมือออกจากแขนเล็ก “อยู่นี่เอง หนูนาเนียร์ก็อยู่ด้วย พอดีเลยแม่จะพาไปแนะนำตัวกับคุณหญิงกรองแก้ว”
คาร์เทียร์สอดแขนคล้องแขนลูกชายและลูกสะใภ้คนละข้าง ก่อนจะเดินพาทั้งคู่ไปหาคุณหญิงกรองแก้ว และถือโอกาสนี้แนะนำนาเนียร์ให้รู้จัก
คิรันทำหน้าเบื่อหน่าย ส่วนนาเนียร์ก็พยายามฝืนทำตัวปกติทั้งที่ในความเป็นจริงอยากเพ่นหนีไปจากตรงนี้
เมื่อไหร่จะครบหนึ่งปี…
แค่วันแรกเธอยังรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ แล้วยังต้องทนอยู่กับเขาในฐานะ ‘ภรรยา’ จนกว่าจะครบหนึ่งปี ไม่อยากนึกเลยว่ากว่าจะถึงตอนนั้นเธอจะเป็นอย่างไร
‘ยัยอ้วนฟินเหยิน’ คนที่เขาเคยประกาศกล่าวว่าเกลียดนักเกลียดหนา ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่เขา ‘รักมาก’ ที่สุดอดีตที่ผ่านมาเขาไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ เขาให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียใจ และผิดหวังในตัวเขาอีกครั้งเด็ดขาด กว่านาเนียร์จะยื่นโอกาสให้อีกครั้งไม่ง่ายเลย เขาจะไม่ทำโอกาสนั้นหลุดมืออีกไปแล้ว…หัวใจแกร่งเต้นดังโครมครามในยามมองคนตรงหน้าในชุดเจ้าสาวอีกครั้ง มือหนาที่ประสานไว้ด้านหน้าบีบเข้าหากันแน่น ดวงตาคมเข้มคลอเคล้าด้วยคราบน้ำตาเธอสวย… สวยจนไม่อาจละสายตาไปไหนเลยในขณะที่นาเนียร์เดินเข้าไปหาคิรันบนเวที โดยมีคิระเดินส่งตัวเข้าพิธีแต่งงาน มือเล็กเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าสวยหวานฉายชัดถึงความประหม่าปนตื่นเต้นนี่เป็นการแต่งงานแบบเปิดเผย ไม่ใช่แบบลับๆ อย่างตอนนั้น แขกเหรื่อมากมายต่างเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน มีทั้งเพื่อนสนิทตัวเอง เพื่อนสนิทคิรันที่มาพร้อมภรรยาและลูกๆ คนรู้จักฝั่งพ่อแม่คิรัน และอีกมากมายที่เธอก็ไม่คุ้หน้า“นวคุณกับพิมพ์ดาวต้องดีใจมากแน่ๆ” คิระเอ่ยขึ้น ขณะเดินส่งตัวนาเนียร์“ขอบคุณคุณลุงนะคะ ที่ดูแลหนูเป็นอย่างดี”“เรียกพ่อได้แล้ว”คิระย
วันรับปริญญาเสียงหัวเราะของนักศึกษาดังระงมทั่วลานกว้างหน้าตึกปรีคลาสสิคในมหาวิทยาลัยชั้นนำใจกลางเมือง ต้นไม้สูงตระหง่านรายรอบพื้นที่เปิดโล่งที่เต็มไปด้วยชุดครุยสีดำพริ้วไหว และหมวกทรงสี่เหลี่ยมที่บางคนวางไว้บนหัว บางคนถอดออกมากอดถ่ายรูป สะท้อนแสงแดดยามสายที่สดใสแต่ไม่ร้อนจนเกินไปท่ามกลางผู้คนจอแจ มีหญิงสาวร่างโปร่งในชุดครุยปริญญาเอกออกแบบเฉพาะของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เย็บขลิบด้วยเส้นด้ายทองละเอียดบนพื้นดำสนิท ยืนอยู่ใต้ต้นราชพฤกษ์ที่กำลังออกดอกเหลืองสด เธอคือ ‘นาเนียร์’ หญิงสาวที่เคยผ่านเรื่องราวหนักหนาทั้งกับความรัก ครอบครัว และชีวิต จนวันนี้ เธอก้าวมายืนอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะ ‘บัณฑิต’ คนหนึ่งเสียงกดชัตเตอร์ดังรัวเป็นจังหวะ พร้อมเสียงกรี๊ดเบาๆ จากผู้หญิงคนหนึ่ง“นาเนียร์หันมาทางนี้หน่อย!” เสียงของเกรซ เพื่อนสาวสุดแซ่บที่สวมชุดเดรสสีพีชยาวกรุยกราย ถือกล้องราคาแพงจ่อไปยังเพื่อนสนิท“ขอช็อตยิ้มละลายใจหน่อยสิบัณฑิตป้ายแดง”“ขนาดนั้นเลยเหรอ” นาเนียร์หัวเราะพลางยิ้มให้กล้อง ก้าวเท้ามากอดเพื่อนแน่นๆ “ขอบคุณที่มานะ”“วันสำคัญของเพื่อนไม่มาได้ไง”ก่อนที่นาเนียร์จะพูดอะไรต่อ มือใหญ่และอบอุ่นค
ห้องนอนเพนท์เฮาส์ในย่านทองหล่อยังคงเงียบสงบ ยามเช้าแสงแดดอ่อนลอดผ้าม่านสีขาวนวลเข้ามาปะทะกับร่างบางที่นอนซุกอยู่บนแผงอกของผู้ชายคนเดิมนาเนียร์ขยับตัวเบาๆ ซุกหน้าลงกับอกเขาอีกครั้ง อ้อมแขนของคิรันตวัดรั้งแน่นขึ้นทั้งที่ยังหลับ ดวงตาของเขาแม้ปิดสนิท แต่การตอบสนองทุกสัมผัสของเธอช่างแม่นยำ“ขยับอีกที พี่ไม่รับประกันว่าหนูจะได้ลุกไปกินข้าวเช้านะ”เสียงทุ้มงัวเงียแต่มากด้วยอำนาจทำให้เธอหัวเราะเบาๆ “พี่คิรันอะ…”“เรียกชื่อพี่แบบนี้…” เขาขยับขึ้นมาคร่อมร่างเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงใกล้จนปลายจมูกแตะกัน “ระวังโดนเอาอีกรอบนะ”“คนหื่น” เธอพูดแล้วรีบพลิกตัวหนีเขาทันทีคิรันจับข้อเท้าเธอไว้แล้วลากกลับมาหาอย่างง่ายดาย ราวกับล่อลูกแมวกลับเข้ากรง “หึ คิดจะหนี?”“หนูจะรีบไปทำอาหารเช้าให้ไงคะ”“กินหนูเป็นอาหารเช้าได้ไหม?”“พอเลยย”“งั้นขอนอนกอดหนูอีกสิบนาทีได้ไหม?”“แค่กอดนะคะ”“ค้าบบ” เขาลากเสียงยาวๆ ก่อนจะพลิกตัวนอนกอดนาเนียร์ดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่ฝนเพิ่งหยุดตกไปช่วงเช้ามืดหลายวันต่อมาหลังจากคิรันเคลียร์งานเสร็จสรรพ ทั้งคู่ก็มีเวลาว่างร่วมกัน คิรันพานาเนียร์ไปคาเฟ่ริมแม่น้ำชื่อว่า ‘Verand
เสียงคลื่นซัดสาดเบาๆ สัมผัสฝ่าเท้าเปล่าของนาเนียร์ ขณะที่เธอเดินอยู่บนผืนทรายละเอียด ริมทะเลยามเย็นในช่วงปลายฝนต้นหนาว ท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยสีส้มอมชมพู ตัดกับเส้นขอบฟ้าของน้ำทะเลที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า“หนูชอบเวลาที่ได้อยู่กับพี่คิรันสองคนจัง”“งั้นหนูก็อย่าทิ้งพี่ไปไหนสิ”“หนูกลัวพี่คิรันทิ้งหนูมากกว่า”“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สิ” กว่าเขาจะทำให้นาเนียร์กลับมาเชื่อใจอีกครั้งไม่ง่ายเลย แล้วทำไมเขาต้องปล่อยเธอไปอีกครั้งด้วยล่ะ “พี่รักหนูมากขนาดนี้ จะทิ้งลงได้ยังไง”นาเนียร์หน้าแดงจัด ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันหน้าหนีไปทางทะเล คิรันยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน ขยับเข้าไปยืนด้านหลังพร้อมกับสวมกอดจากข้างหลัง อ้อมแขนเขากว้างและอบอุ่น มีกลิ่นน้ำหอมจากเขาที่เธอจำได้อย่างแม่นยำ ราวกับมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ขอบคุณนะคะที่พาหนูมาเที่ยว”“อะไรที่ทำให้หนูมีความสุข พี่พร้อมทำ” ส่วนอะไรที่ทำให้เธอไม่มีความสุข…เขาพร้อมทำลายมันนาเนียร์รู้สึกหัวใจเต้นแรงจนอยากแอบเอามือทุบตัวเองเบาๆ เพื่อระบายความเขิน แต่ไม่ทันจะได้ทำ เขาก็จับมือนั้นไปแนบไว้ที่หน้าอกของเขา“รู้ไหมว่าตอนนี้หัวใจพี่
เอแคลร์โยนกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงลงเตียงนอนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงขอบเตียงด้วยสีหน้าแดงก่ำจากโทสะ มือเรียวสวยจิกขอบเตียงแน่นจนชา แววตาฉายความเคียดแค้นอย่างเปิดเผยเธอสะอื้นแรงๆ อย่างไม่แคร์ว่ามาสคาร่าจะเลอะเป็นคราบดำ สะบัดรองเท้าส้นสูงราคาเหยียบแสนออกจากเท้าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหยิบขวดไวน์มาเปิดมันด้วยแรงโทสะ ฝาจุกกระเด็นไปกระทบกำแพงดัง ปึก! ราวกับระบายความคั่งแค้นในอก“แกเป็นใคร! กล้าดียืนข้างคิรันแทนฉัน!” เอแคลร์พูดกับตัวเองเสียงลอดไรฟันเธอเคยได้ทุกอย่างของคิรัน แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพรากเขาไปจากเธอ และคิรันก็โง่เลือกยัยหน้าใสนั่นแทนผู้หญิงอย่างเธอที่เหมาะสมมากกว่าเอแคลร์ยกไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่จนเลอะขอบปาก แล้วตะโกนลั่นห้องอย่างไร้สติ“คิดว่าแกจะชนะฉันหรือไง!? คิดว่าได้คิรันไปแล้วจะอยู่อย่างมีสุขเหรอ!? ฝันไปเถอะ!” เธอจะทำให้นังนั่นเสียทุกอย่างรวมถึงคิรัน มือเรียวจับขวดไวน์แน่นราวกับอยากทำให้มันละเอียดคามือเช่นเดียวกับใครบางคน…ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด ภาพในวันวานของเธอและคิรันไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว ราวกับกำลังตอกย้ำว่าเธอไม่มีสิทธิ์กลับไปยืนจุดนั้นได้อีกแล้วเธอพลาดที่ป
วันต่อมาติ๊ง…นาเนียร์ที่กำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์เหลือบไปเห็นข้อความจากเกรซที่ส่งเข้ามา ก่อนจะกดเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็วเกรซ : เห็นข่าวนี้ยังเกรซ : ส่งรูปภาพนิ้วเรียวสวยกดเข้าไปดูรูปที่เกรซแคปหน้าจอส่งมาให้ เธอตั้งใจอ่านก่อนจะรู้สึกใจสั่นไหว เพราะสิ่งที่เกรซส่งมาเป็นเรื่องของตัวเองซึ่งกำลังติดเทรนทวิตเตอร์ข้อความจากแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์เจ้าหนึ่ง พร้อมแคปชันยาวเหยียดที่เขียนด้วยถ้อยคำประชดประชัน ถากถาง และเจือความสะใจ‘สะใภ้ตระกูล ก. อัปเกรดตัวเองโดยใช้ร่างกายเพื่อไต่เต้าขึ้นมาเป็นคนของลูกชายคนโตจากตระกูลผู้ทรงอิทธิพลอย่าง ค. วงในกระซิบมาว่าป้าชีเพิ่งโดนจับสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานจากคดีค้ายาเสพติดและอีกมากมาย แต่นางกลับไม่เคยสลด แต่ไม่แปลกเพราะมีคนบอกว่านางใจแตกมีผัวตั้งแต่อายุ20’ แม้จะไม่มีชื่อเธอเต็มๆ แต่ภาพเบลอหน้าที่แนบมากับข้อความนั้น คือรูปเธอจากมุมด้านข้างในงานเลี้ยงที่ไปกับคิรันตั้งแต่หลายเดือนก่อน มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่น หัวใจบีบรัดแน่นจนน้ำตาคลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเกรซ : ตอนแรกฉันว่าจะปล่อยผ่านแล้ว แต่รู้สึกว่าคนในรูปเหมือนแกก็เลยส่งมาให้ดูเกรซ : มีคนจงใจเล่นงานแกแน่ๆนาเนียร์