หนึ่งเดือนต่อมา
เครื่องบินของสายการบินดังแลนด์ดิ่งลงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงหนึ่งทุ่มเศษๆ ร่างสูงสวมฮู้ดสีดำและกางเกงยีนนั่งด้วยท่าทางสบายๆ รอจนกว่าจะถึงจุดหมาย มือหนากดโทรศัพท์พิมพ์บอกพ่อแม่และเพื่อนสนิทว่าถึงไทยแล้ว
หนึ่งเดือนดูเหมือนเร็ว แต่สำหรับครินทร์ มันเหมือนถูกขังไว้ในนรกนานเป็นปีๆ ฝรั่งเศสไม่ได้โหดร้ายอะไรแต่กลับน่าเบื่อสำหรับเขา
เมื่อมาถึงจุดหมาย ครินทร์ลากกระเป๋าตรงไปยังคนขับรถของพ่อที่ส่งมารับ ชายเสื้อฮู้ดปลิวยามเดินผ่านประตูอัตโนมัติ กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังตีกลับมาในอากาศ ดึงดูดความสนใจจากสาวๆ รอบข้างได้ไม่ยาก
“กุญแจรถครับ”
ครินทร์รับกุญจรถจากคนขับที่พ่อส่งมา ส่วนกระเป๋าถูกยกขึ้นไปโดยที่ไม่ต้องออกแรงยกสักนิด ร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งภายใน Aston Martin รถลูกรักสีดำขลับเงาวับ มือหนากดปุ่มสตาร์ตรถ เสียงเครื่องยนต์คำรามราวกับสัตว์นักล่าที่เพิ่งตื่นจากการจำศีล
เสียงของมันสะเทือนพื้นใต้รองเท้าราคาแพงเบาๆ ขณะที่ร่างสูงนั่งเอนหลังในเบาะหนังแท้ทรงสปอร์ต กลิ่นเครื่องหอมจากหนังแท้ผสมกับกลิ่นน้ำหอมบนตัว สร้างบรรยากาศอันตรายแบบเย้ายวนในห้องโดยสาร
มือหนาจับพวงมาลัยอย่างผ่อนคลาย สายตามองถนนหน้าอาคารสนามบิน ก่อนจะเหยียบคันเร่งเบาๆ แล้วพารถพุ่งออกไปจากลานจอดเหมือนล่องลอย
มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นลูบปลายคางที่ยังไม่ได้โกนหนวดเบาๆ ก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มระดับ เสียงเครื่องคำรามหนักแน่นดังก้องลอดใต้ท้องถนน
จังหวะที่รถเลี้ยวผ่านแยกใกล้คอนโดมิเนียม ร่างสูงชะลอความเร็วของรถลงอัตโนมัติ เมื่อเห็นใครบางคนกำลังยืนขายขนมอยู่ข้างทาง รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนมุมปากหยักได้รูป
เซลีนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นรถราคาแพงหยุดตรงหน้า เธอไม่คาดคิดว่าจะมีลูกค้าขับรถหรูมาแบบนี้ และเมื่อกระจกฝั่งคนขับลดลง เผยให้เห็นเจ้าของรถที่มีใบหน้าหล่อคุ้นเคย
ครินทร์…
เจอเขาอีกแล้ว
“ขายยังไง” เสียงทุ้มถามเรียบๆ ราวกับไม่ใส่ใจ
“กล่องล่ะสี่สิบค่ะ สามกล่องร้อย” เซลีนบอกราคาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร วันนี้เธอมาทำพาร์ทไทม์วันแรก ยืนเกือบสามชั่วโมงแล้วเพิ่งขายได้สามกล่อง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ท้อ
“เอาสามกล่อง”
เซลีนรีบหยิบขนมใส่ถุงให้ครินทร์อย่างทันที มือเรียวเล็กเอื้อมไปหมายรับเงิน ทว่าต้องชะงักเมื่ออีกคนยื่นแบงก์พันให้
“ไม่มีแบงก์เล็กเหรอคะ”
“มีแค่นี้”
“งั้นเดี๋ยวเซย์ขอไปแลกเงินที่ร้านสะดวกซื้อแป๊บนึงนะคะ รอ…”
“ไม่ต้องทอน”
“มะ…ไม่ได้ค่ะ! เงินทอนตั้งเก้าร้อยเลยนะคะ”
“คิดซะว่าเป็นทิป” ครินทร์ปรับกระจกขึ้นแล้วขับออกไปทันที
เซลีนยืนอึ้ง ดวงตาคู่สวยมองตามรถหรูราคาแพงที่เปิดไฟเลี้ยวขวาเข้าคอนโดมิเนียมไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนขายขนมนัก เธอหลุบมองแบงก์พันในมืออีกครั้ง
“คนรวยนี่ไม่เสียดายเงินเลยหรือไง” เธอยืนพึมพำคนเดียว คนรวยระดับครินทร์ เงินแค่นี้คงเป็นแค่เศษเงินสำหรับเขา แต่สำหรับเธอ…มันมีค่ามาก
เธอมองคอนโดมิเนียมหรูที่เขาอาศัยอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแพงมาก ไหนจะรถที่ขับอีก ไม่แปลกใจที่เงินแค่นี้เขาจะไม่เสียดาย
ครินทร์ขับรถหรูไปยังที่จอดส่วนตัว ร่างสูงก้าวลงมาจากรถแล้วเดินไปพร้อมกับถุงขนมในมือ สายตาคมเข้มมองขนมในมือแวบหนึ่ง ก่อนจะทิ้งลงไปทั้งหมดอย่างไม่แยแส
ปัง…
ประตูถูกปิดลง ร่างสูงก้าวเข้าไปข้างในห้องด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังคงสะอาดใหม่เอี่ยมเพราะแม่ให้คนมาทำความสะอาดอาทิตย์ ครินทร์เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กระป๋องออกมาเปิดกระดก ก่อนจะเดินออกมายืนหน้ากระจกใสที่มองเห็นวิวตึกในยามค่ำคืน แต่แล้วสายตาคมเข้มก็เหลือบเห็นเซลีนที่ตัวเท่ามด แม้อยู่สูงแต่ก็สามารถมองเห็นเธอได้ชัดเจน
“หึ!” เขายกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่มอึกใหญ่
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อล้วงออกมาพบว่าเป็นจอมทัพ
(อยู่ไหนแล้ว)
“ห้อง”
(พวกกูอยู่ข้างนอก เดี๋ยวไปหา)
“อืม” เขาตอบสั้นๆ ไม่นานสายก็ถูกตัดลงไป กลับมายืนมองเซลีนอีกครั้งพลางยกยิ้มมุมปาก เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเข้าแอคหลุมตัวเองที่มีมานานแล้ว ก่อนจะกดติดตามเซลีนไปอย่างมีจุดประสงค์
ติ๊ง…
ไม่นานแจ้งเตือนก็ดังขึ้น เขาแสยะยิ้มเมื่ออีกคนตอบรับให้เขาติดตาม ก้านนิ้วเลื่อนดูโพสต์ต่างๆ ของเซลีนผ่านแอคหลุม
“น้องมึงสวยไม่เบานี่เซนต์”
แบบนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย
“กูเล่นน้องมึงดีไหมวะ” เขาขยับริมฝีปากพูดคนเดียวในขณะที่เลื่อนดูโพสต์ของเซลีน
เบียร์กระป๋องถูกดื่มจนหมด ก่อนจะถูกโยนลงถังขยะอย่างไม่ใส่ใจ ยังคงไล่ดูรูปภาพเซลีนอย่างสนใจ ทั้งรูปตอนเธอยิ้มตาเป็นประกายตอนถ่ายกับเพื่อน บ้างก็เป็นโพสต์แนวใสๆ ถ่ายกาแฟ ถ่ายแมว เห็นอะไรก็ถ่ายไปหมด
แต่มันคงดีถ้า…รอยยิ้มนั้นกลายเป็นน้ำตา
แกร๊ก
ประตูคอนโดถูกเปิดออกโดยเพื่อนสนิทสองคน สายตาคมเข้มเหลือบมองจอมทัพและตรีภพ
“เวลคัมทูไทยแลนด์ครับเพื่อน” เสียงของจอมทัพดังมาแต่ไกล ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ครินทร์ แต่แล้วสายตาก็เหลือบเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังส่องไอจีน้องสาวอริอยู่ “ไอจีน้องสาวไอ้เซนต์นิ”
“ถึงขั้นลงทุนเอาแอคหลุมส่องเลยเหรอวะ” ตรีภพเอ่ยพลางหย่อนตัวนั่งลงโซฟาตัวว่าง
“น้องมันปิดส่วนตัว”
“ก็เลยเอาแอคหลุมฟอลไปเพื่อส่อง?”
“ดูลาดเลาไว้”
“ดูทำไมวะ?” ตรีภพเลิกคิ้วขึ้นถามพร้อมกับหันไปมองหน้าจอมทัพ
“กูจะเล่นน้องสาวมัน”
“มึงพูดจริงดิ” จอมทัพถามซ้ำ ในน้ำเสียงยังไม่แน่ใจว่าไอ้เหี้ยตรงหน้านี่เอาจริงหรือแค่เล่นปาก
“หน้ากูเหมือนพูดเล่นเหรอ” ครินทร์ย้อนกลับเสียงเรียบ ปรายตามองอีกฝ่ายอย่างขำๆ “กูให้คนสืบประวัติน้องสาวมันมาหมดแล้ว ไอ้เซนต์มีน้องสาวคนเดียวและมันก็รักมาก และกูนี่แหละที่จะทำให้คนที่มันรัก…ร้องไห้”
“แต่น้องมันไม่เกี่ยวอะไรเลยนะมึง” ตรีภพพูดขึ้น สีหน้าเริ่มจริงจัง
“นั่นแหละ…คือความสนุก”
“พรุ่งนี้แกต้องไปงานแทนฉันที่โรงแรมคลิน”“ทำไมต้องเป็นผม พ่อใช้เฮียคิรันบ้างดิ” ครินทร์หัวเสียเล็กน้อย พรุ่งนี้ตั้งใจบินไปส่งเซลีนถึงญี่ปุ่นพร้อมกับอยู่ด้วยเจ็ดวัน แต่พ่อดันบอกให้ไปร่วมงานที่โรงแรมคลินในวันพรุ่งนี้คิระละสายตากจากแก้วชาในมือไปมองลูกชายด้วยแววตายากอ่านออก ก่อนจะขยับริมฝีปากตอบกลับเสียงเรียบ“คิรันมีบินไปดูงานที่ฮ่องกงพรุ่งนี้กับเมียเหมือนกัน ส่วนฉันก็ไม่ว่าง เหลือแค่แกแล้วครินทร์”“แต่ผม…”“งานนี้สำคัญมาก แขกที่มาคือคุณริวกิ ทัตสึโอกะ นักธุรกิจฝั่งญี่ปุ่น และครอบครัวเราได้รับเกียรติให้เป็นฝ่ายต้อนรับเขาในครั้งนี้” คิระสวนลูกชายทั้งที่ยังพูดไม่จบ ตระกูล ‘ทัตสึโอกะ’ มีอิทธิพลมากในญี่ปุ่น เผื่อในอนาคตได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกันคงง่าย ถ้าหากครินทร์ไปร่วมงานและสร้างสัมพันธไมตรีกับทางนั้นได้อีกอย่างทางนั้นบอกเองอยากให้ครินทร์เป็นฝ่ายมาต้อนรับ จริงๆ เขาให้คิรันหรือไปเองได้ แต่ทางนั้นกำชับว่าต้องเป็นครินทร์ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ดีเหมือนกันลูกชายจะได้มีประสบการณ์ เพราะครินทร์ไม่ค่อยชอบออกงานเท่าไรนัก“พ่อรู้ไหมว่าพรุ่งนี้เซย์จะบินไปญี่ปุ่น? ผมสัญญากับเธอแล้วว่าจะไปด้วย”“
ยิ่งใกล้วันเซลีนบินไปญี่ปุ่นครินทร์ก็ยิ่งไม่อยากให้ไป เขานั่งบนโซฟาหนังราคาแพงสีดำ ทิ้งศีรษะไปพิงพนักด้านหลัง เซลีนยังคงใช้ชีวิตตามปกติผิดกับเขาโดยสิ้นเชิงตอนนี้สภาพเขาไม่ต่างจากหมาโบ้ที่ซึมเพราะกำลังจะได้ห่างจากเจ้าของ เขาสามารถบินไปหาเธอได้ก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ของเขาที่นี่ก็มีเช่นกันทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ตลอดครินทร์ยังนั่งนิ่งอยู่สักพัก สายตาจ้องมองมือของตัวเองที่พาดอยู่บนตัก ราวกับพยายามหาคำพูดที่จะบอก แต่ใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้เซลีนเดินเข้ามาจากฝั่งหัวโซฟา เธอยิ้มบางๆ ก่อนโน้มตัวลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากคนตัวโต ครินทร์ลืมตามอง ดวงตาของเธอสดใสและอบอุ่นเหมือนแสงแดดในตอนบ่าย“คิดอะไรอยู่คะ?” เซลีนถามเสียงนุ่มครินทร์ส่ายหัวเบาๆ จากนั้นดึงตัวขึ้นมานั่งให้เรียบร้อย เซลีนอ้อมตัวมานั่งข้างๆ ก่อนที่เขาจะซบใบหน้าลงบนไหล่ของเธอ“พี่ไม่อยากให้เซย์ไปญี่ปุ่นเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ดวงตาคมสั่นเล็กน้อยราวกับกลั้นความเจ็บปวดจากการต้องห่างกันเซลีนยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเขาอย่างเบาๆ หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่เปล่งความอ่อนแอออกมา เธอรู้ทันทีว่าความรู้สึกนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่แค
สามวันต่อมา ชีวิตเซลีนยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ การให้โอกาสครินทร์อีกครั้ง เมื่อก่อนทั้งเพื่อนและพี่ชายต่างไม่ชอบครินทร์ ทว่าตอนนี้เขาทำให้คนรอบข้างเธอต่างยอมรับ แต่พี่ชายของเธอก็ยังคงทำฟอร์มในบางครั้งบ่ายแก่ๆ ภายในมหา’ลัย แสงแดดลอดผ่านต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอาคารเรียน เงาตกลงบนพื้นคอนกรีตจนเกิดลวดลายเหมือนภาพวาด เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังระงมจากทุกทิศ โรงอาหารกลางยังคงแน่นไปด้วยผู้คนที่ต่อคิวซื้ออาหารและหาโต๊ะนั่งกันเต็มไปหมดเซลีนกับน้ำตาลเดินเคียงกันมาพร้อมถาดอาหารในมือ วันนี้เซลีนเลือกข้าวผัดโป๊ะหน้าด้วยไข่ดาวไข่แดงไม่สุกมาก ส่วนน้ำตาลเลือกสลัดกับไก่ย่างชิ้นโตเพราะกำลังอินกับการนับแคล แต่สุดท้ายก็ไม่วายแอบซื้อนมเย็นแก้วใหญ่ติดมือมาด้วย“วันนี้คนเยอะเนอะ” น้ำตาลบ่นขณะกวาดสายตาหาโต๊ะว่าง“จริง รู้สึกว่าเยอะกว่าทุกวัน” เซลีนถามพลางเดินตามจังหวะฝีเท้าเพื่อน ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ โรงอาหารที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คุยกันอื้ออึง เสียงช้อนส้อมกระทบจานโชคดีที่มีโต๊ะว่างพอดีตรงมุมติดกระจก มองออกไปเห็นสนามหญ้ากว้างด้านนอกที่นักศึกษากำลังนั่งจั
“พี่เซนต์ก็เอากับเขาเหรอคะเนี่ย”เซลีนกอดอกยืนมองครินทร์และเซนต์ที่ยืนเรียงหน้ากระดาน เหมือนเด็กที่ความผิดแล้วกำลังถูกผู้ปกครองลงโทษ สายตาเซลีนมองสองหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่คนที่น่าจะโดนหนักที่สุดน่าจะเป็น…พี่ชาย“โอ๊ย! เจ็บนะเว้ยเซย์” เซนต์สะดุ้ง หลังจากเจอฤทธิ์ก้านมะยมที่ฟาดใส่ขาอย่างแรงจนยกขาขึ้นแล้วลูบปอยๆ“สมควร ตอนแรกอยู่ข้างเซย์ ไหงไปอยู่ข้างคู่อริ”“ใครบอกพี่อยู่ข้างมัน มันลากพี่มาเอง” เซนต์โบ้ยความผิดให้ครินทร์ ทั้งที่ตอนมาที่นี่ถูกบังคับแค่ตอนลากขึ้นรถ เซนต์หลบสายตาน้องสาว น่าอายกว่าโดนก้านมะยมคือเห็นน้ำตาลกลั้นขำ “ขำอะไร”“ขำคนโดนก้านมะยม” น้ำตาลตอบ ตอนแรกรับปากว่าจะช่วยครินทร์ แต่ไม่ทันลงมือทำอะไร ไม่อย่างนั้นคงโดนหารก้านมะยมเหมือนสองคนนี้แน่ๆเซลีนหันก้านมะยมมาฝั่งครินทร์ หลังจากรู้ความจริงว่าแอบตามมาตั้งแต่แรก ครินทร์ยิ้มแห้งแล้วยกสองมือปรามเล็กน้อย“พี่แค่อยากมาง้อ…โอ๊ย!” โดนฟาดไปหนึ่งทีจนขาเป็นรอยแดง เซลีนมือหนักใช้ได้ ฟาดทีแสบไปทั่วขา เขาลูบจุดที่โดนฟาดปอยๆ สายตาช้อนมองเซลีนอย่างเว้าวอนว่าไม่เอาอีกแล้ว “พี่เจ็บแล้วครับ…”“เจ็บก็ดีจะได้จำ”“ขอโทษค้าบ”เซลีนพ่นลมหายใจออก
“ปล่อยเซย์นะ ไม่งั้นเซย์จะตะโกนดังๆ ให้คนช่วย!”“เอาเลย คนจะได้รู้ว่าเซย์เป็นเมียพี่” คนตัวโตยิ้มเจ้าเล่ห์ รั้งร่างบางเข้ามาใกล้จนแนบชิดมากขึ้น มือหนาเชยคางมนให้สบสายตา “พี่คิดถึงเซย์มากเลยรู้ไหม”“อื้อ~” เขากดจูบลงมาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว สัมผัสที่ห่างหายไปนานทำหัวใจเต้นแรงได้ไม่ยากริมฝีปากร้อนรุ่มบดทับลงมาอย่างโหยหา ยิ่งดิ้นเขายิ่งกดจูบหนักแน่นขึ้น รสสัมผัสที่ขาดหายไปหลายเดือนเหมือนระเบิดความคิดถึงที่ครินทร์กดเก็บไว้จนแทบคลั่ง“อึก… อื้อ!” มือเล็กดันแผ่นอกแกร่ง แต่แรงต่างกันเกินไป ร่างสูงโอบเอวบางแน่นจนเธอแทบขยับไม่ได้ ความอุ่นจากอ้อมกอดบวกกับแรงจูบทำให้ขาเรียวสั่นไหวราวกับจะยืนไม่ไหว“พี่คิดถึงเซย์จนแทบบ้า” เสียงพร่าทุ้มหลุดออกมาแผ่วเบา ตอนที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียไม่ยอมถอนห่าง เขาละเลียดดูดดื่มซ้ำรอยเดิมอย่างหวงแหนน้ำตาที่เธอไม่รู้ว่ามาจากไหนเอ่อคลอขอบตา หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก เสียงคลื่นซัดฝั่งเป็นจังหวะพื้นหลังที่ทำให้ทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเธอทั้งอยากผลักเขาออกไป ทั้งอยากปล่อยให้จูบนั้นกลืนกิน เพราะความคิดถึงที่เก็บไว้ในใจ…มันไม่ต่างจากเขาเลย“อย่าผลักไสพี่อีกเลยได้ไหม”
หลังจากเข้าเช็คอินที่พัก สองสาวก็ออกมาถ่ายรูปเล่นแถวที่พัก เซลีนเลือกสวมชุดเดรสปาดไหล่สีขาวยาวประมาณเข่า ผมเปียเบี่ยงข้าง ปล่อยหน้าม้าเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เธอดูละมุนตา ส่วนน้ำตาลใส่เสื้อกล้ามสายเดี่ยวสีขาวโชว์แผ่นหลังขาวเนียนและกางเกงขายาวลายทางขาวฟ้า ผมทำเป็นลอนมาม่า“มุมนี้สวยเซย์ มายืนเดี๋ยวฉันถ่ายให้” น้ำตาลชี้นิ้วบอกเซลีน หญิงสาวก็ก้าวมายืนตามที่เพื่อนบอก เซลีนโพสต์ท่าไม่เก่งนักน้ำตาลก็คอยบรีฟให้เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่น เรียกรอยยิ้มจากครินทร์ที่แอบอยู่มุมหนึ่งไม่ได้“เซย์สวยว่ะ สวยจนกูอดหวงไม่ได้”เซนต์กอดอกหรี่ตามองครินทร์แล้วส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา“กูไม่เข้าใจอย่างนึง มึงลากกูมาทำมะเขืออะไร” เซนต์พูดติดรำคาญที่โดนลากมาด้วย ตอนแรกครินทร์ขับรถออกไปแล้วแต่วนกลับมารับเขาให้มาเป็นเพื่อน เพราะเพื่อนสนิทมันไม่ว่างทั้งสองคน อุตส่าห์บอกว่าเซลีนอยู่ที่ไหนแล้วยังต้องพามันมาอีกเวรกรรมกูจริงๆ“อยู่เงียบๆ เดี๋ยวเมียกูก็รู้หรอกว่าตามมา”“ถ้ามึงเรียกน้องกูว่าเมียอีกรอบ กูเตะเสยคาง”“ไม่ใช่ตอนนี้ ในอนาคตเดี๋ยวก็ใช่เองแหละ” เขาพูดโดยไม่หันไปมองเซนต์ ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจแรงๆ ตอนแรกโทรหาจอ